ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ภูทับเบิก ขุนเขา สายฝน และไอหมอก ภูทับเบิก (Phu Tub Berk) จ.เพชรบูรณ์
    • โพสต์-1
    Sanao •  กันยายน 19 , 2558

    ไปล่าทะเลหมอกกัน

    สวัสดีจ้า นี้เป็นรีวิวแรกที่ตั้งใจว่าจะเริ่มเขียนเก็บไว้เป็นความทรงจำเวลาเดินทางไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ โดยที่ตัวเองเป็นคนชอบท่องเที่ยวและถ่ายรูปอยู่แล้ว จึงตั้งใจจะเริ่มเขียนรีวิวนี้ขึ้นมา

    เปิดรีวิวแรกกับที่นี้เลยแล้วกัน ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ 

    ขอบอกก่อนว่าครั้งนี้เป็นการไปภูทับเบิกรอบที่ 2 หลังจากที่รอบแรกไปกับเพื่อนๆเดอะแก๊ง ซึ่งไปแบบงง เฮ้ย!ไหนบอกจะไปน้ำตกตาดโตน แล้วไง มาถึงนี้ได้ ซึงครั้งแรกที่ไปนั้นก็ฟินกับบรรยายกาศบนภูทับเบิกมากก คือท้องฟ้าเป็นสีเทาหมอกลงหนามากกกกก และฝนก็ตกเป็นช่วงๆ แต่พวกเราก็ชอบบรรยากาศบนภูมาก อากาศหนาวววววน้ำเย็นมาก

    เอาหละกลับมาปัจจุบัน เนื่องจากตอนนี้เพื่อนๆเดอะแก๊งเรียนจบและแยกย้ายกันไปทำงานกัน ตอนนี้ก็เหลือเรา2 หน่อ ที่ยังอยู่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน^^ เราจึงเริ่มชวนเพื่อนผู้ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมกิน ร่วมเที่ยว ร่วมในหลายๆอย่าง ปะไปเที่ยวทับเบิกกัน ซึ่งพวกเราจะชอบอะไรที่เหมือนๆกัน ชอบท่องเที่ยว ติ่งเกาหลี ไลท์สไตร์คลายๆกัน ซึ่งทำให้เวลาจะชวนกันไปไหนเราจะไม่ปฏิเสธกันเล๊ยยยย เว้นแต่ว่าไม่ว่างหรือไปด้วยไม่ได้จริงๆ  พอแล้วๆๆ เข้าเรื่องเถอะ ปะเริ่มเดินทางสายแล้ว 123 Go! 

    เราออกเดินทางกันของเช้าวันที่ 7/09/58 ซึ่งวันนั้นเป็นวันจันทร์ กะไปแบบชิวๆ ไปวันธรรมดาคนไม่เยอะ ไม่ต้องไปต่อคิวคนอื่นถ่ายรูป ไม่ต้องมีคนเยอะ ออกเดินทางจาก ขอนแก่น - ชุมแพ - ผ่านอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว - และมุ่งหน้าไปเขาค้อ ถนนโล่งมากกกกกก รถสวนทางกันนับคันได้เลย

     

     

    • โพสต์-2
    Sanao •  กันยายน 19 , 2558

    การเดินทางครั้งนี้เป้าหมายของเราคือ ภูทับเบิก กะไปนอนบนภูคืนนึง เอาเต้นท์ไปกางเอง อากาศเย็นๆชิวๆ เช้าๆตื่นมาเจอทะเลหมอกหน้าเต็นท์ฟิน^^  ระหว่างทางก็ไปแวะไปถ่ายรูปร้าน Route 12 ก่อน จากนั้นก็เดินทางต่อ โดยตั้งใจว่าจะไปร้านกาแฟ Pino Latte ซึ่งเป็นแลนมาร์คใหม่ของเขาค้อ ดูจากรีวิว และภาพถ่ายต่างๆของคนที่ไปมาวิวสวยมาก และวิวจากร้านจะมองเห็นวัดผาซ่อนแก้ว  และแล้วเราก็มาถึงแล้ว ร้านPino Latte ก่อนหน้านี้แวะกินข้าวกันแล้วตั้งใจว่าจะมากินของหวานกันที่นี้ ถึงแล้วเราไม่รอช้า เดินเข้าร้านไปสั่งน้ำเลย แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอกับป้ายราคาเครื่องดื่มแต่ละชนิด คือ... แพงวะ แต่ก็มาถึงแล้วสั่งๆไปเหอะ เลยจัดไป ช็อคโกแลตเย็น และมอคค่าเย็น ค่าเสียหายทั้งหมด 200 บาท > (ราคาไม่ค่อยไปกับรสชาดเท่าไหร่เลย เอาน่าเค้าขายวิว)ไหนลองชิมดูสิกาแฟแก้วละร้อย อืมรสชาดธรรมดามากกกกกก แต่ก็เอาเถอะเค้าขายวิว (พวกเราแอบกระซิบกันว่าไหนๆก็จ่ายค่ากาแฟไปแล้วอยู่ที่นี้ให้คุ้มเลยนะ  เสียดายมาแล้วไม่เจอหมาก และวันนี้ฟ้าก็ครึมๆ แต่บรรยากาศดีมาก ลมแรงพัดแก้วกาแฟที่วางไว้ปลิ้วไปกับสายลมเลยจ้า กาแฟแก้วละร้อยของฉันปลิ้วไปกับสายลมYUY
    จุดหมายต่อมา วัดผ่าซ่อนแก้ว ออกจากร้านกาแฟลงมาตามทางนิดเดียวก็ถึงแล้ว  เราใช้เวลาไม่นานอยู่ที่วัดเดินดู รอบๆวัด และเดินทางกันต่อไปภูทับเบิก 

     

    ระหว่างทางขึ้นจะมีจุดพักรถ ที่เป็นศาลาใหญ่ๆ มองเห็นวิวด้านล่างและจะเห็นโค้ง เลข 3 ซึ่งตรงนี้ก็เป็นมุมมหาชนอีกที่นึง ที่ต้องแวะถ่ายรูปก่อนขึ้นถึงภูทับเบิก  ถึงแล้ว!  ขึ้นมาถึงบนภูอากาศดีมากกกกกก อากาศเย็นสบาย มีลมพัดเป็นช่วงๆและกลัวๆว่าฝนจะตก เราใช้เวลาคิดและสำรวจบริเวณรอบกันนานพอสมควรว่าจะกางเต็นท์ดีมั๊ย? เพราะเห็นมีเต็นท์เดียวที่กางไว้ กลัวไม่มีเพื่อนและฝนเหมือนจะตก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกันกางตรงนี้แหละ ระหว่างที่ตั้งใจกางเต็นท์กัน ลมพัดมาเป็นช่วงๆ ซึ่งลมแรงมากกกกก ทำให้ต้องย้ายทำเลใหม่เพื่อจะหลบทางลม ซึ่งก้ได้ที่ตรงนี้ นี้แหละจุดยุทธศาสตร์ ของเราคืนนี้ good job! อากาศตอนกลางคืนประมาณ 18 องศา เย็นๆสบายๆ แต่คืนนั้นลมแรงมากกกกและพัดมาเป็นช่วงๆ ยาวๆ ทำให้นอนไม่หลับเลย พวกเรานอนกันในเต็นท์ก็หวันๆกันอยู่ว่าเต็นท์จะปลิวไปกับลมไหมเนี๊ย และคิดว่าอากาศอย่างนี้ไม่เจอทะเลหมอแน่น ฮืม..แอบเสียใจ ไม่เจอน้องทะเลหมอก แต่เจอพายุหมอกมาเต็มๆขาวไปหมดดดดดด
      พวกเรารอสายๆอาบน้ำแต่งตัว เก็บเต็นท์ ระหว่างนั้นฟ้าก็เปิดเป็นช่วงๆก็เลยได้ภาพไอหมอก มาบ้าง แอบแชะ ใบเมเปิล มาหน่อย  และก่อนกลับ เป้าหมายสุดท้ายของเราคือ ตามหาโอ่งแดง ซึ่งเมื่อคืนเราได้หาข้อมูลกันไว้แต่ก็ยังนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันอยู่ส่วนไหน แต่สุดท้ายเราก็หาเจอ ซึ่งมันอยู่ใกล้จากตรงที่เรากางเต็นท์มากกก ก็ถือว่าภารกิจสำเร็จที่มาแล้วเจอ  และได้วิวสวยของไร่ผักกาดขาว และสายหมอก และขอจบการเดินทางครั้งนี้ด้วยภาพนี้แล้วกัน 

    ขอบคุณเพื่อนJW ที่เป็นเพื่อนร่วมทางและเพื่อนทุกๆอย่าง ไว้ทริปหน้าไปเที่ยวที่ไหน จะมาเล่าให้ฟังนะ^^

    "Remember that happiness is a way 
    of travel – not a destination." – Roy M. Goodman

    โปรดจำไว้ว่า ความสุขของการเดินทางเกิดขึ้นระหว่างทางที่ไป ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง