สวัสดีนักเดินทางทุกคน....ทริปนี้มีโอกาสได้มาเที่ยวเชียงราย เลยอยากจะมาแนะนำสถานที่สวยๆของที่เชียงรายกันคับ ปกติใครๆก็มักจะนึกถึงแต่เชียงใหม่กันเป็นส่วนใหญ่ แต่จริงๆแล้วเชียงรายก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยไม่แพ้กันเลยคับ 

            ก่อนที่จะตัดสินใจมาเที่ยวเชียงรายในครั้งนี้ ผมลังเลอยู่ระหว่างจะไปเที่ยวน่าน เชียงราย หรือแม่ฮ่องสอนดี แต่เนื่องจากดันไปเจอราคาตั๋วเครื่องบินของแอร์เอเชีย หาดใหญ่-เชียงราย ไปกลับในราคาเพียงแค่ 1200 บาท ถูกเวอร์!!!  ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมีตั๋วราคาถูกแล้ว เพราะตอนที่ผมจองก็เข้าสู่เดือนตุลาแล้ว คิดว่าตั๋วถูกคงมีปีหน้าเลย จู่ๆก็เห็นราคานี้ จะรออะไรละครับ จองสิครับ....เลยตัดสินใจเลือกทริปเชียงรายอย่างไม่ลังเล ทริปของผมมีสมาชิกด้วยกัน4คน เป็นทริปครอบครัว อยากพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวบ้าง ตัวเองไปเที่ยวเองมาเยอะแล้ว555 ยังไงก็ติดตามชมภาพกันเลยคับ

            ทริปของเราใช้เวลา 5 วัน 4 คืน วันที่ 6-10 พย.60 เราเดินทางด้วยการเช่ารถคับเพราะคิดว่าน่าจะสะดวกที่สุดแล้วสำหรับผม ผมเช่ารถกับบริษัท SJ CARRENT เช่าทั้งหมด 4 วัน เป็นวีออส เพราะแค่นี้ก็คงขึ้นดอยสบายๆแล้วคับ ทางร้านก็ให้ราคา 900 บาทต่อวัน และมีค่าประกัน 3000 บาท ซึ่งถือว่าถูกมาก จากร้านอื่นๆที่ผมสอบถามมา

            ผมวางแผนไว้ว่า คืนที่1 นอนภูลังกา

                                  คืนที่2 นอนภูชี้ฟ้า

                                  คืนที่3 นอนดอยสะโง้

                                  คืนที่4 นอนในเมืองเชียงราย

 

            สถานที่แรกที่ผมเลือกที่จะมาเที่ยวก็ที่นี่เลยคับ "วัดร่องเสือเต้น" ผมเห็นในเพจต่างๆมันสวยมากๆเลยตั้งใจไว้ว่าสักวันคงได้มาเยี่ยมชม พอมาเจอของจริงมันสวยงามมากๆคับ โบสถ์ทั้งหลังจะเน้นโทนสีฟ้า ทำให้ดูสบายตา คนที่สร้างวัดนี้ นายพุทธา กาบแก้ว ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงรายซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของอ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และเคยทำงานในวัดร่องขุนมาก่อน วัดแห่งนี้อยู่ในตัวเมืองคับ ไม่ไกลจากสนามบิน ขับมาไม่เกิน15 นาทีก็ถึงคับ

สถานที่เที่ยวต่อไปก็ที่นี่เลยคับ "วัดร่องขุน" ที่อ.เฉลิมชัย ได้สร้างไว้ ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักเพราะเป็นที่เที่ยวที่โด่งดังของเชียงรายและได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก สำหรับคนไทยเข้าชมฟรีนะคับ จะเก็บค่าเข้าเฉพาะชาวต่างชาติ วัดร่องขุนจะอยู่ออกนอกเมืองไปหน่อยแต่ไม่ไกลกันกับวัดร่องเสือเต้น

 

สิ่งที่ผมชอบที่สุดของที่นี่ก็คือห้องน้ำหลังนี้เลยคับ มันสวยงามมากๆ และก็ไม่พลาดที่จะเข้าไปสัมผัส ข้างในห้องน้ำสะอาดและสบายคับ 

            เสร็จจากวัดร่องขุนก็ไปต่อที่ "ไร่บุญรอด"ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกันเลย ห่างกันไม่เกิน 10 กิโล ขับรถแป็บเดียวถึง เพราะถ้ามาที่เชียงรายแล้วต้องมาถ่ายรูปกับพี่สิงห์คับ 

ร่บุญรอดสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปีโดยจะมีรถบริการทัวร์ของไร่คอยให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่จะมาเข้าชม โดยรถจะออกทุกๆครึ่งชั่วโมง หรือบางทีก็นานกว่านั้นขึ้นอยู่กับว่าคนเยอะหรือป่าว โดยจะเริ่มตั้งแต่ 8.30-17.00 น. ค่าบริการคนละ 50 บาท โดยรถจะจอดให้ทั้งหมด 4 จุด หรือสำหรับใครที่ชอบปั่นจักรยานทางไร่ก็มีบริการให้เช่าขับเที่ยวเล่นในไร่ได้ โดยจักรยาน2ที่นั่ง 1 ชั่วโมง 150 บาท แต่ทริปนี้ผมมีเวลาไม่มากเลยขับรถเข้าไปเอง แต่การขับรถเข้าไปเองก็เข้าได้แค่เฉพาะบางจุดเท่านั้น  หลังจากถ่ายรูปกันเต็มที่แล้วก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังที่พัก ภูลังการีสอร์ท จ.พะเยา ซึ่งอยู่ติดกับเชียงราย ซึ่งที่ผมเลือกมาพักผ่อนที่นี่เพราะต้องการมาร้านกาแฟชื่อดังของทางรีสอร์ท เพราะเห็นในเพจท่องเที่ยวมันสวยมากๆ การเดินทางของผมใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ3 ชั่วโมง เพราะมัวหลงทางอยู่บ้าง ก็เพราะเจ้าเนวิเกเตอร์ตัวดีนี่แหละคับ ถ้าไม่มีสัญญานเมื่อไหร่ความมั่วก็บังเกิดเลยคับ เพราะต้องพึ่งเจ้านี่ล้วนๆ ผมมาถึงที่พักก็ค่ำแล้ว เส้นทางสบายไม่ชันมาก แต่ด้วยมาถึงค่ำแล้วเลยดูเปลี่ยวๆมาก ไม่ค่อยมีรถผ่าน ใครจะไปแนะนำให้ไปถึงก่อนค่ำคับ หลังนี้คือบ้านที่ผมพัก ราคา 1200 บาท พักได้ 4คนคับ ถือว่าโอเคคับกับราคานี้และวิวหน้าห้องพัก บรรยากาศในห้องคับ สบายๆ มีน้ำอุ่นพร้อม อากาศหนาวกำลังดีคับ ไม่มากไม่น้อยเกินไปประมาณ 14 องศาคับ อันนี้เป็นวิวหน้าที่พักเลยคับ ถือว่าเป็นห้องที่วิวดีมากๆ และภูเขาเล็กๆตรงหน้านั้นคือสัญลักษณ์ประจำของภูลังกาเลยคับ ที่พักมีบริการอาหารและหมูกะทะให้นักท่องเที่ยวด้วยคับ ที่พักที่นี่ราคาเริ่มต้นที่หลังละ700 บาทสำหรับ2คนคับ พร้อมอาหารเช้า หลังจากนั่งเล่นอยู่หน้าห้องอยู่สักพักก็ได้เวลาเข้านอน เพื่อตื่นขึ้นมาพร้อมกับความหวังนั้นคือทะเลหมอกตรงหน้าที่พัก  ตื่นตั้งแต่ตี5 เพื่อออกมาชมทะเลหมอก แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเนื่องจากไม่มีทะเลหมอกอย่างที่คิดไว้ เสียดายสุดๆคับ แต่เอาน่ะมีโอกาสคงได้มาแก้ตัวอีก ได้แต่ปลอบใจตัวเองT...T

ตรงนี้เป็นจุดบริการติดต่อห้องพักคับ

หลังจากชมวิวรอบๆที่พักแล้วก็ได้เวลาเดินเท้าลงไปด้านล่างของรีสอร์ท ซึ่งเป็นจุดหมายของผมที่ต้องการมาที่นี่นั้นคือ ร้านกาแฟเล็กๆ" Magic mountain coffee เดินเท้าลงมาไม่ไกลคับ อยู่ใกล้ๆกับทางเข้ารีสอร์ท ร้านจะเปิดเวลา 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ปิดทุกวันอังคาร ปกติจะปิดทุกวันพุธ แต่ทางร้านเพิ่งมาเปลี่ยนเป็นหยุดวันอังคาร ซึ่งตอนผมดูในอินเตอเน็ตเค้าบอกหยุดวันพุธเลยวางแผนมานอนวันจันทร์ แต่ที่ไหนได้ร้านหยุดวันอังคาร แต่ถือว่าผมยังโชคดีมากเนื่องจากทางร้านบอกว่า วันนี้มีคนเข้ามาพักที่รีสอร์ทเยอะเลยต้องเปิดเพราะเข้าใจนักท่องเที่ยวว่าอยากมากที่นี่ ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังจริงๆกับร้านกาแฟเล็กๆกับวิวสวยๆแบบนี้ เสียดายก็แต่ไม่มีหมอก ถ้ามีหมอกคงสวยกว่านี้ 

เก็บภาพประทับใจเต็มที่แล้วก็เดินทางต่อไปยังภูชี้ฟ้า และนอนที่นั้น 1 คืน แต่ระหว่างทางก็แวะเที่ยวข้างทางไปด้วย ที่แรกที่แวะข้างทางก็คือ "วัดนันตาราม'ซึ่งตั้งอยู่ในตัวอำเภอเชียงคำ จ.พะเยา ต้องบอกว่าสวยกว่าที่คิดจริงๆคับ ซึ่งที่นี่ก็จะมีบริการจักรยานให้ขี่เล่นรอบๆตัวเมืองเชียงคำด้วยคับ สวย

หลังจากเสร็จจากที่นี่ก็เดินทางไปต่อที่"ไร่แสนคำรัก" ซึ่งตั้งอยู่ในอ.เทิง จ.เชียงราย และตั้งใจว่าจะไปกินข้าวที่นี่เลย ปกติที่นี่จะมีดอกไม้สวยงาม และในช่วงธันวาจะมีทุ่งทานตะวันให้ถ่ายรูปแต่เสียดายช่วงที่ผมไปไม่ค่อยมีอะไร ทุ่งทานตะวันก็เพิ่งปลูก เลยอดเห็นความงดงาม

อาหารที่ไร่แสนคำรัก ราคาถือว่าไม่แพงคับ กระเพราะไก่ไข่ดาวจานนี้ 50 บาท ซึ่งปริมาณเยอะมากๆแถมอร่อยด้วย เมนูอื่นก็จะมีสเต็ก ส้มตำ ไอศรีม กาแฟและอาหารตามสั่ง ตอนแรกลังเลว่าจะไปภูชี้ฟ้าด้วยเส้นทางไหนดี ระหว่างทางอ.เทิง กับทางน้ำตกภูซาง ถ้าทางอ.เทิง จะเป็นเส้นทางหลักที่คนส่วนใหญ่ไปกันเพราะไม่ชันมาก แต่ทางน้ำตกภูซางจะผ่านน้ำตกภูซางด้วยซึ่งน้ำตกก็จะอยู่ติดถนนเลย สุดท้ายจึงตัดสินใจไปทางน้ำตกภูซาง เนื่องจากถามคนที่ไร่แสนคำรัก เค้าแนะนำเส้นทางนี้จะชันน้อยกว่า ขับมาได้สักพักก็ถึงน้ำตกภูซาง ผมชอบที่นี่มากเหมาะกับการพักผ่อนมากๆไม่ต้องเดินขึ้นน้ำตกให้เหนื่อย น้ำตกอยู่ติดถนนเลยบรรยากาศดีมากๆคับ ที่นี่เก็บค่าที่จอดรถ 30 บาทคับ

อยู่ที่นี่ได้ไม่นานก็ต้องรีบเดินทางต่อเพราะกลัวว่าจะถึงค่ำเหมือนเมื่อวาน แต่ต้องบอกว่าเส้นทางที่เลือกมาทางน้ำตกภูซางถือว่าผิดคาดนิดหน่อย ทางไม่ชันมากก็จริงแต่เส้นทางค่อนข้างเปลี่ยวและทางชำรุดเยอะ ทำให้เสียเวลาไปพอสมควร ผมแนะนำให้ไปทางอ.เทิงดีกว่าคับ ที่พักที่ผมพักคืนนี้คือ "Goodview@ภูชี้ฟ้า"ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับยอดภูชี้ฟ้า ห่างกันประมาณ 2-3 กิโลเอง ห้องพักที่ผมจองไว้เป็นบ้านหลังเล็กๆราคา 800 บาท แต่วิวที่ได้สุดๆเลยคับ ที่พักมีเต็นท์ให้ด้วยราคา 500 บาท นอนได้ 2 คน และมีบ้านหลังใหญ่ประมาณ 2000 บาทขึ้นไป

อันนี้เป็นรีสอร์ทข้างๆคับ สวยไม่แพ้กัน รีสอร์ทด้านข้าง ต้องบอกว่าเป็นคืนที่โชคร้ายอีกคืนที่ไม่เจอทะเลหมอกแบบเยอะๆอีกแล้ว เศร้า...........บางวันทะเลหมอกจะเต็มตรงหน้าที่พักเลยคับ

อากาศในตอนกลางคืนประมาณ 16 องศาคับ เย็นกำลังดี จริงๆคิดว่าน่าจะเย็นกว่านี้ เป้าหมายของภูชี้ฟ้าคือการไปยังยอดของภูชี้ฟ้าที่เป็นจุดเด่นของที่นี่ การขึ้นไปยังยอดภูชี้ฟ้าสามารถขับรถขึ้นไปเองได้หรือใช้บริการของชาวบ้านได้ ค่าบริการไปกลับที่พัก คนละ 60 บาท ผมเลือกใช้บริการของชาวบ้านเนื่องจากขับมาหลายชั่วโมงเลยอยากพักสักหน่อย แต่การขึ้นยอดภูชี้ฟ้าจะต้องจอดรถไว้บริเวณที่จอดรถด้านล่างแล้วเดินขึ้นไป ซึ่งก็ไม่ไกลมากประมาณ 750 เมตร  ผมเดินทางออกจากที่พักตอนตีห้าครึ่ง ไปยังลานจอดรถก็ประมาณ10 นาที เส้นทางเดินจะเป็นดิน บางจุดขรุขระ ใครกลัวเดินไม่ถูกจะมีไกค์เป็นชาวเขานำทางให้ ราคาแล้วแต่ให้คับ อากาศตอนเช้าประมาณ 13 องศาคับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที 

ตรงนี้ถือเป็นจุดชมวิวก่อนถึงยอดภูชี้ฟ้าคับ จะเห็นปลายยอดที่ยื่นออกมาชัดเจนและเห็นพระอาทิตขึ้นได้สวยงาม ที่สุด ภูชี้ฟ้าจะอยู่ติดกับประเทศลาวด้านล่างที่เราเห็นก็ฝั่งลาวล้วนๆคับ และตรงปลายแหลมก็อยู่ในฝั่งลาวด้วยคับและก็ต้องผิดหวังอีกครั้งที่ไม่เจอทะเลหมอกแบบอลังการ ณ ที่แห่งนี้ อะไรจะโชคร้ายขนาดนี้ อุสาห์มีโอกาสได้มาT...T อีกจุดชมวิวที่ต้องเดินลงไปคับซึ่งก็จะเป็นวิวด้านบนที่ผมถ่ายไว้ จะสวยกว่าคับ เหมาะกับการชมพระอาทิตขึ้นมากๆ นี่คือส่วนปลายแบบใกล้ๆของยอดภูชี้ฟ้าคับ ข้างบนจะมีเด็กดอยให้ถ่ายรูปด้วยคับ เด็กพวกนี้น่าจะมาตั้งแต่ตีห้าเลยคับ ใครมาต้องเจอเด็ก2คนนี้คับ เท่ห์จริงๆด้านบนก็จะมีป้ายให้ถ่ายรูปกับหลักกิโลด้วย อันนี้คือจุดชมวิวจุดแรกตรงทางเดิน ซึ่งจะสวยน้อยกว่าอีกจุดที่ต้องลงไปข้างล่างที่ผมถ่ายไว้ด้านบน ปิดท้ายบนยอดภูชี้ฟ้าด้วยรูปนี้แล้วกันคับ เด็กดอย3คนนี้ จะเต้นให้เราดู น่ารักมากๆโดยเฉพาะตัวเล็ก เราก็ให้ค่าขนมด้วยคับ 

ลงจากภูชี้ฟ้าก็เช็คout ออกจากที่พัก เพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังไร่ชาฉุยฟง ไร่ชาชื่อดังและใหญ่ที่สุดของประเทศและไปพักคืนที่3 ที่ดอยสะโง้ ขาลงผมเลือกลงทางอ.เทิง คับ ทางไม่เปลี่ยว ไม่ชันมาก ใช้เวลาจากภูชี้ฟ้าไปไร่ชาฉุยฟงประมาณ 3 ชั่วโมงได้คับ บวกเวลาหลงด้วยคับ ที่เที่ยวในเชียงรายตามยอดดอยจะอยู่กันคนละที่เลยทำให้ใช้เวลาในการเดินทางเยอะสักหน่อย ขับมาเรื่อยๆก็มาถึงคับ "ไร่ชาฉุยฟง" พื้นที่กว้างใหญ่มาก ไร่ชาใหญ่มากๆ ไม่เสียค่าเข้าชมคับ ที่นี่ถ้ามากลางวันจะค่อนข้างร้อนคับ มาเย็นๆน่าจะสบายคับ 

มาถึงที่นี่แล้วก็ต้องชิมน้ำชาเขียวลาเต้คับว่าจะอร่อยแค่ไหน แต่ส่วนตัวผมชอบชาเย็นลาเต้มากกว่าครับรสชาติดีกว่า ราคาแก้วละ60 หรือ 65 บาท ถ้าจำไม่ผิดนะคับ 

เสร็จจากไร่ชาฉุยฟงก็ขับรถไปต่อที่ดอยสะโง้ ที่พักของเราในคืนนี้ก่อนจะค่ำ ใช้เวลาในการเดินทางจากไร่ชาฉุยฟงไปดอยสะโง้ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ขับไปตามเนวิเกเตอร์ พาหลงอีกแล้ว ชอบพาเข้าทางลัดที่เปลี่ยวๆทางลำบากๆ ต้องคอยถามทางชาวบ้านตลอด สัญญาณก็ไม่ค่อยมี แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาคับในที่สุดก็มาถึง "ดอยสะโง้"ตั้งอยู่ในอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย เป็นดอยที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก ที่นี่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จมาถึง 4 ครั้ง และที่นี่เคยเป็นลานลงจอดของเฮลีคอปเตอร์มาก่อน ที่นี่จะเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชาวเขาเผ่าอาข่าและไทลื้อ และเป็นสถานที่จุดชมวิว 3 ประเทศ ไทย ลาว พม่า ซึ่งข้างบนจะมีที่พักของชาวเขาเผ่าอาข่าที่ได้สร้างไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย ก่อนที่จะขึ้นถึงด้านบนของดอยสะโง้ถ้าไม่ใช่รถกระบะหรือโฟร์วิวไม่สามารถขึ้นได้ ต้องจอดรถไว้ด้านล่างจะมีชาวบ้านดูแลให้โดยคิดค่าจอดรถคืนละ 50 บาท และมีรถพาขึ้นไปคันละ100 บาท ไปหลายคนก็หารกันคับ ขากลับก็จ่ายอีก 100 คับ รวมเป็น 250 บาท

ที่นี่จะมีบ้านพักเป็นหลังๆทำด้วยไม้ไผ่ และมีสะพานไม้ไผ่ตลอดทางบนที่พัก โดยที่พักจะมีราคาตั้งแต่ 1500 บาท นอนได้ 3-4 คน มีห้องน้ำในตัว พร้อมอาหารเช้า และหลังใหญ่พักได้ 6-8 คน ราคา 4000 บาท  ส่วนหลังที่ผมพักคือหลังด้านล่างนี้คับ นอนได้ 6 คน แต่ผมมาแค่ 4 คน ทางคุณทวีพงษ์ ประธานและผู้ค้นพบที่นี่ก็ลดราคาให้จาก 4000 บาท เหลือ 2000 บาทคับ เนื่องจากเห็นเป็นผู้ใหญ่มาพักด้วยและวันนั้นวันธรรมดาคนไม่เยอะ ใครจะติดต่อที่พักติดต่อได้ที่ คุณทวีพงศ์ สะโง้ (อันนี้ชื่อเฟส)ได้เลยคับ ออนสดให้เห็นบรรยากาศทุกวันคับ ข้างหน้าที่พักผมก็วิว3ประเทศเลยคับ บนที่พักมีน้ำชาเก็กฮวยให้ชิมฟรีคับ หรือใครจะซื้อกลับบ้านก็มีเป็นห่อให้คับ ถุงละ100 บนดอยสะโง้จะมีการปลูกดอกเก็กฮวยเป็นอาชีพหลักด้วยคับ ตรงนี้เป็นจุดชมวิวไฮไลท์ของที่นี่คับ ตรงด้านหน้าเราจะเป็นฝั่งลาว ซ้ายมือฝั่งพม่า และขวามือฝั่งไทย สำหรับมื้อเย็นข้างบนทางที่พักก็มีอาหารเย็นให้บริการคับ เป็นสูตรหมูต่างๆและผักดองต่างๆแกงจืด ซึ่งจะคิดราคาหัวละ 250 บาท พร้อมนั่งชมการแสดงของเด็กๆชาวเขา ต้องบอกว่าอร่อยมากๆเสียดายกินไม่หมดคับ ที่เห็นอยู่คือขนาด 4 คนคับ ถ้ามาเยอะถาดจะใหญ่กว่านี้

ในห้องคับ

กลางคืนวันที่ผมไปอากาศอยู่ที่ประมาณ 18 องศา เย็นไม่มากคับ แต่ถ้ามาช่วงธันวา น่าจะต่ำกว่า 10 องศา คับ นั่งๆนอนๆอยู่หน้าห้องสักพักก็เข้านอนเพื่อหวังว่าพรุ่งนี้อาจจะได้เจอหมอกเยอะๆสักที แต่แล้วก็ต้องผิดหวังอีกแล้ว ไม่มีทะเลหมอกดังเดิม มีอยู่บ้างแต่น้อย แต่ต้องบอกว่าพระอาทิตขึ้นสวยมากๆ หลังจากดูพระอาทิตขึ้นก็ไปกินอาหารเช้าที่ทางที่พักเตรียมไว้ให้จะเป็นข้าวต้มหม้อใหญ่กินได้หลายคนและเติมได้ตลอดคับ และอร่อยมากๆคับกินข้าวเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัวเดินออกมาถ่ายรูปเล่นบริเวณรอบๆที่พักคับ ที่นี่ถ้าเป็นช่วงเดือนพย.จะมีดอกบัวตองบานสะพรั่งทั่วที่พักสวยมากๆคับ ใครจะเก็บดอกเก็กฮวยกลับบ้านก็ได้นะคับต้องบอกว่าดอยสะโง้เป็นดอยที่ผมชอบมากๆเหมาะกับการพักผ่อนมากๆ ถ้ามีโอกาสคงได้กลับมาอีกครั้งแน่นอนคับ หลังจากลงจากดอยสะโง้ก็เดินทางต่อไปยัง "สวนแม่ฟ้าหลวง" ซึ่งอยู่บนดอยตุง บนดอยตุงจะมีจุดให้เข้าชมอยู่หลายจุด แต่ผมเลือกเข้าเฉพาะสวนแม่ฟ้าหลวง ค่าเข้า 90 บาทคับ ผู้สูงอายุหรือคนพิการ ครึ่งราคาครับ  เที่ยวที่นี่รู้สึกสดชื่นมากๆคับ ดอกไม้หลายๆแบบให้ชม สวยๆทั้งนั้นคับจากสวนแม่ฟ้าหลวง เดินทางต่อไปยัง "ดอยช้างมูบ" ซึ่งก็จะขับเลยดอยตุงขึ้นไปอีกประมาณ 10 กิโล จะเป็นจุดชมวิวฝั่งพม่าเป็นเขตแดนติดกับพม่าคับ ส่วนตัวผมชอบที่นี่มากๆเพราะวิวสวยมากๆนึกว่าอยู่ต่างประเทศเลยคับและหมอกเยอะสุดในทริปของผมครั้งนี้555 ข้างบนขนาดกลางวันหนาวมาก ถ้ากลางคืนจะขนาดไหน จนท.หทารที่นั่นบอกบางคืนประมาณ 3 องศา คับ ว้าว.....อยากเจอหนาวๆแบบนี้เลย แต่ข้างบนจะไม่มีที่พักนะคับ ส่วนใหญ่คนจะขึ้นไปถ่ายรูปแล้วก็กลับคับ  ข้างบนก็จะมีร้านกาแฟให้นั่งกินนั่งชมวิวกันด้วยคับ เสร็จจากดอยช้างมูบก็ลงมาเที่ยวในตัวเมือง เพราะต้องพักในตัวเมืองคืนสุดท้าย เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องบินกลับตอนเช้า ผมปิดทริปนี้ด้วยการเที่ยววัดชื่อดังในตัวเมืองเชียงรายคับ เพราะถ้าหากใครเดินทางด้วยเครื่องบิน ก่อนจะลงจอดจะเห็นวัดนี้เด่นสวยงามโดยเฉพาะพระพุทธรูปเจ้าแม่กวนอิมคับ"วัดห้วยปลากั้ง" ถือเป็นอีกวัดที่สวยงามคับโดยเฉพาะตอนค่ำ ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆคับจากดอยช้างมูบ คืนสุดท้ายผมนอน B2 HOTEL ราคา 650 บาท อยู่ใกล้ๆย่านถนนคนเดิน แต่วันที่ผมไปไม่มีถนนคนเดินคับ เปิดเฉพาะวันเสาร์ จบทริปนี้หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดยังไงหรือไม่ละเอียดยังไงต้องขออภัยด้วยคับ 

สรุปที่เที่ยวนะคับ วันที่ 1 วัดร่องเสือเต้น วัดร่องขุน ไร่บุญรอด ค้างคืนที่ภูลังการีสอร์ท

                       วันที่ 2 ร้านกาแฟ magic mountain coffee วัดนันตาราม ไร่แสนคำรัก น้ำตกภูซาง ค้างคืนที่                                       goodview@ภูชี้ฟ้า

                       วันที่ 3 ยอดภูชี้ฟ้า ไร่ชาฉุยฟง ค้างคืนที่ดอยสะโง้ 

                       วันที่ 4 สวนแม่ฟ้าหลวง ดอยช้างมูบ วัดห้วยปลากั้ง ค้างคืนในเมือง B2 HOTEL 

                       วันที่ 5 เดินทางกลับ ไม่ได้ไปไหนคับ 

สรุปค่าใช้จ่าย 1 ค่าเครื่องบินไปกลับ 1200 บาท

                  2 ค่าเช่ารถ 4 วัน 3600 บาท หาร 4 คน คนละ  900 บาท

                  3 ค่าน้ำมัน 4 วัน 1300 บาท หาร 4 คน คนละ 325 บาท 

                  4 ค่าที่พักภูลังการีสอร์ท 1200 บาท  หารกัน 4 คน คนละ 300 บาท

                  5 ค่าที่พักภูชี้ฟ้า 1600 บาท หารกัน 4 คน คนละ 400 บาท 

                  6 ค่าที่พักบนดอยสะโง้ 2000 บาท หารกัน 4 คน คนละ 500 บาท

                  7 ค่าที่พักในเมือง B2 HOTEL 650 หาร 4 คน  คนละ 163 บาท

                  8 ค่ารถขึ้นดอยสะโง้ 250 หาร 4 คน คนละ 63 บาท

                 ทริปนี้รวมค่ากินค่าเล็กๆน้อยๆต่างๆตกคนละ 5000 บาท