สวัสดีค่ะ ชาว thetrippacker ทุกคน. ปีใหม่นี้หลายๆ คนคงได้ออกไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อผ่อนคลายหรือให้รางวัลชีวิตหลังจากการเรียนหรือการทำงาน จขกท.ก็เช่นกันค่ะ^^ ก่อนอื่นจขกท. จะบอกว่ากระทู้นี้เป็นการแชร์ประสบการณ์การเดินทางและเป็นกระทู้แรกของจขกท.ด้วย (แหะๆ ผิดพลาดประการใด ขออถัยด้วยจริงๆนะคะ)
เอาล่ะค่ะ! จขกท.จะเล่าถึงความรู้สึกที่การเดินทางครั้งนี้ให้ผู้ที่เข้าอ่านได้รับชมไปพร้อมๆ กัน โดยเริ่มแรกปัจจุบันนี้ จขกท.เรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ในช่วงปิดเทอมเพื่อนๆของจขกท. เกิดอยากจะไปท่องเที่ยวแนวแบ็กแพ็คเกอร์แบบใกล้ๆ ภายในจังหวัด ก็เลยนึกถึง ภูชี้ดาว ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ได้ยินจากการบอกเล่าและการสอบถามจากเพื่อนคนอื่นๆ ที่ได้ไปสัมผัสมาแล้ว ต่างก็บอกว่า สวยมาก ทะเลหมอกอยู่นานกว่าที่อื่นๆ พร้อมกับที่จขกท.และเพื่อนๆ ได้ดูรูปรีวิวจากกระทู้ต่างๆที่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆได้ไปสัมผัส ทำให้ ภูขี้ดาวกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ จขกท.และเพื่อนๆ อยากไปสัมผัสให้เห็นด้วยตาตัวเองง
จขกท.และเพื่อนๆ เดินทางวันที่ 7 มกราคม 2558 ด้วยรถมอร์เตอร์ไซต์สามคัน ออกจากหอพัก เวลา 10.00 น. ถึงภูขี้ดาว เวลา 16.00 น. โดยประมาณ มีแวะกินแวะพักรถกันบ้างเนอะ^^
ทางแยกตรงภูชี้ฟ้า เลี้ยวซ้ายไป ภูชี้ดาวกันเลยจ้าาาา
เพื่อนร่วมอุดมการณ์ในการมาครั้งนี้ของ จขกท.เองค่าาาา
จากแยกภูชี้ฟ้า ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อไปภูชี้ดาวเป็นระยะทาง 19 กม. ทางที่ไปก็สามารถไปสถานที่ท่องเที่ยวที่อื่นๆ ได้อีกนะคะ ระหว่างทางที่ขี่รถมาวิวทิวทัศน์สวยมาก ไม่ต้องแต่งเติม ธรรมชาติสุดๆและก็หนาวมากกกกก ยิ่งขึ้นสูงเท่าไหร่ยิ่งหนาวมากค่ะ แต่จขกท.และเพื่อนๆ สตรองค่ะ! บอกเลย55555 หลังจากถึงที่ ภูชี้ดาวแล้ว ก็จัดการกางเต็นท์ ก่อกองไฟ (ในช่วงทางขึ้นมา จขกท. มือไม่ว่างถ่ายรูปเลย กำลังขี่รถ ขออภัยจริงค่ะ -/\-) และพากันไปดูพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิว
ทางขึ้นก็ประมาณนี้นะคะ ระยะทางขึ้นไปยังจุดชมวิว ประมาณ 200 - 250 เมตร
ก่อนถึงจุดชมวิวก็สามารถเห็นวิวได้แล้วค่ะ หลักอันนี้ คือ หลักแบ่งเขตดินแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศลาวนะคะ หมายความว่า ภูแห่งนี้เป็นภูที่กั้นดินแดนของทั้งสองประเททศนั้นเองง ภาพด้านบนนี้คือ ฝั่งประเทศลาวนะคะจุดพักค่า (เสื้อแดงอะ จขกท.เองจ้า)
และแล้วก็ถึงจุดไฮไลต์ของภูชี้ดาวแล้วววว นั่นคือ ระเบียงไม้ที่เป็นจุดชมวิวของที่นี่ นี่เอง :) ถ่ายรูปก็จะประมาณนี้เลยค่า เพื่อนจขกท.รัวชัตเตอร์ให้เองงง ^_^ สุดระยะทางการชมวิวของภูชี้ดาวแล้วจ้า อีกฝั่งของภูชี้ดาว สามารถเห็นยอดภูชี้ฟ้าได้ชัดเจน ชมพระอาทิตย์ตกเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลากลับไปที่ลานกางเต็นท์ พักผ่อนเพื่อขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า มุมสูงลานกางเต็นท์ที่จขกทและเพื่อนๆ พักกันค่า (สำหรับลานกางเต็นท์คิดค่ากาง เต็นท์ละ 40 บาท ค่าห้องน้ำ+ค่าใช้น้ำคนละ 10 บาท เพื่อเป็นค่าบำรุงรักษาสถานที่)ในระหว่างที่แคมป์ปิ้งกับเพื่อนๆ รู้สึกว่าอยู่บนดอยที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เวลาผ่านไปช้ามากเลย นั่งคุยนั่งเล่นนั่งกินข้าวเย็นกะเพื่อนๆ ก็ยังไม่ถึงเวลานอนซะที บรรกาศเงียบสงบมาก เพราะมีคนมากางเต็นท์นอนแค่พวกจขกท.กับเพื่อนๆแค่นั้นเอง5555 ไม่มีใครมาเลย-_- ก็เป็นส่วนตัวดีนะ พูดถึงอากาศนี่สิหนาวแบบมือแข็งเท้าแข็งเลยอะ บางทีก็เจ็บนิ้วเวลาจับสิ่งของ หู้วววววว. ขนาดใส่เสื้อผ้าอย่างหนา ยังไม่หายหนาวเลยT_T
เวลา 05.45 ในขณะที่จขกท.และเพื่อนๆ ยังหลับอยู่ในเต็นท์ ได้ยินเสียงรถยนต์ขึ้นมาที่ลานกางเต็นท์ เป็นรถยนต์ของคนในหมู่บ้านที่พานักท่องเที่ยวขึ้นมาดู พระอาทิตย์ขึ้นที่ภูชี้ดาว จอดรถเสร็จเรียบร้อย ได้ยินเสียงไกด์หรือคนขับรถส่งนักท่องเที่ยวตะโกนปลุกว่า "เอ้า เด็กๆ ตื่นได้แล้วววว!!" (แหม่ จขกท.เหมือนมีมอร์นิ่งคอลตอนเช้าเลย55555) หลังจากนั้นไกด์พูดข้อมูลต่างๆของภูชี้ดาวให้นักท่องเที่ยวฟัง พร้อมพานักท่องเที่ยวขึ้นไปชมจุดชมวิว เพื่อนจขกท.คนนึงก็ตื่นตามไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วย แต่คนอื่นๆ และจขกท.เองก็ขอหลับต่อ 5555
เวลา 07.00 น. จขกท.และเพื่อนที่เหลือก็ขึ้นตามไปดูทะเลหมอก คือแบบตื่นเต้นอะ จขกท.เพิ่งมาดูจริงจังครั้งแรก >_< และสิ่งที่ได้เห็น...
คือแบบ จขกท.ฟินมากอะ กรี๊ดเบาเบาเลยจ้าาาาาาาาาา คุ้มค่ากับการเดินทาง สมกับคำว่า สวย! ทะเลหมอกที่เห็นอยู่ในฝั่งของประเทศลาวนะคะ (ได้ยินไกด์เล่าให้นักท่องเที่ยวฟัง) ฝั่งประเทศไทยในยามเช้าค่า ภาพนี้เป็นภาพช่วงเวลาประมาณ 08.30 น.จขกท.และเพื่อนๆ เดินทางกลับในวันที่ 8 มกราคม 2558 เวลา 10.00 น. ระหวางเดินทางก็แวะรับประทานอาหารเช้าที่ภูชี้ฟ้า ก่อนจะมุ่งหน้าตรงกลับสู่หอพักใกล้มหาวิทยาลัย
จขกท. ขอลาผู้อ่านด้วย ภาพที่ได้ไปแวะเที่ยวก่อนกลับเข้าหอพัก นั่นคือ...
ไร่เชิญตะวัน (ท่านว. วชิรเมธี)
ขอขอบคุณ ผู้อ่านทุกท่านนะคะ ที่เข้ามาชม หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยอีกครั้งจริงๆ ค่ะจขกท.น้อมรับคำติชม เพื่อปรับปรุงในการรีวิวครั้งต่อไป :D