การเดินทางครั้งใหม่สู่ดินแดนตะวันตก เมืองแห่งวัฒนธรรม และธรรมชาติอันแสนล้ำค่า

เป็นอีกครั้งที่ได้มาเยือนเมืองกาญ แดนสวรรค์ตะวันตก เราหลงรักกาญตั้งแต่เมื่อไรกันมิอาจทราบได้ ล่าสุดนี้จึงมีโอกาสได้ไปแถบศรีสวัสดิ์บ้าง ด้วยเห็นว่าภูเขาอันเต็มไปด้วยไม้สีเขียว น่าเติมจิตใจอันว่างเปล่าของเราให้เต็มได้ เราจึงเลือกไป “บ้านกกกอด” โดยการไปครั้งนี้ ไปวันธรรมดาซึ่งมีผู้คนน้อยมากจนถึงมากที่สุด ^_^ สงบจริงๆ

ระหว่างทางไปกกกอดนั้น มีร้านกาแฟน่ารักหลายร้าน ซึ่งเราก็ได้แวะชิมที่ 3199 Café ริมถนนสาย 3199 ไอศครีมดาร์คช้อคอร่อยทีเดียวค่ะ

ปากทางเข้าไปยังบ้านกกกอดมีร้านอาหารชื่อ ครัวคุณลุง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแคว บรรยากาศดีค่ะ อาหารอร่อย ต้มยำปลาคังแซ่บมาก เปรี้ยวเค็มเผ็ดครบรส ปลารากกล้วยทอดกรอบๆ กับยำยอดมะระ ก็จัดว่าเด็ด บรรยากาศก็ดี กินข้าวเที่ยงที่นี่โอเคเลยค่ะ

บ้านกกกอดเป็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่บริเวณช่องสะเดา ของอำเภอศรีสวัสดิ์ ภายในเขตของกกกอดนั้นเต็มไปด้วยต้นกกที่ขึ้นท้ายเขื่อนศรีนครินทร์ เราจะเห็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อนล่องเรือหว่านแหหาปลาเพื่อดำรงชีพ แสงอ่อนๆ ยามเย็นหลังฝนตกนั้นเย็นชื่นใจ ราวกับว่าอากาศรอบๆ จะดึงลมหายใจเราไปด้วยก็ไม่ปาน แต่ถึงกระนั้นก็ชุมไปด้วยยุงตัวเล็กตัวน้อย ตอดแล้วตอดอีก 555+ ที่ท่าน้ำมีเรือคายัคไว้บริการเผื่อนักท่องเที่ยวต้องการพายเล่น ในบริเวณที่รีสอร์ทกั้นไว้ ว่าไม่เป็นอันตราย พร้อมเสื้อชูชีพที่แขวนเรียงรายสามารถหยิบใส่ได้ตามขนาดตัว 

ด้านหน้ารีสอร์ทเป็นสวนที่ถูกจัดไว้เป็นสัดส่วน โดยมีเจ้าห่านแสบ 5 ตัว ยืนจังก้าร้องเปิ๊บป๊าบประหนึ่งไล่แขก แต่ก็อีกแหละ ด้วยความน่ารักของมันเราก็ต้องยอมฟังเสียงเปิ๊บป๊าบทั้งคืน ถึงเวลาเช้ามามันก็เดินมาต้อนรับขับสู้เต็มที่ มาถึงจุดนี้เราเห็นควรว่าไปรอพระอาทิตย์เรืองรองที่ริมเขื่อนดีกว่า วิวริมเขื่อนจริงๆ แล้วมี 2 มุม เราเลือกมุมที่เป็นทิวเขาสับหว่างกัน มันมีหมอกจางๆ ระหว่างภูเขาแต่ละลูก มีดาวพระศุกร์ที่ยอดเขาลูกหนึ่ง เงาสะท้อนจากคุ้งน้ำและไอเย็นๆ ทำให้อากาศเย็นสบายยามเช้า เรานั่งเล่นและถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแสงทองของวันใหม่สาดส่องมา เราจึงเปลี่ยนไปกินอาหารเช้าแทน 

อาหารเช้าของที่นี่มีข้าวต้มหมูไว้บริการ พร้อมกับชุด breakfast อันประกอบไปด้วย ฮอทด็อก ไข่ดาว สลัด และขนมปัง แต่ไข่ต้มนี่เราพกไปเองนะ ไม่เกี่ยวกัน 555+ ส่วนเครื่องดื่มก็มีทั้งกาแฟและโอวัลตินตามแต่ใครจะถูกใจแบบไหน ที่ด้านบนของห้องอาหารเป็นมุมสบายอีกมุมหนึ่งของผู้มาเยือน นั่นก็คือเปล มีหลายอู่เชียวค่ะ แต่ถ้าจะเลือกนั่งตรงนี้ ขอไปถ่ายรูปดีกว่านะ 

ออกจากกกกอดย้อนไปทางแยกลาดหญ้า เลี้ยวซ้ายเข้าไปทางค่ายสุรสีห์ เพื่อเดินทางต่อไปยังถ้ำธารลอด อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ไกลพอสมควรกว่าเราจะเจอ เรียกได้ว่าขับรถจากแยกนั่นมาเป็นชั่วโมงๆ เลยทีเดียว และในที่สุดเราก็มาถึง ถ้ำธารลอดเล็ก ซึ่งเป็นทางเดินข้ามไปยังถ้ำธารลอดใหญ่ ระยะทางประมาณ 2.5 กม. แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่นำทางและไม่มีไฟฉายบริการค่ะ เราจึงไม่เดินเข้าไป ชมอยู่ด้านนอก เพราะที่ตรงนั้นมีการบูชาศาลเจ้าพ่องู ค่อนข้างอันตรายกับเรา เราก็ทำอย่างกับคนหัวหมอ ขับรถวนออกไปหวังจะเข้าถ้ำธารลอดใหญ่ ซึ่งมันห่างออกไปถึง 17 กม. เลยทีเดียว พลาดมาก เพราะนอกจากทางมันจะไต่ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ แล้ว พีคสุดตรงที่ 12 กม. สุดท้าย เป็นทางชันสุดๆ เราก็แค่ยอมรับความจริงแล้วขับรถกลับลงมา

ขากลับก็ขับมาเรื่อยๆ ด้วยเส้นทางที่มุ่งหน้ามายัง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เส้นทางธรรมชาติที่คดเคี้ยวลดเลี้ยวไปเรื่อยๆ ถึงมันจะไกลนะ เราว่าได้ฟีล เพราะเราขับได้ไม่เบื่อเลย สบายตาสบายใจด้วยซ้ำ นัยว่าในปีหนึ่งเราควรขับรถไปในทางที่ไม่เคยไปสักสามเส้นทาง เราว่าปีนี้เรามาที่นี่ได้เกินด้วยล่ะ พอถึงสุพรรณฯ ก็ถือว่าจบทริป นั่งซดเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ The Loft Café เป็นการตบท้าย