เข้าหน้าหนาวทีไรมีอันต้องหาโอกาสไปสัมผัสลมเย็นๆ ทุกครั้ง เพราะเวลาที่คนจังหวัดอื่นเค้าได้สวมเสื้อกันหนาวกันภูเก็ตบ้านผมยังร้อนตับแลบแถมบางทีต้องสวมเสื้อกันฝนด้วยซ้ำ … ปีนี้ใช้วันลาเกือบหมดแล้ว เลยจัดทริปแบบสั้นๆ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์บวกหน้าหลังอีกอย่างละวันสำหรับเดินทางไปดูทะเลบัวแดงที่อุดรแล้วต่อด้วยนอนริมโขงชมหมอกตอนเช้าที่หนองคาย แต่ริวิวนี้จะพาไปเที่ยวทะเลบัวแดงก่อนนะครับ ได้ข่าวว่าดอกบัวแน่นมาเต็มกว่าทุกๆ ปี จะจริงมั้ยต้องไปพิสูจน์กัน
ทริปนี้ผมเดินทางด้วยสายการบินไทยสมายล์ครับ ... มีเที่ยวบินกรุงเทพฯ-อุดรฯ วันละหลายเที่ยวบินเลย
สายการบินไทยสมายล์จะสามารถโหลดกระเป๋าได้ 20 ก.ก. สำหรับชั้น Smile class และได้มากถึง 30 ก.ก. ในชั้น Smile plus ซึ่งเหมาะกับสายช้อปหรือเดินทางต่อมาจากต่างประเทศ ได้น้ำหนักกระเป๋าเยอะๆ โดยไม่ต้องเพิ่มเงินแบบนี้ก็สะดวกดีนะ ขาตั้งกล้องหนักๆ ของผมก็ใส่ไปในกระเป๋าเลยไม่ต้องขนขึ้นเครื่องให้ยุ่งยาก … ส่วนของที่นั่งก็ถือว่ากว้างดีทีเดียว
ผมบินกับไทยสมายล์ค่อนข้างบ่อยเลยสังเกตได้อย่างหนึ่งที่รู้สึกว่าเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของสายการบินนี้นั่นคือพนักงานต้อนรับที่ให้บริการด้วยความยิ้มแย้มและสดชื่นอยู่ตลอด … อันที่จริงสายการบินอื่นๆ ของไทยส่วนใหญ่ก็บริการดีนะครับ แต่บางครั้งผมรู้สึกว่าน้องแอร์โฮสเตทเค้าดูล้าๆ เลยทำให้เราพลอยไม่สดชื่นไปด้วย
ไทยสมายล์มีบริการเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารรองท้องบนเครื่องด้วย … ไปรอบนี้เป็นเมนูเบอร์เกอร์กุ้งกับแซนวิซไก่ ซึ่งเค้าจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางครั้งก็ออกแบบเมนูให้สอดคล้องกับเทศกาลเป็นอีกสีสันของการเดินทาง จึงไม่แปลกที่ปีนี้ทางไทยสมายล์ได้รับรางวัล Travelers’ Choice จาก TripAdvisor ด้วย ซึ่งผมทำงานโรงแรมทราบดีว่า ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ นะครับ การได้รางวัลนี้แสดงว่าระดับบริการต้องอยู่อันดับท็อปๆ เท่านั้น ซึ่งปีนี้ไทยสมายล์ได้รับถึงสามรางวัลได้แก่ สายการบินยอดเยี่ยมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก, สายการบินยอดเยี่ยมของประเทศไทย และ 1 ใน 10 สายการบินยอดเยี่ยมระดับโลก ซึ่งน่าจะเป็นเครื่องการันตีได้อย่างดีในเรื่องคุณภาพการบริการ
ทริปนี้ใช้รถเช่าของทาง AVIS ที่มีจุดรับรถอยู่ในสนามบินเลยทำให้สะดวกมากรถเช่าเป็น Toyota VIOS เพราะไม่มีแผนไปลุยเส้นทางโหด รถเล็กแบบนี้ประหยัดน้ำมันมาก และแอบดีใจที่ได้รถใหม่มากเพิ่งจะวิ่งมาได้ 3200 ก.ม. เอง
ผมตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ออกเดินทางจากที่พักในเมืองอุดรฯ มุ่งหน้าไปอำเภอกุมภาวปีซึ่งห่างออกไปจากตัวเมืองราวหนึ่งชั่วโมง ... แวะซื้อของรองท้องที่ 7 Evelven นิดหน่อยก่อนจะมุ่งหน้าตามเส้นทางที่ Google map นำไป ขับมาได้ราวครึ่งชั่วโมงเศษก็เห็นป้ายทางเข้าไปทะเลบัวแดงชัดเจน ระหว่างทางจากจุดนี้ไปจนถึงท่าขึ้นเรือจะมีป้ายบอกทางตลอดรับรองว่าไม่หลงแน่ ... ที่สำคัญยังคงได้เห็นวิถีท้องถิ่นและวิวแบบชนบทที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ด้วย
อันที่จริงทะเลบัวแดงของอำเภอกุมภวาปีนั้นสามารถขึ้นเรือได้หลายจุดครับ แต่ท่าเรือบ้านเดียวที่ผมขึ้นจะเป็นท่าเรือหลักและมีระบบบริหารจัดการที่ดีทีเดียว มีที่จอดรถขนาดใหญ่ มีซุ้มขายอาหารเรียงรายให้เลือกทานของร้อนๆ รองท้องก่อนออกเดินทางด้วย … จากที่จอดรถเดินไปนิดเดียวก็ถึงจุดซื้อตั๋วสำหรับขึ้นเรือ
สำหรับค่าเรือจะคิดที่ 100 บาท/คนสำหรับรอบเล็กและ 150 บาท/คนสำหรับรอบใหญ่ ซึ่งผมแนะนำให้เลือกรอบใหญ่ไปเลยดีกว่าครับใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงเศษ และเรือจะมีสองแบบคือลำเล็กนั่ง 2 คนกับลำใหญ่นั่งได้สูงสุด 8 คน ข้อดีของเรือเล็กคือไม่มีอะไรบังวิวเพราะเป็นเรือหางยาวแบบโล่งๆ เลยไม่มีหลังคา แต่จะรู้สึกโคลงๆ หน่อยสำหรับคนตัวใหญ่ หากเป็นเรือใหญ่จะรู้สึกนิ่งกว่าเวลาเดินหรือขยับตัวและมีหลังคาบังแดดให้แต่นั่นแหละมันก็จะบังวิวด้วย เวลาถ่ายภาพผมว่าเรือลำเล็กสวยกว่านะ ... เพื่อให้เก็บภาพได้สะดวกผมก็เลยใช้เรือเล็ก 2 ลำครับ ทีแรกก็เตรียมใจไว้แล้วว่าต้องจ่ายลำละ 300 บาท แต่เจ้าหน้าที่ใจดีครับคิดแค่ลำละ 150 บาท (คิดราคาต่อหัวนั่นเองซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะจะยืดหยุ่นแบบนี้หรือเปล่า) อย่างไรก็ตามผมเอาเงินส่วนที่เหลือไปทิปให้คนขับเรือแทน :)
ออกเดินทางกันเลยคร้าบ ... ช่วงแรกไม่เห็นบัวยังไม่ต้องตกใจ ขับตามๆ กันไปก่อน
อากาศยามเช้าช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน (25 พ.ย. 2560) เย็นสบายมากครับ ราว 17 องศาแต่ไม่ได้รู้สึกว่าหนาว อาจเป็นเพราะมีไออุ่นจากแสงแดดยาวเช้าด้วย ... ทั้งนี้เรือจะเริ่มให้บริการตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถ้าใครอยากมาเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นด้วยก็ควรจะมาถึงตั้งแต่ 6 โมงเลย แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศอุ่นๆ เริ่มออกจากท่าราวๆ 6:30 – 7:00 ผมว่ากำลังดี ... จากท่าเรือใช้เวลาแล่นไปยังจุดที่มีดอกบัวหนาแน่นราว 15 นาที ซึ่งจะมีร่องน้ำเล็กๆ ให้เรือแทรกตัวไปท่ามกลางดอกบัวที่กำลังชูช่อเต็มบึงสวยงามมาก เรือแต่ละลำจะหยุดให้เราได้ถ่ายภาพเป็นระยะครับ ซึ่งสามารถบอกคนขับเรือได้เลยว่าอยากได้มุมไหน
ถึงแล้ว ... สวยมาาาาาาก
การถ่ายภาพทะเลบัวให้ดูเป็นทะเลบัวก็ต้องอาศัยเทคนิคหน่อยนะครับ คือวางระดับกล้องให้ต่ำหน่อยเพื่อให้ดอกบัวดูซ้อนกันแน่นขึ้น ... และเนื่องจากแสงช่วงเช้าจะออกโทนอุ่นทำให้ใบบัวออกเป็นสีเขียวอมเหลืองหากถ่ายภาพตามแสงจะได้ภาพของใบที่สีไม่ตัดกับสีดอกบัวสีชมพูนักนัก ลองหามุมกล้องที่แสงเข้าด้านข้างเล็กน้อยเราจะได้ภาพดอกบัวสีชมพูตัดกับน้ำในหนองหานที่เป็นสีฟ้าอมน้ำเงินสวยงามขึ้น
คนขับเรือบอกว่าปีนี้น้ำเยอะสาหร่ายน้อยทำให้ดอกบัวดกกว่าหลายๆ ปี โดยเฉพาะช่วงต้นฤดูกาลแบบนี้จะหนาแน่นที่สุด ดังนั้นรีบมานะครับเพราะหลังกลางเดือนธันวาคมดอกบัวก็จะค่อยๆ ลดจำนวนลงครับ
หาโอกาสไปชมกันนะครับ รับรองว่าประทับใจแน่นอน แถมเดินทางไปอุดรฯ ก็สะดวกมากมีสายการบินบินไปลงวันละหลายเที่ยว
สามารถไปอ่านรีวิวทริปนี้แบบเต็มๆ (อุดร+ หนองคาย) ที่ผมเขียนไว้ได้ตาม link ด้านล่างนี้เลย
http://www.9mot.com/2017/12/short-trip-to-udon-nongkahi-with-thai-smile-airways/
ส่วนคนที่ชอบท่องเที่ยวถ่ายภาพก็ไปเม้าท์กันต่อได้ที่เพจ "นายมด" ได้นะ แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้านะครับ