ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
2 ล้อ 2 คน ตะลอนตาก แม่ฮ่องสอน จ่าโบ่ ลำปาง (4 คืน 5 วัน) ตาก แม่ฮ่องสอน ลำปาง
    • โพสต์-1
    แป้งเจอนี่เจอนั่น •  เมษายน 10 , 2562

    2 ล้อ 2 คน ตะลอนตาก แม่ฮ่องสอน จ่าโบ่ ลำปาง (4 คืน 5 วัน)

    จุดหมายปลายทางของทริปนี้คือ "แม่ฮ่องสอน" แต่เราจะแวะเที่ยวตามทางที่ผ่านไปด้วย การเดินทางครั้งนี้เราขี่มอเตอร์ไซค์ไปจากปทุมธานีค่ะ เลยขอรีวิวทริปนี้พร้อมเอาประสบการณ์ของมือใหม่หัดขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวมาแบ่งปันด้วย เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางของเพื่อนๆ สักเล็กน้อย

    เราไม่มีแพลนอะไรมานัก มีแต่จุดหมายปลายทางคือไปแม่ฮ่องสอน เยี่ยมเยือนพี่ที่เคารพและนอนจ่าโบ่สักคืน ที่เราไม่กล้าแพลนอะไรมากเพราะรถมอเตอร์ไซค์คันนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้เลย พร้อมจะพาเราจอดยาวๆ ได้เสมอ

    ขอพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์คันนี้ Suzuki Tempter 400 เพราะเจ้านี่ทำให้การเดินทางครั้งนี้พิเศษมากขึ้น ตอนที่เรามาเที่ยวแม่ฮ่องสอนครั้งแรกโดยการนั่งรถทัวร์ประทับใจมากๆ แฟนเราบอกว่าไว้มากันอีกแต่ขี่มอเตอร์ไซค์มานะ เราก็รับปากไปส่งๆ ในใจคิดว่าใครเขาจะบ้าซ้อนมอเตอร์ไซค์เป็นพันกิโลเมตรไปเที่ยวกัน หลังจากนั้น 4 ปี ทริปนี้ก็เกิดขึ้น สำหรับเรามันอันตรายมาก ออกทริประยะไกลโดยมอเตอร์ไซค์คันเดียวไม่มีเพื่อน ไม่มีเกจ์วัดน้ำมัน ซึ่งทริปก่อนหน้ารถมอเตอร์ไซค์คันนี้เคยพาเราไปจอดกลางทางจนต้องหารถมายกกลับ แต่เห็นเขาตั้งใจทำรถด้วยตัวเองมาเป็นปีๆ เพื่อพาเราไปเที่ยวทริปในฝันของเขาแล้วเราปฏิเสธไม่ลง

    • โพสต์-2
    แป้งเจอนี่เจอนั่น •  เมษายน 10 , 2562

    Day 1: ปทุมธานี - ตาก (อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช) (ระยะทางประมาณ 417 กิโลเมตร)

    ออกจากปทุมธานี 10.30น. (ที่แพลนไว้คือออกแต่เช้ามืด ฮ่าๆ) สร้างความตื่นเต้นให้กับการเริ่มต้นด้วยน้ำมันหมดก่อนถึงปั๊มน้ำมันวังน้อย 200 เมตร อย่างที่บอกว่ารถคันนี้ไม่มีเกจ์วัดน้ำมัน พักรถกันที่ปั้มน้ำมัน ปตท ถนนสายเอเชีย พอจอดปุ๊ปอะไหล่รถหลุดลงพื้นดังแก๊ง! ก็แก้ปัญหากันไป เราพักรถเรื่อยๆ ตามความเมื่อย ตามความหิว ตามที่คิดว่าน้ำมันใกล้จะหมด จอดไปทั้งหมด 7 ครั้ง วังน้อย สิงห์บุรี นครสวรรค์ กำแพงเพชร ถึงอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช จังหวัดตากเย็นพอดีค่ะ

     

    “อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช”

    เป็น อช. ที่เงียบสงบมาก ที่จอดรถยนต์มีไม่มากนัก ห้องน้ำดีมาก สะอาด ห้ามใส่รองเท้าเข้าห้องอาบน้ำ ห้องขับถ่ายเป็นแบบชักโครก มีห้องน้ำสำหรับคนพิการ ทางเดินดีจากห้องน้ำมาเต็นท์ ใส่แตะเดินไม่มีทรายดีดเลอะเท้า พื้นหญ้าสวยเหมาะกับการกางเต็นท์ ช่วงดึกลมพัดแรงใครที่กางเต็นท์ตรงช่องลมควรปักสมอบก วิวหน้าเต็นท์ไม่ค่อยสวยเพราะต้นไม้บัง แต่ถ้าไม่มีต้นไม้เลยเต็นท์จะโดนลมเต็มๆ จุดชมวิวอยู่ไม่ไกลลานกางเต็นท์ไว้ชมพระอาทิตย์ตก

    มีเต็นท์ให้เช่าขนาด 3 คน วันที่เราไปคนไม่เยอะ เต็นท์กางไว้ให้แล้ว เครื่องนอน เตา กระติกน้ำมีให้เช่า เราสะดวกเช่าเต็นท์และเครื่องนอนจากอุทยานฯ เพราะวันต่อไปเราต้องออกเดินทางแต่เช้าจะได้ไม่เสียเวลาเก็บเต็นท์แค่นำเอาเครื่องนอนไปคืน ถ้าเอาเต็นท์มาเองสัมภาระเยอะเกินไปและต้องรอเต็นท์แห้งกว่าจะเก็บได้ เสียเวลาไปมากเลยค่ะ ตรงนี้แล้วแต่ว่าใครสะดวกแบบไหน

     

    มีร้านอาหารและร้านขายของชำ บางทีคนขายก็ไม่อยู่

    เจ้าหน้าที่น่ารัก อำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำดี เราเช่าเครื่องนอน จนท. ช่วยถือมาส่งหน้าเต็นท์เลยค่ะ คืนที่เรานอนอุณหภูมิเฉลี่ย 17 องศา ฟ้าใส ดาวเต็มฟ้า ถ้ามีเวลาก็เดินไปชมต้นกระบากใหญ่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ อ่อ...อยู่ไม่ห่างจากตลาดมูเซอด้วยนะ

    • โพสต์-3
    แป้งเจอนี่เจอนั่น •  เมษายน 10 , 2562

    Day 2: อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช - แม่สอด - แม่ฮ่องสอน (ระยะทางประมาณ 455 กิโลเมตร)

    เช้าวันที่สองอากาศน่านอนมาก ลมแรงอากาศหนาวแทบไม่มีใครออกจากเต็นท์ แต่เรามีภาระกิจที่สำคัญมาก ต้องรักในการกินแค่ไหนถึงยอมตื่นแต่เช้ามืดขี่รถไป 50 กว่ากิโลเมตรเพื่อกินโรตีโอ่งในตัวเมืองแม่สอด ถนนไปแม่สอดสวยมาก ระหว่างทางมีทะเลหมอกให้ดูด้วย เส้นทางบางช่วงกำลังปรับปรุง รถมอเตอร์ไซค์ถ้าจะแซงต้องดูให้ดีบางทีมันมีอุปกรณ์ก่อสร้างขวางอยู่ ถ้าถนนเส้นนี้เสร็จต้องสวยมากแน่นอน

    ตอนนี้ถ่ายตรงจุดชมวิว

     

    "โรตีโอ่ง"

    ร้านอาหารเช้า+สภากาแฟ ชื่อดังและเป็นที่นิยมของคนแม่สอด ขายโรตี ไข่ดาว ไข่ลวก ชา กาแฟ และนมสด (วันที่เราไปไม่มีแกงถั่วค่ะ) ความพิเศษของโรตีร้านนี้คืออบแผ่นแป้งในโอ่งที่มีถ่านร้อนๆ อยู่ข้างในทำให้โรตีที่ได้มีรสสัมผัสเฉพาะแตกต่างจากโรตีทั่วไป แป้งเหนียวนุ่มแต่ด้านที่แปะกับโอ่งจะเกรียมๆ กรอบๆ หอมกลิ่นเตาถ่านและมีบางครั้งที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับกินข้าวเกรียบว่าว โรตีแผ่นละ 5 บาท นมข้นสั่งเพิ่ม ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่ากาแฟเหมือนใส่อะไรสักอย่างมาด้วยมันหอมคล้ายเครื่องเทศ อันนี้ต้องไปลองค่ะ น้ำชาบริการฟรี ร้านเปิดตั้งแต่ตี 5 วันที่เราไปยังไม่แปดโมงครึ่งเลยโรตีหมดแล้วค่ะ

     

    "วัดไทยวัฒนาราม"

    เรายังอยู่กันที่แม่สอด หลังจากหาสถานที่น่าสนใจในตัวเมืองเราสะดุดตากับวัดนี้ ชื่อวัดไทยวัฒนารามแต่มีความเมียนมามากๆ อ่านจากประวัติดูเป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายมหายานของชาวไทยใหญ่ ได้รับอิทธิพลมาจากเมียนมา วัดเป็นสีทองงดงาม ส่วนตัวโบสถ์สุภาพสตรีข้ามเข้า

    แวะไป Check-in กับป้าย "สุดประจิมที่ริมเมย" ที่ตลาดริมเมย ว่าครั้งหนึ่งเคยซ้อนมอเตอร์ไซค์จนก้นแทบไร้ความรู้สึกมาถึงนี่

    และแล้วความพีคในวันนี้ก็มาถึง น้อง Tempter งอแงน้ำมันรั่วเลยต้องหาอู่ซ่อมจอดพักยาว เอาไปให้ช่างดูช่างก็ไม่ว่างเพราะอยู่ในช่วงปีใหม่ลูกน้องลางาน เลยให้ยืมอุปกรณ์ ยืมรถไปซื้อของมาทำเอง เราในฐานะคนซ้อนและผู้วางแพลน ก็ต้องโทรไปยกเลิกที่พักของจ่าโบ่คิดว่ายังไงก็ไปไม่ถึง (จ่ายเงินล่วงหน้าไปด้วยด้วย ToT) แพลนแค่วันต่อวันพอ โดยวันนี้เหลือแค่เอาตัวเองไปให้ถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะถึงไหม...

    เสียเวลาซ่อมรถไปเกือบ 2 ชั่วโมง แฟนให้ความมั่นใจว่ารถไปต่อได้แน่นอน แต่น่าจะถึงมืดและบอกกับเราว่า 'มีกันแค่สองคนนะเธอต้องช่วยพี่ดูทาง' ทางข้างหน้าโค้งเยอะมาก และเราเป็นคนที่ไม่ชอบการเทโค้ง เผลอเมื่อไหร่ก็ขืนตัวเมื่อนั้น

    เราประมาทไป... ด้วยระยะทางเราคิดว่าทำเวลาได้ แต่ลืมคิดไปว่าเส้น 105 & 108 นี้ โค้ง + เขา ปั๊มน้ำมันใหญ่สุดท้ายคือที่แม่ระมาด จากนั้นจะไปเจอปั๊มใหญ่อีกทีที่แม่สะเรียง ห่างกันประมาณ 200 กิโลเมตร ระหว่างทางมีปั๊มเล็กปั๊มน้อย เราต้องเติมไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าน้ำมันจะหมดตอนไหน (ซึ่งก็ประมาณได้แต่ไม่อยากประมาท) ถนนเส้น 105 ดีค่ะถ้าไม่นับโค้ง ขี่ข้ามภูเขา เลียบริมแม่น้ำ ผ่านหมู่บ้านต่างๆ ไม่ได้วังเวงจนเกินไปในเวลากลางวัน

    แวะเข้าห้องน้ำที่จุดชมวิวแม่น้ำสองสีอุทยานแห่งชาติแม่เงา อ.สบเมย คือจุดที่แม่น้ำเงากับแม่น้ำยวมมาเจอกัน จังหวะแดดสะท้อนกับผิวน้ำพอดีเลยมองเห็นเป็นสีเดียว

    ตะวันขนานกับลำตัวเราเพิ่งมาถึงขุนยวม อีก 85 กิโลเมตรจะถึงแม่ฮ่องสอน แต่ 40 กิโลเมตรสุดท้ายพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว หน้าจอ Google map เปลี่ยนเป็นสีดำ สองข้างทางเป็นต้นไม้และภูเขา ทางมืดไม่มีไฟมีแต่แสงจากหมู่บ้านและรถที่สวนทางมาเป็นบางช่วง เราก็ยังเลาะโค้งไปเรื่อยๆ คิดว่าอีก 10 กิโลเมตรก่อนถึงตัวเมืองคงจะคึกคักให้หายกังวล แต่ก็ผิดคาดแม่ฮ่องสอนเป็นเมืองที่เงียบมาก หรือไม่ก็เราเคยชินกับการอยู่ในเมืองที่มีแสงสีตลอด 24 ชม.

    "ถนนคนเดิน แม่ฮ่องสอน"

    หนึ่งทุ่มกว่าเรามาถึงแม่ฮ่องสอนด้วยความโล่งใจ แวะถนนคนเดินหามื้อเย็นกิน อาหารหลักผ่านไปแบบรีบๆ แต่ที่เราตั้งใจมากินและอยากกินมากๆ คือ "ถั่วพูซิ่ง" หรือถั่วเหลืองทอด เป็นของกินเล่นที่เราติดใจที่สุด กรอบนอกฉ่ำใน ส่วนอีกอย่างที่เพิ่งเคยกินคือ "อาละหว่า" นุ่มนิ่มคล้ายหม้อแกงกับสังขยารวมกันอันละ 10 บาท เดินกลับไปซื้ออีกทีหมดแล้ว

    ใครมาพักตัวเมืองเราแนะนำ “ร่มไทเฮาส์” คืนละ 700 บาท มีแอร์ พัดลม ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ใกล้ถนนคนเดิน ใกล้วัดจองคำ คุณป้าเจ้าของใจดีพูดเพราะมาก เรามีความรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ปวดไปทั้งตัวเพราะไม่เคยซ้อนรถมอเตอร์ไซค์นานขนาดนี้ อยากทิ้งร่างใส่ที่นอนแต่ภาระกิจเรายังไม่จบ

    "วัดกลาง-จองคำยามค่ำคืน"

    ก่อนหมดแรงเฮือกสุดท้ายเราเอาขาตั้งกล้องมาถ่ายวัดจองกลาง-จองคำ ตั้งค่ากล้องอยู่นานได้รูปดวงไฟกำลังแตกแฉกเลย หลวงพี่ปิดไฟ...! ไฟของวัดจะเปิดถึงประมาณ 20.30 น.

    • โพสต์-4
    แป้งเจอนี่เจอนั่น •  เมษายน 10 , 2562

    Day 3: พระธาตุดอยกองมู - จ่าโบ่ (ระยะทางประมาณ 59 กิโลเมตร)

    มื่อวานได้นัดกับพี่สาวที่เราเคารพไว้ โปรแกรมตอนเช้าจึงเป็นการไปวิ่งชมเมืองและหามื้อเช้ากินที่ตลาด หลังจาก Check Out แล้ว เราจะแวะไปกินมื้อเที่ยงที่จ่าโบ่และหาที่นอนในตัวเมืองเชียงใหม่ (เรายังไม่เคยไปเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่แบบจริงจังค่ะ)

    06.00 น. ยังมืดอยู่และหมอกลงค่อนข้างจัด วิ่งแบบธรรมดาคงไม่จำ เราวิ่งขึ้นพระธาตุกองมูมีทางที่เป็นบันไดกับทางที่รถขึ้นได้ เราเลือกอย่างหลัง ไฟทางมีเป็นระยะ หมอกหนาน้ำค้างแรงจนหัวเปียก และต้องระวังรถขึ้น-ลงด้วย

     

    "พระธาตุกองมู" 
    บนพระธาตุวันนี้หมอกลงมองไม่เห็นด้านล่าง จะเจ็ดโมงแล้วเรายังไม่เห็นพระอาทิตย์เลยค่ะ พระธาตุกองมูประดับด้วยไฟเหลืองส้มในม่านหมอกก็สวยในแบบที่เราไม่เคยเห็น สักการะพระธาตุเสร็จก็เดินลงมาวิ่งรอบสวนสาธารณะหนองจองคำชมหมอกลอยละเลียดผิวน้ำ การออกมาวิ่งแบบนี้ทำให้รู้สึกว่าเข้าถึงแม่ฮ่องสอนได้เยอะขึ้น งดงามและคุ้มค่ากับการตื่นเช้า เราตกหลุมรักที่นี่ซ้ำๆ

     

    "ถั่วพูอุ่น"
    มื้อเช้าพี่พาเรามากิน "ถั่วพูอุ่น" ที่ตลาดสายหยุด เป็นซุปถั่วเหลืองกินแบบใส่เส้นหรือไม่ใส่เส้นก็ได้ Topping ด้วยถั่วพูซิ่งอร่อยมากและราคาถูก ถ้วยละ 20-25 บาท ถ้ากินที่ร้านต้องรอคิวสักหน่อยเพราะที่นั่งจำกัด

     

    "Coffee morning"

    หลังจากกินถั่วพูอุ่นกันพอกรุบกริบ พี่ก็พาเราไปร้านกาแฟ เป็นร้านกาแฟในบ้านไม้ที่มีหนังสือเต็มไปหมด เมนูแนะนำคือ “หอมละมุน คือกาแฟเย็น กับ อุ่นละไม ที่เป็นกาแฟร้อน" กาแฟหอม บรรยากาศในร้าน เสียงเพลงมันลงตัวกับเช้านี้ นั่งคุยกันสักพักเพราะเวลามีจำกัด ได้คุยกันถึงความหลังเล็กน้อย เรากับพี่สาวคนนี้เจอกันที่ทริปโมโกจูเมื่อปี 2556 จนมาเจอกันอีกครั้งในวันนี้ การเดินทางมันให้อะไรมากกว่าการออกไปเจอโลกกว้าง ให้มิตรภาพ ให้ความทรงจำ เราลากันด้วยอ้อมกอดก่อนจะแยกย้ายกันไป ได้แต่คิดว่าขอให้เราได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง “ข้าพเจ้ามิได้นิยมชมชอบในการดื่มกาแฟ แต่ข้าพเจ้าชื่นชอบบรรยากาศของร้านกาแฟ” ข้อความนี้ที่อ่านเจอในร้าน...เช้านั้น เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ

     

    "สะพานซูตองเป้"

    มาแม่ฮ่องสอนครั้งแรกเราพลาดจากแพลนไม่ได้มาสะพานไม้แห่งนี้ เลยขอแวะไปสักหน่อย ภาพสะพานไม้ท่ามกลางทุ่งนาสีเขียวแล้วมีพระเดินบิณฑบาตร เป็นภาพที่เราจำมาจากสื่อ พอมาเห็นจริงๆ (ตอนเที่ยง) ในช่วงเดือนมกราคมแบบนี้ แห้งแล้ง! มาก! ไว้มาซ่อม...

     

    "บ้านจ่าโบ่"

    ครั้งก่อนที่มาเราประทับใจมาก ขี่มาจากปายตอนเช้ามืดเพื่อมากินก๋วยเตี๋ยวแล้วก็ขี่กลับ ได้เจอทะเลหมอกสุดประทับใจ อยากมานอนสักคืน...แต่เมื่อวานเราผิดแผนจากการเดินทางไปเยอะ ดูระยะทางที่เหลือแล้ววันนี้เราควรไปให้ไกลมากกว่าจ่าโบ่

    ออกจากซูตองเป้ตอนเที่ยง บ่ายโมงเรามาถึงจ่าโบ่แล้ว ลูกค้าเยอะขึ้นรถจอดหน้าร้านเต็มไปหมด มีร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึกเพิ่มขึ้นมา รูปแบบร้านเปลี่ยนไปดูดีขึ้นมาก วิธีสั่งก๋วยเตี๋ยวคือจดรายการอาหารและแม่ค้าจะบอกว่าเราคิวเท่าไหร่ รอฟังเลขคิว เมื่อถึงคิวเราให้เดินไปรับก๋วยเตี๋ยวเองค่ะ ส่วนเครื่องดื่มซื้อแยกต่างหาก อร่อยทั้งก๋วยเตี๋ยวและวิว 

    แฟนคงเห็นเราหงอยๆ เลยพูดมาว่าเราค้างที่นี่สักคืนไหม? พรุ่งนี้ค่อยไปนอนลำปาง เพราะเราตั้งใจมาที่นี่... เราเลยคำนวนระยะทางใหม่ ถ้าพรุ่งนี้นอนลำปาง วันสุดท้ายไม่ต้องบิดกลับปทุมฯ หูดับตับไหม้เลยหรอ...แฟนบอกว่าไปได้ล่ะกัน เลยติดต่อไปที่คุณศรชัย ไพรเนติธรรม ให้หาโฮมสเตย์ให้ใหม่ จ่ายเงินใหม่ ซึ่งเราไม่เสียดายเลย

    เบอร์โทรศัพท์คุณศรชัย: 080 677 5794

    Facebook: CBT BAAN JABO การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยชุมชนบ้านจ่าโบ่

    กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จเจ้าของโฮมสเตย์เดินมารับพอดีค่ะ โฮมเสตย์ที่เราพักมีชื่อว่า "บ้านม่านหมอก" ราคาที่พักคนละ 300 บาทต่อคืน พร้อมอาหารเย็น ที่พักแบบเรียบง่ายมีที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าห่ม ไม่มีพัดลมซึ่งเราคิดว่าไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ เราต้องห่มผ้า 2 ผืน หากต้องการไกด์นำเที่ยวถ้ำผีแมนหรือภูผาหมอก ติดต่อโดยตรงกับเจ้าของโฮมสเตย์ได้เลยค่ะ

    ปัญหาของน้อง Tempter คือเสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังมาก หมู่บ้านก็เงียบมากด้วย เข็นได้คือเข็น เข็นไปให้ไกลจากกลุ่มคนก่อนแล้วค่อยสตาร์ท เกรงใจจริงๆ ค่ะ

    วิวหน้าบ้านเป็นแบบนี้เลย...

    เรามีเวลาเยอะมากกับที่นี่เลยให้วันนี้เป็นวันพักผ่อน ซึ่งดีเหมือนกันเมื่อยก้นมา 2 วันแล้วมีวันพักในช่วงกลางทริปเป็นไอเดียที่จะนำไปใช้ในทริปต่อๆ ไป ช่วงเย็นจึงเป็นการไปเดินสำรวจบริเวณหมู่บ้าน ก่อนกลับมากินข้าวเย็นที่ทางเจ้าของโฮมสเตย์เตรียมไว้ให้ค่ะ

    มื้อเย็นคือไข่เจียว ผัดยอดซาโยเต้ (ยอดฟักแม้ว) ผักต้ม และทีเด็ดเลยคือน้ำพริกมูเซอ ไม่พอขอเติมได้นะคะ 

    กินข้าวพร้อมกับชมท้องฟ้าสวยๆ ผูกมิตรกับพี่คู่รัก 2 คน โฮมเสตย์หลังข้างๆ ที่ซัด BMW คันโตพร๊อบแน่นมาจากกรุงเทพฯ คุยสนุกมากกกกก ที่สำคัญพี่สองคนทำให้รู้ว่าแบบไหนที่เรียกว่าพร้อมสำหรับการออกทริป แบบเรายังเรียกว่าไม่ค่อยพร้อม ฮ่าๆ พอเล่าเรื่องรถให้ฟัง พี่เขาก็ถามกลับมาว่า 'มากันได้ยังไง' จริงๆ มือใหม่ออกทริประยะไกลควรมีเพื่อนแหละมั้ง พี่ๆ ก็เลยให้ Contact ไว้ ต้องการความช่วยเหลือะไรให้รีบบอก ซึ่งพี่เขาก็ไม่เคยลืมเราเลย คอยส่งข้อความมาถามตลอด ขอบคุณสำหรับน้ำใจและค่ำคืนสนุกสนานที่จ่าโบ่มากๆค่ะ

    • โพสต์-5
    แป้งเจอนี่เจอนั่น •  เมษายน 10 , 2562

    Day 4: จ่าโบ่- ลำปาง (ระยะทางประมาณ 341 กิโลเมตร)

    หลังจากที่ติดต่อเจ้าของโฮมสเตย์ให้นำเที่ยวภูผาหมอกตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เราตื่นแต่เช้ามืด สิ่งที่ทำเป็นอันดับแรกเลยคือไปส่องตรงหน้าต่างรูปหัวใจเพื่อดูว่ามีทะเลหมอกหรือเปล่า และเราก็ไม่ผิดหวัง...

    ค่านำทางขึ้นภูผาหมอกคนละ 100 บาท ติดต่อที่เจ้าของโฮมสเตย์ที่เราไปพัก

    การเตรียมตัวและคำแนะนำในการขึ้นภูผาหมอก

    1.ควรใส่รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้ารัดส้น เราใส่ Keen โอเคเลยเดินสบายแต่ใส่ถุงเท้าด้วยนะ

    2.เสื้อแแขนยาวและกางเกงขายาว หินคมมากสามารถเกี่ยวเสื้อผ้าขาดได้ อากาศหนาว กว่าพระอาทิตย์จะขึ้นนั่งดูหมอกแบบอุ่นๆ ดีกว่า

    3.ถุงมือถ้าใส่ก็จะช่วยไม่ให้เจ็บมือมากนักเวลาใช้มือปีนป่าย

    4.น้ำดื่มหรือขนมรองท้องยามเช้าก็ดีนะคะ ตื่นเช้าหิวไว ทานเสร็จเก็บขยะลงมาด้วย

    เจ้าของโฮมสเตย์พาเราเดินไปหน้าหมู่บ้านมีไฟฉายคอยนำทางให้ ถ้าถามเราว่าทางขึ้นภูผาหมอกชันไหม ลำบากไหม บอกเลยว่าชันค่ะ แต่ไม่ลำบากยากเย็นอะไร ระยะทางไม่ไกล แฟนเราไม่ค่อยได้เดินป่าใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ที่ช้าเพราะมืด มีไฟฉายกระบอกเดียวคือของเจ้าของโฮมสเตย์ที่คอยส่องไฟให้ที่ละคน ส่วนใครที่คิดว่ามันชัน เดินขึ้นก่อนฟ้าสว่างไง จะได้มองไม่เห็นความชัน อิอิ

     

    หาที่นั่งให้เหมาะเพราะความเรียบของพื้นที่ไม่ค่อยมี หากนั่งผิดที่ผิดองศา ก้นจะถูกความแหลมของภูเขาหินทิ่มแทง จากนั้นก็นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกฟูๆ ให้เบื่อกันไปเลย ก่อนเดินทางเราคิดว่าเราไม่มีจุดหมาย แวะเที่ยวไปตามสถานการณ์ แต่พอได้มาอยู่ตรงนั้นเรารู้สึกว่า นี่แหละคือสิ่งที่เราอยากมาเห็นอยากมาเจอจริงๆ คุ้มค่าแล้วกับการเดินทางครั้งนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ทางชันประมาณนี้แหละ

     

    07.45 น. ลงมาหามื้อเช้ากิน แต่เรากินอะไรไม่ลงจริงๆ มันอิ่มกับบรรยากาศของเช้านี้ หมอกยังไม่หายเรายังอยากมองนั่งดูเรื่อยๆ 

     

     

    "Dek Doi Coffee"

    ช่วงเดินหาร้านข้าวไปเจอร้านกาแฟร้านหนึ่ง เห็นทะเลหมอกได้แบบชัดเจน ร้านกาแฟวิวสวย บาริสต้าอารมณ์ดี สั่งลาเต้ร้อนอยากจับแก้วกาแฟอุ่นๆ ลองชิมแบบไม่ใส่น้ำตาลกาแฟรสชาติดี นุ่มละมุน กลิ่นหอมก็เลยดื่มทั้งแบบนั้นจนหมด เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่ดื่มกาแฟแบบไม่ใส่น้ำตาล ราคาพอกับกาแฟในกรุงเทพฯ แต่บรรยากาศแบบนี้มีแค่ที่นี่เท่านั้น

     

     

     

     

     

     

    หลังจากคืนกุญแจที่พัก เราเข็นรถออกมาสตาร์ทตรงจุดชมวิว ไม่อยากรบกวนบรรยากาศยามเช้า และผู้มาเยือนที่กลับเข้าบ้านไปนอนต่อ ขอลาบ้านจ่าโบ่ไปด้วยวิวหน้าโฮมสเตย์ตอนสายๆ วันนั้นหมอกมีถึงเกือบสิบโมง

     

     

    เราออกจากบ้านจ่าโบ่เพื่อจะไปปาย สิ่งที่อยากเตือนคือ... ก่อนถึงหมู่บ้านจ่าโบ่ถนนชันมาก เราเคยมา จำได้และระวังทางช่วงนี้ แต่ก็ไม่รอดเราสองคนหลุดโค้งหลังจากที่ลงจากทางชัน ข้างทางมีตะไคร่และมีความชื้นจากอากาศเมื่อเช้า ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เราไม่เคยรถล้มมาก่อนรู้สึกแค่ว่าตอนล้มไถลลงด้านขวาของลำตัว บอกแฟนให้รีบลุกขึ้นมาเพราะเราไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรมากแค่ไหน

    หลังจากที่ยืนขึ้นได้ สำรวจร่างกายกันเรามีแค่แผลถลอกตรงฝ่ามือขวาเพราะถุงมือขาด แสบตรงหัวเข่า มีของเหลวซึมผ่านผ้ายีนส์ออกมาเรามองไม่เห็นแผล ปวดยอกช่วงไหล่ขวาและหลัง ส่วนแฟนเป็นแผลยาวตรงแขนและแผลที่หัวเข่า ตรงที่เป็นแผลเสื้อผ้าขาดถ้าใส่เสื้อผ้าหนาแผลคงน้อยกว่านี้ ช่วยกันยกรถ ขึ้นสิ่งที่ทำให้เราใจหายคือมีไม้ปลายแหลมคาอยู่กับโช๊คหน้า ถ้าทิ่มมาลึกว่านี้พุงคนขี่เป็นรูแน่ๆ รถหน้ากากแตก แฮนด์เบี้ยวแต่ยังไปต่อได้ ตัดสินใจกันว่าจะขี่ไปทั้งแบบนี้ และไปหาอุปกรณ์ทำแผลในตัวเมืองปางมะผ้า เราไม่เท่าไหร่ แต่แฟนแผลถลอกที่แขนค่อนข้างกว้างและมีหินกับดินเต็มไปหมด สำรวจดูแล้วว่าไม่มีสัมภาระใดๆ หล่นอยู่ตรงที่เกิดเหตุเราไปกันต่ออีก 8 กิโลเมตรถึงปางมะผ้า...

     

    "ปางมะผ้า"

    ก่อนถึงตัวเมืองเจอโรงพยาบาลปางมะผ้าเลี้ยวรถเข้าทันที พยาบาลบอกว่าจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย แฟนจะให้เรา X-ray แต่เราไม่เป็นอะไรจริงๆ ระหว่างรอหมอแฟนก็เอารถไปรักษาบ้าง ได้ลุงวินคนหนึ่งคอยมารับส่งระหว่างร้านซ่อมรถกับโรงพยาบาล ช่วยหาร้านซ่อมรถให้ ส่วนเรารอหมอไม่ไหวและรู้สึกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ยังต้องไปอีกไกลเลยไม่ได้รอคุณหมอ

    แฟนให้เราไปนั่งรอที่ร้านชาไข่มุกหน้า 7-11 ตลาดสบป่องตัวเขาเองไปดูรถต่อ ชาไข่มุกเยียวยาทุกอย่างได้จริงๆ ชานมไข่มุกเม็ดเล็ก เข้มข้น "ชาละมุน" 30 บาทแก้วเบ้อเร่อ ละมุนสมชื่อจนเราต้องหิ้วฝ่าโค้งไปปายด้วย แต่รู้ไหมเวลาเทโค้งทีกัดฟันแค่ไหน จนต้องกอดเอวคนขี่ไว้แน่น แต่ความกลัวที่มีต้องกดไว้ เราคิดว่าไม่เป็นการดีที่จะแสดงให้แฟนเห็น เพราะที่เจอกันมาก็ใจเสียกันมากพอแล้ว

     

    "ปาย"

    ออกจากปางมะผ้าเกือบบ่ายโมง บ่ายสองโมงถึงปายแวะตั้งสติกันที่หน้าร้าน Coffee in love แฟนพูดขึ้นมาว่า 'พี่ไม่น่าพาเธอมาด้วยเลย" เท่านั้นแหละสิ่งที่เก็บไว้ปล่อยออกมาหมด ร้องไห้ทั้งๆ ที่ยังดูดชาไข่มุก เพราะเขาเคยพูดไว้ในวันที่สองว่าเรามากันแค่สองคนต้องช่วยกัน ซึ่งเรายังไม่บ่นว่าเจ็บสักคำ พอร้องไห้เสร็จยังมีอารมณ์เดินไปถ่ายรูปกันอีก ที่ปายได้มา 2 รูปคือตรงร้าน Coffee in love และสะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย

    ปลายทางของเรายังเป็นลำปางค่ะ ตอนผ่านเชียงใหม่คือผ่านแบบไม่ไยดี นอกจากแวะเติมน้ำมันก็ไม่ได้แวะที่ไหนเลย ช่วงเชียงใหม่ ลำพูน ถนนดีเลยทำเวลาได้ดี ย้อนกลับไปก็จำไม่ได้แล้วมาไปเส้นไหน ข้อมูลตรงนี้อาจจะให้ไม่ได้มาก เพราะหลังจากที่รถล้มเราก็แทบไม่ได้บันทึกอะไรไว้อีก


    "ลำปาง"

    หนึ่งทุ่มนิดๆ เรามาถึงลำปาง ที่พักโทรฯ จองตอนแวะเติมน้ำมัน A-Bizz Hotel ราคาห้องพักเราไม่ค่อยแน่ใจ เป็นโรงแรมหลักร้อย 690-790 บาท ไม่รวมอาหารเช้า โรงแรมดี บรรยากาศน่านอน มี Fitness center พื้นที่ส่วนกลาง ขนมและน้ำผลไม้ในห้องกินได้ฟรี ห้องกว้าง ใกล้ๆ โรงแรมมีร้านข้าวต้ม

     

     

     

     

     

     

    "กาดกองต้า"

    สังขารก็ไม่อำนวยแต่ทนความหิวไม่ไหว มาถึงลำปางทั้งทีจะให้นอนอยู่แต่ในห้องเป็นไปไม่ได้ หามื้อเย็นกินกันที่กาดกองต้า อยากเห็นว่าลำปางตอนกลางคืนเป็นยังไง เดินโขยกเขยกกันไปสองคน เวลาเผลอมาแตะตัวกันทีไรมีสะดุ้งเพราะเริ่มระบมแล้ว กาดกองต้าของขายเยอะมาก ของกิน ของใช้ เสื้อผ้า งานฝีมือฯ เราเดินหมดทุกซอยเลยนะ เป็นตลาดที่มีชีวิต มีสีสัน มีเพลงเหนือเล่นสดให้ฟังด้วยค่ะ

    มื้อปลอบใจเราไปจัดหนักกันที่ร้าน "อิ่มหมี นะ ลำปาง" สั่งกันยับเพราะคิดว่าขนมจีนราคา 35 บาทจานคงไม่ใหญ่ ที่ไหนได้เต็มโต๊ะ เราสั่งยำขนมจีนกรอบเป็นเมนูที่น่าสนใจดีค่ะ ข้าวซอยไก่ ขนมจีนน้ำเงี้ยว ขนมจีนน้ำยากะทิ ส้มตำ และเมนูสุดท้ายที่ได้ยินชื่อมานาน "ข้าวกั้นจิ้น" มันๆ หอมๆ

     

     

     

     

     

    "ค่ำคืนที่นครลำปาง"

    ขี่รถไปซื้อยามาทำแผล ผ่าน "วัดเชียงราย" ยืนอ่านชื่อตั้งนาน แบบงงๆ วัดสวยดีค่ะ จัดไฟเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ได้เจอรถม้าที่เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดลำปาง ถ้ามีโอกาสกลับมาอีกก็อยากมานั่งรถม้า สนับสนุนอาชีพคนพื้นที่ (แต่ต้องไปลดน้ำหนักก่อนไม่อย่างนั้นอาจจะโดน พรบ. คุ้มครองสัตว์ได้ ฮ่าๆ) "สวนสาธารณะห้าแยกหอนาฬิกา" ช่วงที่ไปยังอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่นี่เขาแต่งไฟอลังการมาก แฟนแวะให้เราลงไปถ่ายรูป แต่วันนี้ล้าสุดๆ เลยมีรูปติดมานิดหน่อยค่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

    • โพสต์-6
    แป้งเจอนี่เจอนั่น •  เมษายน 10 , 2562

    Day 5: ลำปาง - ตาก - อยุธยา - ปทุมธานี (ระยะทางประมาณ 580 กิโลเมตร)

    เมื่อคืนก่อนนอนอ่านข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวในลำปางเยอะมาก เปิดอ่านจนเกือบเที่ยงคืนสุดท้ายตื่นไม่ไหว ปวดไปทั้งตัวแผลตึงไปหมด จริงๆ วันนี้ก็รีบนะระยะทางไกลว่าทุกวันที่เคยขี่มา แต่คำว่า “จะออกแต่เช้า” ไม่มีจริงในทริปนี้

    "ป้อก๋วยจั๊บ - สถานีรถไฟนครลำปาง"

    เราไปกินก๋วยจั๊บตรงหน้าสถานีรถไป ร้านนี้จากที่เคยได้ยินมาว่าเป็นร้านดังของจังหวัด นอกจากก๋วยจั๊บยังมีข้าวหมูพะโล้ด้วย หมูกรอบดี ไส้ไม่มีกลิ่น แต่น้ำซุปหนักเค็มไปเยอะ Location ร้านดีใครเดินทางมาโดยรถไฟแวะกินได้เลย หรือใครที่มากินก็แวะไปชมสถานีรถไฟสวยๆ ได้

    กินมื้อหลักตบท้ายด้วยหาร้านกาแฟดื่ม เราออกจากลำปางเกือบเที่ยง มาทางถนนหมายเลข 1 ยิงยาวมาจังหวัดตาก ทุก 100 กิโลเมตรต้องคอยเตือนกันเรื่องเติมน้ำมัน เต็มถังไปได้มากกว่า 100 กิโลแหละ แต่เราไม่อยากประมาท ไม่เคยมา ไม่รู้ทางข้างหน้าก็เลยตกลงกันไว้แบบนี้


    "ผัดไทยตรอกบ้านจีน จ.ตาก"

    ถึงตัวเมืองตากประมาณ 14.00 น. เราไปที่ตรอกบ้านจีนอยู่ในอำเภอเมืองนั่นแหละ เป็นชุมชนเก่าแก่อายุเป็นร้อยปีทางเข้าแคบๆ ขี่เลยไปมาหลายกรอบ แหล่งเรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดตาก อยู่ใกล้กับริมแม่น้ำปิงมีสวนสาธารณะ มีบ้านไม้เก่าแก่สวยๆ เราไม่ได้แวะชื่นชมความเก่าแก่ของชุมชนมากนัก เพราะจุดหมายของเราอยู่ที่ร้านผัดไทยตรอกบ้านจีน มีเมนูผัดไทย ก๋วยเตี๋ยว ผัดซีอิ้ว ราดหน้า ราคาย่อมเยาสุดๆ เริ่มที่ 15-25 บาท เรากินแบบไม่ต้องปรุง น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวอร่อยมาก เส้นคล้ายหมี่ซั่วเส้นยาวเหนียวนุ่ม ผัดไทยเด็ดจริงค่ะ หอมกลิ่นควันๆ มีกากหมูใส่มาด้วย อาหารจานไม่ใหญ่ เรากินผัดไทยไป 2 ก๋วยเตี๋ยวหนึ่ง สั่งจานเดียวไม่คุ้มค่ากับความอร่อย ตัวเมืองตากร้านข้าวต้มเยอะมาก ใครมีร้านเด็ดร้านประจำแนะนำได้นะคะ เผื่อไว้คราวหน้าผ่านมาจะได้แวะชิม

    จากนั้นก็ยิ่งยาวช่วงจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ นี่เมื่อยก้นสุดๆ แต่ก็เพลินตาด้วยวิวเขาหินปูน บิดกันมายาวๆ มีครั้งหนึ่งรถน้ำมันหมดในปั๊มพอดีไม่งั้นมีเข็น เข้าอ่างทองฟ้ามืดแล้วค่ะ แฟนบอกว่าจะให้รางวัลโดยพาไปกินของอร่อยที่อยุธยาฯ



    "พี่กลางกุ้งใหญ่ ตลาดกลางอยุธยา"

    ประมาณ 19.20 น. เรามาถึงร้านพี่กลางกุ้งใหญ่ น่าจะเป็นลูกค้าคนสุดท้ายของวันนี้มีลดราคาให้นิดหน่อยก็จัดมาเต็มที่เลยเพราะมีเจ้ามือ กุ้งช้อนกันเป็นๆ ตรงหน้าร้าน สด เนื้อเด้ง ข้าวผัดปู ต้มยำรวมมิตรอร่อยมาก กุ้งในต้มยำตัวใหญ่ ปลาไม่คาว ปกติไม่ชอบกินกุ้งยิ่งตรงหัวไม่กล้ากินเลย ลองกินที่นี่แหละฟินสุด น้ำจิ้มซีฟู๊ดจัดจ้าน

     

    รางวัล "คนซ้อนผู้ขืนโค้งเก่งแห่งปี"

    ครั้งที่ 5 แล้วกับการเดินทางมาจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทุกครั้งที่มาที่เราได้พบเจอมันแตกต่างกันไปหมด 5 ครั้งแล้วเราก็ยังเที่ยวไม่หมด (ทำรีวิวได้แค่ 3 ครั้ง) บนพระธาตุกองมู...นอกจากขอให้การเดินทางครั้งนี้ปลอดภัย เราขอให้ได้กลับมาดินแดนแห่งนี้อีก พี่สาวที่เรามาเยี่ยมเยือนบอกว่าคนที่มาแม่ฮ่องสอนคือคนที่ตั้งใจมาจริงๆ เพราะไม่ใช่เมืองทางผ่าน ยิ่งอำเภอเมืองต้องผ่านโค้งเป็นร้อยเป็นพัน ซึ่งเราก็ตั้งใจจริงมาก ถึงจะเจ็บตัวเราก็ถือว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับ เราได้เรียนรู้ในการเดินทางที่แตกต่างจากครั้งอื่นๆ รู้จักวางแผน สนุกดีค่ะ คงเป็นทริปที่อยู่ในใจและความทรงจำของเราไปอีกนาน

    ..ของที่ระลึกจากแม่ฮ่องสอน..

     

    ค่าใช้จ่ายสำหรับ 2 คน ในทริปนี้เราบันทึกไว้แค่ Day 1- Day 3 นะคะ เผื่อใครอยากประมาณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ จะได้กำหนดงบถูก

    ขอบพระคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ หากมีสิ่งใดหรือสถานที่ท่องเที่ยวอยากแนะนำเพิ่มเติมบอกได้นะคะ

     

    * รีวิวนี้เจ้าของรีวิวเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด

    ** เดินทางเข้าไปในพื้นที่เมื่อวันที่ 02-06 มกราคม 2562

    *** รูปภาพในกระทู้นี้ถ่ายโดย Sony a6000 ใช้ Application VSCO, Phonto ในการแต่งรูปค่ะ

    ถ้าชอบกดถูกใจ ใช่กดโหวต มีประโยชน์กดแชร์ได้เลย หรือมีคำแนะนำอื่นๆ เพิ่มเติม จะยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ

    อ่านรีวิวอื่นๆ ได้ที่ https://www.thetrippacker.com/th/pangjourney

    หรือติดตามได้ทางเพจอีกหนึ่งช่องทางค่ะ

    https://www.facebook.com/KeepGoingThailand/

    • Musashi  เพิ่งมาอ่านเจอ กำลังหาโอกาสไปในเส้นทางนี้เร็วๆ นี้ครับ 28 สิงหาคม 2563 09:46:03