• แสนตอ • แสนสงบ • แสนสุข • งมหอยแครง นอนโฮมสเตย์ในกรุงเทพฯ พร้อมอาหารทะเลจัดเต็ม!
หลายคนอาจจะทราบอยู่แล้วว่าเมืองหลวงของเรามีพื้นที่ติดทะเล คนที่ยังไม่ทราบ (หนึ่งในนั้นเคยเป็นเรา) อาจจะคิดว่า ทะเลสวนสยามหรือเปล่า? จขกท. มาเล่นมุกอะไรแถวนี้!!! จะพาไปเที่ยวสวนสยามใช่ไหม? ไม่ใช่นะคะ ทะเลจริงๆ แบบที่มีระบบนิเวศป่าชายเลน มีน้ำขึ้นน้ำลง มีปลาตีน มีอาหารทะเล ฯ ลองไปยืนจ้องแผนที่ประเทศไทยดูดีๆ กรุงเทพฯ มีพื้นที่ติดทะเลจริงๆ ระยะทางไม่มากนัก ประมาณ 5 กิโลเมตร ครั้งนี้เราจะพาไป เที่ยวแถวๆ 5 กิโลเมตรที่กล่าวไปข้างต้น ไปสัมผัสวิถีชีวิตคนกรุงที่อยู่ติดทะเล ไปนอนโฮมสเตย์ที่แวดล้อมไปด้วยต้นโกงกาง ชุมชนที่ใช้เรือเป็นพาหนะหลักในการสัญจร พายเรือคายัคงมหอยแครง นั่งดูน้ำขึ้นน้ำลง มีอาหารทะเลจัดเต็มครบ 3 มื้อ ในราคา 700 บาท!!! ขอใช้วันหยุด หลีกหนีความวุ่นวายในกรุงเทพฯ มาพักกายพักใจในกรุงเทพฯ สัก 2 วัน 1 คืน...
มาเริ่มที่วิธีการเดินทางกันเลยดีกว่า (ส่วนข้อมูลการติดต่อจะใส่ไว้ให้ตอนท้ายนะคะ) เราขอแบ่งการเดินทางเป็น 2 แบบ คือ ไปโดยรถประจำทาง และ ไปด้วยรถส่วนตัว
การเดินทางโดยรถประจำทาง มี Step ดังนี้ 1.นั่งรถไปลงบิ๊กซีพระราม 2 >>> 2.ขึ้นรถสองแถวสายลูกวัว >>> 3.ต่อสองแถวหัวแดงไปลงหน้าโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ >>> 4.เหมาเรือแถวหน้าโรงเรียนเข้าไปที่บ้านลุงสอน ชุมชนแสนตอ
1.นั่งรถไปลงบิ๊กซีพระราม 2 *** เริ่มจากรังสิตจะมีรถตู้พระราม 2 - มหาชัยอยู่ข้างๆ โรงภาพยนต์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ฝั่งลานจอดรถ คนขายตั๋วจะถามเราด้วยสำเนียงน่ารักว่าลงที่ไหน บอกเขาว่าลง บิ๊กซีพระราม 2 ราคาถ้าจำไม่ผิดคนละ 60 บาทค่ะ ***จากอนุสาวรีย์ เรายังไม่เคยนั่งรถตู้จากที่นี่ไปนะ ลองเปิดหาข้อมูลรถตู้ที่อยู่ใต้ทางด่วนพหลโยธินฝั่งที่ไปสะพานคายมีรถตู้ไปพระราม2 แต่เคยนั่งรถเมล์สาย 140 ขึ้นฝั่งเกาะพญาไท ค่ารถ 23 บาทค่ะ ไปถึงหน้าบิ๊กซีพระราม2 เลยค่ะ
2.ขึ้นรถสองแถวสายลูกวัว หน้าบิ๊กซีจะมีรถสองแถววิ่งหลายสาย ให้ดูคันสีน้ำเงิน แต่!!! ต้องเป็นคันสีน้ำเงินที่เขียนว่า ‘บางบอน-เทคโนฯ-ลูกวัว’ ดูดีๆ นะ เพราะรถสองแถวสายอื่นก็สีน้ำเงิน รถสองแถวคันนี้ไปไม่ถึงโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์นะคะ ก่อนขึ้นบอกเขาว่าจะไปต่อรถสองแถวเข้าโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ ถึงแล้วจอดให้ด้วยนะคะ รถสองแถวจะส่งเราที่ศาลาก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยเทียนทะเล 25 เราก็ยืนรอรถสองแถวหัวแดงฝั่งนั้นเลย ค่ารถสองแถว 8 บาทค่ะ นี่คือหน้าตาของรถสองแถวสายลูกวัว
3.ต่อสองแถวหัวแดงไปลงหน้าโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ พี่คนขับรถสองแถวแนะนำว่าให้ไปรอศาลาฝั่งตรงข้าม เราก็เลยถามว่า ‘อ้าว พี่ตกลงหนูต้องขึ้นฝั่งไหนกันแน่คะ?’ พี่คนขับบอกว่า ‘ขึ้นฝั่งที่พี่จอดให้ลงนั่นแหละ แต่ศาลารอรถมันอยู่ลึกเข้าไปข้างถนน ถ้ารถหัวแดงมาจะมองไม่เห็น บางทีมันวิ่งเร็ว นอกจากน้องจะออกมายืนตากแดดรอริมถนน ศาลาอีกฝั่งจะมองเห็นง่ายกว่า ไม่ต้องตากแดดด้วย เห็นรถสองแถวหัวแดงๆ มาเมื่อไหร่ค่อยข้ามกลับมาฝั่งที่พี่จอดส่ง ’ ๕๕๕ งงไหม? ตอนแรกเราก็งง สรุปง่ายๆ เลย ขึ้นรถฝั่งที่สองแถวสายลูกวัวจอดส่ง แต่ถ้าไม่อยากยืนตากแดดรอรถ ก็ข้ามมานั่งรอในศาลาอีกฝั่ง พอเห็นรถสองแถวหัวแดงมาก็ข้ามกลับไปขึ้น ข้ามดีๆ นะ รถแถวนั้นวิ่งเร็ว รถสองแถวหัวแดง หน้าแดง เป็นคำที่คนแถวนั้นให้เรียกรถสองแถวที่วิ่งเข้าไปถึงโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์จุดที่เราต้องไปต่อเรือ หลังคาด้านหน้าจะเป็นสีแดงๆ มองเห็นแต่ไกล อาจจะต้องรอนานหน่อยถึงจะมาคันหนึ่ง (แต่จะขึ้นรถไม่ทันก็เพราะข้ามถนนไป-มาเนี่ยแหละ -_-) ขึ้นรถได้นั่งไปสุดสายเลยค่ะ คือหน้าโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ ค่ารถคนละ 8 บาท สองแถวหัวแดง หน้าแดง เห็นแต่ไกล...
4.เหมาเรือแถวหน้าโรงเรียนเข้าไปที่บ้านแสนตอ เราเดินไปร้านค้าแถวหน้าโรงเรียนว่าจะไปบ้านลุงสอน ชุมชนแสนตอต้องไปขึ้นเรือที่ไหนคะ? เราไม่ได้ถ่ายรูปจุดขึ้นเรือมา ถามคนแถวนั้นได้ค่ะ ครั้งก่อนที่เรามา มีป้าพาเดินไปขึ้นเรือ มากันเยอะด้วยเลยไม่ได้จำทางอะไรไว้เลย ครั้งนี้ไม่มีคนพามา แต่ชี้มือบอกว่าบ้านหลังเล็กๆ ข้างร้านขายปลาเค็ม เราไปยืนด่อมๆ มองๆ ตั้งนานไม่เห็นมีใครเลย บ้านนี้จะอยู่ติดกับบ้านที่เป็นร้านนวดแผนไทย ร้านนวดข้างๆ เห็นเราเลยถามว่ามาหาใคร? เราบอกว่าจะเหมาเรือไปชุมชนแสนตอ เขาก็บอกให้เราเดินเลาะข้างบ้านไปที่ท่าเรือเลย พอถึงท่าเรือก็ไม่เห็นใคร บ้านก็เงียบ ถ้าเจ้าของบ้านออกมาเห็นจะโดนยิงไหมก่อน? ลองพูดคนเดียวเสียงดังๆ ‘มีใครอยู่ไหมคะ?’ ก็เงียบ...เลยหน้าด้านยืนรอ ตีหน้ามึนอยู่ที่ท่าน้ำ สักพักมีความเคลื่อนไหวในบ้าน เราเลย สวัสดีค่ะ ก่อนเลย (กลัวโดนยิง) เดินเข้าไปเจอคุณลุง รีบบอกเลยว่า ‘จะไปชุมชนแสนตอ บ้านลุงสอน คุณลุงไปไหมคะ?’ คุณลุงพยักหน้าถามว่าเรามากี่คน เราบอกว่าคนเดียว คุณลุงคิด 100 บาทค่ะ (ครั้งก่อนมากัน 5 คน 150 บาท แต่ไม่ใช่ลุงคนนี้นะคะ) เราเป็นคนบอกลุงสอนว่าจะเหมาเรือเข้าไปเองเพราะเคยมาแล้ว ถ้าไม่เคยมาลองถามลุงสอนก่อนว่าสะดวกมารับที่ท่าเรือตรงโรงเรียนไหม? การเดินทางอาจจะดูยุ่งยากไปนิด แต่รับรองว่าถึงแน่ๆ
การเดินทางโดยรถส่วนตัว มี Step ดังนี้ >>> 1.จากบิ๊กซีพระราม 2 มาเส้นบางขุนเทียนชายทะเล >>> 2.นำรถมาจอดตรงท่าเรือของลุงสอน >>> 3.ลุงสอนนำเรือมารับ
เราไม่สันทัดในการเดินทางโดยวิธีนี้เพราะเราเดินทางมาโดยรถประจำทาง โทรถามลุงสอนเรื่องที่จอดรถกับนำเรือมารับอีกทีนะคะ ข้อมูลจะได้แน่นอนกว่านี้ วันที่เราไปมีพี่อีก 2 คน นำรถส่วนตัวมา เราถามลุงสอนว่าถ้านำรถส่วนตัวมาสามารถไปจอดได้ที่ไหน ลุงสอนบอกว่าหลานลุงเขามีที่อยู่ใกล้ๆ สามารถจอดรถได้ และลุงสอนจะเอาเรือไปรับที่นั่นเลย เพราะท่าเรือตรงที่จอดรถจะอยู่ใกล้กว่าท่าเรือหน้าโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ เราไปเอาภาพมาจาก Googleแหละ เผื่อจะทำให้เห็นภาพมากขึ้น (มั้งนะ)
เส้นทางจากบิ๊กซีพระราม2 เราใช้จุดหมายปลายทางในการค้นหาเส้นทางเป็นโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์นะ เพื่อให้เห็นว่ามาทางเส้นบางขุนเทียน-ชายทะเล
ครั้งนี้เรากลับมาตามคำสัญญาที่เคยพูดไว้ เรากลับมาด้วยความประทับที่มีในครั้งแรก
อ่อ...ภาพที่เราใช้ในการทำกระทู้เป็นภาพจากการไปมาทั้งสองครั้งนะคะ แต่จะใช้ภาพการครั้งล่าสุดเป็นหลัก ^^
เรือที่เหมาเข้ามาลุงขับซิ่งมาก (เพิ่งเคยเห็นเรือใช้แก๊ส) มันก็สนุกดีหรอก แต่ช่วงนี้น้ำมันขึ้นอ่ะ เราว่ายน้ำไม่เป็น เสื้อชูชีพอย่างหวังว่าจะมี แต่เราก็มั่นใจนะว่าคนแถวนี้ต้องขับเรือเก่งกันทุกคนเพราะเกิดและโตมากับสิ่งแวดล้อมแบบนี้ (เอ๊ะ! ลุงแกเป็นคนแถวนี้ใช่ไหม?) มาครั้งนี้ต่างจากภาพความทรงจำครั้งที่แล้วเพราะเป็นช่วงน้ำขึ้น ริมคลองจะเป็นบ้านที่มีเสาสูงๆ สลับไปกับต้นโกงกาง มีเครื่องมือดักสัตว์น้ำให้เห็นบ้าง
ไม่อยากจะเชื่อเลย ที่นี่คือกรุงเทพฯ ^^
ความรู้สึกเหมือนกลับบ้าน... (เดี๋ยวๆ บ้านตัวเองยังไม่ค่อยกลับ)
เสร็จแล้วที่นอนคืนนี้ ^^ไม่ได้นอนมุ้งมากนานมากกกกกกกกกก ตั้งแต่โลกใบนี้รู้จักกับเหล็กดัดและมุ้งลวด
ปลาหมด!!! กุ้งไม่เหลือ!!! ปูหาย!!! เหลือแต่ไข่เจียวหอยนางรม ไม่ไหวจริงๆ
ตกใจตัวเองมาก กินไปได้ยังไง -_- พวกน้ำจิ้มป้าเอื้อนจะทำรสชาติหนักไปทางเปรี้ยว เข้าทางเรามาก ฟาดเรียบเลย หลังเอาจานไปล้าง ลุงสอนบอกขอบใจนะที่ช่วยล้าง ถึงจะจ่ายเงินมาแต่เรามองว่าที่นี่เหมือนบ้านมากกว่า
เพิ่งเก็บโต๊ะเสร็จ ป้าเอื้อนลงมาทำกับข้าวอีกแล้ว หืมมมมมม ต้องหาอะไรทำให้อาหารย่อย
ครั้งที่แล้วมาพายเรือคายัคเก็บหอยแครงกับเพื่อนๆ ครั้งนี้มาคนเดียวลากเรือลงน้ำไม่ไหว เลยขอนำภาพจากครั้งที่แล้วมาให้ดูนะคะ หอยแครง กุ้ง ปู ลุงสอนเลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่ต้องให้อาหาร เลยไม่จำเป็นต้องมีที่ตีอากาศ
(เขาเรียกว่าอะไรอ่ะ ที่อยู่ในบ่อกุ้ง หมุนๆ เหมือนกังหันน้ำอ่ะ)
วิธีงมหอยแครง คือเอาไม้พายปักแนวดิ่งลงไปในโคลนเพื่อเป็นรากฐานให้กับตัวเอง จับไม้พายไว้มือหนึ่ง อีกมือที่ว่างเอาลงไปควานหาหอยเลย น้ำจะลึกไม่ลึกอยู่ที่ความยาวของแขนค่ะ ที่ต้องจับไม้พายไว้เพราะบางทีเรางมเพลิน เอื้อมมาไปหน่อยเรือก็จะเอียงอาจถึงคว่ำได้ ถ้าใครแขนยาวก็สบายใจได้เลย
ตรงท่าเรือจะมีศาลาให้นั่งพักผ่อน ข้างๆ กันมีชิงช้า
ที่โฮมสเตย์มีขนมกับน้ำดื่มเล็กๆ น้อยๆ ขายด้วยนะคะ สามารถอุดหนุนกันได้
คนแถวนั้นก็จะแวะเวียนมาซื้อของที่บ้านลุงสอน รอยยิ้มคือคำทักทายที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก
เราเจอใครมาซื้อของก็ยิ้มให้ก่อน จากนั้นก็จะมีคำถามสั้นๆ ตามมาตลอด ^^
เรารอเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน เดินออกไปตามคันนาหอยแครง เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตก มีภาพมาฝากด้วยนะ
พี่ๆ สองคนก็ลากเรือออกไปตกปลากัน ท่ามกลางพระอาทิตย์ตกดินสุดโรแมนติก เราก็นั่งหงอยอยู่บนคันนา TT
ที่บ้านลุงสอนมีคันเบ็ดค่ะ ใครอยากตกปลาสามารถพายเรือไปตกในบ่อได้
***ขอย้ำนะคะว่าเป็นรูปปี 2555
มีอีกเรื่องที่เราสนใจ ‘น้ำขึ้นและน้ำลง’ อยากรู้ว่าเกี่ยวกับดวงจันทร์ยังไง? การดูปฏิทินจันทรคตินับยังไง? ครั้งก่อนเรามาที่นี่เดือนกรกฎาคม ช่วงนั้นตอนเช้าน้ำลดแทบจะจอดเรือไม่ได้ ลุงสอนบอกว่าอีกสองเดือนน้ำจะขึ้นช่วงเช้า และลดลงช่วงสายๆ สลับกัน แล้วก็เป็นจริงๆ ครั้งนี้ที่เรามาป้าบอกว่าถ้ามาเร็วกว่านี้จะให้พายเรือเล่นหน้าบันไดบ้าน เราเลยข้องใจมากว่าจะรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง เลยถามคำถามไปเยอะมาก ลุงสอนตอบมาสั้นๆ ว่า ‘อธิบายไม่ได้หรอก ต้องอยู่ที่นี่นานๆ’ นั่นสินะ มันก็เหมือนคำตอบในหลายๆ สิ่งที่เราอยากรู้ แต่เราไม่เคยที่จะสังเกต หรือ พิจารณาความเป็นไปและเป็นมาของสิ่งเหล่านั้นเลย ของบางอย่างต้องใช้เวลาจริงๆ #ความรักก็เช่นกัน
พี่ๆ สองคนพายเรือกลับมาพร้อมปลากุเลาตัวน้อยๆ 1 ตัว
หลังจากนี้เป็นเวลาแห่งการกินอีกแล้วของเก่ายังไม่ย่อยดีเลย -_-
มื้อเย็นจัดเต็มเช่นเคย ครั้งนี้เราได้มีโอกาสนั่งเป็น กขค. ร่วมโต๊ะกับพี่ๆ อีก 2 คน
ได้มีโอกาสคุยกันจริงจังครั้งแรก พี่สองคนน่ารักมาก ^^
มาดูดีกว่ามื้อนี้มีอะไร
หืมมมมม แค่นี้ก็ไม่หมดแล้วค่ะ
เราคุยกันว่าจะไปขอร้องป้าพรุ่งนี้ไม่ต้องทำอาหารเช้าเพิ่มแล้ว ให้ป้าอุ่นของที่เหลือตอนเย็นมากินตอนเช้าแทน
นั่งคุยกันสักพักก็แยกย้ายไปอาบน้ำนอน เราบอกลุงสอนไว้ว่าจะออกมาถ่ายดาวตอนดึกๆ นะคะ
มืดๆ แบบนี้คงเห็นได้ชัด อยากเห็นดาวในกรุงเทพฯ ^^
ล้มตัวลงนอนมองไปตรงประตู เอ้อเหอออออออ ช่องอย่างกว้างเลย
ความกว้างไม่เป็นปัญหา แต่เวลานอนมันตรงกับสายตาพอดี พยายามจะไม่มองๆๆๆ
กำลังเคลิ้มจะหลับ ฝนตกหนักมากกกกก หลังคาไม่มีฝ้าด้วยเสียงเลยดังสุดๆ นอนคนเดียวมันน่ากลัวก็ตอนนี้แหละ ที่สำคัญ ไอ้ช่องใต้ประตูนั่น ตอนนี้ผีไม่กลัวล่ะ กลัวพวกสัตว์เลื้อยคลานวิ่งเข้ามาหลบฝนอ่าดิ เลยลุกไปจัดที่นอนให้ทับมุ้งอย่างแน่นหนา การดูดาววันนี้เลยต้องพับเก็บไป ยังไม่จบ...คืนนี้อีกยาวไกล จู่ๆ พัดลมก็ดับ เฮ้ย! ใครมาปิดอ่ะ TT ไม่กล้าหันไป ฝืนใจหลับใส่จนเช้าเลย ตื่นมาลุงบอกเมื่อคืนไฟดับนอนร้อนไหม?? ไฟดับ!!! ทำไมตอนนั้นคิดไม่ถึงข้อนี้ ดีนะยังไม่ได้เล่าความคิดตัวเองให้ลุงฟัง อิอิ
เช้าหลังฝนตกเป็นเช้าที่สดชื่นมาก อากาศเย็นๆ มองไปทางไหนก็มีแต่ความชุ่มฉ่ำ
เพิ่งหกโมงกว่าเอง เมื่อคืนเป็นการเข้านอนไวที่สุดในรอบปีนี้ ไม่ได้รู้สึกว่านอนเต็มอิ่มแบบนี้มานานแล้ว
เราไม่ได้ตื่นเพราะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ แต่มีเสียงจากเจ้าถิ่นที่ยกขบวนกันมาอาบน้ำริมหน้าต่างข้างห้องนอน
ต้องไปแอบดูสักหน่อย
มาดูดีกว่าว่าได้ตัวอะไรมาบ้าง
เราเลยคิดอะไรเล่นสนุกๆ คนเดียว จะเดินสำรวจรอบๆ บ้านว่ามีสิ่งมีชีวิตอะไรอีกไหม?
การเดินรอบบ้านเช้านี้ลำบากหน่อย เพราะส่วนใหญ่เป็นพื้นดิน เมื่อคืนฝนตกด้วย
เดินไปเดินมาดินติดรองเท้าแตะกลายเป็นส้นตึกเลยทีเดียว เราเห็นลุงสอนถอดรองเท้าเดิน เลยลองบ้าง
ก็เละเหมือนเดิม แต่คล่องกว่าใส่รองเท้า
มาเจอตัวแรก อุทานเลย เห้! เจอกันจังๆ ยืนจ้องตากันอยู่แป๊ปนึงเดาใจเธอไม่ออกว่าจะไปทางไหน เราจะได้หลีกทางให้ สุดท้ายเธอเลือกลงน้ำและหายไป
สองวันนี้เราตัดขาดจากโลกโซเชียล เอาตัวเองมาอยู่ในโลกสีเขียวๆ ที่มีแต่ความสงบ
เราอ่านหนังสือได้มากขึ้น เมื่อถึงประโยคที่อ่านแล้วกินใจ เรามีเวลาที่จะซาบซึ้งกับตัวหนังสือเหล่านั้น
สลับกับดูเรือวิ่งไปวิ่งมา ดูนกกินปลาสีน้ำเงิน อีกาสองตัวบินหยอกกันไปมาส่งเสียงร้องไปทั่ว
กับระดับน้ำที่ค่อยๆ ขึ้น แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
บางทีความสุขก็ไม่ต้องไปไขว่คว้าอะไรให้มากมายเลย แค่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนมุมมองเท่านั้น
สายๆ น้ำเริ่มขึ้น เหตุการณ์มันคุ้นมากๆ เหมือนปีที่น้ำท่วมใหญ่เลย แต่ที่นี่ประมาณ 10 โมงน้ำก็จะค่อยๆ ลงแล้วค่ะ
ความจริงมื้อนี้ต้องเป็นข้าวต้ม แต่เนื่องจากที่เราขอร้องป้าไว้ว่าไม่ต้องทำเพิ่ม ให้เอาของเก่ามาอุ่น
ดูสิ่งที่เราได้...
พร้อมกับผัดฉ่าปลาหมึกกุ้งให้อีกจานใหญ่ๆ -_- ป้ากับลุงได้กำไรบ้างไหมเนี่ย???
กาแบบนี้เคยใช้ตอนเด็กๆ เมื่อมีควันพุ่งออกมาแสดงว่าน้ำเดือดพร้อมใช้
ก่อนกลับลุงสอนจะให้เขียนสมุด เหมือนสมุดเยี่ยมเยียน ทุกคนตั้งใจเขียนมาก มีวาดรูปด้วย
จากนั้นก็จ่ายเงินค่าที่อยู่ที่กิน ทั้งหมด 700 บาทค่ะ ไม่แพงเลย และคุ้มค่าสุดๆ
ลุงสอนกับป้าเอื้อนขับเรือมาส่งที่ท่าเรือตรงลานจอดรถ เราขอติดรถพี่ๆ สองคนไปลงหน้าโรงเรียน
ต้องขอขอบคุณมากนะคะที่เอื้อเฟื้อแก่เด็กตัวดำๆ คนนี้ แถมชวนเที่ยวศาลพันท้ายนรสิงห์อีกต่างหาก
แต่เราไม่ได้ไป เพราะรู้สึกว่าพอใจแล้วกับทริปนี้ ขอบคุณมากๆ นะคะ ขอบคุณจากใจเลย
เราบอกลุงสอนว่า ถ้ามีโอกาสจะกลับมาอีกแน่นอน ^^
เราติดรถพี่สองคนมาลงหน้าโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ แต่ถ้าไม่ติดรถพี่เขามาก็ให้ลุงสอนโทรตามเรือมารับค่ะ
ครั้งที่แล้วเหมาเรือกลับ 5 คนเขาคิด 120 บาท
มาถึงหน้าโรงเรียนยืนรอรถสองแถวหัวแดงคันเดิมที่นั่งเข้ามา (นั่งรอในศาลาก็ได้) อาจจะต้องรอนานหน่อยนะคะ รถสายนี้มีวิ่งไม่เยอะ
บอกคนขับว่าไปลงพระราม 2 เขาจะจอดให้ใต้สะพานลอย
จากนั้นให้เดินข้ามมาฝั่งพระราม 2 ไนท์พลาซ่า (ไม่แน่ใจเรื่องชื่อสถานที่) แต่ข้างๆ เป็นโรงเหล้าแสงจันทร์
วันนั้นเรากลับรถเมล์สาย 140 ถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ เลยค่ะ ค่ารถ 23 บาท เห็นมีรถตู้ไปอนุสาวรีย์ด้วยนะ ยืนรอที่เดียวกันแหละแต่เราไม่รู้ว่าค่ารถเท่าไหร่
ถ้าใครอยากไปพักที่โฮมสเตย์ลุงสอน สามารถโทรไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือจะจองวันเข้าพัก
ได้ที่เบอร์นี้นะคะ 0870717242 เบอร์ลุงสอนโดยตรง บางครั้งสัญญาณอาจจะไม่ค่อยดีนะคะ คลื่นโทรศัพท์น้อยค่ะ
*** เข้าพัก 1 คืน พร้อมอาหาร 3 มื้อ กลางวัน เย็น เช้า คนละ 700 บาท เราว่าไปหลายๆ คนดีกว่านะ เพราะจะได้คุ้มทั้งคนไปและคนทำ
***ถ้าไม่อยากค้างคืนจะเข้าไปทานอาหารอย่างเดียวก็ได้นะคะ รองรับได้สูงสุด 80 คน ส่วนราคาขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่มาค่ะ
เช่น
น้อยกว่า 10 คน คิดเป็นโต๊ะ โต๊ะละ 2000 บาทได้อาหาร 5 อย่าง
14 คน จะแบ่งเป็น 2 โต๊ะ ราคา 3000 บาท อาหาร 5 อย่าง
50 คน คิดเป็นคน คนละ 200 บาท อาหาร 5 อย่างเช่นกัน
**** ยังไงควรโทรมาสอบถามล่วงหน้านะคะ เพื่อความแน่นอน
อีกอย่างการเดินทางเข้ามาที่นี่ต้องใช้เรือเท่านั้น มาเยอะลุงสอนจะโทรติดต่อเรือลำใหญ่ให้ค่ะ
จบแล้วทริปนี้อาจดูเวิ่นเว้อไปบ้าง แต่มันเป็นสิ่งที่เราไปสัมผัสมาจริงๆ ^^
**** ขอดอกจันไว้ตรงนี้ใหญ่ๆ สำหรับใครที่เข้าไปเที่ยว อย่าลืมว่าที่นี่เป็นโฮมสเตย์ มาเที่ยวแบบสัมผัสวิถีชีวิต ไม่ได้หรูหราอะไร เน้นความเรียบง่าย ลุงสอนกับป้าเอื้อนก็ดูแลเราเหมือนลูกหลาน เพราะฉนั้นพฤติกรรมการท่องเที่ยวของผู้ที่เข้าไปเยี่ยมเยือนควรจะปรับให้เข้ากับสถานที่และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าของบ้านนะคะ ขอฝากไว้พิจารณาด้วยค่ะ
ติดตามการเดินทางของเราได้ที่ >>>https://www.facebook.com/KeepGoingThailand/