ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
เยือนกรุงเก่าแบบไม่ทันตั้งตัว เลยไปฮาๆ รั่วๆ ที่ “ อยุธยา ” จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (Phra Nakhon Si Ayutthaya Province) จ.พระนครศรีอยุธยา
    • โพสต์-1
    0.3 •  กันยายน 03 , 2558

    ..ก็ตามที่หัวกระทู้บอกนั่นแหละ ทริปนี้มันกระชั้นชิดมากๆ คือ เรามีเรียนพิเศษ 5 วัน ก่อนมหาวิทยาลัยจะเปิด แล้วระหว่าง 5 วันนั้น จะมีวันแม่ ซึ่งเป็นวันหยุด คั่นตรงกลางพอดีเป๊ะ ตามประสาคนต่างจังหวัด หยุดวันเดียวอย่างนี้ จะกลับบ้านไปหาแม่ ก็คงเป็นไปได้ยาก ทริปพาเพื่อนเที่ยวไปตายเอาดาบหน้าจึงเกิดขึ้น

     

    ..นับ 1 ... 2 ... 3 เริ่มเรื่องได้ .......................

     

    ..เช้าวันแม่ วันที่ 12 สิงหาคม 2558 เป็นวันที่ฟ้าครึ้มตั้งแต่เช้า เราคาดว่ามันจะครึ้มอย่างงี้ทั้งวัน จึงสลัดเสื้อแขนยาวทิ้งไว้ที่หอ แล้วมารอรถตู้ที่หน้าโรง(พยา)บาลของมหาวิทยาลัย

     

    ..รอไม่นานมากเท่าไหร่ รถตู้ก็มาจอดเทียบฟุตบาท แล้วเปิดประตูเชื้อเชิญให้ผู้โดยสารเข้าไปนั่งเบียดเสียดกันในรถ นั่งมาสักพักก็ถึงอยุธยา ด้วยราคา 35 บาทถ้วน ก้าวแรกที่ลงรถ เรามองหน้าเพื่อนแล้วอุทานเบาๆว่า กูอยู่ส่วนไหนของอยุธยาวะ โชคดีที่อยู่ในยุคที่ทุกคนต้องมีสมาร์ทโฟน เราจึงหยิบมันขึ้นมา แล้วโทรหาคอลเซ็นเตอร์ว่า ตอนนี้กูอยู่ไหน จะบ้าหรอไม่ใช่ละ เราเปิดแอปแผนที่ที่ชื่อว่า OsmAnd เป็นแอปแผนที่ออฟไลน์ ที่ทำให้เราหลงทาง เอ้ย เกือบหลงทาง มาตั้งแต่ทริปแรกจนถึงทริปปัจจุบัน แล้วเราก็รู้ละว่าเราอยู่ที่ถนนนเรศวร รู้ว่าต้องเดินไปทางไหน เอาล่ะ ออกเดิน

     

    ..จากบันทึกของหลายๆท่านที่เป็นชาวตะวันตกมาทำการค้ากับสยามประเทศในสมัยนั้น ได้พรรณนาเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยาไว้ว่า เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในชาติตะวันออก และถูกจัดให้เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดลำดับที่ 13 ของประวัติศาสตร์ 5000 ปี เป็นสวยงามมาก สวยเกินที่จะบรรยาย เดินไปทางไหนก็เจอแต่สถูป เจดีย์ ที่เคลือบทอง เหลืองอร่ามไปทั้งแผ่นดิน เราจึงถือโอกาสนี้ทำตัวเป็น อินเดียน่า โจนส์ สักครั้ง

    ที่มา : www.manager.com

    ..เดินจนเหงื่อเต็มแผ่นหลัง ก็ถึงวงเวียน(อะไรไม่รู้) เป็นสถานที่ที่สามารถมองเห็นวัดราชบูรณะ ที่กำลังบูรณะอยู่ และวัดมหาธาตุได้ จากสภาพแล้ว ก็ดูเหมือนบังคับให้เราต้องไปวัดมหาธาตุ

    ..ค่าเข้า ราคาคนไทย 10 บาท ภาพในวัด อาคารต่างเอียงอย่างเห็นได้ชัด และจุดที่เรียกได้ว่าพีคสุดของวัดคือ เศียรของพระที่โดนต้นไทรพัน ฝรั่งบอกว่า รถเมล์ขับเร็วมากเลย(Amazing)

     

    ..ข้างๆกันจะมีพระพุทธรูป น่าจะเป็นพระประธานของโบสถ์นี้ เนื่องจากโรงสร้างอาคารเหลือแต่ฐานราก จึงสัญนิฐานได้ว่า ตัวโครงสร้างของอาคารและหลังคา น่าจะเป็นไม้ และผุพังตามกาลเวลา(ซึ่งมีคนสัญนิฐานไว้ก่อนเรานานแล้วววว...) 

    • โพสต์-2
    0.3 •  กันยายน 03 , 2558

    ..โบสถ์ใหญ่ที่อยู่ติดกัน น่าจะเป็นโบสถ์หลักของวัด ผนังเป็นการก่ออิฐ มีช่องเปิดเล็กๆ เป็นแนวยาวที่ผนัง สามารถเดินขึ้นไปบนฐานได้ ข้างบนจะมองเห็นได้เกือบทั้งวัด

    ..มาถึงกลางวัด ตรงกลางจะมีปรางค์ประธานขนาดใหญ่ รอบๆกำแพงจะมีพระพุทธรูปอยู่จำนวนมาก ส่วนมากจะไม่มีเศียรแล้ว

    ..เจดีย์ที่เอียงอย่างเห็นได้ชัด ที่วัดนี้เจอเยอะมาก

    • โพสต์-3
    0.3 •  กันยายน 03 , 2558

    ..แล้วเราก็เดินไปตามทางในอุทยานประวัติศาสตร์ไปเรื่อยๆ เห็นฝรั่งปั่นจักรยานผ่านไป ผ่านมา เรากับเพื่อนมองกันปริบๆ ไม่ใช่อะไร อยากปั่นบ้าง หาร้านเช่าไม่เจอ เราจึงเดินไปเรื่อยๆ คิดว่าทางข้างหน้ามันต้องมี เราถามคนแถวนั้น ได้ความว่า อยู่แถวหน้าวัดมหาธาตุ ซึ่งตอนนี้เราเดินมาจากตรงนั้นไกลมากแล้ว เสียใจ..แต่ไม่แคร์ เดินต่อไป

     

    ..ตรงข้ามกับร้านที่เราเข้าไปถาม จะมีช้างพานักท่องเที่ยวเดินผ่านไปผ่านมา แต่ที่น่าตกใจคือ เราได้ยินแว่วๆเหมือนภาษาญี่ปุ่น ต้นเสียงมาจากบนหลังช้าง เหมือนคนสองคนกำลังคุยกันอยู่ นั่นก็คือควาญช้างกับหญิงสาวชาวญี่ปุ่น เรานี่ลุกขึ้นปรบมือเลย(คิดจะในใจ) พี่เก่งมาก ขนาดเราดูแอนิเมะทุกวัน ยังทำไม่ได้เท่าพี่เลย

     

    ..ระหว่างทางที่จะไปวัดพระศรีสรรเพชญ์ จะมีทางยาวๆที่ปลายทางเป็นโบสถ์ใหญ่ๆ ตรงนี้จะมีเด็กมาท่องอะไรไม่รู้ ฟังไม่ทัน ประมาณว่าขายของให้ แววตาหน้าสงสาร มาคอยรังควานเราต้องทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วรีบเดินผ่านตรงนั้นให้เร็วที่สุด

     

    ..ฝ่าตรงนั้นมาได้ จะเจอกับทางเข้าวัด ราคาคนไทย 10 บาทเหมือนเดิม ข้างในจะเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ 3 องค์ ตั้งเรียงกัน (ณ จุดนี้ อยากเล่นมุกหมู 3 ตัว สร้างบ้าน 3 หลัง มาก) รอบๆจะมีโบสถ์ และพระพุทธรูปอยู่ในนั้นเต็มไปหมด

     

     

     

    ..วัดพระราม เป็นวัดที่อยู่ใกล้ๆกัน ค่าเข้า 10 เหมือนเดิม ที่นี่จะมีองค์ประธานที่สูงใหญ่ รายละเอียดยิบย่อยเยอะ มีภาพนูนสูง(หรือนูนสูงไม่รู้ เราแยกไม่ออก) ที่ยังสมบูรณ์อยู่มาก

     

    ...แล้วเราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ เจอที่ที่ให้เราขึ้นช้าง เพื่อนเราไม่เคยขึ้น “ มาๆพี่จะพาน้องไปลองนั่งหลังช้างเอง ” ราคาระยะสั้น คนละ 100 บาท ตอนแรกเพื่อนเราสั่นมาก เกร็งไปทั้งตัว หลังๆเริ่มจะชิน

     

    ..หลังจากเดินมาครึ่งวัน ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย ทั้งรถติด เรากะจะไปหาก๋วยเตี๋ยวเลื่องชื่อของกรุงเก่ากิน ระหว่างทางที่ไป ทุกร้านแน่นหมด เราไปกินที่ร้านอะไรไม่รู้ จำชื่อไม่ได้ เป็นร้านที่มีก๋วยเดี๋ยวหม้อใหญ่ๆ แต่วันนั้น ของที่อยากกินหมดทุกอย่าง เลยได้กินแค่เล้นเล็กน้ำธรรมดา

    ..บ่ายๆ แดดแรงมาก เรานั่งรถสองแถวที่วิ่งรอบเกาะเมือง เพื่อจะกลับไปยังที่รถตู้จอด แล้วกลับกรุงเทพ ระหว่างทางที่รถสองแถววิ่ง จะมีวิวของเมืองเก่า วัดวาอารามต่างๆให้เรามอง ไม่รู้จักเบื่อ

    ..เราไม่ได้ว่างแผนจะมา เลยเที่ยวไม่ครบทุกวัด ถ้าโอกาสหน้ามาอีกที คงต้องทำการบ้านมาด้วย

    ..แนะนำ ลองมานอนค้างคืนที่อยุธยา แล้วจะได้ภาพในมุมมองที่ต่างออกไป ลองออกไปเดินดูวัดเก่าในตอนเช้ามืด หรือจะชมความงามตอนช่วงทไวไลท์ ก็น่าสนใจอีกไม่น้อย

    ..ถ้าผิดพลาดประการใด หรือเรียกชื่อผิด ขออภัยด้วยนะครับ 

     

     

    ช่องทางการติดต่อ

     

    https://web.facebook.com/0.3milbackpacker