หนีเที่ยวเมืองกาญ : 2 วัน 1 คืน แบบนี้ก็ดีนะ.
พอดีกับที่ยัยหมวยมาชวนไป เที่ยว "เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124" แบบไปเช้า-เย็นกลับ แต่เราว่ากาญจนบุรีที่เที่ยวเยอะ งั้นจัดโปรแกรมเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืน แบบไม่ตามตำรามั่งดีกว่า ป่ะ ไปเที่ยวเมืองกาญฯ กับพวกเรากัน
Where is กาญจนบุรี?
กาญนะจ๊ะบุรี อยู่ภาคอะไรครับนักเรียน!? ถถถ... ใครๆ ก็ตอบได้ กาญฯ อยู่ภาคตะวันตกนะครับ จาก กทม. มาเมืองกาญฯ ใช้เวลาแป๊บเดียว ถ้ารถไม่ติดก็ 2 ชม. นิดๆ แต่ถ้าขับสบายๆ ก็ 3 ชม.
เส้นที่เราใช้ประจำ คือ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) จาก กทม. -> นครปฐม -> แล้วเปลี่ยนเป็นทางหลวงหมายเลข 323 -> ราชบุรี -> กาญจนบุรี ถ้าเกรงว่าจะหลง แนะนำให้เปิด Google Map ช่วยบอกทางกันครับ มีมือถือแล้วต้องใช้ให้คุ้ม
โปรแกรม 2 วัน 1 คืน เราไปไหนบ้าง? จากการวางแผนเที่ยวสไตล์เราทั้งคู่ มีคอนเซ็ปท์ว่า กินอร่อย มีที่เที่ยวให้ถ่ายรูป นอนเก๋ๆ (แต่ไม่แพง) เที่ยวแล้วแฟนต้องไม่งอแง ดังนั้น
แผนเราเป็นดังนี้
1. หามื้อกลางวันอร่อยๆ กันที่ร้าน "Farm Cafe' เดอ กาล เวลา"
2. ไปเที่ยว "เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124" พร้อมคอนเซ็ปท์ที่เราเตรียมไว้ จากนั้นก็อยู่ดูโชว์ยาวๆ
โอ้อาหมวย… ชะตาเจ้าช่างน่าสงสารนัก นางระหกระเหินรอนแรมจากเมือ งจีน หอบเสื่อผืนหมอนใบ หวังมาลงหลักปักฐานในแผ่นดินสยาม... ชีวิตนางจะเป็นอย่างไรต่อไปหนอ!? เราแอบนึกพล๊อตเรื่องสนุกๆ ตอนที่ยัยหมวยมาชวนเราไปเที่ยว "เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124" ที่กาญจนบุรี
ยิ่งเห็นใครๆ ไปเที่ยวก็ต้องแต่งชุดไทยไป เดินเนียนๆ ทำตัวโบราณๆ ถ่ายรูปกัน เฮ้ย!! ของมันต้อง
3. ไปนอนแคมป์ซาฟารีเก๋ๆ ริมแม่น้ำ ชื่อ "หินตก ริเวอร์แคมป์"
4. หามื้อกลางวันอร่อยๆ ทาน เราแวะไปร้าน "ดาดา โรตีโอ่ง" แถวเขื่อนศรีนครินทร์
5. อากาศร้อนต้องหาน้ำตกแช่ตัว เราไปเที่ยว "น้ำตกเอราวัณ" (หลอกยัยหมวยไป)
6. เที่ยวเพลินแล้ว ก็แวะไหว้พระเสริมสิริมงคลกันที่ "วัดถ้ำเสือ" วัดที่สวยสุดๆ แห่งนึงของไทย
โปรแกรมที่ว่านี้จะเป็นยังไ ง ค่อยๆ ติดตามชมภาพพร้อมรีวิวไปด้วยกันเลยครับผม ^_^ ดูแล้วชอบใจก็ LIKE & SHARE บ้างน๊า "เพราะการเดินทางทำให้โลกใบเดิมของเรากว้างขึ้น" ประโยคนี้ทำให้ผมและแฟนจับมือกันออกเดินทางไปเรียนรู้โลกกว้าง เราสองคนทำเพจเล็กๆ ชื่อ "หนีงานไปเที่ยว" และ Blog ที่ชื่อ www.ibreak2travel.com อ่านมาถึงบรรทัดนี้เราอยากบอกว่า…ย้อนกลับไปหลายปีก่อนตอนรู้จักกันใหม่ๆ "ผม คือ นักท่องเที่ยวที่ต้องทำงานประจำ ส่วนแฟนผม คือ คนทำงานประจำที่อยากเที่ยวบ้าง" เราต่างกันเหลือเกิน แต่เมื่อมาคบกัน 2 ความต่างก็หาจุดลงตัวจนทำให้เรามาถึงจุดที่อยากทำเพจพาเพื่อนๆ คนทำงานไปเที่ยวกับพวกเราบ้างเราไปได้ ใครๆ ก็ไปแบบเราได้แน่นอน ขอฝากร้านด้วยครับแวะไปกด Like เพจกันสักนิด เป็นกำลังใจให้พวกเราสักหน่อย จะได้รู้ว่าพวกเรายังมีคุณๆ อยู่เสมอ"ทำงานให้เป็นต้องรู้จักเที่ยวนะครับ" https://www.facebook.com/ibreak2travel/ http://ibreak2travel.com/
1. เริ่มต้นด้วย...ร้าน Farm Cafe' เดอ กาล เวลา
ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ที่ชื่อยาวชะมัด อาหารสดอร่อย ปลูกผักเอง กาแฟและเครื่องดื่มรสชาติดี เราให้ 3 ผ่าน แต่ที่ดึงดูดสุดๆ ก็การแต่งร้านสไตล์ Vintage Farm ที่มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ เยอะเลยครัส
Welcome to Farm Cafe' de' Kalavela - ร้านนี้ชื่อ Farm Cafe' เดอ กาลเวลา เป็นร้านกาแฟไม่ใหญ่ไม่เล็ก บนเนื้อที่ 200 ตร.ว. อยู่ใน อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ด้วยคอนเซ็ปท์ชัดเจน ว่าเป็นร้านอาหาร & กาแฟ สไตล์ Vintage Farm แบบอังกฤษ ซึ่งเจ้าของก็แต่งร้านได้ดี ดูแพง มีมุมถ่ายรูปเยอะแยะ
นอกจากดีไซน์ร้านที่เก๋โดนใจสายโซเชี่ยลแล้ว เค้ายังทำแปลงปลูกผักอินทรีย์ เพื่อมาเป็นวัตถุดิบปรุงอาหารในร้าน เราสั่ง อาหารมาลองหลายเมนูเลย รู้สึกถูกปากรสชาติอาหารที่นี่น่าดู ค่อยๆ ดูไป เดี๋ยวเล่าให้ฟัง
เวลาทำการ : 08.30 - 18.30 น. (ปิดวันพุธ)
พิกัดร้าน : ซอยเทศบาล 25 (หนองตาบ่ง) อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
ร้านอยู่ติดริมถนนเลย สำหรับใครที่ขับรถมา สามารถจอดรถฝั่งตรงข้ามได้เ ลย
เปิดเข้าไปด้านใน ก็จะสัมผัสแอร์เย็นฉ่ำ คลายร้อนได้ดีมาก หากจะสั่งกาแฟ ขนม เครื่องดื่ม สั่งได้ที่เคาน์เตอร์เลย
มาเขียนใบออร์เดอร์ตรงนี้นะ จ๊ะ
การตกแต่งเน้นความ Vintage
ถ้ายัยหมวยกางเมนูแบบนี้ แสดงว่ามื้อนี้จัดหนักแน่นอน
นอกจากโซนหน้าร้านแล้ว ยังมีโซนโต๊ะนั่งด้านหลังร้านอีกหลายโต๊ะ การตกแต่งสวยดี แอร์เย็นสบาย
โซนที่นั่งด้านหลัง เราชอบการเลือกคู่สีของทางร ้านนะ
เมนูที่เราสั่ง ตามนี้เลย
-------------------
1. สลัดเห็ดคั่วซอสญี่ปุ่นปูอั ด
2. น้ำพริกลงเรือผัดข้าวหุงหอม
3. ชื่นใจมะม่วง Mango Smoothie with flower
4. น้ำผึ้งมะนาวโซดา
5. Coffee de Kan (Signature)
6. เอสทราท่าม่วง
สลัดเห็ดคั่วซอสญี่ปุ่นปูอั ด - 155 บาท
ผักปลูกแบบออร์แกนิค เห็ดคั่วซอสโชยุ ปูอัดโรยไข่กุ้ง เสิร์ฟน้ำสลัดซีอิ๊วงา ผักสลัดสด น้ำสลัดญี่ปุ่นรสชาติดีออกเ ค็มนิดนิ
น้ำพริกลงเรือผัดข้าวหุงหอม (เสิร์ฟพร้อมไข่เคมหมูหวานและผัดพื้นบ้าน) - ราคา 90 บาท
น้ำพริกไม่เผ็ด ผัดมาหอมกำลังดี รสชาติเค็มนิดๆ ตัวข้าวผัดโรยหน้าด้วยปลาป่ น แต่งจานสวย รู้สึกเหมือนทานข้าวอยู่ในสวน
ชื่นใจมะม่วง Mango Smoothie with flower - ราคา 75 บาท
น้ำผึ้งมะนาวโซดา - ราคา 50 บาท โซดาเยอะไปหน่อย
มีขนมเค้ก เบเกอร์รี่ ด้วยนะ รสชาติดีเช่นกัน
มื้อนี้ CR นะคร๊าบ 370 บาท อิ่มตื้อเลย
มุมถ่ายรูปเยอะเลย เวลาไปเที่ยวถ้าไม่อยากให้แ ฟนงอแง ก็จับนางถ่ายรูปเยอะๆ นะ
2. ไปเที่ยว "เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124" พร้อมคอนเซ็ปท์ที่เราเตรียมไว้ จากนั้นก็อยู่ดูโชว์ยาวๆโอ้อาหมวย… ชะตาเจ้าช่างน่าสงสารนัก นางระหกระเหินรอนแรมจากเมืองจีน หอบเสื่อผืนหมอนใบ หวังมาลงหลักปักฐานในแผ่นดินสยาม... ชีวิตนางจะเป็นอย่างไรต่อไปหนอ!?
เราแอบนึกพล๊อตเรื่องสนุกๆ ตอนที่ยัยหมวยมาชวนเราไปเที่ยว "เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124" ที่กาญจนบุรี ยิ่งเห็นใครๆ ไปเที่ยวก็ต้องแต่งชุดไทยไปเดินเนียนๆ ทำตัวโบราณๆ ถ่ายรูปกัน เฮ้ย!! ของมันต้องไป
กลับมามองดูหน้ายัยหมวยแล้ว ไอ้ครั้นจะให้สาวหน้าตาอินเตอร์ขนาดนี้ใส่ชุดไทยมันก็คงจะไม่เข้าพวก ดังนั้นถ้าจะเที่ยวให้อินสุดๆ มันก็ต้องมีคอนเซ็ปท์ ดังนั้นการไปเมืองมัลลิกาของเรา เลยมาสไตล์ "อาหมวยหลงกรุง ณ เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124" ไปติดตามดูกันครับ
อยากรู้ว่าตัวตนยัยหมวยเป็นไง อ่านรีวิวเต็มที่นี่เลย : https://goo.gl/5OUN5w
ภาพมุมสูงเมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 จากมุมนี้เราจะเห็นว่าพื้นที่กว้างขวางพอสมควรเลย แต่ก็ไม่เกินที่จะเดินให้ทั่วได้ใน 1 วัน
เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้าไ ปแล้ว จะพบกับสะพานหัน -> ย่านการค้า (อาคารสีสดๆ) -> ด้านหลังจะเป็นเรือนไทย เรือนแพ แปลงนาสาธิต -> ด้านขวาสุดของภาพจะเป็นหมู่เรือนไทย ไว้สำหรับทานอาหารเย็นตำรับชาววังและดูการแสดง
.
อ่านรีวิวเต็มที่นี่เลย : https://goo.gl/5OUN5w
ประตูทางเข้าเมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 ดูดีๆ จะเห็นว่ามีบริการรถลากด้วยนะ
จะเข้าเมืองต้องซื้อบัตรนะจ๊ะ โปรโมชั่นค่าเข้าชมเดือนเมษายน 2560 เป็นดังนี้
- ผู้ใหญ่ 200 บาท/ เด็ก, ผู้สูงอายุและผู้พิการ 100 บาท
- ค่าเข้าชม+ สำรับเย็น + ชมการแสดง ราคา ผู้ใหญ่ 700 บาท เด็ก 350 บาท (โปรโมชั่นลด 10%)
หมายเหตุ : เด็ก – ความสูงต่ำกว่า 100 cm. เข้าฟรี / เด็กความสูงตั้งแต่ 100 – 130 cm. และผู้สูงอายุ – อายุ 70 ปีขึ้นไปใช้ราคาเด็ก
วันนี้เราเลือกเข้าชมแบบ Full Option เลยจ้า ค่าเข้าชม + สำรับเย็น + ชมการแสดง ราคาเต็ม 700 บาท แต่ลด 10% เหลือคนละ 630 บาท นั่นแปลว่าถ้าหักค่าเข้าชม 200 บาทออกไปแล้ว จะเป็นค่าอาหารเย็นกับค่าดูโชว์ 430 บาท เฮ้ย!! อันนี้เราว่าคุ้ม ปกติไปกินมื้อเย็นดีๆ หน่อย ก็หัวละ 300-400 บาทแล้ว นี่ยังได้ดูโชว์ด้วย งั้นจัดไป
จะเข้าเมืองต้องผ่านนายทวารก่อน คนลากรถ นั่งรอเก็บบัตรอยู่ตรงทางเข้า ส่วนเสื้อขาวหนวดงามนั่นคือเจ้าเมือง
เราว่ารถลากของไทยโบราณ ก็คล้ายๆ ของจีนเหมือนกันนะ
พอขึ้นรถลากแล้ว เค้าก็จะลากเข้าไปในเมือง
จากหน้าประตู คนลากรถจะลากมาส่งด้านใน ให้เราเดินต่อเข้าไปยังสะพานหัน
หมวยขอลองชิมหน่อย บ้านอั๊วม่ายมี
ถ้าเอ็งไม่ซื้อ เอ็งจะมาชิมเยอะขนาดนี้ไม่ได้นะ!!!
คุณยายเจออาหมวย ก็ใจดีให้กินขนมฟรี
ผ้าไทยสวยๆ ทั้งนั้นเลย ณ จุดนี้ อาหมวยบอกเสียงดังเลยว่า "อั๊วอยากแต่งชุดไทย อั๊วอยากเป็นสาวไทย"ผ่านไปเพียงครู่ อาหมวยหลงกรุงของเรา ก็ได้แปลงโฉมกลายเป็นคุณหญิงติ๊ดตี่ แห่งย่านตลาดน้อย ไปในทันที
อ้อ!! ในห้องแต่งตัวจะมีเครื่องประดับและร่มให้ยืมด้วยนะ อย่าไปวิ่งโลดโผนมากนะ เดี๋ยวเครื่องประดับเค้าหล่นหาย ต้องมาใช้เงินคืนเค้าอีก
พอได้แต่งชุดไทยสมใจ นางก็ดี๊ด๊าอารมณ์ดี พร้อมกลับเข้าไปเที่ยวเมืองมัลลิกาอีกรอบในมาดคุณหญิงติ๊ดตี๋ แห่งย่านตลาดน้อย
กลับมานั่งรถลากอีกรอบ ไม่มีใครจำได้เลย
ย่านการค้าในเมืองมัลลิกามีความน่าสนใจมาก เพราะมีสินค้าหลากหลายจากครั้งอดีต มาวางขายกันจริงๆ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในย่านนี้ทุกคน คือพนักงานของเมืองมัลลิกา ที่ถูกกำหนดบทบาทให้ทำหน้าที่ในเมือง บ้างก็เป็นพ่อค้าแม่ค้า บ้างก็เป็นยาม บ้างก็เป็นชาวนา และทุกคนต้องผ่านการอบรมวิถีชีวิตจริงของคนสมัยรัชการที่ 5 เพื่อที่จะทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างสมจริง!!!
โดยเฉพาะย่านเครื่องหอมย่านนี้ แต่ละร้านจะมีเครื่องหอมโบราณทั้งบุหงา แป้งร่ำ เทียนหอม ฯลฯ ให้เราได้เลือกซื้อ แถมยังสาธิตการทำแบบจริงๆ ได้เลย
ดอกมะลิ ดอกจำปา ถูกนำมาตากแห้งไว้ในถาด เพื่อนำไปทำบุหงา
ถุงบุหงากลิ่นต่างๆ ที่ทำขึ้นจริงๆ
พนักงานเมืองมัลลิกา ที่ถูกมอบหมายบทบาทให้เป็นแม่ค้าร้านบุหงา
อีกหนึ่งร้านที่ไม่ควรพลาดคือร้านขนมไทยร้านนี้ ภายในร้านมีขนมไทย 3 ชนิด ที่เราควรได้ลองชิม นั่นคือขนมทองเอก จ่ามงกุฎ เสน่ห์จันทร์ ซึ่งปัจจุบันนี้หากินได้ยากมากแล้ว
สามสาวนี้ขายขนมไทย ทองเอก ทองหยิบ ทองหยอด
บ้านทรงไทยเรือนเดี่ยว กับแปลงนา และหุ่นไร่กา ดูโดดเด่นในยามเย็น
มีคอกเลี้ยงควายอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน
คุณหญิงติ๊ดตี่ถึงกับเพลิดเพลินกับบรรยากาศร่มรื่นหน้าบ้าน
บ้านไทยโบราณ มักมีเรือนท่าน้ำ ไว้เป็นท่าขึ้น-ลงเรือ
แถ้วนี้เป็น Welcome Drink ที่เราชอบมาก ดื่มแล้วชื่นใจจริงๆ น้ำอัญชันมะนาว
สำรับนี้สำหรับ 4 คนนะ เราสามารถเติมข้าวและกับข้าวได้ไม่อั้น
ในส่วนของการแสดงนาฏศิลป์ไทยมีทั้งหมด 8 ชุด รวมระยะเวลา 1 ชั่วโมง โดยจะเริ่มแสดงที่เวลา 19.00 น. เรานั่งดูการแสดงไปพร้อมๆ กับค่อยๆ ทานอาหารไปอย่างอร่อย ยอมรับว่าการได้ดูนาฏศิลป์ไทยแกล้มอาหารสำรับชาววังแบบนี้ เป็นประสบการณ์พิเศษที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยในชีวิตเรา
3. ไปนอนแคมป์ซาฟารีเก๋ๆ ริมแม่น้ำ ชื่อ "หินตก ริเวอร์แคมป์"
นานๆ ที ไปนอนเต๊นท์สักที นอนฟังเสียงน้ำ เสียงป่า มันดีต่อใจนะ... แต่แฟนเราใช่ว่าจะชอบกันทุก คน 55555
ทางออกที่ดี คือพาไปนอนเต๊นท์ไฮโซติดแอร ์มันซะเลย ที่นี่ "หินตก ริเวอร์แคมป์" ซาฟารีแคมป์กลางธรรมชาติริมแม่น้ำแควน้อย ที่นอกจากจะออกแบบเก๋ไก๋แล้ว เค้ายังอิงประวัติศาสตร์ด้วยฮะ เพราะแคมป์นี้อยู่ใกล้ช่องเขาขาด สถานที่ประวัติศาสตร์ทางรถไฟสายมรณะ สมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2
----------------------------
มินิรีวิว
------------------------------
ใครไม่ชอบนอนป่า ใครอนามัยจัด ใครไม่ชอบแมลง ใครเรื่องเยอะ อาจไม่ชอบที่นี่นะ
ที่นี่คือที่พักสไตล์แคมป์ซ าฟารี ที่อยู่กลางป่า มันคือที่ของคนรักธรรมชาติ สายน้ำ ถ้าใครชอบแนวนี้มาเถอะไม่ผิดหวัง
ห้องนอน ห้องน้ำ โอเค แต่ปลั๊กไฟน้อย / ที่นอนแข็งไปนิด / แอร์เย็นพอประมาณ / wifi สัญญาณแย่ / สัญญาณ DTAC แทบไม่มี / บุพเฟ่ต์อาหารเช้าคุณภาพธรรมดา / การบริการทั่วไป พนง. (บางคน) อัธยาศัยไม่ดี แต่ รปภ. ดีมากกกกก
.
ไฮไลท์ของที่นี่คือ
- บาร์บีคิวรอบกองไฟ ที่เค้าว่าอร่อย (แต่เราไม่ได้ลอง เพราะออกจากเมืองมัลลิกาดึก )
- สระน้ำแร่ธรรมชาติและแพริมน ้ำ ซึ่งเราชอบมากกกกก..กกก
- ขี่จักรยานเที่ยวชุมชนหาดงิ ้ว (จักรยานเช่าฟรี)
- ให้อาหารแกะ
.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่
Website : www.hintokrivercamp.com
Facebook : Hintok River Camp at Hellfire Pass หินตก ริเวอร์ เเคมป์ ณ ช่องเขาขาด
โทร. 02-642-5497
หน้าเต๊นท์จะมีระเบียงไม้ มีเก้าอีกพับเก๋ๆ ให้นั่งชิลล์
ลักษณะเต๊นท์จะเป็นแบบนี้ ด้านในติดแอร์
บรรยากาศร่มรื่น ช่วยบรรเทาอากาศร้อนของเมืองกาญฯ ได้ดี
บรรยากาศด้านในห้อง
ห้องน้ำอยู่ด้านหลังเต๊นท์ เดินเข้าได้จากในห้อง เป็นแบบ Open Air แต่มิดชิด มีการแยกห้องส้วม ห้องอาบน้ำ และอ่างล้างหน้า
น้ำไหลแรง เย็นชื่นใจ
มีเครื่องทำน้ำอุ่น
บริเวณแคมป์ไฟ มีที่นั่งสไตล์รอบกองไฟ ชอบๆๆ
ถ้าอยากนอนอ่านหนังสือ ก็มีเตียงชิงช้าพร้อมหมอนอิ งให้นอนชิลล์เลย
โซนห้องอาหาร จุดชมวิว และทางลงไปสระน้ำแร่ริมแม่น ้ำแควน้อย
ถ้าอยากขี่จักรยานเที่ยวรอบๆ สามารถขอยืมใช้ฟรี
บุพเฟ่ต์มื้อเช้า ...ยัยหมวยจัดเต็มเช่นเคย แต่คนกินนี่ผมนะ 5555
ห้องอาหารสวยงาม
แพริมน้ำ บรรยากาศดีมาก เราชอบมุมนี้สุดๆ
แพริมน้ำ บรรยากาศดีมาก เราชอบมุมนี้สุดๆ
สระน้ำแร่ เอาไว้แช่ชมวิว
มุมนั่งชิลล์บริเวณแพริมน้ำ
เปลญวน คือ อีกสิ่งที่แคมป์นี้มีเยอะ นอนเปลญวนใต้ร่มไว้ ฟินอ่า
เราก็ไม่คิดว่ายัยหมวยจะชอบนะ แต่นางเพลินมาก
วัดและชุมชนหาดงิ้ว ที่อยู่ไม่ไกลจากแคมป์
4. หามื้อกลางวันอร่อยๆ ทาน เราแวะไปร้าน "ดาดา โรตีโอ่ง" แถวเขื่อนศรีนครินทร์
สำหรับใครที่เคยได้ยินชื่อเสียงโรตีโอ่ง ที่เขื่อนศรีนครินทร์ วันนี้เราจะพาไปรู้จักร้าน ดาดา โรตีโอ่ง ร้านนี้อยู่ตรงเขื่อนศรีนครินทร์ ระหว่างทางไปน้ำตกเอราวัณ
มินิรีวิว
1. แกงเขียวหวานเนื้อรสเข้มข้นดี มีความเผ็ด แต่เนื้อเหนียวไปนะ ใครไม่ชอบทานเผ็ดโปรดข้ามไป
2. มัสมั่นไก่ รสชาติเข้มข้น ออกหวานไปนิด เนื้อไก่เปื่อยใช้ได้ นุ่มๆ
3. โรตีโอ่ง ที่มีกิมมิกว่า ปิ้งในโอ่งได้กลิ่นหอม เราว่าเฉยๆ นะ ไม่ได้หอมฉุยอะไร แป้งรสชาติธรรมดา
4. ชานมและกาแฟ... ไม่สั่งก็ได้นะ
5. อาหารได้ช้า ทั้งที่คนก็กลางๆ ไม่เยอะ
6. บริการดี พูดจาดี มีน้ำใจ
ร้าน ดาดา โรตีโอ่ง ร้านนี้อยู่ตรงเขื่อนศรีนคร ินทร์ ระหว่างทางไปน้ำตกเอราวัณ
เห็นป้ายเด่นชัดมาก
แกงเขียวหวานเนื้อกับโรตี - แกงเขียวหวานรสจัดจ้าน เข้มข้น รสชาติออกเผ็ดทีเดียว ส่วนแป้งโรตีออกนิ่มนุ่มมาก กว่ากรอบ
มัสมั่นไก่กับโรตี - มัสมั่นออกหวาน เค็มนิดๆ เนื้อไก่นุ่มเปื่อยดี ทานกับโรตีเข้ากัน
ไก่สะเต๊ะ - รสชาติใช้ได้ จานละ 100
คาปูชิโนเย็นกับชาชัก (ชานม) รสชาติทั่วไป เราว่าไม่ค่อยคุ้ม
5. อากาศร้อนต้องหาน้ำตกแช่ตัว เราไปเที่ยว "น้ำตกเอราวัณ" (หลอกยัยหมวยไป)
น้ำตกชื่อเสียงโด่งดัง ใครไปใครมาก็ต้องแวะมานอนแช่น้ำ นี่คือน้ำตกเอราวัณ น้ำตกใหญ่ขนาด 7 ชั้น ที่จะมาช่วยให้คุณได้ออกกำลังขา (เพื่อหนีคนเยอะๆ ขึ้นไปชั้นบนๆ) และได้ความชุ่มฉ่ำเย็นชื่นใจ
จากที่ทำการน้ำตก แนะนำให้ซื้อน้ำเย็นๆ ติดมือขึ้นไปด้วย
ใครไม่อยากเดิน เค้ามีบริการรถกอล์ฟ ไปส่งที่น้ำตกชั้น 1 ค่าบริการคนละ 30 บาท ขึ้นเถอะนะ ถ้าไม่อยากหมดแรงก่อน 5555 จากที่จอดรถไปน้ำตก ไกลนะ
สำหรับคนไทย... นี่คือเครื่องแบบเล่นน้ำตก
สำหรับชาวยุโรป... ใส่บิกินี่เลยจ้า
น้ำตกชั้น 3 ที่ปกติน้ำเชี่ยวมาก มาในวันนี้... น้ำค่อยๆ มาเป็นสาย
ความคลาสสิคของการเที่ยวเมื องกาญฯ คือ รถหวานเย็นสายนี้นี่แหล่ะ ยังไม่เคยนั่งจริงๆ สักที แต่เค้าเล่าให้ฟังว่า... ถ้ามีตังค์ก็นั่งรถแอร์เถอะ
6. เที่ยวเพลินแล้ว ก็แวะไหว้พระเสริมสิริมงคลกันที่ "วัดถ้ำเสือ" วัดที่สวยสุดๆ แห่งนึงของไทยวัดถ้ำเสือ
ปิดทริปกับ 2 วัน 1 คืนที่กาญจนบุรี....กลับ กทม. ได้จ้าาาา