ถ้าพูดถึงแพเมืองกาญจน์คงมีชื่อล้านแปดแห่งมาให้เลือกสรร
แต่ว่าแต่ละแพเค้าก็มีจุดขายมีจุดเด่นต่างๆกันไป เช่นเดียวกับรีสอร์ทที่เราจะพาทุกคนไปเที่ยวพร้อมๆกับเรา
นั่นก็คือ River Kwai Jungle Rafts หนึ่งในรีสอร์ทที่ใฝ่ฝันมานานว่าอยากจะมาสักครั้ง
และสวรรค์ก็ทรงโปรดมอบโปรโมชั่นเด็ดมาให้เราจึงได้ทีสอยโปรโมชั่นมาเชยชม
จากนั้นทำำการหาแนวร่วม เอ๊ะหรือว่าไปหลอกเค้ามาก็ไม่รู้เพราะตอนชวนเราก็พราวทูพรีเซ้นท์มากๆ
ราคาปกติก็หลายบาทแต่เราได้ราคาโปรนี้ถูกมากๆเลยนะ แต่....ไม่ได้บอกเลยว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้า 555
ค่อยมาเฉลยตอนใกล้วันจะไป แต่ก็เสียใจด้วยถอนตัวกันไม่ทันแล้วจ๊ะ 5555
แต่ถึงที่นี่ไม่มีไฟฟ้าก็ไม่ต้องกังวลนะคะเพราะมีสิ่งอื่นทดแทน
ขนาดรีสอร์ทแพงๆบางที่อาจจะหาแบบนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป....เชื่อเราเถอะนะเพื่อนๆ ^_^
![]()
River Kwai Jungle Rafts แพตั้งอยู่บนแม่น้ำแควน้อย ของอำเภอไทรโยค
ทางเข้ารีสอร์ทจะอยู่เลยน้ำตกไทรโยคน้อยแต่ยังไม่ถึงน้ำตกไทรโยคใหญ่จุดสุงเกตก็คือจะเห็นป้าย
river kwai vilage สีขาวใหญ่ๆก็เลยตรงนั้นมาประมาณ 200 ค่ะ ก็จะเจอทางเข้าเขียนว่า river kwai resotel
ส่วนการเดินทางเข้าไปที่รีสอร์ทก็ไม่สามารถขับรถยนต์ไปถึงที่รีสอร์ทได้เลยนะคะ
เราต้องจอดรถไว้ที่จอดรถของรีสอร์ทค่ะ แล้วก็นั่งเรือต่อไปค่ะ ที่จอดรถก็ดูปลอดภัยดีมีคนคอยเฝ้าอยู่
และเราก็ต้องลงไปรอขึ้นเรือ เรือจะมีรอบ 14.00 น. 15.00 น. 16.00 น.
แต่เราพอไปถึงก็ได้ขึ้นเรือเลยนะคะรอบที่เราไปมีแค่กรุ๊ปเรา 4 คน แล้วก็คู่รักชาวต่างชาติอีก 1 คู่
นั่งเรือประมาณ 15-20 นาที มั้งค่ะ ที่ไม่แน่ใจเพราะลืมเวลาไปเลยเพราะทัศนียภาพสองข้างทำเราเพลิดเพลินมากๆ
![]()
![]()
วิวสองข้างแม่น้ำสวยดีค่ะ จะเป็นหน้าผาบางที่ก็จะเป็นเหมือนถ้ำ ดูสวยงาม ลึกลับดี
เป็นทัศนียภาพที่แปลกตาไม่เหมือนที่อื่นถ้าใครไปเที่ยวบ่อยจะเริ่มจดจำลักษณะภูมิประเทศได้
คนอื่นเค้าจะเป็นเหมือนเราป่าว??
![]()
![]()
นั่งเรือไม่นานก็ถึงจุดหมายของเรา นาทีแรกที่เห็นตัวรีสอร์ทก็ไม่ได้พิเศษมากแต่ทำเลที่ตั้งนี่ซิเห็นแล้วเลิฟเลย
ตัวรีสอร์ทเป็นแพเรือนไม้การตกแต่งไม่ได้พิเศษอะไรมาก
แต่บรรยากาศของป่าไม้ที่โอบล้อมที่นี่ทำให้ดูอลังการงานสร้างมากเลยทีเดียว
![]()
ไปถึงก็มีคนช่วยขนกระเป๋าขึ้นจากเรือให้สัก พักก็จะมีคนมาพร้อมกับ welcome drink
เจ้าหน้าที่พร้อมชี้แจ้งว่าที่นี่ทานอาหารกี่โมง มีอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
และก็ถามเรื่องเวลากลับแต่เรายังตัดสินใจไม่ได้ก็เลยบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยบอก
![]()
พอเสร็จเรียบร้อยเราก็เข้าห้อง เราได้พักห้อง 19 และ 20 เป็นทางปีกขวาของรีสอร์ท
หนึ่งแพจะมีทั้งหมด 4 ห้องแพที่เราพักอยู่ถัดจากห้องครัว ห้องรับประทานอาหารและล๊อบบี้เลยค่ะ
รู้สึกว่าค่อนข้างวุ่นวายถ้าใครไปแล้วขอเจ้าหน้าที่เลือกได้ขอให้หลีกเลี่ยงนะคะ 17,18,19,20
เพราะมันพลุกพล่านและเรือหางยาวก็ชอบมาจอดที่หน้าห้องด้วยค่ะ - -"
![]()
มาดูห้องพักกันบ้างดีกว่าในห้องจะมีสองเตียงค่ะ
เป็นเตียงใหญ่หนึ่งเตียงและเตียงเล็กสำหรับนอนได้คนเดียวอีกหนึ่งเตียง
จะเป็นแบบนี้ทุกห้องนะคะ ที่นี่มีทั้งหมด 62 ห้องเป็นแบบนี้ทั้งหมดค่ะ ภายในห้องจะมีน้ำดื่ม 2 ขวด และพัด 2 อัน
ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าแน่นอนค่ะว่าไม่มีเพราะที่นี่ไม่มีไฟฟ้า
ในห้องน้ำก็จะเป็นฝักบัวส่วนเรื่องน้ำใช้ไม่มีกลิ่นนะคะ สะอาดดี แต่ห้องน้ำจะไม่มีประตูนะคะมีแค่ม่านปิด อิอิ
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
ด้านหลังของทุกห้องจะมีเปลแบบนี้ ตอนแรกก็สงสัยนะว่าจะมามีทำไมตรงนี้
แต่เออมันสงบดีนะ สงบกว่าหน้าห้องเยอะเลย
![]()
ส่วนด้านหน้าห้องจะมีเปลแพละ 2 เปลค่ะเลยต้องรอคิวกันนิดหน่อยและจะมีโต๊ะไว้สำหรับนั่งเล่นกัน อีก 2 ชุด
และด้านล่างของแพก็จะมีเก้าอี้ไว้นอนเล่นริมน้ำด้วยค่ะ
![]()
ด้านหน้าห้องจะเป็นทางเดินเชื่อมของแพค่ะเพราะฉะนั้นจะไม่ค่อยเงียบ
ยิ่งคุณฝรั่งตัวโตเดินดังมากกกกก สะเทือนตกหมอนกันเลยทีเดียว และทางเดินจะเปียกตลอดเวลา
เพราะแขกที่มาพักจะเดินไปที่ต้นแพแล้วก็กระโดดน้ำลอยไปขึ้นที่สุดแพ
ดังนั้นทุกคนก็ต้องเดินทางทุกห้องบนแพทางเดินก็เลยแฉะตลอดวัน
![]()
![]()
หลังจากสำรวจห้องและเก็บสำภาระเสร็จก็จะไปทำบุญที่หมู่บ้านมอญกันค่ะ
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงวันพระก็เลยตั้งใจกับชาวแก๊งค์ว่าจะไปทำบุญถวายสังฆทานกัน เคยเห็นในรีวิวของคนอื่นว่า
ที่หมู่บ้านมอญมีวัดด้วย ก็เลยคิดว่ามาทำที่นี่ดีกว่า
เลยโทรถามทางรีสอร์ทว่าที่นี่มีพระจำวัดอยู่ใช่มั้ยอยากมาทำบุญทีนี่
ทางรีสอร์ทก็บอกว่ามี เราก็เลยไปทำบุญที่วัดมอญกันค่ะ ทางเดินไปเจอช้างออกมาเล่นน้ำด้วย
![]()
หมู่บ้านอยู่ใกล้รีสอร์ทมากค่ะแค่ข้ามสะพานไม้ไผ่หลังรีสอร์ทเดินไปประมาณ 5 นาที ก็ถึงแล้วค่ะ
![]()
![]()
เดินผ่านสนามบอลของหมู่บ้าน ที่นี่มีโรงเรียนด้วยนะคะ ที่นี่เป็นชุมชนชาวมอญที่อพยพมาจากแม่น้ำแควใหญ่
มีชาวบ้านอยู่ประมาณ 100 คนค่ะ ชาวบ้านส่วนมากก็ทำงานอยู่ที่รีสอร์ทนั่นแหละค่ะ
![]()
ถึงแล้วค่ะวัดมอญ ที่นี่มีพระจำวัดอยู่ 4 รูป ที่นี่โบสถ์ กุฏิ และทุกสิ่งอย่างก็มีอยู่หลังเดียวนี่แหละค่ะ
ที่เห็นมีพัดลม ทีวีก็ใช่ว่าจะได้ใช้นะคะ เพราะที่นี่ปั่นไฟแค่วันละประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ
กะละมังสีดำที่เห็นในรูปนั่นก็เอาไว้รองน้ำค่ะเวลาฝนตกแรงๆหลวงพี่บอกว่าน้ำมันก็จะรั่วลงมา
เราถามหลวงพี่ว่าที่นี่มีอะไรที่จำเป็นและต้องการมั้ยมาคราวหน้าจะได้นำมาถวาย
หลวงพี่ก็บอกว่าที่นี่เป็นวัดป่า ถ้าจะถามว่าขาดอะไรมั้ยมันก็ขาดทุกอย่างนะแหละ อะไรก็ได้ตามศรัทธา
พวกยานี่น่าจะดี ยาลม ยาดม ยาหม่อง ยาสามัญต่างๆ หรือของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน
ถ้าใครไปเที่ยวที่นี่อย่าลืมไปทำบุญกันด้วยนะคะ
หรือนำของหรือขนมไปแจกเด็กๆที่หมู่บ้านด้วยก็น่าจะดี ไปเที่ยวสุขกายแถมสุขใจด้วยนะคะ
![]()
![]()