: หอมกลิ่นไอดิน ลิ้มรสกาแฟสด เลี้ยวลดเลาะพันโค้ง :
"หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดีประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง"
ด้วยความที่เป็นคนชอบทุ่งนา ทุ่งข้าว สีเขียวผืนกว้างๆ อยู่แล้ว และยิ่งช่วงหลังมานี้กระแสทุ่งนาขั้นบันไดที่ได้เห็นตามหน้ารีวิวเวปไซต์ทั่วไปช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน บวกกับจังหวะได้ไปเดินงานท่องเที่ยวไทยและเผอิญได้เจอกับบูธรีสอร์ทเล็กๆ แต่ดึงดูดด้วยแบคกราวด์แบคดรอพวิวทุ่งนาข้าวเขียวขจี มันจึงทำให้ฉันควักแบงค์สีเทาหนึ่งใบออกไปอย่างไม่รีรอ.
จุดหมายปลายทาง : อ.แม่ลาน้อย + อ.ขุนยวม
Day 1 (อ.แม่ลาน้อย)
> โครงการหลวงแม่ลาน้อย
> บ้านห้วยห้อม (ชิมกาแฟสดอาราบิก้า+ชมการทอผ้าด้วยขนแกะ)
> พระธาตุธัมมิกราช
> ถ้ำแก้วโกมล (ไม่ได้เข้าเพราะปิดช่วงหน้าฝน)
Day 2 (อ.ขุนยวม)
> บ้านเมืองปอน หมู่บ้านท่องเที่ยววิถีชุมชนไทยใหญ่
> น้ำพุร้อนบ้านหนองแห้ง
> วัดแม่ปาง (อ.แม่ลาน้อย) หรือสามารถไปเที่ยวในวันที่ 1 ได้
ค่าใช้จ่ายหลักๆ
> รถทัวร์ - 1,576 บาท (ไป-กลับ) คลาส Super ของสมบัติทัวร์
> ที่พัก - 900/ห้อง/คืน (รวมอาหารเช้า)
> อาหารและเครื่องดื่ม - n/a (ขึ้นอยู่กับสไตล์และความสามารถของแต่ละคน)
> ค่าเหมารถสองแถวชาวบ้านเที่ยว - 1,600/วัน (ในทริปนี้เหมา 2 วัน เนื่องจากมีเวลา 2 วันเต็ม)
Remark
: หากใครชอบวิวทุ่งข้าวรวงสีทอง แนะนำมาช่วงเดือน ต.ค.
: ควรระมัดระวังในการเดินทางในหน้าฝนเพราะถนนลื่น
: การเดินทางในครั้งนี้ เลือกที่จะมาโดยรถทัวร์ และเหมารถสองแถวชาวบ้านเที่ยว เนื่องจากมาหน้าฝน และความไม่ชำนาญทาง ซึ่งอาจจะไม่ปลอดภัยในการขับขี่ด้วยตัวเอง
----------------------------------------------------------------------------------------------
> การเดินทางในครั้งนี้ ใช้บริการรถทัวร์ ของสมบัติทัวร์ เนื่องจากเป็นบริษัทเดียวที่ผ่าน อ.แม่ลาน้อย โดยออกตอนเย็น ถึงแม่ลาน้อยเช้าวันรุ่งขึ้น ตารางเวลาและคลาสรถสามารถเข้าดูได้ที่เวปไซต์ของสมบัติทัวร์ หรือโทรสอบถามได้ที่ call center สมบัติทัวร์
> แนะนำให้จองและซื้อตั๋วไว้ให้เรียบร้อยก่อนการเดินทางเลย
> ที่สถานีสมบัติทัวร์ สามารถเลือกสถานีขึ้นได้ 2 ที่ คือหมอชิต และวิภาวดี ในครั้งนี้ขึ้นที่วิภาวดี โดยเวลารถออกคือ 17:20 น.ค่ะ
>ควรมาถึงก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมง โดยภายในจะมีเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์คอยประกาศเลขข้างรถและเวลาที่รถจะออก ต้องคอยฟังให้ดี และจะมีจอตารางเวลาอัพเดทให้ดู รถออกค่อนข้างตรงเวลานะคะ
> รถจะมี 2 คลาส คือ Super และ Star ทริปนี้เลือกคลาส Super ค่ะ (ดีกว่า Star) ที่นั่งช่วงขาจะยาว ยืดขาได้สบาย เบาะนวดไฟฟ้า
> พอขึ้นรถ พนักงานบริการเค้าจะเดินมาเช็คตั๋วและถามแต่ละคนว่าจะลงตรงไหนค่ะ เราสามารถบอกให้เค้าช่วยบอกเราได้ค่ะ ว่าถึงแม่ลาน้อยแล้วให้บอกด้วย
> ทั้งขาไปและกลับ บนรถจะมีบริการของว่าง เครื่องดื่ม และพักทานข้าวของจุดพักรถของสมบัติทัวร์เองค่ะ
> วันเดินทางคืนแรก แวะพักรถและให้ทานข้าวตอน 21.30 น. ส่วนขากลับแวะตอนตี 3 ที่กำแพงเพชรค่ะ อาหารเป็นบุฟเฟต์ มีให้เลือกหลากหลาย เค้าให้เวลาทาน 20 นาทีค่ะ (รวมอยู่ในราคาตั๋วแล้ว)
> มาถึง อ.แม่ลาน้อยเวลา 06.30 น. จุดที่จอดให้ลงจะอยู่ตรงข้ามกับเซเว่นและเยื้องๆ กับโรงพยาบาลแม่ลาน้อย จะมีศาลาเล็กๆ ข้างทางให้นั่งพัก/รอค่ะ (จะไม่มีสถานีรถเป็นเรือ่งเป็นราวนะคะ เป็นศาลาริมทางธรรมดาเลย) อย่าหลับเพลินนะคะ เพราะพนักงานจะไม่มีมาตะโกนเรียกนะคะ หรือหากกลัวลืมสามารถบอกให้พนักงานบนรถตอนขึ้นรถให้เค้าเดินมาบอกเราก็ได้ค่ะ ในครั้งนี้ เผอิญคนนั่งที่ข้างๆ เค้าลงที่แม่ลาน้อยพอดี ก็เลยลงตามเค้าค่ะ
> เมื่อมาถึง ก็โทรให้ทางรีสอร์ทออกมารับค่ะ รีสอร์ทอยู่ไม่ไกลจากศาลาพักมากนัก แต่ถ้าเดินก็มีเหงื่อออกจักกะแร้ และหอบได้เหมือนกันค่ะ (แนะนำให้รีสอร์ทมารับจะดีกว่าค่ะ) แต่ถ้าใครอยากเดินชมวิวชิววววววววววววววว และของไม่หนักมาก ก็ตามสะดวกเลยจ้า แต่ตอนที่ไปนี้ฝนตกโปรยปรายตลอดค่ะ เลยขอใช้บริการทางรีสอร์ทค่ะ
> แปลงผักปลอดสารพิษในโครงการ ถ้าในช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวสามารถเด็ดผักได้เองเลย
ที่นี่เป็นแหล่งที่ปลูกเมล็ดกาแฟพันธ์อะราบิก้าที่ดีที่สุดในประเทศไทยที่สตาร์บัครับซื้อ
> แม่มะลิวัลย์ สาธิตการทอผ้าขนแกะให้ชมค่ะ ซึ่งที่นี่นอกจากจะกาแฟดังแล้ว ในหมู่บ้านยังมีศูนย์การเรียนรู้เลี้ยงแกะเพื่อนำขนแกะมาแปรรูปทำเป็นผ้าพันคอด้วย
> บรรยากาศภายในหมู่บ้านห้วยห้อม ในบรรยากาศชุ่มฉ่ำสายฝน ช่างสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
> สถานที่ที่ 3 : พระธาตุธัมมิกราช
ระหว่างทางขาลงเขา จากหมู่บ้านห้วยห้อม เราได้แวะที่พระธาตุธัมมิกราช แต่ตอนนั้น สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง จึงทอดเวลาที่นี่ได้ไม่นานนักก็ต้องรีบกระโดดขึ้นรถเพื่อกลับที่พัก
> ข้างทางระหว่างทาง...เราสามารถเห็นและสัมผัสกับวิถีชาวบ้านได้ตลอดทาง
> เราเช็คเอ้าท์กับที่รีสอร์ทตอนสายๆ เพื่อที่จะไปเที่ยวที่ อ.ขุนยวม โดยโปรแกรมในวันนี้ก็ได้ทางเจ้าของรีสอร์ทช่วยแนะนำและวางโปรแกรมให้ รวมถึงยังช่วยติดต่อรถชาวบ้านให้ (เจ้าของใจดีๆๆน่ารักมากๆๆ ขอบคุณนะค้้าาา) โดยสามารถฝากกระเป๋าและสัมภาระต่างๆ ไว้ที่รีสอร์ทได้ เนื่องจากรถทัวร์ที่เราจะกลับนั้นรอบ 18.00 น.
เป็นทางผ่านตอนขากลับจาก อ.ขุนยวม ก่อนเข้ารีสอร์ท แต่หากใครอยากจะมาตั้งแต่วันแรกก็ได้นะคะ
เมื่อเดินเข้ามาภายในวัด และขึ้นบันไดมา ก็ต้องตกตะลึงอึ้งกับสถาปัตยกรรมที่วิจิตรตระการตาที่อยู่ตรงหน้า ทำเอาสตั้นไปชั่วขณะเลยที่เดียว ......งดงามอย่างลงตัว ภายในมีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ สามารถเปิดประตูเข้าไปไหว้สักการะได้ค่ะ
> หลังจากตะลอนเที่ยวมาทั้งวัน ก็กลับมาเตรียมตัวที่รีสอร์ทเพื่อต้องบอกลาธรรมชาติที่สงบกลับสู่เมืองกรุงอันวุ่นวาย
> เจ้าของรีสอร์ทใจดีขับรถมาส่งที่ท่ารถสมบัติทัวร์ (ไม่ใช่จุดเดิมที่ส่งขามานะคะ) สถานที่จะเป็นตึกแถวร้านค้า พอถึงเวลา (เรากลับรอบ 18.00 น.) (ซึ่งเลทประมาณ 40 นาที) รถบัสก็จะมาจอดค่ะ
> ขากลับเราสามารถเลือกลงได้ รถจะจอดที่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต กับสถานีสมบัติทัวร์วิภาวดีค่ะ
| ลองถามใจตัวเอง และออกเดินทางเพื่อหาคำตอบภายในใจ อยู่ตรงไหนแล้วสบายใจ จงไปอยู่ตรงที่แห่งนั้น |