สักครั้งในหนึ่งปี...จงไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน

      ʕ→ᴥ←ʔ สวัสดีเพื่อนๆ ThetripPacker หลังจากทริปภูทับเบิก รีวิวนี้เป็นฉบับที่สามแว้ว ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจอีกสักครั้ง หลังจากดองการเขียนรีวิวมาเกือบ 2 เดือน ก็ได้ฤกษ์คลอดแล้วจ้าาา 55555 ช่วงนี้อากาศเริ่มเข้าที่มีความเย็นหน่อยๆ ใครที่ยังไม่มีโปรแกรมไปไหน ตามรอยเราไป รับรองได้รูปสวยๆ จุใจ คอนเฟริ์ม !!!! ออกเดินทางอีกครั้ง เปิดหัวใจอีกครั้ง เพลงนี่มันดังขึ้นมาทุกครั้งในหัว ทริปนี้เราจะพาเทโค้งกันที่แม่ฮ่องสอน แล้วก็ย้อนไปแอ่วเชียงใหม่ ช่วงที่เราไปเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ปลายเดือนตุลา 4 วัน 3 คืน ผ่านมามากกว่า 1,864 โค้ง ไม่เมารักก็เมารถ ฮ่าาาาๆ ว่ากันว่าโค้งที่แม่ฮ่องสอนนี่สุดๆแล้วเหอะ เชื่อแล้วล่ะ....เมื่อได้มาเจอกับตัว ◎_◎

การเที่ยว มันคือความสุข และนับเป็นช่วงเวลาที่แสนพิเศษสุดๆ ซึ่งช่วยบำบัดใจและกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานได้ดีทีเดียว...

รีวิวก่อนหน้าเข้าไปดูย้อนหลังกันนะเจ้า

ʕ•̫͡•ʕ*̫͡*ʕ•͓͡•ʔ-̫͡-ʕ•̫͡•ʔ*̫͡*ʔ-̫͡-ʔ

http://www.thetrippacker.com/th/journeytravelwithus

  • DAY 1

พักร้อนเหลือ ลางานได้ พร้อมแล้ว Here We go !!!!

เราออกเดินทางคืนวันศุกร์ที่ 21 ต.ค. 59 จับเวลาออกตอน 1 ทุ่มตรง รถหนาแน่นช่วง เส้นเบี่ยงไปอยุธยามันติด เลยเบี่ยงไปเส้นสระบุรี แล้วหักเข้าอยุธยา เปิด Map ดูเส้นทางเลยจ้า ตรงไหนติดยาว เลี่ยงได้คือเลี่ยง Map พาเราไปเจอเส้นทางลับ เป็นทางลัดที่ไม่คุ้นเลย ด้วยความที่เดินทางตอนกลางคืน มักจะไม่ค่อยเห็นอะไรชัดมากอยู่แล้ว ปล.แล้วเราก็เลี่ยงรถติดได้สำเร็จ 555 ชนะ // ทำไม Map มันเทพขนาดนี้ ข้าขอคาราวะ !!!

อ่อนแอก็หลับไป คนที่ไหวเขาจะไฟว์ต่อ 55555 เปลี่ยนกะเป็นยามเลยละ สลับพลัดเปลี่ยนพวงมาลัยกันกว่าจะถึง มีเจ้าของกระทู้คนเดียวที่ขับรถไม่เป็น (สบายเลยสิ) ป่าวเลย ... อิชั้นต้องนั่งถ่างตา จะหลับก็ไม่ได้ เราต้องนั่งชวนคนขับโม้ จะได้ไม่หลับ อีกวิธีก็เปิดเพลงปลุกใจไว้ให้โยกเบาๆ อิอิ

ว๊าปมาอยู่ลำปูนแล่วเจ้าาาา....ตี 4 ครึ่ง รอปั้มเปิด จะเติมน้ำมัน พักรถ พักคน ล้างหน้า แปรงฟัน ให้หน้าตื่นหน่อย

หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา เซเว่นอีเลฟเว่น 55555 มีทุกอย่างให้เลือกสรร และนี่แหละข้าวเช้าในตอนที่ฟ้ากำลังจะเปลี่ยนสี

จัดมา..ข้าวลาบหมูทอด เกี๊ยวซ่า ต่อด้วยแซนวิชหมูทอดทงคัตสึ อิ่มพุงปลิ้นไปอีก !!!!!!

หนังตากำลังหย่อนได้ที่ พร้อมมั้ย พร้อมม๊ายยยยยยย ?? ( ในใจนี่ยังไม่พร้อม) เช้านี้เรามาเล่นโค้งมาราธอนกันเถอะ @_@

หายง่วงเลยว๊อยยยย 555555 ยิ่งกว่าเล่นรถไฟเหาะตีลังกา เกาะให้แน่นๆหน่อยนะน้องนะ...เบรกไหม้จ้าา ( ไม่ไหม้ก้บ้าแล้ว) ไหลลงมาตามถนนแถมโค้งนี่คดยิ่งกว่าไส้หมู เลนส์ถนนก็ไม่ได้กว้างพอให้รถสวนกันได้แบบไม่ต้องระวัง ต้องคอยบีบแตรเป็นระยะๆ ตรงจุดที่เป็นโค้งหักศอก มีความเสียวอยู่เนืองๆ จอดสิครัช พักรถก่อนเบรกจะไหม้ไปมากกว่านี้

และแล้ว...ก็เหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างกำลังจะพุ่งออกมาจากปาก เรียบร้อย !!! มาเป็นโจ๊ก 555555

หน้าจ๋อยไปดิ !!!! อารมบ่จอยครับ อย่าเพิ่งมากวนโผ้มมมม 555555 โถ่ !!! อีหลาน หายซ่าเลยเป็นไง เหลือผู้รอดอีก 4 ชีวิต ใครจะเป็นรายต่อไป ในระหว่างที่พักรถนั่น อย่าปล่อยเวลาให้เสียหลาย ถ่ายรูปเล่นกันดีกว่าาาาาา...

อ้าวเห้ยยยย...ลุกขึ้นมาสดใสร่าเริงสะงั้น สงสัยอยากมีรูป

เป็นความโชคดีเจ้าของกระทู้ได้ทริคแนะนำจากพี่ที่ทำงานว่า "ถ้าขึ้นเขาเมาโค้ง ให้หากอเอี้ยะมาแปะสะดือ แล้วจะไม่อ้วก" คือ ตอนแรกที่ฟังก็ยังไม่เชื่อ แต่ด้วยความอยากลองของไง เอาวะ !! ลองดู ผลที่ได้คือ มันดีอะแกร์ คือบับ...ไม่สะทกสะท้านเลยจริงๆ โค้งแค่นี้เองอะหรอ จิ๊บจิ๊บ จะไม่ยอมเสียข้าวที่กินไปเมื่อเช้าหรอกเว้ยยย 55555

เอาจริงๆ ข้ามเรื่องทางโค้งไปมันจะดีต่อใจกว่านี้นะ ได้เห็นท้องฟ้า ภูเขา ลมเย็นโชยเข้ามางี้ เคลิ้มเชี้ยะ ~ ~

ท้องเริ่มร้องโคร๊กคร๊าก หาร้านข้าวยากมาก จนมาเจออยู่ร้านนึง ชื่อร้านว่า "อิ่มอร่อย" อยู่ติดถนนเลยคะ

เมนูทางร้านก็จะมีทั้งก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ น้ำปั่นมีครบ จบในร้านเดียว

ปล.รสชาติดี ราคาไม่แพง รวมข้าวและเครื่องดื่มแล้ว หมดนี่แค่สองร้อยกว่าบาทเอง

อิ่มแล้วก็ยิงยาว เข้าเขตตัวเมืองแม่ฮ่องสอนกันเล๊ยยยยยยยยยยยย ٩(^ᴗ^)۶

ตรงดิ่งไปขอใบประกาศที่สำนักงานหอการค้า จ.แม่ฮ่องสอน ก่อนเลยคะ และนี่คือโฉมหน้าผู้พิชิตโค้ง 1,864 โค้ง ดูวินๆ ควรภูมิใจใช่แหมะ 55555 ไม่ได้เป็นคนขับ แค่เป็นคนนั่งก็ขอได้คะ เสียค่าธรรมเนียม 40 บาท/ใบเท่านั้น

ห่างไปประมาณ 3 กม. ขอแวะขึ้นไปกราบสักการะ วัดพระธาตุดอยกองมู กันสักหน่อย ใครที่แวะมาเที่ยวที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว ไม่มาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงนะจ๊ะ เพราะเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเลยก็ว่าได้

เดินตรงเลยวัดไปหน่อยก็จะเจอร้านกาแฟชื่อดัง Before Sunset เป็นร้านเล็กๆ มีหลายมุมให้เราเลือกนั่ง

จุดขายคงจะอยู่ที่มุมนี้ วิวอลังมากจริงๆ แวะมาเช็คอิน นั่งพักมองวิว จิบอะไรเย็นๆ คลายความเหนื่อยล้าลงไปได้บ้าง

จากจุดนี้เรายิงยาวเข้าปางอุ๋งเลยคะ

ลุงจายโฮมสเตย์ คือที่ซุกหัวนอนของเราคืนนี้ โฮมสเตย์หลักร้อย ตกคืนละ 600 บาท กว่าจะถึงก็เกือบ 5 โมงเย็นแล้ว อากาศเย็นกำลังดี รีบขนสัมภาระเข้าห้อง พร้อมเข้าไปเดินเล่นในปางอุ๋งแว้ว

ภายในห้องก็จะมีฟูกนอน หมอน ผ้าห่ม ไม่มีพัดลม-แอร์ ส่วนห้องน้ำ เป็นส้วมซึม แล้วน้ำใส่โอ่งไว้ตักอาบเอาเลยจ้าา

ปางอุ๋ง มีชื่อเรียกเต็มๆว่า โครงการพระราชดำริปางตอง 2 เขาว่าที่นี่เป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ในช่วงเช้าจะต้องตื่นมาให้ทัน ดูหมอกยามเช้าที่ป่าสนริมอ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง จะมีไอน้ำละเลียดอยู่บนผิวน้ำ ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นเต็มที่ และนี่คงเป็นเสน่ห์ของปางอุ๋งเลยก็ว่าได้

ก่อนฟ้าจะมืด ... ลองแวะเดินไปสอบถามค่านั่งแพชมวิวไป-กลับ ลุงคิดเราในราคา 150 บาท 2 คน/แพ จากปกติช่วงหน้าหนาวคิดแพละ 300 บาท

ไม่รีรอเลยราคานี้ ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์สุดๆ ลองนั่งแพชมวิวไป-กลับสักครั้งนะคะ จะได้กลับมาคุยกับเขารู้เรื่อง

ลุงแกจะพายพาเราไปสุดริมอ่างเก็บน้ำเลย มาโผล่แถวๆ จุดที่มีนักท่องเที่ยวกางเต๊นท์กันเยอะๆ กำลังก่อกองไฟ แคมป์ปิ้งเลย ดูน่าสนุกดีจัง ^_______^

นั่งดื่มด่ำกับธรรมชาติกลางน้ำ มีหุบเขาล้อมรอบ โรแมนติกไปอีก เขินจังแกร๊ >"< เผลอแป๊ปๆ หมดรอบละ !!!!!!

ด้วยเวลาอันน้อยนิด ทำให้เราเก็บรายละเอียดของที่นี่ได้ไม่มากนัก คาดไว้ว่าตอนเช้าจะเข้ามาเก็บใหม่

ใกล้พลบค่ำแล้ว เมื่อย่างเข้าสู่หน้าหนาว...ท้องฟ้าจะมืดเร็วกว่าปกติ

เดินกลับออกมาเจอร้านขายถั่วเหลืองทอด หน้าตาพิมพ์เดียวกับเฟรนฟรายด์เป๊ะเลย !!! แต่รสชาติไม่เหมือนนะ กินตอนร้อนๆสุกใหม่ๆกรอบๆ หอมกลิ่นถั่วเหลืองเลยละ

เดินกลับเข้าที่พัก...ที่นี่เขามีบริการหมูกะทะ อาหารตามสั่ง เลือกเลยตามเมนูที่เขามี มื้อนี้เราเลือกหมูกะทะคะ ชุดนี้ 300 บาท พร้อมเตาถ่าน ชุดหมูผัก วุ้นเส้น ไข่ไก่ ลูกชิ้น ปูอัด น้ำซุป จาน ตะเกียบ >"<

จัดการหมูกระทะแล้ว เราก็เข้าห้องพักไปนอนตีพุง รอต่อคิวเข้าอาบน้ำกัน เนื่องจากห้องน้ำมีเพียงห้องเดียว อาจจะไม่ทันใจ เอาขันราดตัวครั้งนึง รู้เรื่องงงง...ช้อคซีนีม่าค่าาาาา อ่อนแอก็แพ้ไป คนที่ไหวเขาต้องกระโดด 55555 สะดุ้งโหยงไปหลายที ฆ่าฉัน ฆ่าฉัน ให้ตายดีกว่า ฮื้อออออ T_T หลังอาบเสร็จแล้วสดชื่นจริงๆ

พูดถึงเรื่องไฟฟ้า พี่สาวซึ่งเคยมาเที่ยวที่นี่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เล่าว่า...เดิมที่นี้เขาจะ ตัดไฟฟ้าหลัง 4 ทุ่ม ซึ่งต้องรีบทำภารกิจส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อย แต่เดี๋ยวนี้เขาพัฒนาแล้ว เปิดยันหว่างไปเลยไอ้น้อง 5555555 สอบถามป้าและลุงเจ้าของ เรื่องจะขอชาร์จแบตกล้องกับมือถือสักหน่อย (ปล.บ้านพักไม่มีปลั๊กไฟนะคะ) ป้าบ อกว่าเต้าเสียบอยู่ข้างเสาเลยหนู แต่ไม่มีปลั๊กพ่วงให้นะ เราโอเค๊ เรามีพร้อม เตรียมปลั๊กพ่วงออกไปเสียบชาร์จทิ้งไว้ คอยลุกออกไปดูห่างๆอย่างห่วงๆ

  • DAY 2

ก่อนจะหลับได้ยินเสียงฝนตกทั้งคืนเลยคะ // นาฬิกาตั้งปลุกไว้ ทำไมไม่มีใครได้ยิน ลืมตาตื่นมา เสียงฝนยังไม่หายซา แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม ? เลือกนอนต่อไงจ๊ะ ฟิ้วววววว ZzzZz สะดุ้งตื่นมาอีกที 6 โมงกว่า แม่เจ้าโว้ยย...สายโด่งขนาดนี้หมอกฉันหายไปหมดแล้วแน่ๆ ตอนเดินเข้าปางอุ๋งนี่แอบอายนะ คือเราเดินเข้า เขาเดินออกกันมาเยอะมาก (เจ็บกระดองใจ) สายแล้วก็สายไป ไว้แก้ตัวใหม่ชาติหน้า เอ้ย รอบหน้า !!!!! ถึงสายเราก็ยังมีเพื่อนสายนะ บางกลุ่มก็เพิ่งทยอยเข้ามา อย่าๆๆไปวอรี่ ยูโน้วววว ?!! แต่ถึงจะสายขนาดนี้ อากาศยังดีอยู่เลยคะ อาจ เป็น เพราะ ฝน

มุมนี้เป็นโซนร้านอาหาร สามารถขึ้นไปทานกันได้เลยคะ

เผลอแพ๊พๆ 10 โมงแว้ว เห้ย !!!!! เดินจ้ำอ้าว...ออกไปกินข้าวเช้าเถอะ

พระองค์สถิตย์อยู่ในหัวใจคนไทย เป็นรูปที่มีทุกบ้าน ทุกสถานที่ และทุกโฮมสเตย์ที่นี่ จะมีภาพในหลวงติดไว้ด้านหน้ารีสอร์ท

เช้านี่ลุงจายมี ข้าวต้มหมูไข่ลวก อร่อยสุดอะ แนะนำเลยเด็ดอย่าบอกใคร เก็บไว้อร่อยคนเดียว เย้ย ไม่ใช่จิ ต้องอร่อยบอกต่อ

แวะซื้อหมั่นโถวจิ้มนมมาลองด้วย...อาหย่อยยยยยย

มะหมา...ขอโถวหน่อยคร๊าบบบบบบบ (ส่งสายตาอ้อนวอนซะไม่มี)

 

ก่อนออกจากปางอุ๋ง ขอความหวานล้างปากหน่อย ร้านจะอยู่ก่อนออกจากปางอุ๋งเลยคะ หาง่ายมากๆ ชื่อร้าน " Pala Coffee "

นอกจากจะขายกาแฟแล้ว ที่นี่ยังเป็นศูนย์เรียนรู้การผลิตกาแฟครบวงจรอีกด้วย

บรรยากาศภายในร้านร่มรื่น มีที่ให้เราได้เลือกนั่งอยู่หลายโซน โซนหน้าร้านจะเป็นมุมนั่งรอกาแฟมากกว่าจะนั่งอยู่นานๆ

มีหนังสือไว้บริการให้อ่านรอด้วย อ่านแล้วก็ทำให้ คิดถึงพ่อ

เดินเข้าไปหน่อยจะเจอกับโซนสีเขียว เป็นที่นั่งใต้ต้นไม้ เปรียบเสมือนนั่งสวนในบ้าน

ใกล้ๆกันนั้นมีต้นไผ่ขนาดใหญ่ เงียบสงบ เป็นส่วนตัว และมีโต๊ะให้นั่งชิลล์อยู่

ถัดเข้าไปอีกจะเป็นโซนโต๊ะที่นั่ง ไว้สำหรับมองเห็นวิวภูเขา ต้นไม้ สดชื่น สบายตา ก็บอกแล้วว่าเอาที่ชอบๆ

เดินสำรวจรอบๆร้านจนครบ ออกมารับออเดอร์ที่สั่งไป

ใบชานี่เขาเด็ดมาจากต้นสดๆเลย หนอนยังเกาะบนยอดใบอยู่เลย 555 ล้อเล่นนะคะ ใครที่จะแวะมาชิมต้องใจเย็น...เย็นชาขนาดไหน เพราะที่นี่เขาพิถีพิถัน และใส่ใจในการชงมากๆ รสชาติเลยออกมากลมกล่อมขนาดนี้ ถ้ามีเวลามากกว่านี้ คงจะได้สโลว์ไลฟ์นั่งเสพบรรยากาศ

แต่แล้ว..ฝันนั้นก็สลายไปในพริบตา 5555555 เอาไปนั่งดื่มในรถแทน พร้อมมั้ยถามใจสิ โค้งเทซะขนาดนี้ อ้วกจะพุ่งออกมาเป็นชา

จุดหมายต่อมาของเราก็คือ ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาบ้านจ่าโบ่ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน เป็นร้านที่คิดไว้ก่อนมาว่าอยากจะไปนั่งห้อยขากินก๋วยเตี๋ยว มองวิวสวยๆ แบบที่เขาแชร์ๆกันบ้าง ถึงแว้ว...ตามมาดูกันเล้ยยยยย

เอ่อ คือ ... สตั้นไปอีก คนแน่นร้านเว่อร์ (ก็มันช่วงเทศกาลปะแกร์) คือคนยอมยืนรอต่อคิวเยอะมาก โต๊ะที่นั่งไม่เพียงพอต่อผู้บริโภคคะบอกเลย ขยายร้านด่วนๆ

ร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านจ่าโบ่ เป็นก๋วยเตี๋ยวที่มีทั้งน้ำตก , ต้มยำ สารพัดเส้น สนนราคาอยู่ที่ชามละ 40 บาท จุดขายหลักๆ ก็คงอยู่ที่เอกลักษณ์ของที่นั่งห้อยขานี่แหละคะ มีมุมสวยๆไว้เอาไว้เก็บเป็นที่ระทึกอยู่หลายมุมเลยทีเดียว

มุมแรก (มุมมหาชน) ฮอตสุดๆ ด้วยความที่ปริมาณคนกับที่นั่งมันไม่สมดุล บางคนไม่ได้มากินเตี๋ยว ขอแค่เข้าไปนั่งห้อยขาถ่ายรูปชิคๆแล้วกลับก็มี บ้างก็ยืนหิว แต่ก็อยากถ่ายมุมนี้ ก็ยอมรอจนกว่าเขาจะลุกกันก็มี น่าสงสารจุง ( ปล.รูปนี้ได้ถ่ายตอนจะกลับแว้ว )

มุมที่สอง อยู่แถวๆที่น้องเขายืนทำก๋วยเตี๋ยวเลย ไม่ร้อน เย็นสบายและได้นั่งเข้าหาวิวเต็มๆ ถ้ามาอีก ก็อยากจะมานั่งกินมุมนี้นะ

รอไม่ไหวคะ บัยยยยส์ นั่งตรงอื่นได้ไม่เสียใจ (ไม่จริ้งงงง) น้องที่รับออเดอร์เล่าให้ฟังว่า วันนี้คนเยอะมาก ปกติไม่เยอะขนาดนี้ / ค่ะ เป็นกำลังใจให้ถึงคิวพี่ไวไวเนาะ - -" จดออเดอร์เสร็จ เราก็ต้องอาศัยความไวและยืนเล็งพิกัด กลุ่มไหนลุก เข้าชาร์จทันที 555 เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรียังไงยังงั้น แล้วโชคก็เป็นของเรา ไม่ได้ตรงที่ห้อยขาไม่เป็นไร

เป็นการมากินก๋วยเตี๋ยวที่นานที่สุดในสามโลก ขอบันทึกลงในกินเนสบุคได้มั้ย 2 ชม. รอกินกันคนละชาม ขุ่นพระ !!!!! นานเท่าไหร่พี่ก็รอด๊ายจร้าาา (น้ำเสียงกัดฟัน) เพราะระหว่างที่รอ พี่ล่อแคปหมูไปเป็นสิบกว่าถุง แต่ยอมรับว่าลูกชิ้นและน้ำต้มยำอร่อยใช้ได้เลยแหละ

ก่อนเดินออกมีจุดให้ถ่ายรูปเป็นที่นั่งไม้ ยื่นออกไป วิวดี เล่นใหญ่รัชดาลัยอีกละ

ว่าจะตรงยาวเข้าที่พักเลย แต่ดั๊นมีจุดสกัดเราไว้นะซิ้ !!!! เรื่องของเรื่องคืออยากเข้าห้องน้ำ บนเขาบนดอยแบบนี้หายากจะตายโชคดีอีกแล้ว เห็นป้ายบอกห้องน้ำสะอาด ตรงไปอีก บลา บลา ยังคุยกันในรถ "มีป้ายบอก ตรงไปมีห้องน้ำ สะอาดด้วย"

เฮ้ยนี่มัน ดอยกิ่วลม จอดๆๆๆ ไม่แวะไม่ได้แล้ว ไม่ได้อยู่ในแพลนเลย เห็นแค่วิว บอกเลย...ไม่เข้าห้องน้ำก็ได้ แต่จะลง 5555555555

ซึ่งถนนอีกฝั่งก็จะเจออีกวิว คนละฟิวส์กันหน่อย มีร้านค้าขายของเรียงรายกันไป มีซุ้มไว้ให้นักท่องเที่ยวได้แวะพัก นั่งรับลมเย็น เห็นวิวไกลๆ มีกังหันลมขนาดใหญ่ขนาบอยู่ด้านข้าง

ถัดมามีชิงช้าปาย หมุนวนขึ้นลง คล้ายๆชิงช้าสวรรค์ แต่ให้นั่งห้อยขา แขนเกาะไว้กับที่จับ เล่นได้ครั้งละ 4 คน ส่วนตัวเคยลองเล่นแล้ว ตอนนั้นที่เห็น เขาเล่นกันก็สงสัยจะกรี้ดกันทำไม มันก็ไม่ได้สูงขนาดนั้นปะ แต่พอลองไปเล่นเท่านั้นแหละ รู้เรื่องงงงง อ๊ากกกก.... มันเสียว มันสูง ยิ่งกว่าเล่นไวกิ้งซะอีก ยิ่งตอนหมุนวนกันเร็วๆ นี่อยากจะลงไปฆ่าอีคนหมุน ตอนหย่อนลงวนขึ้นนี่แบบ ไม่ต้องพูดถึงเลยคะ เกมส์โอเว่อร์ตั้งแต่ยังไม่ได้เล่น

ส่วนมากวิวฝั่งนี้จะมองเห็นบ้านคนข้างล่างไกลๆ ลมเย็นตีหน้าชาไปอีก

ฟ้าสวยๆแบบนี้จับเจ้าตัวแสบมาโยนลง แฮ่ โยนขึ้น แฮ่ ถูกแล้วววว !!!!!

☁ ☁ ยกฟ้าแบบนี้ ลมเย็นๆแบบนี้ กลับไปเก็บที่บ้านได้ไหม ●^∀^● สวยเกินบรรยาย

ก่อนจากลา แวะซื้อผลไม้เคพกูสเบอร์รี่ ติดไม้ติดมือลองสักหน่อย คนขายอวยว่ากินแล้วดีต่อสุขภาพ หน้าตามันจะคล้ายๆลูกพุทรา ผลกลม ลูกเล็ก มีสีเหลืองอมส้ม ซ่อนอยู่ในกลีบบางๆ อย่าทะลึ่งกินไปทั้งลูกและกลีบนะ เลือกกินแต่ลูกข้างในเท่านั้น รสชาติจะออกเปรี้ยวอมหวาน มีกลิ่นหอมเหมือนพวกลูกจันทร์

ลองกลับมาหาข้อมูลดูว่าที่คนขายอวยนี่จริงหรือไม่ แล้วมันดีต่อสุขภาพยังไง ? ได้ความว่า..........เคพกูสเบอร์รี่นั้นเป็นหนึ่งในผลผลิตจากงานส่งเสริมและ พัฒนาไม้ผลขนาดเล็ก มูลนิธิโครงการหลวงที่ชาวเขาปลูกเป็นการค้าบนพื้นที่สูง เพื่อเป็นพืชทดแทนฝิ่น และนี่เองจึงเป็นเหตุผลให้บนดอยภาคเหนือของไทย จะรับประทานผลสด ชุบช็อกโกแลต จุ่มน้ำผึ้ง ใส่ในสลัด ทำน้ำผลไม้ หรือนำไปทำเป็นแยมก็ได้ ประโยชน์ที่ได้ก็คือ อุดมไปด้วยวิตามินซี สามารถช่วยป้องกันไข้หวัด ภูมิแพ้ และยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันอาการตาบอดในที่มืด ทำให้สายตาดี ผิวพรรณสวย ผมดกดำ แล้วที่สำคัญ สามารถลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งประเภท HT-29 และ HCT-116 ในคนเราได้ และหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกได้อย่างชัดเจน ฉันพลาดอีกละ ซื้อมาน้อย !!!!!!!!

มุ่งไปที่พักของเรากันโล้ดดดด → → คืนนี้เรานอนที่ โครงการหลวงป่าสนวัดจันทร์ (อ.อ.ป.) อำเภอกัลยานิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ทางนี้ลาดยางมาตลอดเส้น เจอมุมสวยๆ ก็แวะจอดลงมาถ่ายกันสนุกสนาน

แทบไม่มีรถผ่านเลยด้วยซ้ำ แอบกังวลว่าเห้ย เข้ามาถูกทางแน่นะ ทำไมมันเงี๊ยบเงียบ อีกใจก็คิด สงสัยเขาขึ้นไปถึงที่พักกันหมดแล้ว มาเย็นซะขนาดนี้ รักษามาตรฐานเวลาได้ดีจริงๆ ตั้งแต่ที่ปางอุ๋งละ ≧▽≦

คุณก็หลอกดาวว ︶︹︺ เจอทางดีๆได้ไม่เท่าไหร่ เจอทางที่เข้าโค้งและชันมากเป็นช่วงๆ เป็นหลุม เป็นบ่อ เป็นหลินฮุ้ย (ยังจะเล่น) ช่วงๆไส้นี่พันรวมกันได้หลายคดอะจริงๆ เข้าใจแล้วว่าทำไม รถไม่ค่อยมีสวนกัน ไม่มีต่อท้ายกัน ทางแม่งโคตรจะแอดเวนเจอร์อะ ถ้าขับกระบะน่าจะมันส์ แต่รถเล็กแบบเราๆก็ไปได้คะ ค่อยๆขึ้น ค่อยๆหยอดหลุม ใจเย็นๆในการขับหน่อยนะคะ หลังจากที่ฝ่าฟันอุปสรรคมาพอสมควร เราก็ถึงค่ะ ทำเวลาได้ดีทีเดียว ถึงก่อนฟ้ามืดไปนิดเดียวเอ๊งงงง ◕‿‿◕。
ขับเข้ามา เหมือนหลุดเข้ามาในโลกความฝันเลย คิดถูกแล้วที่มา ในที่ที่มาลำบาก มักจะมีอะไรให้น่าค้นหาแบบนี้แหละ

เข้าเช็คอินขอกุญแจบ้าน เดินเลี้ยวซ้ายขึ้นมาไม่ถึง 10 ก้าว แล้วเลี้ยวซ้ายอีกที จะมีป้ายบอกชื่อบ้านพัก ชื่อว่า บ้านปาเก่อญอ 1-2 ไม่รีรอขนของเข้าอยู่โล้ด !!!!!!

เดินเข้ามานี่แอ๊บว่าอยู่ต่างประเทศได้เลยนะ บรรยากาศใช่มาก ส่วนตัวมาก เหมือนเป็นบริเวณบ้านของเรา

เลี้ยวขวาเข้ามา จะเจอโต๊ะนั่ง ตั้งเชื่อมกันระหว่างบ้านทั้งสองหลัง เป็นบ้านชั้นเดียวสองหลังคู่ ราคาอยู่ที่ หลังละ 1,500/คืน (ไม่รวมอาหาร)

ทางขวาคือ บ้านปาเก่อญอ 1 คะ

ส่วนทางซ้าย คือบ้านปาเก่อญอ 2

หน้าห้องจะมีโต๊ะที่นั่งหนึ่งชุด

พอเปิดประตูเข้ามาจะเจอเตียงอยู่ทางด้านขวา ปลายเตียงมีตู้วางพวกแก้ว น้ำดื่ม ชา กาแฟ // ไม่มีทีวี ตู้เย็น มีพัดลมติดผนังเยื้องกับเตียง มุมขวาจะเป็นโต๊ะนั่งไว้อ่านหนังสือ

เดินถัดเข้ามาจะเจอห้องครัว จะเรียกว่าห้องครัวได้ไหม เพราะมีแต่ซิงค์ล้างจานให้เท่านั้น (เพราะเขามีกฏห้ามประกอบอาหาร)

และด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ ภายในมีเครื่องทำน้ำอุ่น และพวกยาสระผมกับครีมอาบน้ำให้ด้วยคะ

ขอเดินตรวจสอบรอบๆบ้านหน่อยละกันเนอะ เดินเลี้ยวขวาขึ้นสะพาน เดินไปตามทางเรื่อยๆ ก็จะเจอเขตก่อสร้างห้องพักเพิ่ม ซึ่งมันเดินสิ้นสุดได้แค่นี้

แสงสว่างเริ่มหมดไป ความมืดเริ่มบดบัง ระหว่างทางไปโรงอาหารของโครงการ เราแวะดูของที่ระลึกกันสักหน่อย

เอาล่ะ !!! ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว จริงๆที่นี่จะต้องโทรจองล่วงหน้าก่อนวันมาถึง 1 วัน เพื่อแจ้งว่าจะรับอาหารเย็นและอาหารเช้าด้วยมั้ย เพราะบางคนก็ออกไปทานที่อื่นใกล้ๆโครงการก็มี แต่เราลืมโทรก่อนมา ก็เลยเสี่ยงดวง ลองเดินไปสอบถามที่โรงอาหารดู ปรากฏว่าได้คะ รอดตายไปอีกมื้อ ´﹃`

นั่งรอสักพัก อาหารเย็นก็มาเสิร์ฟ ในชุดประกอบไปด้วย ข้าว 1 โถ ชุดผักสดจิ้ม น้ำพริกอ่อง แคปหมู ผัดกะหล่ำปลีหมู ผัดวุ้นเส้น ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ต้มยำไก่ ส่วนผลไม้จะเป็นแตงโมคะ ที่นี่จะไม่เน้นทำอาหารรสจัดนะคะ ใครที่ไม่ชอบกินจืดๆ คงต้องพกความเผ็ดติดกระเป๋ามาด้วยแล้วละ

อิ่มพุงยื่นแล้ว เราก็เดินกลับเข้าที่พักกันคะ บรรยากาศตอนกลางคืนก็น่ากลัวใช้ได้ (คิดไปเอง ⊙▂⊙ หลอนไปเอง ) ต่างจากเมื่อเย็นคนละฟิวส์เลย อาจเพราะที่นี่ปลูกต้นสนเรียงรายอยู่ทั่วโครงการ เวลากลางคืนเลยดูมืดสนิทกว่าปกติ ยิ่งมืดยิ่งเห็นดาว ก็อาจจะมีโอกาสถ่ายทางช้างเผือกได้

★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★ ★

หลังทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ ก็มานั่งล่าช้างกันคะ โหลดแอพ Starchart ดูตำแหน่งพี่ช้าง แล้วตั้งค่า บลาบลา แล้วนี่คือภาพเดียวที่ถ่ายได้

อึ้ง....อึ้งไปสิ =°□°= ไหนอะช้างเผือก เจอแต่ช้างวิ่งหนี 55555 หัดถ่ายครั้งแรกมันก็ยังงี้แหละ !!! ปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร...ไม่เป็นอะไร ꒦ິȏ꒦ິ บัยส์ ~ ยกเลิกกิจกรรม แยกย้ายไปนอนเถอะ ปาดน้ำตา ราตรีสวัสดิ์

︶。︶ ︶。︶ ︶。︶

  • DAY 3

ฮโหล....เอฟวี่บอว์ดี้ เรามีนัดกัน 6 โมงเช้า เพื่อตื่นไปเดินหยิบหมอก โอบกอดอ่างเก็บน้ำบ้านฉางข้าวกันเต้อะ (づ ̄ ³ ̄)づ

มีองครักษ์มานอนเฝ้าทั้งคืนเลย เจ้าหมาน้อย ︶。︶ หลับสบายเชียวนะ !!!

รอบโครงการฯ จะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกจางๆ มีใยสไฟเดอร์แมน เกาะตามทิวสน เดินตรงไปจะมีป้ายบอกทางที่ไปอ่างเก็บน้ำ ๑ˇεˇ๑•*¨*•.¸¸♪

โครงการหลวงป่าสนวัดจันทร์ เป็นโครงการตามพระราชประสงค์ของในหลวง "โปรดให้ดำเนินงานเพื่อพัฒนาอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ดินและน้ำ ควบคู่กับการพัฒนาเกษตรกรรม บริเวณแหล่งต้นน้ำลำธาร พัฒนาการใช้ประโยชน์ไม้สนเขาและยางสนธรรมชาติ และเพิ่มพูนฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม โดยให้มีการปลูกทดแทน ทดลองใช้วิชาการป่าไม้ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมป่าไม้และฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้ บริเวณแหล่ง ต้นน้ำลำธารให้กลับคืนสู่สภาพเดิมตามธรรมชาติ "

ไม่ว่าจะไปที่ใด เราจะมีพระองค์ท่านคอยเฝ้ามองเราอยู่เสมอ เพราะเรามีพ่อคนเดียวกัน

" พ่ อ ข อ ง แ ผ่ น ดิ น "

ถึงแล้ว...อ่างเก็บน้ำบ้านฉางข้าว OMG (ʘ╻ʘ) สวยไม่แพ้ปางอุ๋งเลยแหละ

ที่นี่จะมีกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติสูงกว่า คนไม่เยอะ ไม่พลุกพล่าน เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ

หมอกฟุ้งๆ ลอยละลิ่ว พลิ้วมาตามลม ♫♪˙‿˙♫♪ ♫♪ ♫♪ ♫♪

 

 

Getsunova Style เหรอ ? ว่าแต่...หน้าใหญ่ไปนะ แมทซ์ปิดเหนียงไม่หมด 5555555+

เวลา 8 นาฬิกา ได้เวลารับประทานอาหารเช้าแล้ว เดินกลับไปโรงอาหารกันเถอะ ≧ڡ≦

 

จัดซีรี่ย์เกาหลีไปหนึ่งเรื่อง น่านนน... จำเป็นต้องจิกขาเบอร์นี้เลยหรอ 555 ยอม !!!!

ว่ากันว่าในหน้าหนาว ☃ ☃ ☃ ใบเมเปิ้ลจะเริ่มผลัดใบเปลี่ยนสี ตั้งแต่เดือน ธ.ค.-ก.พ.ของทุกปี ส่วนในช่วงกรีนซีซั่นปลายฝนต้นหนาวนั้นก็ยังมีความเขียวขจี และสดชื่นหลังฝนตกใหม่ๆ ซึ่งก็สวยงามไม่แพ้กัน

เช้าวันนี้มีข้าวต้มกุ๊ยร้อนๆ ทานคู่กับ กุนเชียงทอด ไข่เค็ม ผักกาดดอง และก็ผัดผักกาดน้ำมันหอยค่ะ ในส่วนที่ต้องบริการตนเอง คือ พวกขนมปังปิ้ง ทาแยม และการชงชา กาแฟ โอวัลติน

ปล.กรณี กับข้าวหมด บางอย่างเราสามารถขอเพิ่มได้นะคะ ฟรีไม่เสียค่าธรรมเนียม เพราะจขกท.ขอผัดผักน้ำมันหอยอีกจาน เขาผัดมาให้สดๆใหม่ๆจากกะทะเลย ดีงามพระรามแปดมากๆ

หนังท้องตึงแล้ว เราก็เดินกลับไปเก็บสัมภาระ คาดว่าจะได้มาอีกครั้งแน่นอน เพราะชอบความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ความเป็นมิตรของพนักงาน การบริการเสมือนคนในครอบครัว ทั้งหมดคือความประทับใจ แนะนำเลยมาทีเดียวครบรสจริงๆ

ที่นี่ยังมีบ้านให้เลือกหลากหลายแบบ หลากหลายสไตล์ **แอบไปเดินส่องมา สวยไม่แพ้กันสักหลัง**

สนใจเลือกดูรายละเอียด และราคาการจองได้ที่เว็บนี้นะคะ http://www.fio.co.th/travel/watchan/

☀ ☁ ☀ ☁ ☀ ☁ ☀ ☁ ☀ ☁ ☀ ☁

เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า แล้วออกเดินทางกันต่อ เราเลี้ยวซ้ายกลับออกทางเดิม เห็นป้ายเลี้ยวไปชม โป่งร้อนเมืองแปง เห้ยแกร์ !!!! เจอทางดีเฉย เหมือนเขาเพิ่งทำทางใหม่ เราวิ่งไปตามป้ายเลยคะ ถึงแล้ว...ลงมาจากรถนี่กลิ่นเตะจมูกมาก ไข่ตุ้ม มั้ยจ้ะ ไข่ตุ้มมมมม ... ใครเอาไข่มาต้มคะ อยากจะรู้จริงๆ ๑◔‿◔๑

สดใสท้าแดดไปสิ อย่าไปกลัว 55555555 ☀ ♨ ☀ ♨ ☀ ♨

ไอน้ำนี่ร้อนฉ่าทุกองศา ตีขึ้นหน้ามาเลย บวกกับแดดที่แรงเปรี้ยงปร้างเหลือเกิน ถ่ายรูปนี่เสร็จกระโจนขึ้นรถให้ไวเลย

วิ่งออกมาตามทางหลวง 1095 โค้งมาราธอนเหลือเกิน อิชั้นไม่สู้แล้วเจ้าค่ะ ไม่รู้สลบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตื่นมาอีกที พี่เขาจอดแวะหาเครื่องดื่มบำรุงสายตา มาเช็คอินกันที่ร้าน Anchalee Coffee We กาแฟบ้านแม่มด ทางซ้ายมือจะเห็นหลักกิโลเมตรจำลองสีเหลืองและมีแม่มดขี่ไม้กวาดอยู่ โดดเด่นเป็นสง่ามาก ร้านอยู่ระหว่างทางจากเชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน

โอมมะลึกกึกกึ๋ย เพี้ยงงงง !!!!! ไอ้แสบร่ายมนต์ก่อนเข้าร้าน

ที่ร้านจะประดับตกแต่งด้วยแม่มดเต็มร้านไปหมด น่ารักดีคะ ภายในร้านโล่ง โปร่ง เย็นสบายดี

หมวกคัดสรร จะเลือกให้ผมอยู่บ้านไหนกันนะ ? ( กริฟฟินดอร์์ รึเปล่าาาา )

เราสั่งชากีวี่ ชาองุ่น ชาเขียวไป ราคาไม่แรงมาก ตกแก้วละ 55 บาท ใครที่ผ่านมาแถวนี้ ลองแวะลงมาจิบกาแฟและชาหอมๆ เตรียมความพร้อมก่อนไปเมาโค้งต่อกันได้นะคะ

แว๊บไปเดินชิคๆกันต่อที่ Canopy Walkway หรือ ทางเดินลอยฟ้าและศึกษาชมธรรมชาติ ตั้งอยู่ในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม เชียงใหม่เจ้า ก่อนขับรถเที่ยวข้างใน เสียค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 40 เด็ก 20 บาท และค่านำรถเข้ามาอีกคันละ 100 บาท (เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น.)

สำหรับคนที่ไม่มีรถ ที่นี่จะมีบริการรถรางคอยรับส่ง-ลงตามจุดต่างๆที่ท่านจะไปค่ะ


ขับรถขึ้นมาตามแผนที่ที่เขาแจกตอนเสียค่าเข้า เราแวะเดิน Canopy Walkway ก่อนเลย

เรามาศึกษากฏกติกากัน ก่อนดีกว่า...

มีรองเท้าแตะ เอาไว้เปลี่ยนสำหรับคนที่ใส่ส้นสูงมาด้วยนะค่ะ

ทางเดินเป็นโครงเหล็ก แต่มีความแข็งแรง อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับผู้ที่กลัวความสูงและคนผู้สูงอายุเท่าไหร่ เพราะทางเดินไกลกว่า 400 เมตรได้ ถ้าเดินในช่วงเช้าๆน่าจะสบายหน่อย เพราะเป็นทางเดินแบบโอเพ่นแอร์ ธรรมชาติสุด ถ้าเริ่มสายๆไปถึงบ่าย น่าจะร้อนเอาเรื่องอยู่

วันที่ จขกท.ไปใกล้จะเย็นแล้วอากาศเลยไม่ร้อนเท่าไหร่ เดินไปเรื่อยๆจะมีบางช่วงที่พื้นและที่กั้นทำด้วยกระจกทั้งสองฟาก และตรงจุดนี้สามารถแวะพักชมวิวได้แบบ 360 องศาอีกด้วย

ตรงจุดนี้มีข้อห้ามหลักๆเลย 3 ข้อเท่านั้น คือ ห้ามกระโดด ห้ามพิงกระจก และห้ามยืมเกิน 4 คนขึ้นไป

เดินได้ครึ่งทาง มันจะมีทางตัดเดินลัดออกไปทางซ้าย ทางจะลัดไปออกทางที่เราเข้ามาได้คะ

เนื่องด้วยเวลาอันน้อยนิด อีกไม่กี่ชั่วโมงสวนจะปิดแล้ว ต้องทำเวลา เร่งฝีเท้า ก้าวให้ไว

ได้หมดถ้าสดชื่น 55555 หาอะไรเย็นๆ ดับร้อนกันคนละแท่ง

ขับขึ้นไปอีกโซน โซนนี้อยู่เลยจาก Canopy Walkway ไปประมาณ 500 เมตร ถึงแล้วววววววว !!!!!!!!!!!

กลุ่มอาคารเรือนกระจก เป็นอาคารที่รวบรวมพันธุ์ไม้ทั้งในและต่างประเทศ และแบ่งพันธุ์ไม้ตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่เหมาะมากๆคะ สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษา โดยเฉพาะพันธุ์ไม้หายากและมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ แบ่งเป็น 3 แบบหลักๆ คือ เรือนกระจกใหญ่ เรือนกระจกขนาดกลาง และเรือนแสดงพรรณไม้ทั่วไป

เดินไต่กันขึ้นมา ถึงแล้ว....แฮ่กกก หมดแรง !!!!!

เรามาดูในหมวด พืชทนแล้งกันคะ ตามเข้ามาเล้ยยย

หมวดนี้ว่าด้วยเรื่องของ ต้นกระบองเพชร ที่มีอยู่มากมายหลากหลายสายพันธุ์

และก็พวกพืชสกุลศรนารายณ์ กุหลาบหิน เสมา และไม้แล้งทรงสูง เลือกดูกันตามอัธยาศัยเลยจ้า

จับมือประคองกันไป เรื่อยๆไปจนแก่ (ไหวปะ) 555555555555

เดินมาจนสุดเรือน เดินทะลุมาจะเจอเรือนไม้น้ำ และพืชกินแมลงคะ

 

ส่วนนี่คือแผนที่เส้นทางเดินเที่ยวภายในสวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์

เครดิตที่มา. www.qsbg.org/Test/map6666.jpg

จขกท.ได้เดินแค่สองเรือนเองคะ จากทั้งหมด 12 โรงเรือน ( เสียมั้ย...อย่างงี้มันเสียมั้ย ) เนื่องจากต้องรีบเช็คอินเข้าที่พัก และใกล้เวลาปิดสวนแล้ว ส่วนนี่คือ แผนที่เที่ยวชมสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ ที่นี่ยังมีอีกหลายจุดที่น่าศึกษา ให้เราค้นคว้าอยู่มากมาย อยู่ได้ตั้งแต่เช้ายันมืดเลย ที่เดียวเอาอยู่ ความรู้แน่น แถมได้รูปสวยๆกลับไปด้วย ไว้คราวหน้าจะกลับมาเยี่ยมชมสวนฯของแม่อีกแน่นอน


乁༼☯‿☯✿༽ㄏ 乁༼☯‿☯✿༽ㄏ乁༼☯‿☯✿༽ㄏ

 

ขับรถขึ้นไปเช็คอินที่พักของเรากันคะ หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้น เพราะที่นี่เพิ่งจะสร้างใหม่ได้ไม่กี่ปี เจ้าของเดียวกันกับม่อนอิงดาว แต่ม่อนอิงดาวจะอยู่สูงขึ้นไปอีก ถึงแล้วนิงายยย.... ม่อนไอดิน

ที่ซุกหัวนอนของเราคืนนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งที่พักวิวสวยติดโพล อยู่ห่างจากม่อนแจ่มแค่ 1.7 กม.เท่านั้น มีบริการที่พักทั้งแบบบ้านพักเป็นหลัง และเต็นท์ ใครที่อยากได้บรรยากาศฟินๆ อิงธรรมชาติหน่อย เต๊นท์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกคะ ส่วนจุดกางเต๊นท์จะอยู่อีกมุม และอยู่สูงกว่าบ้านพักนะคะ

บ้านพักที่นี่จะแบ่งเป็นหลังๆค่ะ มีสองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องนอนรวม ผนังเป็นพื้นปูนขัดมัน สไตล์ Loft

ภายในกว้างขวางสะอาดสะอ้าน เพียบพร้อมและครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิเช่น ทีวี พัดลม เตียงนอนขนาดใหญ่ๆแบบนี้ 2 เตียง ห้องน้ำ 1 ห้อง

ภายในมีเครื่องทำน้ำอุ่น อ่างล้างมือ ชักโครกและโถฉี่ มีแยกไว้ให้สำหรับผู้ชายด้วยคะ

ส่วนชั้นบนเป็นที่นั่งรับลมเย็นๆ ไว้เล่นป๊อกเด้ง เย้ย ไม่ใช่ ไว้นั่งดูดาว นั่งกินข้าว บลาบลาบลาาาา

มีร้านอาหาร และกาแฟสดไว้ให้บริการด้วยนะคะ อยู่แถวๆโซนที่จอดรถ ลองเดินขึ้นไปสั่งกันหน่อยดีกว่า เดินขึ้นมาจะเป็นเหมือนร้านข้าวทั่วไปมีบริการตั้งแต่อาหารจานเดียว กับข้าว และที่ขาดไม่ได้คือ หมูกะทะและจิ้มจุ่มคะ อยากกินไรจดใส่กระดาษแล้วเอาไปส่ง เขาจะถามว่าเราต้องการจะกินประมาณกี่โมง แล้วเดี๋ยวเขาจะยกไปเสิร์ฟให้ถึงบ้านพักเลยคะ

ถึงเวลาอาหารเย็นอันสุดจะฟินแล้ว เราขึ้นมานั่งกินข้าวชั้นบนของบ้านพักเราคะ อากาศดีเว่อร์ ฟินเฟร่อ แต่มืดสลัวไปสักหน่อย เนื่องจากจริงๆแล้วมันไม่ใช่ที่กินข้าวหรอกคะ เพราะมันไม่ได้มีโต๊ะกินข้าวชั้นบนแบบนี้ทุกหลังนะคะแต่หลังนี้มีพอดี

เราสั่งหมูกะทะมา 1 ชุด ไม่รู้เป็นอะไรมาที่หนาวๆอยู่บนที่สูงๆแล้ว ไอ ว๊อน หมูกะทะมากมาย นอกจากหมูกะทะก็ยังมีอ๊อฟชั่นเสริมอีก 4 อย่าง

อาหารอร่อยทุกอย่างเลยคะ หมูกะทะด้วย น้ำจิ้มเด็ดอีกแล้ว

หลังกินเสร็จก็ช่วยกันเก็บทิ้งขยะ ส่วนเตาก็วางไว้ที่โต๊ะ เดี๋ยวเช้าๆเขาจะเดินมาเก็บคะ

" การที่ได้มานั่งกินข้าวกับคนที่เรารัก ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยภูเขาโดยรอบทั้งอร่อยและมีความสุข "

 

  • DAY 4

เสียงนาฬิกาปลุกดังสองสามรอบ แล้วเป็นฉันอีกครั้งที่ต้องตื่น 555555 รีบอาบน้ำแต่งตัว จวนจะเสร็จกันครบ เปิดประตูออกไปปุ๊ป ผ่างงงงงงง !!!!! ฝนตกจ้าาา พร่ำลงมาแต่เช้า คงจะเบามากจริงๆ อยู่ในห้องยังไม่รู้สึกเลย แต่เปิดทีวีฟังข่าวอยู่ว่าจะมีพายุเข้าวันนี้ แล้วคือมีแพลนจะขึ้นไปเที่ยวม่อนแจ่มดูดอกไม้สักหน่อย จบละ หึหึ (เสียใจแต่เธอไม่รู้วววว ~) ดูท่าจะไม่หยุดตกง่ายๆด้วย เป็นไงเป็นกัน เพราะม่อนแจ่มอยู่เลยที่พักเราขึ้นไปอีกแค่ 1 กิโลกว่าๆเอง ขึ้นไปกินข้าวเช้าอย่างเดียวก็ด๊ายย....บะบาย ม่อนไอดินในวันฝนพร่่า

ม่อนแจ่ม หรือโครงการหลวงหนองหอย เป็น โครงการปลูกพืชเมืองหนาวบนดอย ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผักสดๆ และสตรอเบอรี่ ถ้าเห็นป้ายม่อนแจ่มแล้วมีรถล้อเลื่อนจอดไว้ใกล้ๆให้เลี้ยวซ้ายโล๊ด หาที่จอดรถเสร็จสรรพ ก็เดินไปจับจองหาที่นั่งกัน

ที่นั่งจะถูกจัดให้อยู่บริเวณริมสันเขา ลักษณะเป็นซุ้มๆ ให้ความรู้สึกว่านั่งกินข้าวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ (เสียดายถ้าฝนไม่ตก คงจะมีวิวสวยๆ มาอวดให้เพื่อนๆได้ชมกันแน่นอน)


เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา ขึ้นไปสั่งอาหารกันก่อนเลย

เลือกเลยคะ ทั้งขนม แซนด์วิช กาแฟ ชาไทย อยากกินอะไร ติ้กต๊อกๆๆๆๆ

จะมีพนักงานคอยจดรับออเดอร์อยู่ และเขียนราคาลงใบเสร็จ ให้เราไปจ่ายตังค์ที่หน้าเคาเตอร์ด้านนี้เลยเจ้า

ใครที่ไม่ชอบการนั่งขัดสมาธิ ตรงจุดที่รับออเดอร์ จะเป็นที่นั่งแบบโต๊ะยาวๆ เหมือนโต๊ะโรงอาหารโรงเรียนเลย นั่งรอไม่ถึง 10 นาที พนักงานก็ยกมาเสริฟ์

Morning My Breakfast อาหารเช้าสไตล์ฝรั่งๆ วาฟเฟิล แฮม ไข่ดาวงี้ ดูดีมากเมื่อนั่งกินในบรรยากาศแบบนี้

ตามด้วย วาฟเฟิลปีกไก่บนทอด หมูสับทอด ต้มยำหมูกรอบใบซอเรล ยำผักกรอบ ข้าวเปล่า 2 จาน
พอดูรวมๆแล้วมันยิ่งดูน่ากิน ได้หมด...ถ้าสดชื่น

ปล.ราคา อาจจะสูงไปสักหน่อยถ้าเทียบกับปริมาณอาหารที่ได้ แต่เราได้กินผัดสดๆของโครงการหลวง อีกทั้งยังได้มานั่งกินบนที่สูงแบบนี้ด้วยแล้ว คุ้มมากจริงๆ ส่วนรสชาติอาหารก็ไม่เป็นสองรองเลย อร่อยจริงๆไม่ติงนัง ไม่ผิดหวังแน่นอน คอนเฟริ์ม !!!!!!

มองออกไปนี่ไม่เห็นวิวเลยนะ หมอกค่ะหมอกเน้นๆ

มีโอกาสคงได้มาใหม่ เมื่อไหร่ยังไม่รู้ เดี๋ยวค่อยดูกันอีกที ช่วงปลายปี น่าจะดี ไม่เจอฝน เจอแต่คนล้วนๆ

สายฝนกระหน่ำ ชุ่มช่ำเสียจริง ก่อนเดินออกจากม่อนแจ่มมีทางเดินไป Camping zone ด้วย น่าสนใจๆ

กลับดีกว่า ไม่หยุดตกสักที ไปที่อื่นก็ด๊ายยยยยยยย ชริ้ !!!!!!

ขาลงมาจากม่อนแจ่ม จะมีร้านขายสตอเบอรี่สดๆ และผลิตภัณฑ์ที่ถูกแปรรูปแล้ว เช่น น้ำสตอเบอรี่ สตอเบอรี่อบแห้ง ฯลฯ แวะซื้อกลับไปเป็นของฝากให้พ่อกับแม่ดีกว่า

ก่อนเข้ากรุงเทพฯ เราแวะสักการะ พระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง เพื่อเป็นสิริมงคลกันสักหน่อย

สวยงามตามวัดไทย ทำซุ้มยอดแหลมเป็นชั้นๆ ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น

คุณผู้หญิงที่ใส่ขาสั้นแบบ จขกท. หรือแต่งตัวไม่เรียบร้อย แนะนำให้ไปเช่าผ้าถุงก่อนขึ้นไปไหว้พระธาตุด้านบนนะคะ เลยป้ายวัดไปหน่อยจะเจอซุ้มเช่าผ้าถุง ( เสียค่าเช่า 20 บาท/ผืน)

ขึ้นไปสักการะด้านในได้แล้วคะ

เข้ามาเราจะเจอ วิหารหลวง ภายในจะบรรจุมณฑปพระเจ้าล้านทอง มีภาพเขียนสีโบราณเรื่องชาดกอะไรสักอย่าง

องค์พระธาตุเจดีย์ สูงเด่น เป็นสง่า งดงาม ตามสไตล์ล้านนา

และถัดมาจะเป็น วิหารน้ำแต้ม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสัมริดปางมารวิชัย ปัจจุบันภาพเขียนลบเลือนไปมาก ว่ากันว่าเก่าแก่ที่สุด และหลงเหลือเพียงแห่งเดียวในเมืองไทย

เดินดูรอบวัดสักพัก เราก็เดินออกกันคะ อย่าเผลอลืมเอาผ้าถุงไปคืนนะคะ

ข้ามถนนไปอีกฟากตรงข้ามกับวัดมีบริการนั่งรถม้า ขี่ชมรอบวัดพระธาตุลำปางหลวง ไม่รู้เขาคิดราคายังไงต่อเที่ยว

ใครที่อยากขึ้นไปนั่งรถม้าถ่ายรูปเก๋ๆ ฉากหลังเป็นวัด (โคตรซิกเนเจอร์อะ) เสียค่านั่งคนละ 20 บาท กี่ช็อตก็ได้ เอาให้คุ้มนะ 55555 เลยจับหลานตัวแสบขึ้นไปเป็นแบบสักหน่อย หนึ่ง สอง สาม แชะ

แอบสงสารม้าอะ ร้อนคอตกเลย ขนาดคนยังร้อน สัตว์จะไปเหลืออะไร

ตอนนี้จะมีทำถนนอยู่บางช่วง และถนนไม่ดีบางจุด เพราะทางจะเบี่ยงไปวิ่งเลนส์ซ้าย-ขวา สลับกันไป

อาจจะต้องทนลำบากกันสักหน่อย (บอกตัวเองมั้ย) 55555 เจอฝนตกแรงเป็นช่วงๆ วิ่งชนเลยลวกเพ่ !!!!!

หลังฝนซาก็เกิดภาพๆนี้...นั่นไง " ทางกลับบ้าน "

มีแวะปั้มเติมน้ำมัน หาของกิน รองท้อง และซื้อของฝาก บลาบลาบลา จากนั้นก็ยิงยาว ถึงบ้านประมาณสามทุ่มครึ่งคะ รวมระยะเวลา 4 วัน 3 คืน รถวิ่งมา 2,084.8 โล โอ้โห้กูจะอ้วก !!!!! นับถือตัวเองจริงๆ ไม่อ้วกก็บุญแล้วทูลหัว

สรุปค่าใช้จ่าย 4 วัน 3 คืน ด้วยงบ 16,000 บาท / 4 คน
  • ค่าน้ำมัน 4 วัน 5,080 บาท
  • ค่ากินข้าวที่อิ่มอร่อย 272 บาท
  • ค่าที่พักลุงจายโฮมสเตย์ 630 บาท
  • ค่านั่งเรือปางอุ๋ง 300 บาท
  • ค่าหมูกะทะรวมค่าถั่วเหลืองทอด 460 บาท
  • ค่าอาหารเช้าที่ลุงจาย 240 บาท
  • ค่าชากาแฟร้าน Pala 180 บาท
  • ค่าก๋วยเตี๋ยวห้อยขาจ่าโบ่ 325 บาท
  • ค่าผลไม้เคพกูสเบอร์รี่ 80 บาท
  • ค่าเข้าห้องน้ำที่ดอยกิ่วลม 20 บาท
  • ค่าที่พักโครงการหลวงป่าสนวัดจันทร์ 3,000 บาท
  • ค่าอาหารเย็น โครงการฯ 600 บาท
  • ค่าอาหารเช้า โครงการฯ 400 บาท
  • ค่าน้ำดื่ม 35 บาท
  • ค่ากาแฟบ้านแม่มด 220 บาท
  • ค่าเข้าสวนพฤกษศาสตร์ 220 บาท
  • ค่าไอติม 45 บาท
  • ค่าหมูกะทะ (เพิ่มหมู) 549 บาท
  • ค่าที่พักม่อนไอดิน 2,000 บาท
  • ค่าอาหารเย็นและเครื่องดื่ม 500 บาท
  • ค่าอาหารเช้าม่อนแจ่ม 720 บาท
  • ค่าไส้อั่ว 140 บาท
  • ค่าทิปเด็กปั้ม 30 บาท

***ส่วนค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้กล่าว คือ เงินส่วนตัวออกเอง แล้วแต่ทุนทรัพย์***  

 

⊂(´・ω・`⊂)


        พักร้อนอ่ะ..หยุดใช้บ้างก็ดีนะ ให้โบนัสตัวเอง ลองวางแพลนดูสิว่าในหนึ่งปี เราอยากพาตัวเองไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ทำให้ชีวิตดูมีจุดหมาย กำตังค์ให้หนักแน่นหน่อยช่วงนี้สิ้นปี อย่าเทไปช้อปแต่ของ Sale ละ 555555 เก็บไปเที่ยวด้วย ช่วงหยุดยาวแบบนี้ กอบโกยวันหยุดใช้ให้มันคุ้มๆหน่อย ก็เหมือนทริปนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าทางมันลำบาก แต่ก็ยังดั๊นด้นจะมา เพราะอะไร ? อาจเพราะสิ่งที่เราตามหามันไม่ได้อยู่ไกล ถ้าใช้ใจมอง หง่อวววว (พูดดีมีสาระ) 555555 ไม่ลองไปแล้วจะรู้ได้ไงว่ามีอยู่จริง ขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทาง และขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้

 

นี่คือเรื่องราวการท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ ในฉบับของฉัน แล้วพบกันใหม่ : )