-
Jimnaka • December 16, 2014ทริปนี้เป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกด้วยตัวเองของเรา ใจนึงก็หวั่นว่าจะหลงทางไหม ? จะคุยกับเค้ารู้เรื่องเหรอ กลัวไปหมดทุกอย่าง สุดท้ายก็ไปกัน ( งกค่ะ เสียดายค่าตั๋ว 555 ) พร้อมแล้วไปตะลุยกันเลย ...
-
Jimnaka • December 16 , 2014
การเดินทางของเราคือ 24-29/10/2014
เช้าวันที่ 24 /10 /14 ขึ้นเครื่องไปลงที่ สนามบินนานาชาตินอยไบแล้วเราก็นั่งรถเมล์เข้าเมืองฮานอยกัน
ซิ น จ่ า ว ... ฮ า น อ ย
นั่งไปประมาณ 1 ชม ก็ถึงแล้วค่ะ จากนั้นเราก็เดินเข้าที่พัก ( เดินจริงๆ ค่ะ เพราะกลัวแท็กซี่ที่ฮานอยมาก ประมาณว่าเดินหลงดีกว่าโดนหลอกอ่ะค่ะ อิอิ ) คนที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่คุยภาษาอังกฤษกันเลย ส่วนเราก็งูๆ ปลาๆ ไปค่ะ พอเอาตัวรอด พอได้เก็บกระเป๋าเสร็จก็เดินซิค่ะงานนี้ อันดับแรกก็หาอะไรกินก่อน เพราะหิวมาก แล้วจะกินไรดีล่ะ ? อุ้ย !!! ร้านนี้คนเยอะดี คงจะอร่อยลองดูแล้วกันก็เลยได้อันนี้มา ...
อาหารชามนี้ มีชื่อว่า bún chả บุ่น - จ่า ค่ะ
รสชาติก็อร่อยนะค่ะ คือ ประมาณกินหมูปิ้งกับขนมจีนอ่ะค่ะ พออิ่มได้เยอะเลย จากนั้นเราก็เดินรอบๆ ทะเลสาบ ฮว่านเกี๋ยมหรือเรียกว่า ทะเลสาบคืนดาบค่ะ ทริปนี้ฟรีสไตล์กันมากคือ อยากไปไหนก็ไป เหนื่อยก็พัก หิวก็กิน ไม่มีแผนที่ด้วยแต่ก็ศึกษาข้อมูลมาบ้าง เริ่มจากแลนด์มาร์กที่ใครๆ คงเคยเห็นกันมาแล้วบ้างคือ ที่นี่เลย ... น่าจะชื่อว่าโอลด์ควอเตอร์ หรือเปล่า ไม่แน่ใจนะค่ะ แต่ขอเรียกว่า วงเวียนล่ะกันนะค่ะ เป็นประมาณจุดศูนย์กลางของฮานอยเลยล่ะค่ะ
จากนั้นเราก็เดินไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไป เม้ามอยไปตามประสา พอดีเดินผ่านที่ขายตั๋วชมหุ่นกระบอกน้ำ ก็เลยคิดว่าซื้อไว้ก่อนดีกว่าเดี๋ยวตั๋วหมด ก็เลยได้รอบประมาณ 14:30 ณ ขณะนั้นเหลือเวลาอีกประมาณสองชั่วโมงได้ก็เลยเดินกันต่อไป เห็นฝั่งตรงข้ามที่เป็นทะเลสาบมีวัดด้วยก็เลยเข้าไปไหว้พระกัน และวัดนี้ก็มีสะพานสีแดงเด่นเป็นเอกลักษณ์เลย ...
สะพานเทฮุก (The Huc) หรือสะพานแสงอาทิตย์
วัดหง็อกเซิน( Ngoc Son หรือ วัดเนินหยก)
และวัดแห่งนี้ก็จะมีทั้งคนเวียดนาม และนักท่องเที่ยวมาไหว้พระกันเป็นจำนวนมาก เพราะนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพ และด้านในก็มีบรรยากาศร่มรื่นมีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อน และสามารถมองรอบๆ ทะเลสาบได้เกือบ 360 องศาเลยด้วย ต่อจากนั้นเราก็พากันเดินไปรอบๆ ทะเลสาบ ดูคน ดูรถวิ่ง ดูวิถีชีวิตของคนเวียดนาม กะจะปล่อยเวลาเรื่อยไปจนถึงดูหุ่นกระบอกน้ำ แต่ก็นึกได้ว่า ต้องไปกินไอติมเจ้าหนึ่งที่ใครมาฮานอยแล้วต้องห้ามพลาด เดินหากันอีกแล้วเรา ... ระหว่างทางก็เห็นเจดีย์โบราณโผล่ขึ้นจากน้ำ เออใช่ !!! จุดเด่นอีกที่หนึ่ง ...
ทาพรัว (Thap Rua) ซึ่งหมายถึง หอคอยเต่า
เดินไปอีกนิดนึง ก็เจอร้านไอติมแล้วค่ะ ( โชคดีมาก ที่หาร้านเจอนึกว่าจะเดินเสียเที่ยวซะแล้ววว ) แต่ขอบอกเลยว่า ...ไอติมของบ้านเรา อร่อยกว่าเยอะมาก ดีนะที่ซื้อมาแค่แท่งเดียว กินให้พอรู้รสชาติก็สบายใจแล้วค่ะ จากนั้นเราก็พากันเดินกลับเพราะใกล้จะถึงเวลาชมหุ่นกระบอกน้ำแล้ว แต่ก็ยังเดินกันแบบชิวๆๆ ชมเมืองกันได้อยู่ ...
เดินถึงจุดหมายแล้ว ยังเหลือเวลาให้พักเหนื่อย ประมาณ 10 นาที ถึงกลับต้องรีบหาซื้อน้ำดื่ม (ณ ตอนนั้นเหนื่อยมากจริง นานๆ จะเดินไกลแบบนี้ ) แต่ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมารอชมกันเยอะๆๆ จริงๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม ค่าตั๋วก็ไม่แพงมาก นับว่าคุ้มค่ามากๆ ดูไปเพลินๆก็สนุกไปอีกแบบ ถึงจะฟังภาษาเวียดนามไม่ออก แต่ก็ได้รู้ถึงวัฒนธรรมความเป็นมาของเวียดนามเยอะขึ้นกว่าเดิม...
หุ่นกระบอกน้ำ (Water Puppet Theatre)
โดยรวมคือ ชอบและประทับใจค่ะ ( แนะนำว่าไม่ควรพลาดเลยล่ะค่ะ ถ้าได้มีโอกาสมาเที่ยวฮานอย ) พอการแสดงจบก็เกือบเย็นแล้ว หิวอีกแล้วซิ...เรา แต่บรรยากาศยามเย็นแบบนี้ก็ต้องหามุมพักผ่อน สวยๆ จิบกาแฟ กินเค้กอร่อยๆ น่าจะเหมาะกว่า ... คิดได้ปุ๊ป ก็ร้านกาแฟที่บนตึกแถวๆ วงเวียนไงค่ะ พอไปถึงก็ได้มุมที่นับว่าโชคดี เห็นเมืองฮานอยได้แบบเต็มพาโนรามาเลยล่ะค่ะ คือแบบฟินเลย 555 ขอเวลาพักร่างแปปนะค่ะ ... จากที่สังเกตเห็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของคนเวียดนาม ก็คือการขับรถ คือแบบขับกันเก่งจริงๆ ปาดหน้า ปาดหลัง ก็ไม่ชนกันเลย มันแปลก น่าทึ่ง และเป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวต้องเจอแน่นอน ถ้าได้เดินทางมาเที่ยวเวียดนาม ...
ปล. อย่าลืมลองเดินข้ามถนนกันดูนะค่ะ โคตรลุ้นและน่าตื่นเต้นมากคืนนี้เราต้องเดินทางกันอีกไกล... ด้วยรถไฟ
ซาปาเมืองในฝันของเรา พรุ่งนี้เราก็จะได้เจอกันแล้วว :-))ลาก่อนนะ (ตามเบียด) ^ ^ ฮานอย