✿ : : CHIANG-KHAN : : ✿ ~ 4 วัน 3 คืน ~ เน้นกิน เน้นเที่ยว with someone special at CHIANG-KHAN (Oct 20-23,2016)

' จังหวัดเลย ' ยังคงเป็นอีกจังหวัดที่เราอยากไปและยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง
ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าอากาศที่บริสุทธิ์และวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของคนในท้องถิ่น
การเดินทางของฉันเกิดขึ้นทันที กับการเดินทางสู่ .. เชียงคาน ..

คำขวัญอำเภอเชียงคาน

" เมืองคนงาม ข้าวหลามยาว มะพร้าวแก้ว เพริศแพร้วเกาะแกง แหล่งวัฒนธรรม น้อมนำศูนย์ศิลปาชีพ

เชียงคาน เมืองเล็กๆริมแม่น้ำโขงสุดชายแดนประเทศไทย เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเลย ที่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมของชาวเชียงคาน .. วันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปดูเชียงคานในมุมมองของเราดูบ้าง พร้อมออกเดินทางไปใช้ชีวิตสโลวไลฟ์กับเรารึยังคะ ถ้าพร้อมแล้ว .. ไปกันเลย!

วันแรกของการเดินทาง : 20 ตุลาคม 2559

เราเริ่มออกเดินทางกันตอน 8 โมงเช้า จุดหมายแรกที่เราจะไป คือ สนามบินดอนเมือง .. ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราเลือกการเดินทางโดยเครื่องบิน และเป็นครั้งแรกที่เราเดินทางไปภาคอีสานแบบเต็มตัว .. และนี่เป็นภาพวิวจากที่นั่งตำแหน่ง 16E จ้า

เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เพราะ ช่วงนั้นมีโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินราคาไม่แรงมาพอดี .. การจองมี 2 แบบให้เลือก คือ

1. ดอนเมือง - เลย (เราเลือกจองแบบนี้ ทั้งขาไปและขากลับเลยค่ะ ที่เหลือค่อยไปหาต่อรถเอาดาบหน้าค่ะ)

2. ดอนเมือง - เลย - เชียงคาน (จากท่าอากาศยานจะมีรถตู้พาไปส่งถึงเชียงคานค่ะ สะดวกแต่เพิ่มราคาขึ้นมานิดหน่อย หรือใครจะจองแบบแรกแล้วมาซื้อตั๋วรถทีหลังก็ได้เช่นกัน คิดราคา 250 ต่อคนค่ะ)

** ที่ท่าอากาศยานเลยมีบริการรถยนต์ให้เช่าของบริษัท Avis ราคาประมาณ 1,200 - 1,400 ต่อวัน หากเดินทางมาหลายคนเช่ารถแบบนี้จะคุ้มอยู่ แล้วก็สะดวกด้วยหากจะแวะเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในจังหวัดเลย **

นอกจาก สายการบินแอร์เอเชียแล้ว ยังมีอีก 2 สายการบินที่สามารถพาเราเดินทางให้รวดเร็วฉับไวยิ่งขึ้น แล้วค่อยต่อรถมาอำเภอเชียงคานอีกที

1.สายการบินการบินไทย : กรุงเทพ - อุดรธานี www.thaiairway.com โทร.1566

2.สายการบินนกแอร์ : กรุงเทพ - เลย www.nokair.com โทร.1318
 

เพิ่มเติมเรื่องของการเดินทาง

- รถไฟ ซื้อตั๋วรถไฟมาลงที่สถานีอุดรธานี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง โดยขึ้นที่หัวลำโพงรถไฟขบวนกรุงเทพ - หนองคาย แล้วต่อรถโดยสารประจำทาง อุดรธานี - เลย มาลงที่ตัวเมืองเลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง แล้วต่อรถมาที่เชียงคานอีกที หรือนั่งสามล้อมาลงที่ขนส่งอุดรธานี 2 ราคาประมาณ 120 บาท แล้วไปซื้อตั๋วรถทัวร์ อุดร - เมืองเลย ราคาไม่แน่ใจว่าปรับขึ้นรึยังนะ แต่ราวๆคนละ 91 บาท รถจะจอดที่ บขส.หนองบัวลำภูก่อน พอถึงขนส่ง จ.เลย จะมีรถสองแถวคันสีฟ้าใหญ่ส่งถึงเชียงคาน ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง .. สามารถเช็ครอบเดินทางของรถไฟได้ที่ www.railway.co.th หรือโทร. 1690

- รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพ สามารถไปได้ 3 เส้นทาง คือ

1.ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านจังหวัดสระบุรี แล้วแยกใช้ทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ จนถึงอำเภอหล่มสัก ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 203 ผ่านอำเภอหล่มเก่า อำเภอภูเรือ เข้าสู้จังหวัดเลย

2.ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านจังหวัดสระบุรี แล้วแยกใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครนาชสีมา ไปจนถึงจังหวัดขอนแก่น แล้วแยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 12 ผ่านอำเภอชุมแพ แล้วเลี้ยวขวาสู่เส้นทางหมายเลข 201 ผ่านอำเภอภูกระดึง อำเภอหนองหิน อำเภอวังสะพุง จนถึงจังหวัดเลย

3.ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านจังหวัดสระบุรี แล้วแยกใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) จนถึงอำเภอสีคิ้ว แยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 201 ผ่าน อำเภอด่านขุนทด อำเภอจัตรัส จังหวัดชัยภูมิ อำเภอแก้งคร้อ อำเภอภูเขียว อำเภอชุมแพ อำเภอภูกระดึง อำเภอหนองหิน อำเภอวังสะพุง จนถึงจังหวัดเลย

- รถโดยสารประจำทาง

1.บริษัท ขนส่ง จำกัด มีรถมาส่งถึงตลาดสดเทศบาล ซอย 9 ของเชียงคานเลย .. สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1490 หรือ www.transport.co.th หรือจะจองตั๋วออนไลน์ได้ที่ www.thaiticketmajor.com

2.บริษัทภูกระดึงทัวร์ ดูข้อมูลได้ที่ www.ภูกระดึงทัวร์.com หรือ โทร.02-269-6999 , 02-936-0159

3.บริษัท แอร์เมืองเลย จำกัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-936-0142ใช้เวลาเพียงไม่นาน จากสนามบินดอนเมืองก็มาสู่ท่าอากาศยานเลยเป็นที่เรียบร้อย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ย่นระยะเวลาเดินทางไปได้เยอะ

จากท่าอากาศยานเลยออกมานอกตัวอาคารจะมีรถแทกซี่และรถสามล้อที่คนท้องถิ่น เรียกว่าสกายแลปให้บริการ .. นี่คือโฉมหน้าเจ้ารถสกายแลปที่บอกไป

มาทั้งทีเราเลยขอเลือกใช้บริการคุณลุงสกายแลปดีกว่า .. คุณลุงแจ้งราคากับเราว่า ถ้าไปลง บขส. ลุงคิด 100 บาท ถ้าไปถึงเชียงคาน เหมาราคา 500 บาท เราเลยเลือกไปลงที่ บขส. ดีกว่า Save Cost มีเพื่อนไปด้วยก็ตกคนละไม่กี่บาท .. สำหรับราคารถแทกซี่ ถ้าไป บขส. ก็ 100 บาทเช่นกัน ถ้าไปเชียงคาน ราคา 550 บาท .. สำหรับเพื่อนๆที่จะเดินทางมา เลือกได้เลยนะว่าจะต่อรถไปแบบไหน .. สำหรับเราขอเลือกวิถีสโลวไลฟ์ก่อนละกัน ซึบซับบรรยากาศระหว่างเดินทาง ^^

จาก บขส. เราก็ต่อสองแถวคันสีฟ้าใหญ่ ค่ารถคนละ 35 บาท ใช้เวลา 1.30 น. นั่งจนสุดสาย แล้วเราก็ต่อสกายแลปไปที่พักที่เราจองไว้ล่วงหน้า คนละ 30 บาท คุณลุงจะให้นามบัตรเอาไว้เผื่อเหมาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆได้ด้วยค่ะสำหรับ ที่พักตลอด 3 คืนนั้น เราพักอยู่ที่ เชียงคานบุรี ตั้งอยู่ที่ ถ.ศรีเชียงคาน ซอย 11เดินออกมาจากที่พักเพียง 10 เมตรก็ถึงถนนคนเดินเชียงคาน เนื่องจาก วันที่เรามาพักใกล้กับวันหยุดยาว ที่พักอื่นๆส่วนใหญ่จะไม่ว่าง เราไม่อยากย้ายที่พัก อยากได้นอนที่เดียวสามคืนเลย เลยมาจบลงที่ 'เชียงคานบุรี' ..

สไตล์การตกแต่งห้องพักผสมผสานความเป็นเชียงคานกับความสมัยใหม่เข้ากันได้ดี เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2012 มีเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน อาทิเช่น wifi,เครื่องปรับอากาศ,เครื่องทำน้ำอุ่น ฯลฯ

หากใครไม่มีที่ไปไหนหรือไม่อยากอยู่บนห้องพัก บริเวณล็อบบี้มีที่ให้เรานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจได้แบบสบายๆอยู่หลายต่อหลาย มุมเลยล่ะคะ !

ที่นี่ เชคอินตอน 14.00 น. และเชคเอ้าท์ตอน 12.00 น. .. สำหรับห้องพักของเรา เราเลือกห้อง Superior Double Bed เป็นห้องสีม่วง ราคา 1,200 บาทต่อคืน .. มีอาหารเช้าจะเป็นพวกขนมปังปิ้ง ชา กาแฟ โอวัลติน ให้บริการตรงล็อบบี้ ..

หลังจากที่เราเอาสัมภาระไปเก็บเป็นที่เรียบร้อย เราเลยเดินไปที่ถนนศรีเชียงคาน ซอย 9 เพื่อไปเช่ามอเตอร์ไซด์สำหรับแว๊นซ์ขึ้นภูทอกในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ ร้านอยู่ตรงข้ามร้านลุกโภชนา ราคาวันละ 250 บาท เราจองไป 2 วันครึ่ง พี่เจ้าของร้านใจดีวันสุดท้ายเลยคิดราคาครึ่งวันให้ 150 บาท ..

สำหรับเชียงคานช่วงเวลากลางวันยังไม่ค่อยคึกคักสักเท่าไหร่ เราเลยขอกลับไปนอนพักเอาแรงก่อนสักหน่อย แล้วเดี๋ยวช่วงเย็นเราจะไปเดินเล่นริมโขงกัน .. เราตื่นมาเอาบ่ายคล้อยแล้ว ประมาณ 5 โมงเย็นเห็นจะได้ เราเลยหน้าล้างตาเพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ริมโขงกัน ประมาณ 5 โมงครึ่ง ตะวันก็เลื่อนต่ำลงๆ เรารีบวิ่งไปเพื่อจะไปเก็บTimelapse พระอาทิตย์ตกดิน แต่ก็ไม่ทัน เพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น ตะวันก็ลาลับขอบฟ้าไปเสียแล้ว .. เสียใจ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้จะมาให้เร็วกว่านี้แน่นอน .. วันนี้ ถือว่ามาเซอร์เวย์แล้วกันเน๊อะ ^^

ลองถ่ายภาพแนวซีลูเอทดูบ้าง ..

ประมาณ 5 โมงเย็น .. ถนนคนเดินเชียงคานก็ทยอยออกมาตั้งร้าน เราสอบถามคนในพื้นที่ถนนคนเดินเชียงคานจะตั้งประมาณ 17.00 น. - 21.00 น. โดยประมาณ .. บรรยากาศผิดกับเมื่อตอนกลางวันลิบลับเลย

งานไอเดีย งานแฮนด์เมด ถนนคนเดินก็มีให้เลือกเป็นของฝากกระจุกกระจิกอยู่หลายร้าน ราคาไม่แพง ..

อย่างที่บอกในชื่อรีวิว 'เน้นกิน' มาดูกันว่าสำหรับวันแรกเราจะไปกินอะไรกันบ้าง .. เริ่มกันเลย !


ร้านยำลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นปลาคละแบบนึ่งสุก เสริฟ์พร้อมน้ำจิ้มรสแซ่บ ยำให้ฟรีๆ เลือกลูกชิ้นได้ตามใจชอบ ขายเป็นขีดๆละ 35 บาท ..

บ้านเปานุ่ม ซาลาเปาน่าตาดีและอร่อยมาก .. ซาลาเปารูปทรงการ์ตูน น่ารักจนกินไม่ลง มีให้เลือกหลากหลายไส้ ขายเพียงลูกละ 25 บาท

กุ้งแม่น้ำโขง ใครมาเดินถนนเชียงคานก็ต้องมาลองกันทุกราย ไม้เล็ก 10 บาท ไม้ใหญ่ 20 บาท .. เวลากินต้องระวังก้ามจะทิ่มปาก เคี้ยวเพลิน กรุบๆ กรอบๆ

ร้านโอเดนนะกะ น้ำแตงโมปั่นหวานชื่นใจ ปั่นใส่ในลูกแตงโม ท๊อปปิ้งด้วยเนื้อแตงโม ราคาลูกละ 50 บาท

ร้านซุปจักรพรรดิ์ เชียงคาน เราเลือกร้านนี้เป็นมื้อเย็น

' ติ่มซำ ' เข่งละ 29 บาท .. ร้านนี้รูปแบบการเสริฟ์ค่อนข้างแตกต่างจากร้านติ่มซำอื่นๆ แต่เราชอบนะ ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดได้ดีทีเดียว ร้านนี้ไม่มีเมนู แต่เลือกเมนูจากเข่งที่พี่เค้านำมาเสริฟ์บนโต๊ะ พร้อมอธิบายแต่ละเข่งว่าคืออะไร อยากกินเข่งไหนก็เลือกไว้ ไม่เอาเข่งไหนพี่เค้าก็ยกกลับ

ของเด็ดก็เมนูนี้แหละ .. ' ซุปจักรพรรดิ์ ' ถ้วยละ 80 บาท มีคุณประโยชน์ดีต่อร่างกาย เป็นสูตรเด็ดของร้านเค้าล่ะ

อิ่มแปล้แล้ว .. ขอตัวเดินกลับที่พัก พร้อมคำว่า 'ราตรีสวัสดิ์' .. เจอกันต่อเช้าวันที่สองของการเดินทาง

 

วันที่สองของการเดินทาง : 21 ตุลาคม 2559

สำหรับวันนี้เราตั้งใจไปเที่ยวที่ภูทอก เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นจากบนยอดภู ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 04.45 น. แต่ดันผิดพลาดตั้งนาฬิกาผิดจาก A.M. เป็น P.M. แต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดีอยู่บ้าง จิตใต้สำนึกสั่งให้เราตื่น เราจึงได้ตื่นมาทันเวลา เรารีบอาบน้ำแต่งตัวรีบบึ่งรถมอเตอร์ไซด์ออกไปทันที .. จากทางเข้าภูทอก ขับรถเข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร เราขับมาตอนตีห้ากว่าๆ ไฟทางไม่มีมีเพียงไฟจากหน้ารถเท่านั้น ทางก็เป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องขับรถด้วยความระมัดระวังนะคะ มีกี่หลุมเราตกทุกหลุมเลย ฮ่าๆ .. ขับไปตามทางเรื่อยๆจะถึงที่จอดรถตรงตีนภู ไม่ว่าเอารถอะไรมาก็ต้องมาจอดตรงจุดนี้ ไม่อนุญาติให้นำรถส่วนตัวขึ้นไปค่ะ

ก่อนขึ้นเราต้องซื้อตั๋วเพื่อขึ้นภูทอกก่อน ไป-กลับ คนละ 25 บาท .. หากใครกลัวหิว ก็สามารถซื้อเสบียงขึ้นไปได้ เพราะ ข้างบนไม่มีของขาย แต่ต้องช่วยกันรักษาความสะอาด ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทางด้วยนะ

เมื่อได้ตั๋วแล้วก็กระโดดขึ้นปิ๊กอัพเลยค่ะ รถปิ๊กอัพที่ทาง อบต.เชียงคานจัดไว้คอยรับ-ส่งนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมทะเลหมอกภูทอก รถจะออกเรื่อยๆค่ะ พอครบ 6 คนก็จะออกที .. แต่วันนี้เรารอนานหน่อยเพราะเป็นวันศุกร์ คนส่วนใหญ่ที่จะมาเที่ยวจะเดินทางคืนวันศุกร์แล้วจะมาถึงเสาร์เช้ากัน ทำให้วันนี้คนไม่เยอะมาก .. ระหว่างทาง หากใครไม่ได้ล้างหน้ามาตอนเช้าก็เหมือนได้ล้างหน้าเลยค่ะ น้ำเกาะเต็มใบหน้า แนะนำให้นำหมวกมาด้วยนะสำหรับใครที่กระหม่อมบาง เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอาได้ .. นั่งรถมาแปปเดียวก็ถึงแล้วค่ะ .. ภูทอก

ภูทอก เป็นจุดชมวิวที่สวยงามของเมืองเชียงคาน โดยเฉพาะช่วงเช้าจะมีทะเลหมอกให้เราได้เห็น และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกอีกที่นึงที่สวยงาม

วันที่เราขึ้นไปภูทอกนั้น ฝนก็ไม่ตก อากาศก็ไม่หนาว แต่รับรู้ได้ว่ามีความชื้นในอากาศ ฟินมากเพราะหมอกมาเต็ม โชคดีสุดๆ ^^

ใครขึ้นมาเร็ว ก็ดีหน่อย มีเวลาเลือกทำเลกางขาตั้งกล้องสำหรับเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นได้

ตรงป้าย 'เบิ่งตะเว็งมื้อเช้า' ตรงนี้คนจะมาถ่ายรูปกับป้ายกันเยอะ แต่คนจะมาจับจองพื้นที่ตรงนี้กันก็เยอะ เพราะ เป็นวิวที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ชัดและสวยงามที่สุด

มาแล้วค่ะ .. พระอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นมาแล้ว อดใจรออีกอึดใจเดียว

พอพระเอกของเรามา .. ทุกคนก็พร้อมกดภาพรัวๆ

เช้าวันนี้เรามีนัดกับเพื่อนสนิทที่มาเที่ยวเชียงคานเหมือนกัน เรามาก่อนเพื่อน 1 วัน .. เพื่อนเราเดินทางด้วยรถทัวร์มาตั้งแต่เมื่อคืน เราจะนัดมาเจอกันบนนี้แหละ .. ระหว่างรอเพื่อน ถ่ายภาพส่งท้ายหน่อยก่อนที่จะลงจากภู ไปเที่ยวที่อื่นต่อไป

ทักทายเพื่อนพอเป็นพิธี เรากับเพื่อนจะแยกกันเที่ยวค่ะ แต่สุดท้ายเราจะนำการเที่ยวของเราสองมาบันทึกไว้นี่แหละค่ะ อ้อ! เราสองคนมีเพจที่ทำร่วมกันด้วยนะ ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ ^^ .. สถานีต่อไป แก่งคุดคู้

แก่งคุ้ดคู้ อยู่ห่างจากเชียงคานไปประมาณ 3 กิโลเมตร แก่งคุดคู้เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ขวางอยู่กลางลำนำโขง

เวลาที่เหมาะสมที่มาชมแก่งคุดคู้ ต้องเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาที่น้ำแห้งและสามารถเดินลงไปได้ .. แต่เรามาในเดือนตุลาคม น้ำเต็มก็อดไปตามระเบียบ T^T

ใครที่มาแก่งคุ้ดคู้แนะนำให้ซื้อของฝากจากที่นี่ไปเลยนะ แหล่งรวมของฝากที่ใหญ่ที่สุด .. เสร็จจากที่นี่ เราจะไปกันต่อที่ วัดพระบาทภูควายเงิน

วัดพระบาทภูควายเงิน อยู่ที่บ้านผาแบ่น เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ซึ่งรอยพระพุทธบาทนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านแถบนี้มาก

วัดแห่งนี้เป็นที่รู้กัน ว่าเป็นวัดเลี้ยงกระต่ายไว้เพียบเลย เราไม่รอช้ารีบซื้อทั้งผักทั้งอาหารเม็ดมาป้อนเจ้ากระต่ายเหล่านี้ ชอบเสียงเวลาเจ้ากระต่ายแทะผักดังกร๊อบกร๊อบ .. กระต่ายบางตัวเกเรชอบวางท่าเป็นเจ้าถิ่น บางตัวเป็นมิตร บางตัวตาบอด แต่พอมีคนให้อาหาร ร้องเรียก 'มาๆๆๆๆ' กระต่ายเหล่านี้จะกรูกันเข้ามาหาเลยแหละ

ระหว่างทางขากลับ ท้องไส้เริ่มประท้วงว่าหิวแล้ว เราเลยแวะร้าน ส้มตำด๊องแด๊ง ณ เชียงคาน เพื่อทานอาหารมื้อเช้ากัน ชื่อร้านก็บอกอยู่แล้ว ก็ต้องสั่งเมนูนี้เลย .. ส้มตำด๊องแด๊ง .. ใครไม่ทานปลาร้าต้องรีบบอกพี่เค้าก่อนทำด้วยนะ

ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว อันนี้สั่งมาลองทานกลัวจะไม่ได้ทานเลยสั่งมาลองไว้ก่อน แลดูเห็นแกกิน ฮ่าๆ

ข้าวเปียกเส้น เมนูเด่นมื้อเช้าของชาวเชียงคานที่ไม่ควรพลาด เราก็เลยไม่พลาด

หลังจากอิ่มแล้ว เราก็ขับรถเพื่อจะกลับที่พัก แต่ก็แว๊บไปเห็นที่พักอยู่ที่นึง ที่คนมักจะแวะเวียนมาถ่ายรูปอยู่เสมอ .. สุเนต์ตา ..

อีกที่นึงที่คนชอบนำจักรยานมาโพสท่าถ่ายรูป เก๋ๆ บรรยากาศคลาสสิค เป็นกำแพงอิฐอยู่ตรงถนนศรีเชียงคาน ซอย 14

หลังจากนั้น เราก็เข้าที่พักเพื่อรอเวลาช่วงบ่ายแก่ๆออกไปดูพระอาทิตย์ตกใหม่อีกครั้ง .. หลับได้งีบใหญ่ๆ ตอนนี้เวลาประมาณ 16.00 น. เรานัดกับเพื่อนไว้ ไปนั่งเล่นกันที่ ร้านจำเลยรัก นั่งเล่นรอเวลาไปดูพระอาทิตย์ตก คราวนี้จะไม่ให้พลาดช๊อตเด็ดแน่นอน .. มาดูเมนูที่เราสั่งกันดีกว่า

วาฟเฟิล .. วาฟเฟิลร้อนๆ ทานคู่กับกล้วยและวิปครีม (ความจริงสามารถสั่งไอศกรีมมาด้วยได้ แต่เราปฏิเสธไม่เอาไอศกรีม)

ขนมปังปิ้ง .. เราเป็นคนชอบกินขนมปังปิ้งเนยนมอยู่แล้วเลยสั่งมาทานคู่กะเครื่องดื่ม

โกโก้ปั่นใส่วิป .. เราติดหวาน ไม่ว่าจะสั่งน้ำปั่นอะไรจะขอเพื่มหวานไว้ก่อน ทานหวานแล้วชื่นใจ ^^

วันนี้พระอาทิตย์ตกเวลา 17.47 น. โดยประมาณ เราเช็คข้อมูลจากมือถือเพื่อจะได้กะเวลาไปให้ทันพระอาทิตย์ตก .. 17.00 น. คือเวลาเคลื่อนพล อิอิ จัดการเช็คบิลเรียบร้อย มื้อนี้โดนค่าเสียหายไป 200 บาท .. ช่วงเย็นเราจะไปสิงสถิตย์อยู่จุดชมวิวริมฝั่งแม่น้ำโขง หากเงยหน้ามองบน จะเห็นกลุ่มนกแปรขบวนกันบนท้องฟ้าอยู่เรื่อยๆ ถ่ายรูปมาให้ดู ^^

พระอาทิตย์ตกวันนี้สวยงามไร้ที่ติจริงๆ ค่ะ .. คุ้มค่ากับการที่ตั้งใจมาให้ทันพระอาทิตย์ตก ^^

ถนนคนเดิน วันนี้เราจะพาไปกินอะไรกันต่อ ตามเรามาได้เลย .. หมูยอเห็ดหอม มาถึงเชียงคานต้องมากิน เห็นหลายรีวิวบอกให้มาลองทาน เราก็เลยมาลองตามรีวิว อิอิ ไม้ละ 10 บาท ไม่แพงเลย

ผัดไทปล่อยแสง เมนูนี้จัดได้ว่าเป็นมื้อใหญ่สำหรับอาหารเย็น ราคาห่อละ 40 บาท

โป๊ด สะ ก๊าด .. ใครชอบความคลาสสิค ร่อนโปสการ์ดเป็นความทรงจำก็ดีนะ ใบละ 20 บาท

นี่คือเพื่อนคนพิเศษของเรา เปรียบเสมือน Someone Special ของเราอีก 1 คน .. เพื่อนผู้ร่วมสร้างเพจ KeepGoing กับเรามา

อย่าอิจฉาเรานะ สร้อยข้อมือหนังแฮนด์เมคของฝากจาก Someone Special เราเอง >///<

หรือใครชอบของฝากอย่างเครื่องดักความฝัน หรือ Dreamcatcher ที่เชื่อกันว่า จะช่วยกรองฝัน ให้ฝันดีอยู่กับตัว และฝันร้ายสลายไป

ธนาคารกรุงไทย เป็นสาขาธนาคารที่เราเห็นที่เชียงคาน ขนาดธนาคารยังคงกลิ่นอายของเมืองเชียงคานไว้เลยค่ะ

เราเดินตามถนนคนเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงซอยสอง มาตามหาร้านซอยสองตามคำแนะนำของพี่ที่รู้จักว่าต้องมาลอง 'ลิ้นจี่นางสิบสอง' แต่สุดท้ายก็เก้อเพราะร้านปิดกิจการไปแล้ว เลยต้องมาจบคืนนี้ที่ร้านต้องมาโดนแทน

ร้านต้องมาโดนเป็นกึ่ง Bar&Restaurant สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หนักเบาแล้วแต่เราจะเลือก ใครอยากจัดหนัก 'โดนบอม' รับรองบึ้มแน่นอน หรือใครอยาก one shot เหล้าร้อน (Flambé) ก็มีให้เลือก cocktail mocktail ก็มีอีกหลากหลายเมนู .. แต่เราขอเบาๆเลือก 'ปั่นปัก' แหละกัน สามารถเลือกสีเลือกรสชาติได้ อย่างที่เราสั่งเราเลือก สีฟ้า+บลูเบอรี่+ลิ้นจี่+เบียร์ลาว คือ ตอนสั่งก็ไม่รู้หรอกนะว่ารสชาติจะออกมาเป็นยังไง แต่พอลอง เห้ย! อร่อยดีแหะ 1 ร้านชิลล์ๆที่อยากแนะนำ ต้องมาโดน ..

 

วันที่สามของการเดินทาง : 22 ตุลาคม 2559

ผิดแผน! .. ฮือๆ เมื่อวานตั้งนาฬิกาจากเช้าเป็นเย็น วันนี้ลืมเปิดเสียง ทริปนี้ ไม่สมความตั้งใจเลย .. ตื่นสาย แผนเลยเปลี่ยน อุตส่าห์ตั้งว่าวันนี้จะตื่นมาตักบาตรข้าวเหนียวก่อนหกโมงเช้า แต่นี่มัน 6.30 น.แล้ว T^T เดินมาตรงถนนคนเดินคนที่นั่งรอใส่บาตรก็หายกันไปหมดแล้ว เหลือแต่คุณยายเจริญ ที่กำลังยืนเก็บชุดตักบาตรอยู่ตรงหน้าซอยถนนศรีเชียงคาน ซอย 11 เราเลยถามว่า ใส่ตอนนี้ยังทันไหมคะ คุณยายก็ตอบมาว่า ตื่นมาอะไรเอาป่านนี้ พระไปกันหมดแล้ว แต่ด้วยความโชคดีค่ะ มีพระรูปนึงเดินกลับมาเก็บตกคนตื่นสายอย่างเรา ไหนๆก็ไหนๆล่ะ อุดหนุนชุดตักบาตรคุณยายเจริญเลยล่ะกัน ชุดละ 50 บาท

นี่เป็นครั้งแรก ที่เราได้ลองตักบาตรข้าวเหนียว ซึ่งเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวเชียงคาน วิธีการตักบาตร คือ หยิบข้าวเหนียวจากกระติ๊บ แล้วนำใส่บาตรพระ ตามด้วยขนม น้ำ ดอกไม้ แล้วแต่ชุดตักบาตรว่าจะมีอะไรบ้าง

วันนี้เราจะมาฝากท้องมื้อเช้ากันที่ ลุกโภชนา ในอดีตชาวเชียงคานรู้จักกันในนาม 'ร้านล้มลุก' เป็นร้านอาหารเจ้าแรกๆในเชียงคาน เปิดเมื่อปี พ.ศ. 2514

ไข่กระทะ รสชาติก็ไม่ได้ขี้เหร่ แต่ความรู้สึกยังไม่ได้ฟีลของไข่กระทะจริงๆ ด้วยภาชนะที่ใส่เป็นถาด เครื่องเคียงก็ยังให้น้อยไปนิดนึง (ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ)

ที่นี่มีน้ำดื่ม/ชา/กาแฟ/โอวัลติน ราคา 15 บาท แต่ต้องบริการตัวเองนะคะ

ร้านลุกโภชนา ตั้งอยู่ที่ ถนนศรีเชียงคาน ซอย 9 อยู่ตรงข้ามโรงแรมพูลสวัสดิ์ ซึ่งเป็นโรงแรมไม้แห่งแรกของอำเภอเชียงคาน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2493

เมื่อเติมพลังในตอนเช้าเสร็จเรียบร้อย เราก็กลับเข้าที่พักก่อนเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วรีบออกไปยัง หมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเชียงคาน

หมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ หรือเรียกว่า หมู่บ้านนาป่าหนาด เป็นหมู่บ้านชาวไทดำกลุ่มสุดท้ายที่อพยพมาจากเมืองเชียงขวาง สปป.ลาว ชาวบ้านยังคงสืบทอดวัฒนธรรมชาวไทดำไว้ได้เป็นอย่างดี

กี่ทอผ้า นี่ก็เป็นอีกหนึ่งศิลปาชีพของชาวไทดำ การทอผ้าร้องเรียงเส้นไหม กว่าจะได้ผืนนึงต้องใช้ความอดทนมากๆเลย .. อยากจะลองทำนะ แต่กลัวงานเค้าจะเสียเอา แหะๆ

ชาวไทดำ เป็นเพียงหมู่บ้านเดียวในจังหวัดเลยที่ยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีมาจนถึง ปัจจุบัน มีภาษาเป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่น คือ ภาษาไทดำและภาษาเลย มีอักษรไทดำที่ยังคงอนุรักษ์ไว้บันทึกไว้เป็นหลักฐานอีก

ห่วงเสี่ยงทาย เป็นการโยนลูกตุ้มให้ลอดห่วง เขาบอกว่า ถ้าอธิษฐานอะไรแล้วโยนให้ลอดในห่วงคำอธิษฐานนั้นจะประสบความสำเร็จอย่างที่ ตั้งใจ (ความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ) ..

ชุดวัฒนธรรม ที่ศูนย์เราสามารถสวมชุดวัฒนธรรมได้ฟรีค่ะ ผู้เฒ่าผู้แก่จะคอยช่วยเราสวมชุด นี่สินะที่เค้าเรียกว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม .. ผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่าชุดแบบนี้เป็นชุดใส่เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ์ในวัง เรียกได้ว่า เป็นชุดพิธีการของชาวไทดำเค้าล่ะ

น้องๆเค้ามาสอนเดิน ดูเหมือนจะง่าย แต่ยากโครต ~

ทุ่งนากังหัน ตรงนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่น่าถ่ายรูปมากๆ กังหันขนาดใหญ่ เบื้องหลังเป็นทุ่งนาเขียวชอุ่มกว้างไกลสุดสายตา แม้จะแดดร้อนแค่ไหนถ้าไม่ได้มาเก็บรูปตรงจุดนี้ เสียดายแย่เลยค่ะ

ดอกไม้ไทดำ เป็นตัวแทนแห่งความร่มเย็นเป็นสุข หากนำไปแขวนที่บ้านตนเองจะมีความเป็นสิริมงคล .. เส้นด้ายหลากสีสันผูกผสานเชื่อมติดกันเป็นกล่องเล็กๆ และยังเป็นเครื่องบรรณาการที่ชาวไทดำ บ้านนาป่าหนาดใช้ในการประกอบพิธีแซปางไทดำ หรือ พิธีบูชาผีฟ้า

ระหว่างทางกลับ 2 ข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนา เราเลยขอลงไปดูชาวบ้านที่กำลังเก็บเกี่ยวข้าวในนา หลังจากที่ได้สอบถามนาที่กำลังเก็บเกี่ยวอยู่นี้เป็นนาข้าวเหนียวค่ะ

นี่ก็เที่ยงพอดีเลย .. เราจึงขอฝากท้องกับส้มตำอีกสักมื้อ วันนี้ขอมาลองร้านจิตส้มตำกันดูสักหน่อย

พอถึงช่วงบ่ายแก่ๆ เราจะต้องหาร้านนั่งเล่นเพื่อรอเก็บภาพพระอาทิตย์ตกทุกวันสิน่า .. วันนี้เราเลยมารอกันที่ ร้านcoffee tree klong เป็นร้านกาแฟที่มีจุดโดดเด่นตรงมีต้นไม้ปกคลุมร้านเอาไว้ ตั้งอยู่สุดถนนริมชายโขง

เอิ่ม .. นี่ตั้งใจจะถ่ายดอกไม้จริงๆนะ ฮ่าๆ >//<

มาเชียงคานต้องมาร้านกาแฟร้านนี้ เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรก .. แต่ไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอเจ้าของร้านอินดี้ ..

เรา : พี่มีอะไรขายบ้างคะ (มองหาเมนูไม่เจอ)

เจ้าของร้าน : นี่ร้านกาแฟก็ขายกาแฟสิครับน้อง

เรา : เออเน๊อะ ! ไม่น่าถาม - -"

สรุป ได้ชาเย็นมาคนละ 1 แก้ว Topping ด้วยฟองนมด้วยนะเออ แก้วละ 45 บาท

ใครอยากจะนั่งเรือชมวิวแม่น้ำโขงเค้าก็มีให้บริการนะคะ ลองสอบถามราคาดูได้ค่ะ

พระอาทิตย์ตกวันนี้สวยไม่เท่าเมื่อวาน ดันมีก้อนเมฆมาบดบังช่วงที่พระอาทิตย์กำลังตกพอดีเลย แต่การเล่นแสงสีของท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ลาลับไปแล้วก็ยังเป็นจุดสนใจของนัก ท่องเที่ยวที่อยากเก็บภาพอยู่ไม่ขาดสาย

ระหว่างดูพระอาทิตย์ตก ก็มีคนร่อนพารามอเตอร์มาในระยะประชิดลั่นชัตเตอร์แทบไม่ทัน เป็นที่ตื่นตาตื่นใจนักท่องเที่ยวแถวนั้นมาก ฮือฮากันใหญ่

ถนนคนเดินวันนี้คึกคักมาก คนเยอะกว่าทุกๆวัน .. ถนนคนเดินคืนสุดท้ายของเรา เราจะพาไปทานอะไร ตามมาๆ

โรตีผีตาโขน ส่วนตัวเราชอบโรตีร้านนี้นะ ราดนมเยอะดี รสชาติไม่ต้องพูดถึงขอยกนิ้วให้เลย เด็ดๆต้องโรตีชีสสสส

จิ๊กโก๋ยัดไส้ ก็คือ ปาท่องโก๋แต่นำมายัดไส้ข้างในดีดีนี่เอง .. ร้านนี้มี 2 ไส้ในเลือก คือ ไส้กล้วยและไส้หมูสับ ราคาชิ้นละ 30 บาท ไปลองทานกันดูนะ

ทอดมันหัวปลี ป้ายหน้าร้านก็บอกอยู่แล้วเน๊อะว่า 'ท้าลอง' ไม่ชอบให้คนมาท้าซะด้วยสิ จัดเลยแหละกัน ถ้วยละ 30 บาท

ผลไม้แช่อิ่ม พ่อค้าแอบแซ่บ อิ่มตากันเลยเชียว .. ขีดละ 20 บาทคละกันได้ (กัดคำแรกแอบฉุนคอไอไม่หยุดเลย น่าจะใส่ขัณฑสกรเยอะอยู่)

ข้าวเหนียวปิ้ง อันนี้ก็ของโปรดเลย ถ้าได้ทานตอนอากาศเย็นด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งทำให้อร่อยเข้าไปอีก

อิ่มอร่อยกันไป มาเดินย่อยริมแม่น้ำโขงหน่อยเป็นไง .. ด้านฝั่งลาวนี่เปิดเพลงไทยดังกระหึ่ม ทั้งพี่ตูน พี่แบงค์ พี่แด๊ก ก็ยังมา ..

เราขอจบคืนสุดท้ายที่เชียงคาน ด้วยการดูดาวบนท้องฟ้า คิดถึงคนบนฟ้าแล้วน้ำตาไหล TT .. Good Night ค่ะ

วันสุดท้ายของการเดินทาง : 23 ตุลาคม 2559

เช้าวันสุดท้ายของการเดินทาง .. วันนี้ทุกอย่างราบรื่นดี วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์หยุดยาววันปิยมหาราช บริเวณถนนคนเดินเชียงคานกลับมาคึกคักกันอีกครั้ง นักท่องเที่ยวพร้อมใจตื่นขึ้นมาตักบาตรกันถ้วนหน้า บ้างก็ซื้อชุดตักบาตรเอง บ้านพักบ้างที่ก็จัดเตรียมไว้ให้

เช้าๆแบบนี้ ลองข้าวจี่ดูหน่อยไหม .. ข้าวเหนียวชุบไข่นำมาจี่ไฟทานร้อนๆ อื้อหื้อ 'หิว' เลยครับท่าน

หรือจะเป็นขนมครกร้อนๆ สักฝาสองฝาดีล่ะ !?

ไม่ได้แหละๆ หิวแบบนี้ ต้องหาอะไรลงท้อง เดินผ่านร้านจำเลยรักมาพอดี สั่ง 'ไข่กระทะ' มาทาน .. เราชอบไข่กระทะร้านนี้นะ ชุดละ 50 บาท หรือใครอยากทานโจ๊กร้อนๆก็มีขายเช่นกัน ทานคู่กับเครื่องดื่นร้อน-เย็นสั่งได้ตามใจ ส่วนเราขอทานคู่กับโอวัลตินร้อนๆก็แล้วกัน ^^

พออิ่มแล้ว เราก็ออกไปเดินย่อยที่ทางเดินริมฝั่งโขง เช้าๆ อากาศดี มีหมอกมาให้เห็นตลอด ลอยคลุ้งอยู่บนผิวน้ำ สายๆหน่อยก็จะหายไป

จบแล้วบรรยากาศในตอนเช้า .. ขอเข้าที่พักไปงีบต่อ แล้วเตรียมเก็บข้าวของเพื่อเตรียมเชคเอ้าท์ในตอนเที่ยง ฟิ้ว ~

หลังจากที่เชคเอ้าท์เรียบร้อย เราก็ขนสัมภาระมาฝากไว้กับพี่ที่ดูที่พักบริเวณล๊อปบี้ แล้วแว๊นซ์ไปทานข้าวกลางวันกัน ก่อนที่จะนำรถมอเตอร์ไซด์ไปคืน ร้านที่เราเลือกมื้อนี้เราอยากทาน ข้าวขาหมูบ้านยายชุม พิเศษตรงที่ข้าวขาหมูเสริฟ์ในจานหลุม ทำให้หวนรำลึกถึงความทรงจำในวัยเด็กเวลาทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนก็มีจาน หลุมแบบนี้แหละ .. ตักเข้าไปคำแรก ขอบอกเลย อร่อย! มากๆๆๆ อร่อยขนาดไหน อร่อยจนต้องเบิ้ลจานที่สอง กินเก่งไปไหม ฮ่าๆ

ถึงเวลาส่งต่อมอเตอร์ไซด์แหละ .. ต่อไปเราต้องเดินด้วยเท้าของเราเอง 555 ระหว่างทางกลับใกล้ๆกับร้านมอเตอร์ไซด์ได้กลิ่นหอมๆ โชยมา ร้านสังขยาคุณแม่ นี่เอง ลองแวะซื้อแวะทานกันได้นะ อยู่ซอย 9 จ้า ..

ในส่วนของการเดินทางกลับ เราใช้บริการ 'พี่โซ่ แทกซี่เมืองเลย' เหมาราคา 550 บาท วิ่งตรงมารับถึงเชียงคานพร้อมไปส่งที่ท่าอากาศยานเลย เราขึ้นเครื่องตอน 18.20 น. .. เรากับเพื่อนเลยนัดพี่โซ่ให้มารับตอนสามโมงเย็น ส่วนเวลาที่เหลือก็กลิ้งรอบริเวณล๊อปบี้ของที่พักไปค่ะ .. เออ! มานี่เราพลาดไปอย่างนึง เราไม่ได้ไปทานจุ่มนัวยายพัดตามที่เล่าลือกันมา ดันร้านปิดวันอาทิตย์ซะนิ อดเลย T^T

จบทริปครั้งนี้ เราไม่อาจตอบได้เลยว่า 'เชียงคาน' ยังน่าเที่ยวอยู่หรือไม่ !? สำหรับเรา .. เราอยากหยุดเวลาของเชียงคานไว้ ณ ตรงนี้ เรากลัวว่าในอนาคตต่อจากนี้ ความคลาสสิคและเอกลักษณ์ของเชียงคานแท้ๆที่มีอยู่จะหายไป .. จากบ้านไม้เก่าแก่ ก็ถูกสร้างสรรค์ให้เก่าแทน จากรายได้ของผู้คนในท้องถิ่น กลับต้องสูญเสียเพราะคนต่างถิ่นที่เห็นถึงผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ .. 'เชียงคาน' ต่อแต่นี้ จะยังเป็นเชียงคานในอุดมคติของทุกคนอยู่ไหม เราตอบไม่ได้เลย ..

ขอบคุณเชียงคาน ที่ทำให้เรารู้ว่า 'เวลา' มีค่ามากแค่ไหน

โปรดเรียกเราว่า 'นักเดินทางสายอุปกรณ์' ทริปนี้เราไม่ได้มาแบบเล่นๆนะ เอาจริงแค่ไหน โปรดดูอุปกรณ์เราซะก่อน ..

ขอบคุณ SONY A6000 + Lens 16-50 /F3.5-5.6 OSS PZ และ Gopro HERO5
ที่ทำให้เราได้ภาพสวยๆตลอดทริปนี้

แต่งภาพโดยโปรแกรม snapseed

ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตาม หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ยินดีน้อมรับทุกคำติชม
ค่าใช้จ่ายโดยรวม 5,945 บาท (สำหรับ 1 คน)

สามารถติดตามเรื่องราวการเดินทางของเราได้อีกหนึ่งช่องทาง กดไลท์ได้เลย มีเรื่องราวดีดีรอคุณอยู่
PAGE : https://www.facebook.com/KeepGoingThailand/

.. เจอกันการเดินทางครั้งต่อไป ..