++ คิดถึงเขา..ก็ไปหาเขา ! ..นอนนับเดือนนับดาว ☆ ★ ที่เขื่อนแก่งกระจานและเขาพะเนินทุ่ง ++
สวัสดีค้าาา วันนี้ว่างๆ มารีวิวแก่งกระจานกัน
การเดินทางครั้งนี้ ... จขกท.เดินทางทั้งสิ้น 4 ท่านคะ
เดินทางวันที่ 14-16 ธันวาคม 2558 (ดองจนเค็ม)
ค่าใช้จ่ายในการเดินทางประมาณ 1,500 - 2,000 คะ รวมทุกอย่างแล้ว
วิธีเดินทาง
1. จขกท. เดินทางจากกทม.คะ โดยขึ้นรถตู้ด้านข้างเซ็นจูรี่ ล๊อคแรกบอกคนขายว่าจะเข้าแก่งฯ (เคยอ่านในห้องบลูมีพี่ท่านนึงแนะนำให้ขึ้นที่นั่นคะ เพราะรถตู้จะพาเราเข้าแก่งเลยไม่ต้องต่อรถอีก) ค่ารถ 200 บาท +50 บาทเข้าแก่งฯ
2. จากแก่งกระจาน ขึ้นเขาพะเนินทุ่ง จขกท.เหมารถของเจ้าหน้าที่อุทยานแก่งกระจานขึ้นไปคะ ราคาเหมาอยู่ที่ 1,200 บาท / 4 คน ค้างข้างบน 1 คืน (โชคดีคะวันนั้นได้รถพี่แจ๊คกี้ ซึ่งพี่เค้าเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานอยู่แล้ว เจอสัตว์เล็กสัตว์น้อยพี่แกจอดพาแวะชมตลอดคะ)
ค่าที่พัก 2 คืน
1. คืนที่ 14 นอนเต้นท์ หลังละ 500 บาท / 2 คน รวมชุดนอน
2. คืนที่ 15 นอนเต้นท์ หลังละ 800 บาท / 4 คน รวมชุดนอน
ปล. ถ่ายจากกล้องสด ไม่ปรับแต่ง
มาถึงละต้องร้อง ตู๊ววววหู๊ววววว เลยคะ เพราะวิวสวยมากกกกกกกกกกกกกบรรยากาศดีเลิศเลอ
ถึงอุทยานแล้ว ก็ต้องรีบไปเช่าเต้นท์กับเจ้าหน้าที่คะ เพราะ 4โมงเย็นพี่ๆเค้าจะเลิกงานกันแล้ว (ตรงเวลามาก 5555+)
ได้มาก็มานั่งให้กำลังใจป้าๆเค้าคะ
1. ถ่ายรูปกะนกเงือก 2. สำรวจร้านอาหาร
สำคัญมากฮ่ะ เพราะเรามาแต่ตัวทัวร์ยกแก้งค์
(แอบอิจฉาคนมาแบบครอบครัวนะคะ มีเตาปิ๊กนิ๊กมาด้วยอ่ะ กินหมูกะทะท่ามกลางอากาศเย็นๆแบบนี้)
อาหารที่นี่ ออกหวานหน่อยๆเกือบทุกจานคะ สำหรับราคาก็แพงกว่าข้างนอกไม่มากเท่าไหร่ โดยรวมโอเคคะ 3. ชมวิวกลางน้ำ
ปีนี้แล้งหนักมากคะ ทำให้น้ำบริเวณเขื่อนลดลงอย่างมาก
ดูสิ ลดจนถึงกลางสระเลย 4. ถ่ายรูปชิค-ชิค บนสะพานแขวน 5. นั่งชมพระอาทิตย์ตกแบบสวยเว่อร์วัง หลังจากชมพระอาทิตย์ตกน้ำป๋อมแป๋มแล้ว ก่อนอาบน้ำ เราก็ไปซื้อเสบียงมาตุนไว้เป็นอาหารค่ำคะ เสร็จก็รีบไปอาบน้ำ
ห้องน้ำสะอาดอยู่ไม่ไกลจากเต้นท์คะ ห้องน้ำรวมแยกชาย-หญิง ชัดเจน น้ำแรงดี ปลอดภัย ไม่น่ากลัว
ในคืนอันมืดมิด ยิ่งมืดมากเท่าไหร่ ยิ่งเห็นดาวชัดเจน .... เราทั้ง 4 ออกมานอนนอกเต้นท์ นอนดูฝนดาวตก
วันนั้น นับได้เกือบ 10 ดวงแหน่ะ .... ☆ ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆ ★
อรุณสวัสดิ์ด้วยภาพนี้คะ ..... เต้นท์นี้แบบว่า ตื่นก่อน - นอนทีหลัง คุยกันทั้งคืนเบยยยยย ตื่นสายๆ อาบน้ำ รอรถขึ้นพะเนินทุ่ง
อ้อ ตอนมาถึงเราได้แจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานไว้แล้วคะ ว่าจะขึ้นไปค้างที่เขาพะเนินทุ่ง 1 คืน
หากมีกรุ๊ปส์นักท่องเที่ยวกรุ๊ปส์ไหนขึ้นไปบ้างเราจะขอร่วมจอยด้วยคะ เราทิ้งเบอร์ไว้
แต่ปรากฎว่า ไม่มีใครขึ้นไปเลย ช่วงเวลาการขึ้นเขาพะเนินทุ่ง
ขึ้นจากบ้านกร่าง
รอบที่ 1
05.30 น. - 07.30 น.
รอบที่ 2
13.00 น. - 15.00 น.
การขึ้นลงพะเนินทุ่งแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
โดยการขึ้นพะเนินทุ่งสำหรับผู้ที่ไม่ได้ค้างคืน จะอยู่ที่เวลา 5.30 - 7.30 น.
ส่วนผู้ที่ต้องการค้างคืนนั้นสามารถขึ้นได้ในช่วง 13.00 - 15.00 น.
ช่วงเวลาการลงจากเขาพะเนินทุ่ง
รอบที่ 1
09.00 น. - 10.00 น.
รอบที่ 2
16.00 น. - 17.00 น.
สำหรับ จขกท. นั่งๆนอนๆ ชาร์ตแบตโทรศัพท์รอเพื่อนร่วมทริปส์ อยู่ราวๆบ่ายนิดๆเพื่อร่วมจอยขึ้นเขาพะเนินทุ่ง แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีใครขึ้นเลยคะ (สงสัยเพราะวันนั้นเป็นวันธรรมดาด้วยคะ นักท่องเที่ยวไม่เยอะ)
สุดท้ายจึงต้องจำใจเช่าไปเอง 1 คัน ราคา 1,200 บาท / 4 คน ค้าง 1 คืน เมื่อสรุปตกลงกับเดอะแก๊งค์แล้ว ว่าเราจะไม่รอจอยกับคนอื่น เราก็เลยแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานว่าขอเช่า 1 คัน นอนค้างข้างบน
พี่ๆเจ้าหน้าที่ก็จัดการเอกสารให้เรียบร้อย มีทะเบียนรถที่จะขึ้น รายละเอียดของนักท่องเที่ยว สัมภาระว่ามีอะไรบ้าง แจ้งเต้นท์กี่หลังที่จะเช่าข้างบน
รอไม่เกิน 15 นาที เจ้าของรถที่เราเช่าไว้ก็มารับคะ
ก่อนออกเดินทาง แวะไหว้หลวงปูซักหน่อย
ขณะเดินทาง สารถีของเราก็เงียบๆ ขรึมๆ พวกเรา 4 คนก็เลยชวนคุยนี่นั่น ถามไปถามมาปรากฎว่าพี่เค้าเป็นเจ้าหน้าที่ของอุทยานคะ
มาขับรถให้เนื่องจากเวลานั้นไม่มีรถเอกชนขึ้นไปพะเนินทุ่งซักคันเลย พี่ๆจนท.ข้างล่างเลยโทรเรียกให้แกมารับเหมาแทน
พี่เค้าชื่อแจ๊คกี้คะ น่ารัก แนะนำทุกอย่างเลย แถมพาพวกเราแวะดูดอกบัวผุด กับดูรอยเท้าของสัตว์ป่าข้างบนด้วยคะ
ถ้าสมมุติมากะรถเอกชนรายอื่น ไม่รู้ว่าเค้าจะพาเราทัวร์แล้วก็แนะนำอะไรดีๆแบบนี้มั้ย ก่อนขึ้นพะเนินทุ่ง เราต้องแวะให้เจ้าหน้าที่แคมป์บ้านกร่างตรวจสอบและเช็คจำนวนคนก่อนนะคะ
วันนั้นที่ไป ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเลยคะ พี่แจ๊คกี้เล่าว่า ช่วงหน้าหนาว อากาศตรงแคมป์บ้านกร่างจะหนาวเย็นกว่าบนเขาพะเนินทุ่งเยอะเลย
เพราะว่าบริเวณนี้เป็นหุบเขา ........... หนาวแค่ไหน ต้องหาโอกาสไปลอง หลังจากผ่านทางอันทรหดมาได้ซักพัก เราก็มาถึงละคะเขาพะเนินทุ่ง รีบเก็บสัมภาระเพื่อจะไปถ่ายรูปบนจุดชมวิว ที่กม. 30 และ กม. 36
(เต้นท์เราสีน้ำตาลด้านขวาศาลา8เหลี่ยมคะ นี่ถ่ายมาตอนเช้า)
ข้างบนน้ำไม่ไหล ห้องน้ำไม่มีน้ำอุ่น คืนนี้เรา 4 คนจึง ........... ซักแห้งคะ 5555 ก็มันหนาวนี่ 10 กว่าองศา ใครจะอาบบ หลัง 5 โมงเย็นก็ไม่มีไฟแล้วคะ
เก็บของแล้วไปชมวิวกัน จุดนี้คือ กม. ที่ 30 มีหมอกจางๆ บรรยากาศช่วง 4 โมงเย็น
จุดชมวิว กม. 36 ต้องขับรถต่อออกไปอีกนิดนึงคะ วิวสวยมากกกก
เช้าวันถัดมา เราตื่นค่อนข้างเช้า เพื่อที่จะตาล่าทะเลหมอก
แต่พี่แจ๊คกี้บอกไม่ต้องรีบบบบบบบบบบ เพราะน้องหมอกจะมาสายๆ
ประมาณ 8-9 โมงเช้านู๊น ปล่อยให้คนอื่นเค้าดูไปก่อน
โอเค ... งั้นเรารอก็ได้ ... รอไป รอมา ปรากฎว่า
น้องหมอกไม่มาตามนัดเบยยยย
น้องหมอกฟุ้งงงงงงงงกระจายยย
แต่ยังงัยก็ต้องขอบคุณพี่แจ๊คกี้มากๆนะคะ เพราะถึงแม้ว่า หมอกจะมีหรือไม่มียังงัยพี่ก็ยังอุตส่าห์พาน้องๆมา
ไม่เหมือนกับรถเช่าบางคันที่เราเห็นเค้าคุยกับนักท่องเที่ยวว่า
" วันนี้หมอกไม่มี ไม่ต้องไปหรอกเสียเวลา ... "
คือ ถ้าเราเหมาขึ้นมาแล้ว หมอกจะมีหรือไม่มียังงัยก็ต้องพาเราไปปะคะ รถเหมาที่ดีไม่ควรปฎิเสธผู้โดยสารเน้ออ ขาลง พี่เค้าพาแวะดูลิงข่าง บ่างชะนี เยอะแยะเลยคะ พาเรามาแวะมุดดู " ดอกบัวผุดจากดิน " ด้วยคะ
หน้าตาสวยเลย ..... นี่เป็นอาหารของน้องกวางคะ
พิกัดอยู่แถวๆ แคมป์บ้านกร่าง ใกล้ๆบ่อน้ำให้สัตว์ป่าคะ เรามาถึงแก่งกระจานประมาณสายๆคะ พี่แจ๊คกี้แนะนำให้นั่งเรือชมวิวในเขื่อน
เราก็เลยถามว่า อยากดูแพหนังเรื่อง คิดถึงวิทยา ตอนนี้ยังมีอยู่มั้ย ?
พี่เค้าก็เลยบอกว่า " เค้ารื้อทิ้งหลายปีแล้วคับ " ........... อดเลย
แต่สุดท้ายก็ไปคะ เหมาราคาอยู่ที่ 800 มั่งคะ ลืมแล้วอะ
หลังจากกลับมาจากล่องเรือ ก็มาเก็บภาพกับสะพานอีกหลายช๊อตส่งท้าย
ขากลับ พี่แจ๊คกี้พาเราไปส่งคิวรถตู้หน้าอำเภอคะ .... แต่ถ้าจะขึ้นตรงอุทยานแก่งกระจานก็ได้นะคะ แต่ต้องโทรบอกรถตู้เค้าก่อนคะ
เค้าจะได้แวะเข้ามารับ ละก็จ่ายเพิ่มอีกคนละ 50 บาท
บ๊ายบาย แก่งกระจาน ............. โอกาสดีๆเราคงได้เจอกันใหม่
จบทริปนี้ด้วยความประทับใจล้นหลาม ... มิเสียแรงที่เฝ้าหาโอกาสมา