Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
#วันเดียวเที่ยวพิษณุโลก :: เมื่อไปเยือน “เมืองสองแคว” ใน 1 วัน เขื่อนนเรศวร พิษณุโลก (Naresuan Dam-Phitsanulok) จ.พิษณุโลก
    • Posts-1
    CHAILAIBACKPACKER •  June 08 , 2016

    #วันเดียวเที่ยวพิษณุโลก :: เมื่อไปเยือน “เมืองสองแคว” ใน 1 วัน

    เดินทางไปเที่ยวชิลล์ๆ ที่เมืองสองแคว “พิษณุโลก” ใน 1 วัน

     

    ทริปนี้ผมจะพาไปเที่ยวกันที่เมือง “สองแคว” หรือที่รู้จักกันในนามเมือง “พิษณุโลก” ครับ ความตั้งใจหลัก คือ อยากไปไหว้ พระพุทธชินราช(วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร)  ครับ ประกอบกับมีโปรฯ ของสายการบินที่น่าสนใจ ก็เลยจัดไป.. แบบไม่รอช้าครับ

    โปรแกรมการเดินทางของผม เป็นวันเดย์ทริปครับ พูดง่ายๆ ก็.. คือ ไปเช้า เย็นกลับ นั่นแหละครับ  ก็จะตระเวณเที่ยว เฉพาะในเขตตัวเมือง ซึ่งเวลาหนึ่งวัน (ประมาณ 10 ชั่วโมง) ก็ดูน่าจะเพียงพอครับ โดยมีแพลนคร่าวๆ ก็คือ ตระเวณไหว้พระ / เที่ยวพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี / และ ก็หาของอร่อยๆ กินครับ

    ทริปนี้ผมออกเดินทางไปกับเพื่อนร่วมทริปอีกหนึ่งคน “วันเดย์ทริป” สั้นๆ มีเวลา 10 ชั่วโมง ใน “พิษณุโลก” จะเป็นอย่างไร? ว่าแล้ว…อย่าเสียเวลา ตามมาเที่ยวกันเลยครับ…!!

    เส้นทาง ดอนเมือง – พิษณุโลก เป็นเส้นทางที่มักจะออกโปรฯ ถูกๆ มาให้สอยกันเป็นประจำ ผมจองโปรฯ สายการบิน โดยเก็บตกเลือกวันเดือนทางที่เป็นวันธรรมดาครับ เพราะ วันหยุด นั้นโดยสอยไปหมดแล้ว ก็เลย “ลางาน” และเลือกวันธรมดาสักหนึ่งวันครับ ซึ่งสามารถจองได้ง่ายมากๆ โดยไม่ต้องแย่งใครกันเลย อีกทั้ง คิดว่า..การไปวันธรรมดา อาจจะลดความแออัด ในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ไปได้ ซึ่งคนจะค่อนข้างเยอะมาก ในช่วงวันหยุดต่างๆ ครับ โดย เลือกไฟล์ทไปเช้าสุด (ประมาณ ประมาณ 7 โมงเช้า) และกลับ เย็นสุด (ประมาณหนึ่งทุ่ม) เดินทางไป-กลับ  (เสียเฉพาะค่า ภาษีสนามบิน) = 150 บาท ครับ..!!

     

    สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบท่องเที่ยวแบบประหยัด แวะมาทักทาย ติดตามกันได้นะครับ

    CHAILAIBACKPACKER : https://www.facebook.com/chailaibackpacker

     

    เริ่มต้นที่ สนามบินดอนเมือง เตรียมพร้อม ออกเดินทางกันเลย เนื่องจากเดินทางวันธรรมดา ผู้โดยสารเที่ยวบินนี้เลยไม่ค่อยเยอะครับ

    ช่วงระยะการบินที่สั้นมากๆ.. ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก็เดินทางมาถึง.. “ท่าอากาศยานพิษณุโลก”

    เมื่อถึง สนามบินพิษณุโลก แล้วจะมีบริการ รถแท๊กซี่เข้าเมืองครับ ราคา 150 บาท แต่.. เผอิญได้ลองขอติดรถกับญาติที่มารับผู้โดยสารเที่ยวบินเดียวกันเข้าเมืองไปด้วย เขาก็ยินดีให้ไปด้วยกัน ก็เลยสบายมาหน่อย ซึ่งต้อง ขอขอบคุณ คุณลุง ที่ให้ติดรถเข้าเมือง มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ทำให้ผมประหยัดกันไป 150 บาท เลย  ระหว่างทาง คุณลุง ก็เล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับ จังหวัดพิษณุโลก ให้ฟังครับ.. และก็รู้สึกแปลกใจ ที่รู้ว่าเราตั้งใจมาเที่ยวที่นี่กันโดยเฉพาะ  คุณลุงมาส่งเรา ที่ ห้างสรรพสินค้า TOP LAND ครับ

    ตรงข้ามกับ ห้างสรรพสินค้า TOP LAND จะเห็น ร้านอนุสรณ์ทัวร์ ครับ.. เราจะมาเช่ารถ มอ’ไซค์ กันที่นี่ครับ มีให้เช่าทั้งมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ ครับ ซึ่งทริปนี้ เราจะใช้วิธี “แว๊นซ์” เที่ยวกันครับ..!! ตัวเมือง “พิษณุโลก” สถานที่เที่ยว แต่ละที่ ไม่ห่างกันมากครับ โดย ช่วงเช้า.. เราตั้งใจจะไปเที่ยววัดต่างๆ กันก่อนครับ และ ช่วงบ่าย.. จะลงไปทางทิศใต้ เพื่อไป “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี” ครับ

    เราเช่ารถ จาก.. ร้านอนุสรณ์ทัวร์ ในราคา วันละ 200 บาท/วัน ครับ (เกียร์ธรรมดา) พร้อมหมวกกันน๊อค เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ โดยสามารถขอแผนที่จากทางร้านได้ครับ จะได้ขับขี่ไปไหนได้สะดวกไม่หลงทาง ตอนนี้ไม่ห่วงเรื่องการเดินทางไปไหนมาไหน ในตัวเมืองแล้วครับ หาร 2 คนละ 100 บาท..คุ้มเลย… !!

    มาถึง “พิษณุโลก” เราก็แว๊นซ์ ตรงดิ่งมากินกันก่อนเลยครับ เพราะเรื่อง กิน.. เรื่องใหญ่ครับ 55  มากินกันที่ “ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา” ที่ว่ากันว่า.. มาเที่ยวพิษณุโลก ต้องมากินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ครับ ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา … จะมีมากมายหลายร้าน ตั้งเรียงรายอยู่ริมน้ำน่าน อยู่ใกล้ๆ กับ วัดใหญ่ (วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร) 

    “ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา” หลากหลายร้าน ตั้งเรียงรายริมน้ำน่าน.. เลือกกันไม่ถูกทีเดียว ว่าจะเข้าร้านไหน ผมเลือกมากินที่.. “ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาป้ากฐิน” ครับ ที่ว่ากันว่า..เป็น เจ้าตำรับก๋วยเตี๋ยวห้อยขาขนานแท้ เจ้าแรกของเมืองพิษณุโลกครับ เป็นร้านไม้ดูเก่าแก่ แต่คลาสสิค..บรรยากาศแบบกันเอง ขายกันแบบธุรกิจครอบครัวครับ มีทั้งน้ำตก น้ำใส เย็นตาโฟ ราคาธรรมดาชามละ  30 บาท พิเศษ ชามละ  35 บาท

    เข้ามาแล้วก็สามารถเลือกนั่งได้ครับ.. ว่าจะ “ห้อยขา” หรือ ไม่ห้อยขา” 55+ เรามากินกันช่วงสายๆ ครับ คนยังดูไม่ค่อยเยอะ  แต่ถ้าเป็นช่วงเที่ยงๆ คนคงจะเยอะน่าดูเลยล่ะครับ.. ยังไงผม..ก็ขอเลือก “ห้อยขา” ล่ะกันนะ.. ประเดิมการกิน ด้วยการ.. สั่ง “เล็กน้ำ เนื้อเปื่อย” มา 1 ชาม นั่งกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ในบรรยากาศริมน้ำน่านครับ ลมพัดโชยเย็นสบาย.. ก๋วยเตี๋ยว 30 + ชาเย็น 15 มื้อนี้หมดไปอีก = 45 บาท

    หลังจากอิ่มร้านแรกแล้ว ลองเข้ามาดู..อีกร้าน ครับ ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาริมน่าน” เป็นร้านที่ใหญ่ และดูใหม่ดีครับ แต่ก็มีเอกลักษณ์ ในการห้อยขา เหมือนกัน

    ตอนแรกกะว่าจะสั่งก๋วยเตี๋ยวกินเบิ้ลอีกสักชาม..แต่ชามแรกที่ร้านป้ากฐิน ก็ยังอิ่มอยู่ ประกอบกับ ของหวานที่นี่ดู น่ากินดี ก็เลยสั่งแต่ของหวานมากินครับ.. “ขนมถ้วย”

    อากาศร้อนๆ.. น้ำกะที ลอดช่อง แตงไทย ก็น่ากิน..ก็เลยสั่งมาอีกคนละถ้วยครับ.. อร่อย หวาน มัน.. เช็คบิลจ่ายที่ร้านนี้ไป อีกคนละ 35 บาท.. แถวนี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวเยอะมาก

    หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราก็จะมาไหว้ พระพุทธชินราช กันครับ.. ที่วัดใหญ่ (วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร)

    บริเวณนี้จะมีวัดอยู่ติดๆ กัน 3 วัดครับ สามารถ เดิน ไป-มา ได้ ไม่ไกลกันนัก คือ  วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร, วัดนางพญา และ วัดราชบูรณะ เราเข้ามาที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือชื่อที่เรียกกันทั่วไปว่า “วัดใหญ่”  แม้จะเป็นวันธรรมดา.. แต่ก็มีคนมากมายแวะเวียนเข้ามาไหว้ สักการะ อย่างไม่ขาดสาย..

    ภายในวิหารของวัดเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธชินราช” หรือที่ชาวเมืองพิษณุโลกเรียกว่า “หลวงพ่อใหญ่”  ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์..ดูสวยงาม น่าเลื่อมใส

    “พระพุทธชินราช” เป็นพระพุทธรูปองค์ประธานของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศไทย..สังเกตได้ว่าคนจะเยอะมากๆ ครับ แม้จะไม่ใช่วันหยุดก็ตาม..

    มีโอกาสสักครั้งในชีวิต ต้องมาไหว้ “พระพุทธชินราช”

    องค์พระปรางค์ ที่ตั้งอยู่ ณ ศูนย์กลางของวัด ปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดของวัด เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

    นอกจากนี้.. บริเวณรอบๆ วัด ก็จะเห็นร้านของที่ระลึก ร้านบรรดาของฝากเยอะแยะเลยครับ สามารถ ซื้อหา ของติดไม้ ติดมือ กลับไปฝากคนที่บ้านได้เลยครับ..

     

    • Posts-2
    CHAILAIBACKPACKER •  June 08 , 2016

    หลังจากนั้น.. เราก็มาไหว้พระ กันที่ “วัดนางพญา” กันต่อครับ วัดจะอยู่ใกล้ๆ กัน ครับ มีทางเชื่อมเข้าไปครับ เดินไม่ไกล รอบๆ อุโบสถ วัดนางพญา จะมีภาพเขียนผนังบริเวณระเบียงคด แลดูวิจิตร สวยงาม..

    วัดนี้จะมีชื่อเสียงในด้านพระเครื่อง ครับ เรียกว่า พระนางพญา ซึ่งเล่าลือกันถึงความศักดิ์สิทธิ์  พระนางพญาเป็นสุดยอดพระ หนึ่งในชุดเบญจภาคี ซึ่งพระเครื่องนางพญามีชื่อเสียงทางด้านเมตตามหานิยม

    พระประธานในอุโบสถที่เราเห็นนั้น.. เรียกว่า “พระสมเด็จนางพญาเรือนแก้ว”

    วัดนางพญา..เป็นอีกหนึ่งวัด ที่มีพุทธศาสนิกชน แวะเวียนกันเข้ามากราบไหว้..เพื่อความเป็นศิริมงคล..

    จากนั้น.. เราเดินออกจากประตูวัด ไปเดินเล่นที่บริเวณ ริมน้ำน่านครับ มีร้านกาแฟ.. ร้านอาหาร ตั้งอยู่ที่ริมน้ำ..เป็นที่แวะนั่งทาน นั่งเล่น พักผ่อนอีกหนึ่งมุม ครับ

    เรา..แว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ไปสถานที่ต่อไปกัน โดยข้ามสะพานไปไม่ไกลนัก โดยมากันที่ “พระราชวังจันทร์ ศาลสมเด็จพระนเรศวร” อ.เมือง จ.พิษณุโลก

    พระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก นับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่แสดงถึงประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์และยาวนานของเมืองพิษณุโลก สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงประสูติ และเจริญพระชันษาที่เมืองสองแควพิษณุโลกจนถึง 9 พรรษา โดยประทับที่พระราชวังจันทร์ แห่งนี้.. ปัจจุบันคงเหลือแต่เพียงลักษณะเค้าโครงให้พอได้เห็นบ้าง บริเวณเดียวกันนั้นยังเป็นที่ตั้งของ.. “ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช”..ตัวศาลเป็นศาลาทรงไทยโบราณตรีมุข พระรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมีขนาดเท่าองค์จริง ประทับนั่ง พระหัตถ์ทรงพระสุวรรณภิงคารหลั่งน้ำ ในพระอิริยาบถประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง

    หลังจากไหว้ “ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” เป็นที่เรียบร้อย.. เราก็ออกแว๊นซ์ด้วยมอเตอร์ไซค์ที่เช่าไว้กันต่อ ครับ.. โดยเดินทางต่อไปกันที่ ตลาดทรัพย์อนันต์ เพื่อไปกินส้มตำ ที่ร้าน “ส้มตำครกไม้” ครับ ร้านมีชื่อของที่นี่

    ขาดไม่ได้เลย ต้องสั่งส้มตำ ครับ.. มา “พิษณุโลก” แต่.. สั่ง “ตำโคราช”  มื้อนี้กินกันเบาๆ.. แค่ 2 อย่าง เช็คบิลไปคนละ 50 บาท

     

    • Posts-3
    CHAILAIBACKPACKER •  June 08 , 2016

    หลังจากอิ่มท้องกัน(อีกแล้ว..) ก็เดินทางกันต่อครับ โดยมุ่งหน้าลงไปทางทิศใต้ ไปตามเส้นทางที่จะไปสนามบินครับ เพื่อไปกันต่อที่ “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี” ครับ ระยะทางจากในเมืองไปประมาณ 2 Km. ก็ถึงแล้วครับ

                                                   

    “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี” เป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนบุคคลของจ่าสิบเอก ดร.ทวี บูรณเขตต์ จัดตั้งขึ้นหลังจากที่ท่านได้รวบรวมเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน จำนวนมาก แล้วนำมาจัดแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านไทยในอดีต และเปิดให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาหาความรู้ เป็นสถานที่หนึ่ง ที่มาพิษณุโลก ต้องมาเข้าชมเลยครับ.. โดยก่อนเข้ามีค่าบำรุงพิพิธภัณฑ์ ผู้ใหญ่ ท่านละ 50 บาท เด็ก 20 บาท (สำหรับคนไทย)

    พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี นั้นจัดเป็นคลังแห่งความรู้ ที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อและภูมิปัญญาพื้นบ้านได้เป็นอย่างดี ลืมบอกไปครับว่า ที่นี่..เปิดทำการ ทุกวันนะครับ ตั้งแต่ 08:30-16:30 น. ยกเว้นวันจันทร์เป็นวันปิดทำการ

     

    ภายในพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์จ่าทวี แบ่งเป็น 4 อาคาร คือ

    อาคาร 1 เป็นอาคารสำนักงานและจำหน่ายของที่ระลึก

    อาคาร 2 เป็นอาคารไม้เก่า 2 ชั้น ภายในบ้านหลังนี้จัดแสดงภาพประวัติศาสตร์ท้องถิ่นพิษณุโลก

    อาคาร 3 เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์หลังใหม่จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ท้องถิ่น และวิถีชีวิตชาวบ้าน

    อาคาร 4 เป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการชาวโซ่ง

     

    ลองเดินเข้ามาที่ อาคาร 2 กันก่อนเลยครับ.. เป็นอาคารไม้เก่า 2 ชั้น เป็นบ้านเก่าที่ดูคลาสสิคย้อนยุคครับ ซึ่งภายในบ้านหลังนี้จัดแสดงภาพประวัติศาสตร์ท้องถิ่นพิษณุโลก..

    “ภายในจัดแสดงภาพประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในอดีตของเมืองพิษณุโลก” เป็นที่ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในอดีตได้เป็นอย่างดีเลยครับ มีอยู่หลายห้อง ซึ่งในแต่ละห้อง ก็จะแบ่งเป็นหมวดหมู่ ต่างๆ เพียงเข้ามาชม อาคารแรกอาคารเดียว..เราก็รู้สึกว่า คุ้มค่าเป็นอย่างมากครับ และ รู้สึกว่ามาเข้าชมที่นี่ต้องมีเวลาสัก 2-3 ชั่วโมงครับ จึงจะสามารถเก็บรายละเอียดได้ทุกมุม รูป และ สิ่งของ จัดแสดงมีเยอะมาก เดินดูไปเล่นๆ เพลินเลยครับ

    จาก อาคาร 2 .. เรามาต่อ กันที่ อาคาร 3 เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์หลังใหม่จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ท้องถิ่น และวิถีชีวิตชาวบ้าน เป็นการรวบรวม เรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในอดีต  ซึ่งภายในอาคารมี 2 ชั้น

    ชั้น 1 – การแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในอดีต เครื่องใช้ต่างๆ วิถีชุมชน

    ชั้น 2 – การแสดงนิทรรศการ เกี่ยวกับเครื่องมือช่าง และ อาวุธ เป็นต้น

    เข้ามาในอาคาร..มีการจำลอง ที่อยู่อาศัย และ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในอดีต

    มุมนี้รวบรวม ข้าวของเครื่องใช้ในอดีต.. “กระต่ายขูดมะพร้าว”  เฉพาะมุมนี้ก็มีมากมายหลายชิ้น เห็นได้ถึงความพยายาม และความตั้งใจ สะสม เก็บรักษาได้เป็นอย่างดีเลยครับ

    มุมเครื่องมือดักจับสัตว์ต่างๆ ที่ถือเป็นภูมิปัญญาไทยโดยแท้เลยครับ มีวิธีการดักจับสัตว์ อธิบายเป็นขั้นตอนต่างๆ อ่านสนุกมากครับ เพลินเลย..

    เครื่องมือดักจับสัตว์ต่างๆ พร้อมวิธีการใช้ อธิบายในแต่ละเครื่องมือ ชิ้นใหญ่ๆ สำหรับสัตว์ตัวใหญ่ก็มีครับ ซึ่งบางชิ้น ..เราไม่เคยเห็นมาก่อน แน่นอน..

    เดินมาชมกันต่อ ที่มุม “ของเล่น”  เป็นของเล่นเก่าสมัยก่อน.. บางชิ้นดู เก่า แต่ คลาสสิค

    ความทรงจำในวัยเด็ก ถูก เก็บในตู้ไว้เป็นอย่างดี

    ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ หลายหมื่นชิ้น ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้.. ถือเป็นขุมทรัพย์ทางประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาไทย เลยครับ ผมรู้สึกได้เรียนรู้จากสิ่งของต่างๆ และเพลิดเพลินไปกับการชมในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ครับ มีโอกาส..มาเที่ยว พิษณุโลก ก็อยากให้เพื่อนๆ ลองมาแวะชมนะครับ..

    ก่อนกลับออกไปจากที่นี้ … เราได้ไปแวะที่ อาคาร 1 ปิดท้าย ซึ่ง เป็นอาคารที่จำหน่ายของที่ระลึก เช่น พวงกุญแจ สมุดโน้ต เสื้อ ให้เลือกซื้อเป็นของที่ระลึก  มีของให้เลือกซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน.. และ..ในอาคารนี้ ยังมีพื้นที่จัดแสดง.. “พันธุ์ปลาในจังหวัดพิษณุโลก” ด้วยครับ

     

     

     

    • Posts-4
    CHAILAIBACKPACKER •  June 08 , 2016

    ออกจาก พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กันนั้น.. เป็น.. โรงหล่อพระบูรณะไทย ซึ่งเราสามารถเดินเข้าไปชม ต่อได้ครับ..

     

    โรงหล่อพระบูรณะไทย : เริ่มต้นจากคุณพ่อคุณแม่ของลุงจ่าทำงานรับจ้างจิปาถะ และเป็นช่างศิลป์ เมื่อลุงจ่าจบการศึกษาจากชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ได้ออกเผชิญโลกกว้างเป็นลูกมือช่างศิลปะจนอายุได้ 23 ปี ได้สมัครเป็นทหาร ตำแหน่งช่างวาดเขียน รับยศเป็นสิบตรีประจำกองทัพภาคที่ 3 และได้มีโอกาสศึกษาวิธีการปั้น และการหล่อโลหะกับ อ.ศิลป์ พีระศรี อ.เขียน ยิ้มศิริ และ อ.สนั่น ศิลากร อยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อกองทัพภาคที่ 3 ต้องการช่างสร้างอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ลุงจ่าจึงได้ปั้นงานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

     

    ที่นี่เราจะได้ศึกษาถึงขั้นตอนการสร้างพระพุทธรูป  ตามวิธีช่างโบราณด้วยฝีมือช่างที่ประณีตบรรจง… เปิดให้เข้าชมได้ฟรีนะครับ..ชมขั้นตอน วิธีการทำอย่างใกล้ชิด..

    นอกจากจะได้ชมการหล่อพระแล้ว ก็ยังมีร้านเช่าบูชาพระพุทธรูป และพระเครื่อง อยู่ด้านหน้าของโรงหล่อพระ ไว้สำหรับผู้ที่สนใจเช่าไปบูชาด้วยนะครับ..

    ออกจาก โรงหล่อพระ ในยามบ่ายที่อากาศแสนจะร้อน เราแว๊นซ์ กันที่..หาที่ดับร้อน กันที่ ร้านไอศกรีมเจริญผล ที่เขาว่ากันว่า… ต้องมาลองชิม “ไอติมไข่” ที่นี่ให้ได้..!! ไอติม กับ ไข่ โรย.. ท๊อปปิ้ง พร้อมเสริฟ..ในราคา 30 บาท..

    ไอศกรีมกะทิที่มีความหอม มัน หวานกำลังดี  ที่สำคัญ.. ไม่มีกลิ่นคาวจากไข่เลยครับ แบบนี้ ต้องลอง!

    จากของหวาน.. ก็ มาต่อ ที่ของคาวกัน อีกร้านที่อยากแนะนำ … “ร้านจุกไก่ไทย”  ร้านนี้มีดีที่ “เส้น” จริงๆ.. เพราะเป็นเส้นบะหมี่ทำเองครับ ทำให้ได้เส้นที่เหนียวนุ่ม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เส้นบะหมี่ที่เหนียวนุ่ม กับไก่ไทยแท้ๆ และน้ำซุปที่เข้มข้น เป็นอะไรที่ลงตัว และ น่าลองชิมสักครั้งครับ.. 

    ยังมีอีกหนึ่งเมนู ที่มาแล้วต้องชิม แต่..ก็ต้องพลาดไป นั่นก็คือ..“ทับทิมกรอบ” ครับ ซึ่งเขาจะขายในช่วงตอนเย็นๆ เราก็ไปนั่งรอตรงที่เขาจะขาย.. แต่น่าเสียดาย ที่คนแถวนั้นบอกว่า .. เขาอาจจะตั้งร้านช้าหน่อย ด้วยเวลาที่คิดว่าไม่ทัน .. ก็เลยอดกินไปตามระเบียบครับ.. 55+ ก็เลยแว๊นซ์รถมอเตอร์ไซค์กลับไปคืน ที่ร้านเช่าครับ..และก็โทรเรียกแท๊กซี่ให้กลับไปส่งที่สนามบินครับ โดยผ่าน Call-Center ราคาไปสนามบิน 150 บาท มาถึง..สนามบิน ก็ เริ่มบอร์ดฯ พอดี.. ผู้โดยสารเที่ยวบินกลับดอนเมือง ดูค่อนข้างบางตา..

     

    สิ้นสุด “วันเดย์ทริป” เที่ยว พิษณุโลก แบบสั้นๆ ใน 1 วัน ครับ ได้ไปไหว้พระ ทำบุญ ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ได้มาเยือนที่นี่ครับ..

     

    สรุป.. ค่าใช้จ่าย ทริป “วันเดียว เที่ยวพิษณุโลก”

    ค่าเครื่องบิน ไป-กลับ คนละ = 150 บาท

    ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 1 วัน = 200 บาท /2 = 100 บาท

    ค่าอาหาร รวม = 190 บาท

    (ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา 45+35 /ส้มตำครกไม้ 45/จุกไก่ไทย 35/ไอศกรีมเจริญผล 30)

    ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี = 50 บาท

    ค่าแท๊กซี่จากเมืองเข้าสนามบิน = 150/2 = 75 บาท

     

    รวมทั้งหมด 565 บาท

     

    ก็หวังว่า รีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ กับเพื่อนๆ ได้ไปลองตามไปเที่ยวเมืองสองแคว “พิษณุโลก” บ้างนะครับ

     

     

     

    การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER

    Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker

    Instagram : CHAILAIBACKPACKER

    Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9