ล่องเรือ Check-in ฟิน 3 น้ำตกสวย ในเขื่อนขุนด่านปราการชล
หน้าฝนแบบนี้ อะไรรอบๆตัวก็ดูเขียวชอุ่ม ชุ่มชื่น ไปหมด มองไปทางไหนก็สบายตา
วันหยุดที่ผ่านมา เราเลยชวนเพื่อนๆออกไปเที่ยว หาความเขียว ในจังหวัดใกล้ๆกรุงเทพฯ กัน เราปักหมุดกันที่จังหวัดนครนายก เพราะเห็นว่ามีน้ำตกเล็กๆที่ไม่คุ้นชื่อ และยังไม่เคยไปมาก่อน อยู่ที่เขื่อนขุนด่านปราการชล ดูรูปแล้วก็สวยงามน่ารัก แถมไปครั้งเดียวได้แวะถึง 3 น้ำตกเลย...
วันแรกเราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ แต่เช้า แวะเที่ยวระหว่างทาง จนไปถึงที่พักตอนบ่ายแก่ๆ ทริปนี้เราเลือกพักที่ "บ้านพักนครนายก 104" ขอแยกไปเขียนอีกรีวิวนึงละกัน เพราะที่พักน่ารักมากกก เดี๋ยวน้องน้ำตกจะน้อยใจ...
มุ่งหน้าสู่เขื่อนขุนด่านปราการชลพวกเราวางแผนกันว่าเช้านี้ จะออกเดินทางจากที่พัก เพื่อไปขึ้นเรือชมน้ำตกในเขื่อนขุนด่านฯ กันตั้งแต่หกโมงครึ่ง เพราะกลัวว่าถ้าไปสายเกิน คนคงจะมาเที่ยวกันเต็มน้ำตก ไม่อยากถ่ายรูปแล้วติดหัวคน...แต่อากาศดีๆแบบนี้ นอนกันไม่อยากจะตื่น แถมตอนเช้าฝนตก พวกเราเลยรอให้ฝนหยุดตกก่อนค่อนออกเดินทาง กว่าจะได้ออกก็ปาไปเกือบ 9 โมง . . .
ระหว่างขับรถไปตามทางหลวงแผ่นดิน 3049 จากตำบลวังกระโจม เพื่อมุ่งหน้าสู่เขื่อนขุนด่านปราการชลนั้น ก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นกับวิวที่อยู่ตรงหน้า มันคือหมอกหนาๆที่ลอยต่ำอยู่ตามทิวเขา สองข้างทาง รีบขับรถกันอย่างรวดเร็ว เพื่อหามุมสวยๆจอดถ่ายรูป แต่ก็ไม่กล้าออกนอกเส้นทาง เพราะกลัวจะไปขึ้นเรือเที่ยวน้ำตกช้า เลยหาที่เหมาะๆแวะถ่ายรูปกันข้างทางแป๊บนึง วิวมันก็จะมีสายไฟระเกะระกะหน่อยๆอ่ะนะ 555+
เราไม่รู้ว่าหมอกหนาๆแบบนี้ คนนครนายกเค้าเห็นกันจนเบื่อแล้วรึเปล่า แต่เราดูรูปท่องเที่ยวมาก็เยอะนะ ยังไม่เคยเห็นรูปหมอกที่นี่ผ่านตาเลย แถมถามเพื่อนที่เป็นคนนครนายกเอง ก็ยังบอกว่าเยอะๆแบบนี้ยังไม่เคยเห็น ... โชคดีจุง
ล่องเรือชม 3 น้ำตกสวย
เมื่อขับมาถึงวงเวียนเขื่อนขุนด่านปราการชล ให้เบี่ยงซ้ายตามป้าย "ทางขึ้นชมสันเขื่อน" ไปเลยค่ะ ขับยาวขึ้นไปเลยป้ายชื่อเขื่อนขุนด่านฯใหญ่ๆ ไปอีกสักพัก จนถึงที่จอดรถ ก่อนถึงสันเขื่อน ... ตรงนี้จะมีศาลาสำหรับติดต่อบริการล่องเรือชมธรรมชาติและน้ำตก มีรอบเช้าสุดประมาณ 7 โมงเช้า ไม่ต้องโทรจองล่วงหน้า ไปถึงขึ้นได้เลย...
ค่าบริการล่องเรือ1-5 คน ราคา 1,000 บาท
6-10 คน คิดคนละ 200 บาท
ถ้ามาไม่กี่คนก็นั่งรวมกับคนอื่นได้ค่ะ คิดราคาที่คนละ 200 บาท จ่ายเงินเสร็จแล้ว ก็รับเสื้อชูชีพมาคนละ 1 ตัว ใส่ระหว่างนั่งเรือ เพื่อความปลอดภัย จากนั้นเดินมาทางซ้าย หลังป้ายอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อลงบันไดไปยังจุดขึ้นเรือ ชันและยาวเชียวละ แต่ก็ไม่ถึงกับเหนื่อย
ระหว่างรอลุงขับเรือมารับ ก็ชมวิวสวยๆรอบเขื่อนไปพรางๆ ตรงช่องกลางภาพนั่นแหละ คือ ช่องที่เรือจะล่องเข้าไปข้างในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนเพื่อชมธรรมชาติและน้ำตกสวย
อากาศเช้านี้มีฝนตกปรอยๆ อากาศเย็น สบาย ระหว่างนั่งเรือก็เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติและความเขียวขจีของทิวเขาสองข้างทาง ที่สะท้อนเงาลงมาจนดูน้ำเป็นสีเขียวมรกต มีหมอกลอยคลอเคลียยอดไม้ มองดูวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยแหล่งน้ำเป็นที่ทำมาหากินหล่อเลี้ยงชีวิต วินาทีนั้น สมองไม่ต้องคิดอะไร ปล่อยกาย ปล่อยใจ ไปกับธรรมชาติที่สวยงามเบื้องหน้า ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาบันทึกภาพ กลับไปฝากเพื่อนๆ และเก็บไว้ดูยามใดที่อยากให้ความทรงจำดีๆนี้ย้อนกลับคืนมา...มันมีความสุขจริงๆค่ะ
มาถึงแล้วจุดแวะแรก ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ลึกที่สุด #น้ำตกผางามงอน หรือชื่อในอดีต คือ น้ำตกนางคอย น้ำตกผาแสนงอน น้ำตกหูแตก
ก่อนลงเรือ ลุงคนขับบอกว่าแวะให้ชมน้ำตกแรกประมาณ 25 นาที
(ห๊า!!!! ...คิดในใจ แค่เดินไปเจอน้ำตกก็หมดเวลาแล้วลุงงงง...พวกนู๋ไม่ใช่ชะโงกทัวร์นะ ลงทุนแบกขาตั้งกล้องกันมาซะขนาดเน้)
พอลงเรือเดินไปนิดเดียวก็เจอน้ำตกชั้นเล็กๆ ชั้นแรก และไต่ตามโขดหินขึ้นไปเรื่อยๆ จะเจอชั้นน้ำตกเล็กๆ ชั้นที่สอง ยังค่ะ นี่ยังไม่ใช่ไฮไลท์...เราจำได้ว่าเคยดูรูปมันจะสูงๆสวยๆกว่านี้ ก็เลยไต่เชือกปีนโขดหินขึันไปอีก จนเจอชั้นที่น้ำตกไหลลงมาจากหน้าผาสูง บางคนบอกว่าดูเผินๆเหมือนทีลอซูจิ๋ว เสียงน้ำตกกระทบโขดหินดังมาก ไม่แปลกใจเลยที่เคยมีคนเรียกมันว่าน้ำตกหูแตก 555+ ในรูปอาจจะดูไม่สูงนะ แต่ของจริงไปยืนใกล้ๆ สูงสวยงามเลยแหละ
ดูเวลาที่เราแวะจุดแรกกัน ก็ประมาณ 1 ชั่วโมง แต่เราหาข้อมูลมาแล้วว่าเรือจะพาเที่ยวทั้งทริป ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ดีที่เราเหมาลำมา เลยไม่ต้องรีบ ไม่ต้องกลัวคนอื่นนั่งรอ...และก็ดีอีกที่ลุงขับเรือ ไม่บ่นสักคำ
หลังจากนั้น ลุงก็พาไปชมต้นน้ำ เป็นน้ำที่ไหลลงมาตามโขดหิน แต่ลุงบอกว่าน้ำมันไม่ลึกพอ เรือเข้าไปไม่ได้ ก็เลยได้แต่มองตาปริบๆอยู่ไกลๆ ขากลับผ่านจุดที่เราแวะน้ำตกผางามงอนตอนแรก เริ่มมีคนมาเยอะแล้ว
ล่องเรือต่อไปยังจุดที่สอง #น้ำตกคลองคราม เดินมานิดเดียวก็ได้ยินเสียงคนเล่นน้ำ เป็นชั้นที่มีแอ่งน้ำเล็กๆ ที่พอจะลงไปแช่น้ำเล่นได้ เดินต่อไปตามทางราบผ่านทุ่งหญ้าและพุ่มไม้เล็กๆ บรรยากาศตรงนี้มีความรู้สึกเหมือนกำลังเดินลุยป่า สองข้างทางมีผีเสื้อ ตั๊กแตน แมลง ดอกหญ้า ให้ได้ถ่ายเล่นนิดหน่อย เดินไปเรื่อยๆจนเจอน้ำตกคลองครามที่ไหลลงมาจากซอกหิน เป็นสายเล็กๆ ที่ดูสวยงามมุ้งมิ้ง เดินย่ำน้ำตกเย็นๆ สบายเท้าดีจริงๆ ในบริเวณนี้ยังมีผีเสื้อและแมลงปอปีกสีสวยๆอีกด้วย แต่ถ่ายไม่ทัน
ล่องเรือต่อไปยังจุดที่สาม ... 11 โมงแล้ว แต่แดดยังไม่ออก และหมอกก็ยังลอยสวยอยู่เหมือนเดิม
จุดที่สาม #น้ำตกช่องลม เดินผ่านดงกะทกรก เข้าไปยังโขดหินที่เป็นแนวยาวเข้าไปในป่า เดาว่าคงจะเป็นช่องลม แต่กระแสน้ำตรงโขดหินที่นี่ไหลแรงมาก ลองเอาเท้าหยั่งดูแล้ว ทรงตัวไม่อยู่ เลยไม่กล้าเดินไปไกล ถ่ายรูปกับโขดหินเล่นสักพักแล้วก็กลับ ชักหมดแรงเดินกันแล้ว เลยลืมหาทางเดินเข้าไปต่อ พอกลับมาแล้ว ถึงรู้ว่าเดินเข้าไปอีกลึกๆจะเจอน้ำตกชั้นเล็กๆ...เลยไม่มีรูปมาให้ชมกัน
แวะครบแล้ว ก็ได้เวลาล่องเรือกลับ เราใช้เวลาไปประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง เป็นทริปที่สนุก และเหนื่อยนิดหน่อย แม้น้ำตกแต่ละที่จะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการอะไร แต่เราว่ามันเล็กๆแบบมีเสน่ห์ และยังสดใหม่ ไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก...จริงๆ น้ำตกอาจจะไม่ได้มีแค่ 3 ที่ก็ได้นะ เพราะระหว่างนั่งเรือมาเห็นน้ำตกไหลสายเล็กๆอีกเพียบเลย และยังมีทางเดินป่าจากเขื่อนขุนด่านไปยังน้ำตกเหวนรก เขาใหญ่ ได้ด้วยนะ แต่ลึกและไกลมาก ต้องค้างคืนในป่าและทางก็ชันอันตรายมากด้วย เห็นมีแต่พวกนักสำรวจกับนักเดินป่าตัวยง เค้าพยายามไปกัน...
ก่อนกลับ ขับลงมาตรงป้ายคำว่าเขื่อนขุนด่านปราการชลใหญ่ๆ แวะมาดูจุดที่คนส่วนใหญ่ชอบมาเล่นน้ำกันสักหน่อย...ตามประสาคนเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก...
คำแนะนำสำหรับผู้ที่อยากมาล่องเรือชมน้ำตกในเขื่อนฯนะคะ1. ควรสวมรองเท้าหุ้มส้น อาจจะเป็นรองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าสำหรับเดินลุยๆ ไม่แนะนำให้ใส่รองเท้าแตะ เพราะอาจจะลื่น หรือโดนหินข่วนได้
2. โขดหินระหว่างทางขึ้นไปชมน้ำตกบางจุดค่อนข้างสูงและชัน ควรเดินด้วยความระมัดระวัง และหาที่จับแน่นๆ
3. ควรพกน้ำไปดื่มระหว่างทางด้วยนะคะ เพราะอากาศในป่าค่อนข้างอบอ้าว เสียเหงื่อง่าย อาจรู้สึกกระหายน้ำ
ช่วงเวลาที่เหมาะสม ตั้งแต่เดือนสิงหาคม - ต้นมกราคม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับน้ำในเขื่อนด้วย
หากต้องการติดตามการเดินทางอื่นๆของเรา แวะไปชมได้ที่เพจ "กุ้งตะลอน" ที่ลิงก์นี้ได้เลยค่ะ https://www.facebook.com/Slowlifetraveller/
ขอให้สนุกกับทุกๆการเดินทางนะคะ...