Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
ครั้งแรก ... สะพายเป้ไปเขาล้อมหมวก จ.ประจวบฯ เขาล้อมหมวก กองบิน 5 อ่าวมะนาว จ.ประจวบคีรีขันธ์
    • Posts-1
    thidaratt •  May 06, 2016
    • Posts-2
    thidaratt •  May 06 , 2016

    ครั้งแรก...สะพายเป้ไปเขาล้อมหมวก

    สวัสดีค้าา  คุณผู้ชม เห้ย ไม่ใช่รายการอาหาร 
    เอาละค้า สืบเนื่องจากเพื่อนในทริปนี้อยากไปทะเล เนื่องจากทริปที่แล้วไปเกาะพยามจนเพื่อนอยากไป 
    ตามกระทู้นี้ละคะ http://pantip.com/topic/35054269 
    อะ ตามใจเพื่อน เนื่องจากเป็นทริปเร่งด่วน รู้ตัวก่อนวันไป 4 วัน 
    นั่งแพลนนุ้นนี่ ภายใน 2 ชม. ทั้งที่พัก และการเดินทาง.
    ไปทะเลก็ไม่อยากไปแบบสวยๆ ชิลๆ ผู้หญิงถึกๆ แบบเราต้องปีนป่ายให้ได้ร่องรอยบาดแผลกันบ้าง
    จริงๆ อยากมาสัก 2 คืน 3 วัน แต่พอดีเพื่อนเราในทีม ยังทำงานในวันที่ 30 เมษายน แต่มันไม่ใช่อุปสรรคเลย 
    ***ขอบอกไว้เลยทั้งทริป พวกเราประทับใจหลายๆอย่างของที่นี่มาก เรียกได้ว่าได้เที่ยว ได้อร่อย ได้เจอความประทับใจจากวิถีชีวิตของคนที่นั่น จนต้องกลับมาซ้ำ จะสนุก จะเจออะไร เราไปดูกำหนดการกันก่อนดีกว่าค่ะ  
    (สรุป คชจ. จะสรุปตอนท้ายค่ะ)
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------
    - ที่พักจองที่เรือนชบา รีสอร์ท 700 บาท ไม่เอาเตรียมเสริม นอนสามคน เตียง 6 ฟุต  1 คืน
    - การเดินทาง รถทัวร์ ป.1 คนละ 300 กว่าบาท จากสายใต้ไป ยังตัวเมืองประจวบฯ 
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------

    นี่คือกำหนดการคร่าวๆของพวกเรา
    ***วันที่ 1  30-04-2559
    23.59 : รถออกเดินทางไปยัง จ.ประจวบฯ

    ****วันที่ 2   01.05-2559
    05.30 : ถึง บขส. 
    06.00 : กินข้าวเช้า เตรียมเสบียงขึ้นเขา
    07.00 : นั่งสามล้อไปยัง ที่พักเรือนชะบา รีสอร์ท 032-604-648
    08.00 : เตรียมพร้อมขึ้นเขา กองบิน 52 (ค่าเข้าฟรี)
    09.00 : ปีนขึ้นเขาล้อมหมวก ชมความงามของทะเลอ่าวไทย 2 อ่าว 
    12.30 : ปีนลงเขา
    13.30 : ทานอาหารเที่ยงที่ร้านครัวบ้าน (เพชรในรู) อยู่หน้ากองบิน  032-550297
    14.30- 15.00 : นอนพักผ่อนที่ห้อง และไป เดินเล่นริมชายหาด กินน้ำมะพร้าว
    16.00 ;  หาตั๋วรถไฟกลับ กทม
    17.00 : ร่องเลือชมพระอาทิตย์ตก กับ Sunset Cruise 082-244-6919 
    18.00 : เดินทางไปกินข้าวที่ร้าน ครัวดาว หรือร้าน รับลม บริเวณอ่าวน้อย
               ช่วงค่ำรับลมใกล้ทะเล แล้วเข้านอนซะ  (อันนี้จะครัวดาว หรือรับลมขอคิดก่อนเพราะอร่อยทั้งนั้น)
               ครัวรับลม --  032 601 677  032522838
               ครัวดาว -- 086 668 1339
               ฟ้าทะลายโจร -- 032 661 162 
               ส้มตำคลองวาฬ  --- 086 177 1067

    ****วันที่ 3 02.05-2559 
    06.00 ฟ้าเปิดที่ ประจวบ รับประทานอาหารเช้า
    09.30 ยามสาย หาของฝาก เค้กอ่าววาฬ ร้านกาแฟ 
    ใกล้เที่ยงเดินทางกลับ กทม 
    12.00 กลับ กทม. 

    ปล...นี่เป็นกำหนดการคร่าวๆ ที่ต้องเขียนไว้ก่อนการเดินทางส่วนจะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด โปรดรอติดตาม เพราะการวางแผนจะนำไปสู่เป้าหมาย แต่ใช่ว่าเรื่องระหว่างทางจะไม่มีความท้าทายหรือการเปลี่ยนแปลง>>>>>>    ทริปนี้เลยเริ่มขึ้น พวกเราเดินทางไปยังสายใต้เพื่อขึ้นรถ ป.1 บริษัทบางสะพานทัวร์ ด้วยรถแท้กซี่
    เวลารถออกเที่ยวสุดท้ายคือ 23.59 แหม่ อะไรจะเค้าดาวท์ ขนาดนั้น 
    เพื่อที่จะไปรุ่งสางที่ประจวบเลยจริงๆ  และเตรียมตัวเข้าที่พักฝากของไว้  เพราะเวลาในตั๋วคือถึงเวลา 05.39 อะเครจัดไปเช้าพอดีเลย จะได้หาอะไรกินที่ บขส.ก่อนนำของไปฝาก และขึ้นเขา
    -------------------------------------------------------------------------------

    -แต่แล้วๆๆๆๆๆ ห๊ะ อะไร ถึงแล้วเหรอ

    กระเป๋ารถทัวร์เรียกให้ตื่น บอกว่าถึงจุดตรวจแล้ว บขส.ประจวบแล้ว 
    เห้ย ตีสามครึ่ง >>>>>>>>>  เข้าใจอารมณ์คนนอนหลับสนิทแล้วมีคนปลุกไหมแกร 
    คือลากเป้ แล้วลงรถ เอาแล้วทำไมมาจอดข้างทางแว้  คือ งง  คือ  ง่วง  คือ  งุนงง  ทำไม บขส.ที่นี่แบบนี้แว้  
    คือมันมืดมากแกรเอ๋ย อารมณ์แบบถูกทิ้งไว้กลางทาง ในใจที่คิดตอนนั้นคือ จะมุ่งไปป้อมตำรวจทางหลวง ถ้าส่งผิดที่นะ ไปฟ้องแน่ หึหึ 
    -ภาพปลากรอบ- มืดๆๆ ข้างบนนี่เลย น่ากลัวใช่ไหมแกร 
    รีบถามคนบริเวณนั้น  เค้าบอกว่านี่แหละครับ  บขส.  โทรหารีสอร์ทอีกรอบ  
    โอ้ยคือโล่งใจ  เปิด  google map  อีกครั้ง  อะเครห่างกัน  4km 
    รถลุงสามล้อที่บอกว่าจะมารับหกโมงเช้าคงไม่มาแล้วเพราะเรามาไวกว่าเวลาปกติ  ย้ำว่ามาก >>  
    ทางรีสอร์ทเลยให้พี่ยามเอามอเตอร์ไซส์มารับ ...
    ,,ติดตามกันต่อไป  ของีบแปป  #สนุกละ 
    --------------------------------------------------------------------------------

    กิ้งก่อง  ตื่นแล้วๆๆๆ 
    ตื่นแล้ว  ตื่นในรีสอร์ทบริเวณเค้าเตอร์ของรีสอร์ท  
    เนื่องจากเรามาถึงก่อนเวลา  จึงขอนอนตรงนี้  กับแสงแรกของเช้าวันนี้  เอาแล้วเตรียมตัวล้างหน้าทางรีสอรทให้ 
    พนง. ขับรถยนต์ไปส่งพวกเราในกองบิน ซี่งอยู่ไม่ห่างกัน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที 
    คือประทับใจการบริการของรีสอร์ทมากๆ เหตุที่เราต้องนอนกันที่หน้าเค้าเตอร์เพราะไม่มีห้องพักว่าง 
    และพวกเราก็มาก่อนกำหนดเวลา คือไม่ได้ซีเรียสขอแค่ได้งีบแปป 

    นี่เป้นบริเวณหน้าที่พักที่พวกเราจองไว้

    ------------------------------------------------------นี่ไงดอกชบา หน้ารีสอร์ท

     

    พวกเรา แวะที่จุดลงทะเบียนบริเวณทางขึ้นเขา วันนี้เป็นวันหยุดแรงงาน จึงมีจำนวนนักท่องเที่ยวพอสมควร
    ได้ยินเสียงทหารหนุ่มประกาศให้ไปลงทะเบียนและรีบขึ้นเขาเนื่องจากอากาศจะร้อนขึ้นเรื่อยๆและเป็นอุปสรรคต่อการพิชิตยอดเขา สำหรับท่านใดที่มีโรคประจำตัว ควรมีการตรวจเช็คความดันตรงจุดที่ให้บริการ 

    --------------------------------------------------------------------------------------------------

    15  ข้อควรรู้ก่อนไปเขาล้อมหมวก!
    ----------------------------------------------------
    1. เขาล้อมหมวกอยู่ในกองบิน 5 
    2. เวลาที่สามารถลงทะเบียนได้คือ 06.00 - 10.00 น. / เปิดให้บริการในวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่รัฐบาลประกาศหยุดเท่านั้น เช่น วันแรงงาน ที่ผ่านมา 
    3.โรงแรม รีสอร์ท ราคาถูกมากค่ะ 
    4.จุดลงรถทัวร์ บขส.ประจวบคีรีขันธ์อยู่ติดถนนใหญ่ หากใครไม่เคยมาอาจตกใจได้ หากถึงก่อนเช้า (ต้องให้ทางรีสอร์ทมารับ) 
    5.ห้ามจอดรถถ่ายภาพตลอดเส้นทางรันเวย์ ในกองบิน 5 
    6.ตอนปีนขึ้นเขาควรใส่ถุงมือ  และสวมใส่เสื้อผ้าสำหรับกันหินบาด เพราะแหลมคมจริงๆ
    7.รองเท้าขอให้แข็งแรงพื้นกระชับ เพื่อสะดวกต่อการปีนป่าย
    8.บันไดปูนเหนื่อย กว่าการปีนขึ้นเขา เพราะมันชันได้ใจจริงๆ
    9.ตลอดเส้นทาง หากคนไปเยอะ ชอบหยอกล้อเสมอๆ ว่าข้างบนการราจรติดขัด บ้างก็ให้กำลังใจกันว่า Seven เปิดนะข้างบน
    10.ทางขึ้นเขา หลังจากสิ้นเส้นทางบันไดปูนจะมีเชือกให้จับตลอดเส้นทาง บ้างหากรถติดก็จะเลี่ยงเส้นทางเชือกไปใช้การปีนเขาด้วยสองมือเปล่า ทางขวา แต่แอบหวาดเสียวนิดนึง 
    11.ลงจากเขา จะมีจุดขายของที่ระลึก เสื้อหมวก ผู้พิชิต 
    12.มีจุดบริการขายน้ำดื่ม ของเหล่าแม่บ้านทหาร .
    13.ควรนำน้ำดื่ม 2 ขวดอย่างต่ำ ต่อคน / หรือเจลลี่หวานๆ / เกลือแร่ สำหรับพกไปบนเขา
    14.สัญญาณโทรศัพท์ชัดทุกเครือข่าย
    15.ออกจากกองบิน 5 มีร้านข้าวอร่อยชื่อร้านเพชรในรู อร่อย สด ถูก (อันนี้ไม่ได้ค่าโฆษณา) 
    ---------------------------------------------------///

     

     

    ก้าวแรกที่เดินไป ก็จะเจอบันไดปูน คือหอบ คือหายามดมแป้ป คือชันมาก สิ้นสุดทางบันไดปูน คือบอกเลยเหนื่อยมาก ขนาด จขกท. ซ้อมออกกำลังมาแล้ว และเหนื่อยกว่าการปีนขึ้นเขาในวันนั้นคือ การที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเยอะทำให้การจราจรติดขัด ประจวบกับแดดที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ เราจึงเบี่ยงเส้นทางไปทางขวา และปีนขึ้นเองโดยไม่มีเชือก จริงๆไม่อันตรายมากนะ แต่ต้องระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่มีเชือกคอยพยุง 
    ความชันแบบ 90 องศา คือตั้งชันเลยก็ว่าได้ แต่ท้าทายมากๆ เหนื่อยน้อยกว่าบันไดปูนอีกค่ะ 
    เจอจุดถ่ายภาพก็หยุดแวะถ่ายบ้าง เจอเพื่อนๆร่วมทริป บ้างก็มากับเพื่อนๆ บ้างก็มาเป็นคู่รัก ครอบครัว

    -------------------------------------------------------------------////

    ถึงแล้วแกร เราได้มาจุดที่เราจะมาหย่อนเท้า แล้วถ่ายภาพ ตามที่เราหวังไว้แล้ว 
    คืออยากจะถ่ายให้มากกว่านี้นะ แต่ร้อนจนอยากจะกลับบ้านเลย 
    วิวตรงหน้านี่แบบ ถ้าแดดไม่ร้อนขอนั่งยาวๆ 
    แต่แดดขนาดนี้ หน้าแทบมืดค่ะคุณผู้ชม 

    ----------------------------------------------------------***


    และมาพบรอยพระพุทธบาทเบื้องซ้าย ได้สักการะเพื่อเป็นสิริมงคล 
    สำหรับรอยพระพุทธบาทนี้มีข้อมูลจากกองบิน 5 กล่าวว่าเป็นพระพุทธบาทเบื้องซ้าย กองบิน 5 พบรอยพระพุทธบาทเมื่อปี 2532 เป็นการค้นพบโดยบังเอิญขณะอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นไปประดิษฐานบนยอดเขา เมื่ออัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นไปถึงยอดเขาจึงได้หาก้อนหินบริเวณนั้นเพื่อรองเป็นฐานพระพุทธรูป พบว่าเมื่อเรียงหินห้าก้อนต่อกันมองเห็นเป็นรอยพระพุทธบาทเบื้องซ้าย โดยจากการตรวจสอบของกรมศิลปากรพบว่ารอยพระพุทธบาทนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4

    และต่อมาในปี 2541 ก็ได้มีการสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ พร้อมกับอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปสำคัญประดิษฐานไว้เป็นที่เคารพสักการบูชาสืบมาถึงปัจจุบัน เป็นที่น่าสังเกตว่าบนเขาช่องกระจกซึ่งเป็นภูเขาอยู่ในตัวเมืองประจวบฯ ไม่ไกลจากเขาล้อมหมวกนั้นเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา ส่วนเขาล้อมหมวกประดิษฐานพระพุทธบาทเบื้องซ้าย เข้าคู่กันพอดี 

    --------------------------------------------------------------------///

    จบสิ้นละภารกิจพิชิตเขาล้อมหมวก 
    ระหว่างเส้นทางเราได้เจอคนหลายๆ แบบ เจอทั้งที่มีน้ำใจ เจอทั้งคนที่ลืมมองคนข้างๆ 
    ลืมไปว่าจริงๆ เราก็เป้าหมายเดียวกัน แค่ช้าไปหน่อย เพราะต่างคนต่างที่มา 
    แต่อยากขึนไปยอดเขานั้นเช่นกัน 
    วาร์ปไปพาร์ท ของกินของอร่อยกันได้ละนะแกร เราว่าเราหิวแล้วอะ >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
    --------------------------------------///
    หลังจากที่ ลงจากเขาสิ่งที่แรกที่ทำคือ กินน้ำอย่างกับอูฐ กระดกๆๆไป วนวนไป
    ซึ่งมีความ หาแอมโมเนีย ยาพารา ตรงจุดบริการ และโทรหารีสอร์ทให้มารับร่างไป ไว้ในห้องแอร์ฉ่ำๆๆ

    และเราก็เช่ามอเตอร์ไซต์ออกมาแว้นกัน จะเป็นร้านข้าวร้านไหนไม่ได้ 
    ขอร้านนี้เลย ครัวในบ้าน (เพชรในรู) อยู๋หน้ากองบินเลย ก่อนเข้ากองบิน ทางซ้ายมือจ้า 
    เราสั่ง สามอย่าง เพราะไม่ค่อยหิวข้าวมากเท่าไหร่
    - ต้มยำปลาทู 
    - ผัดฉ่ากุ้งหมึก
    - ยำปลาหมึกไข่
    - ข้าวสวย 
    ดูรูปกันเลยนะคะ จริงๆ ต้องขอขอบคุณ over eat กูรูนำกินเที่ยว แบบพี่วัฒน์ที่แนะนำร้านอาหารมาด้วยค่ะ

    - ต้มยำปลาทู  คือมีความสด มีความเปรี้ยวได้ใจ คือสะใจจริงๆ เนื้อปลาหวานมากๆ 

    ต้องขอขอบคุณน้องเจ้าของร้านด้วยค่ะ ที่บริการดีและแนะนำที่เที่ยวอื่นๆในเมือง
    ขนมหวานอร่อยมากๆ ถ้วยละ 15 บาท ทับทิมกรอบต้องไปโดนเค้าใช้แห้วแท้นะแกร
    ก่อนกลับน้องเค้าให้แผนที่จังหวัดกลับมาด้วยค่ะ 
    ร้านอยู่ตรงบริเวณหัวมุมตลาดโต้รุ่ง ไปกันได้เลยจ้า ไม่แนะนำของดี ถูกอร่อย จะให้แนะนำอะไรละจ้า 

    *--------------------------------------------------//


    ---------------------------- และรีบกลับห้องไปอาบน้ำโดยด่วน กำหนดการเราคลาดเคลื่อนเนื่องจากเราใช้เวลาปีนเขานานกว่ากำหนดการ 2 ชม.
    เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวเยอะ และอากาศร้อน 17.30 เรามีนัดล่องเรือกับ Sunset Cruise 
    ค่าร่องเรือคนละ 300 บาท แต่บอกเลยว่าคุ้มมากๆ ด้วยบรรยากาศ  โทรเบอร์นี้นะ 082-244-6919
    เรือมารอเราที่สะพานสราญวิถี และชำระเงินที่เจ้าหน้าที่ประจำเรือได้เลยจ้า ----------------------------------------------------------------------------

     


    *--------------------------------------------------//


    โอเคร ถามว่าคุ้มไหม เราว่าก็โอเคนะ ได้ไปลุ้นดูปลาโลมาด้วย เห็นหลังไวไว 
    ค่ำละ ไปกินข้าวกันเตอะ มีป้าเล็กร้านน้ำแนะนำให้ไปกินข้าวร้าน เจ้พูนลาภ 
    อยู่บริเวณร้านค้าสาะารณะตรงข้ามหาด เจอสะพานสราญวิถี แล้วเลี้ยวซ้ายไป 500 เมตร
    ร้านอยู่ซ้ายมือ ร้านแรกเลย 
    มื้อนี้ 830 แต่บอกว่าป้าในตลาดแนะนำมาป้าแกลดให้ 30 บาท ฟินมากกินอลัง แต่จ่าย 800 คือของสดมากมากด้วยอะแกร
    - หมึกย่าง
    - กุ้งเผา
    - หอยลายตัวอ้วนผัดโหระพา
    - แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียว (อันนี้เราเฉยๆ เรากินได้เผ็ดกว่านี้เพราะเราเป็นลูกหลานแดนสะตอ)
    - ปลาทรายทอดกระเทียม คือดีงาม 
    เอาบิลอาหารไปดูก่อน 

    -----------------------------------------------------//

    เช้าแล้ว คนที่นี่บอกว่าพระอาทิตย์ขึ้นไว เรารีบออกจากห้อง โดยปล่อยให้เพื่อนอีก 1 นอนต่อไป 
    ตื่นมาด้วยอาการ น่องปวดๆ  55555++ 
    ไปดูพระอาทิตย์กัน เช้านี้เราได้เจอน้องๆ 3 คน สาวๆๆ จาก กทม. เราได้ถ่ายภาพให้หลายๆคนในเช้าวันนี้
    บางทีการเดินทางก็ทำให้เราไปเจอเพื่อนใหม่ๆว่าไหม 

    เสน่ห์แห่งภาพย้อนแสง ยังคงสวยงาม

    เดินไปท้ายตลาด จะเจอร้านโจ๊กอยุ่ตรงหัวมุม
    และร้านปาท่องโก๋ และน้ำเต้าหู้
    คือน้ำเต้าหู้อร่อยมาก พิกัดร้านคือ หลังไปรษณีย์ จะเป็นสองคนสามีภรรยา ขายคุ่กัน อร่อยมาก 
    ปาท่องโก๋กรอบหอมละมุน นี่ จขกท.ไม่ได้กินมานานมาก คือยอมกิน คืออร่อยที่สุด
    ซื้อน้ำเต้าหู้กลับบ้าน อีก 4 ถุง พ่อค้านี่ยิ้มเขิลเลย 

     

    ที่เราชอบเที่ยวไม่ใช่แค่เราอยากพักผ่อน แต่เราอยากออกไปเจออะไรที่ไม่ใช่
    แค่ตื่นมาแลกบัตรรถไฟฟ้า แล้วไปทำงานแปดโมง  ติดประชุมยันค่ำ เราไม่อยากเป็นแบบนี้ทุกวัน
    รู้ว่าวันนี้ยังอิสระได้ไม่พอ ทุกคนอยากเที่ยว อยากมีเวลา
    แต่ถ้าในเมื่อวันนี้ทุกอย่างอาจจะยังไม่เป็นดั่งใจคิด
    เราก็มีความสุขในแบบที่เราคอลโทรลได้ 
    สนุกกับงาน และสนุกกับไลฟ์สไตล์ของใครของมัน
    รู้ไหม.....
    เราอยากเจอคนใหม่ๆ เราอยากเจอเพื่อนใหม่ๆ เราอยากเจอวิถีชีวิตที่เป็นเสน่ห์ของแต่ละที่
    หลายคนถามเราเสมอ ทำไมเราเที่ยวบ่อย
    เรามักจะบอกว่า ก็ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรมากเลย
    แค่เราอยากไป เราก็ไป หลายคนคอยกดไลท์ 
    คอยติดตาม อยากไปใต้คอมเม้น แต่ไม่เห็นจะแบกเป้สักที
    ไลฟ์สไตล์ของคนเราต่างกันไป
    ความชอบ เราไม่มีสิทธิไปบอกใครหรอก ว่าพักผ่อนแบบนั้นถูก แบบนั้นดีกว่า
    แบบนั้นลำบากไปทำไม ......... แต่อยู่ที่ ค ว า ม พ อ ใ จ . . . . . . 


    --  จบมื้อเช้า เราขอตัวซื้อปาท่องโก่ไปให้เพื่อนเราที่ห้องก่อน ---
    ของีบแปป แล้วเจอกัน มื้อเที่ยงก่อนกลับ กรุงเทพพพพพพพพ

    ตำบลคลองวาฬอยู่หลังกองบิน เราสามารถขับผ่านหอดูดาวหว้ากอและตรงไปเลยจ้า 
    เราจะไปกินส้มตำคลองวาฬ เราโทรมาคุยกับเจ้าของร้านก่อนมาแล้ว
    ก่อนนี้ร้านปิดมาหลายวันเพราะ เจ้าของร้านไปคลอดน้อง 
    ไปลุยกันเลยดีกว่า 
    เมนูเด็ด 
    - ส้มตำกุ้งสด
    - ลาบแซลมอน (อันนี้เราเฉยๆ)
    - คอหมูย่าง
    - ปีกไก่ทอด
    - ส้มตำปูปลาร้า 
    -------- เท่านี้พอนะครับ --------- 
    มาร้านนี้อย่าลืมสั่งน้ำมะพร้าว ขวดละ 10 บาทนะจ๊ะ 

    *-------------------------------------------------------------------------------------------------///


    เราว่าเราชอบ สส้มตำกุ้งสดหนักมาก ถ้ากุ้งไม่สดจริงๆ 
    ทำไม่ได้นะ จานนี้ 140 บาทเอง กุ้งตัวยักษ์ 5 ตัว 
    รสชาติอาหาร ติดไปไปทางรสยำทั้งหมด เปรี้ยวนำ 
    เราสังเกตุคนที่นี่กินรสไม่จัด เปรี้ยวนำเกือบทุกดมื้อ

    -------------------------------------------------------------------------------//

    จบแล้ว รีวิวจบแล้ว เหนื่อย สนุก ท้าทาย อร่อย ร้อน ตามแบบฉบับเที่ยวไทยไปได้ทุกเดือน
    หลายคนอินบ้อคมาถาม ว่าเราถ่ายรูปกับอะไร เราใช้ ไอโฟน 5 s นะ เราว่าสำหรับเราเราสะดวกมากๆ 
    สำหรับใครที่จะไปเที่ยวเราว่าไปเลย ที่ไหนก็ไปเลย .....


    สรุป ค่าใช้จ่าย สำหรับ 3 คน 5,921 
    คนละ 1,973 บาท กินอลัง พักสบาย ชิลจะตาย หาเวลาไปเที่ยวกัน 
    - ค่าที่พัก 700 
    - ค่ามอเตอร์ไซต์เช่า 300
    - ค่าน้ำมันรถ 50 
    - ค่าล่องเรือชมพระอาทิตย์ 900
    - ค่าอาหารเที่ยงครัวในบ้าน (เพชรในรู) 380
    - ค่าอาหารเย็นเจ๊พูนลาภ 800 
    - ค่าอาหารเช้าในตลาด 200 
    - ค่าอาหารเที่ยงส้มตำคลองวาฬ  630 
    - ค่ารถทัวร์ขาไป 936
    - ค่ารถตู้ขากลับ  720
    - ค่าขนมหวาน 45 
    - ค่าน้ำผลไม้ปั่น 60 
    - ค่าเข้า Seven  200 
    - ค่าของตักบาตร + ค่าของฝาก ---- อันนี้แล้วแต่-----

     

    ขอบคุณที่อ่านและติดตามกันจ้า พูดคุยในกระทู้พันทิพได้ จ้า  

    http://pantip.com/topic/35112475 

     

    ***************************************************************************************************