เป้สองใบ ออกไปกอดหมอกที่... พะเนินทุ่ง

บางทีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ กับลมหนาวที่มันกำลังมา มันก็ไม่สามารถนำพาตัวเองให้ไปได้ไกลมากมายเท่าไหร่นัก... 

ตามมาเมาส์มอยกันได้ที่ http://www.facebook.com/PaeSongBai

การเดินทางระยะสั้นๆ แต่ได้ใจความของพวกเราจึงเกิดขึ้น จังหวัดเพชรบุรี เป็นจังหวัดใกล้ๆ ห่างจากกรุงเทพไม่ถึง 300 กม.

จึงเป็นจุดมุ่งหมายหลักของเราในทริปนี้ เพื่อนๆ น่าจะเคยได้ยิน เขื่อนแก่งกระจาน สถานที่เที่ยวยอดฮิตของจังหวัดเพชรบุรี ฮิตติดชาร์ทพอๆ กับชะอำ

แต่เฮ้ย!!! คือ อยากสัมผัสลมหนาวไงตะเอ๊งงง เพชรบุรียังมีอีกสถานที่นึง ที่เมื่อเราขับรถไปหัวหิน ต้องเห็นป้ายนี้แน่นอน “พะเนินทุ่ง” ชื่อแปลกดีอะเนอะ ว่าแต่มันเป็นยังไง เป็นเนินๆ ทุ่งๆ อะเปล่า เก็บปลาเก๋า ตามเรามา........

เขาพะเนินทุ่ง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 50 กม. บริเวณป่าโดยรอบเป็นป่าดงดิบ มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีด้วยจ้า

พวกเราสองคนออกเดินทางจากกรุงเทพ ประมาณบ่ายโมง 
ขับมาทางเส้นพระราม 2 ยิงยาวมาเรื่อยๆ เลี้ยวซ้ายเข้าเพชรบุรี จนเห็นป้ายอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 

จุดกางเต๊นท์เป็นที่ทำการอุทยาน บริเวณริมเขื่อน บรรยากาศดีต่อใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเข้ามาถึงติดต่อที่ทำการอุทยานเพื่อทำการชำระค่าเข้าอุทยานให้เรียบร้อย เบ็ดเสร็จรวม 2 คืน 350 บาท
โดยแบ่งเป็น ค่าเข้าอุทยานคนละ 100 รถยนต์ 30 ค้างคืนคนละ 30 บาท/คืน

พวกเรามาถึงก็จับจองหาที่เหมาะๆ กางเต๊นท์ เสร็จเกือบ 4 โมง ลมอ่อนๆ มาปะทะหน้าทำให้เริ่มหิว (เอ๊ะ ยังไง)

สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมอาหารมา สามารถซื้อจากด้านนอกมานั่งกินชิวๆ กันก็เลิศ
หรือใครขนอุปกรณ์จัดหนักมาจากบ้าน หมูกระทะ สุกี้ ปิ้งๆ ลวกๆ กันหนุกหนาน
พร้อมนั่งชมพระอาทิตย์ตกกันก็ดีงามมิใช่น้อย

ห้องน้ำมีอยู่ 2 จุดแบ่งชาย/หญิง มีแม่บ้านคอยดูแลทำความสะอาดตลอด แต่มีแมลงค่อนข้างเยอะ (อันนี้ต้องทำใจเนอะ)

บรรยากาศบริเวณจุดกางเต๊นท์ พออาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า
ลมหนาวก็จู่โจม นั่งๆ นอนๆ คุยกันไปจนหลับ 
(ตื่นมาตอนประมาณ 5 ทุ่ม เจ้าหน้าที่ประกาศให้งดใช้เสียง) 

บอกเลยว่าขยันกว่าไปทำงาน ตื่นเช้ายิ่งกว่า ไม่มีงอแง ไม่มีอิดออด ปิดนาฬิกาปลุก ไม่มี๊ ไม่มี

ซึมซีบบรรยากาศยามเช้ากันไปเรื่อยๆ 
ใครตื่นเช้าก็จะถือว่าได้กำไรเป็นวิวแบบนี้แหละ 

ตอนเช้ามีรถมาขายอาหารเช้า พวก ข้าวเหนียวหมู กาแฟ ก็จัดกันไปเต็มอิ่ม เก็บเต๊นท์ อาบน้ำอาบท่า

บรรยากาศยามเช้า เรือรับส่งจากรีสอร์ทต่างๆ พานักท่องเที่ยวมาจุดสะพานแดง เพื่อชักภาพเป็นที่ระทึก 
(ใครหวังให้สะพานว่างๆ ถ่ายภาพสวยๆ บอกเลยเป็นไปได้ย๊ากกกกก)

สะพานแดงในหนังเรื่อง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า รัก 
(ใครอยากถ่ายรูปคู่กับมารีโอ้ ตรงด้านหน้าสะพานเลยจ้ะ)
มีลวดมาขึงกลางสะพาน เพราะมีลิงเจ้าถิ่นฝั่งตรงข้ามเดินออกมาหาอาหาร

ลิงเจ้าถิ่นที่ว่ามาเต็มสะพาน "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าลิง"

ออกเดินทางจากที่ทำการอุทยานไปยังแค้มป์บ้านกร่าง 
เป็นจุดสุดท้ายก่อนเดินทางต่อไปยังพะเนินทุ่ง 
เนื่องจากพะเนินทุ่งเปิดให้ขึ้นลงเป็นเวลา

ออกเดินทางจากที่ทำการอุทยานไปยังแค้มป์บ้านกร่าง 
เป็นจุดสุดท้ายก่อนเดินทางต่อไปยังพะเนินทุ่ง 
เนื่องจากพะเนินทุ่งเปิดให้ขึ้นลงเป็นเวลา

ระหว่างรอขึ้นพะเนินทุ่งตอนบ่ายโมง
บริเวณรอบๆ แค้มป์บ้านกร่าง เป็นอีกหนึ่งจุดกางเต๊นท์ มีร้านอาหาร และห้องน้ำบริการ

มีลำธารสายเล็กๆ ที่เป็นโป่งสำหรับเหล่าผีเสื้อ ลงมาหาอาหาร

พวกเราโชคดีมากที่ได้เจอผีเสื้อ เพราะไม่ใช่ฤดูของมันแล้ว (เทศกาลดูนก ดูผีเสื้อของแก่งกระจานช่วงเดือนเมษายนของทุกปี)

ถึงมีไม่เยอะเท่าเทศกาลดูผีเสื้อ แต่ก็ถือว่าเป็นโบนัสเล็กๆ ที่เราคาดไม่ถึง

ประมาณ เที่ยงกว่าๆ เจ้าหน้าที่เปิดให้สามารถเข้าไปจอดบริเวณฝายด้านในได้ ก่อนทางขึ้นพะเนินทุ่ง 
ระหว่างทางเป็นบางช่วงเป็นลำธาร บางช่วงเป็นทางชัน 
แนะนำให้ขับห่างจากรถคันหน้าไม่น้อยกว่า 10 เมตร เพื่อความปลอดภัย

ขับไปเรื่อยๆ ประมาณ 15 กม. เป็นจุดกางเต๊นท์เขาพะเนินทุ่ง พวกเราขึ้นไปเป็นกลุ่มแรกๆ จุดกางเต๊นท์มีประมาณ 2 จุด มีห้องน้ำให้บริการ 3 จุด
บริเวณจุดกางเต๊นท์ 
บริเวณจุดกองอำนายการ (ห้องสุขาเท่านั้น)
บริเวณทางขึ้นจุดชมวิว

จัดแจงหาที่นอน กางเต๊นท์กันเรียบร้อย ออกเดินสำรวจพื้นที่
เดินลงมาจากจุดกางเต๊นท์ไม่ไกลเป็นกองอำนวยการ เป็นจุดสะเบียงของเราในค่ำคืนนี้ (จัดส้มตำเป็นมื้อแรก เป็นการกินส้มตำที่วิวดีสุดๆ สวยแค่ไหนต้องไปลองเองเนอะ)
เดินถัดไปอีกนิดเป็นจุดชมวิวพะเนินทุ่ง

ศาลาบริเวณทางขึ้นจุดชมวิวพะเนินทุ่ง

ทางเดินขึ้นจุดชมวิวพะเนินทุ่ง ประมาณ 200 เมตร เดินขึ้นชิวๆ ไม่เหนื่อยๆ

จุดชมวิวพะเนินทุ่ง เป็นลานกว้าง ลมแรง บรรยากาศดี เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก หรือพระอาทิตย์ขึ้น ที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกงามๆ

เดินลงมาจากจุดชมวิว จัดบัวลอยไปอีกถ้วย ที่นี่มีบัวลอยร้อนๆ ให้ซดด้วยนะเออ ดีต่อใจคนรักบัวลอยเป็นอย่างยิ่ง
ตกกลางคืนนอนมองดูดาว

จากการสอบถามจากเจ้าหน้าที่ จุดชมวิวที่เราไปตอนเย็นไม่ใช่จุดชมวิวเดียวในพะเนินทุ่ง แต่ยังมีจุดชมวิวที่ กม. 36 ซึ่งเจ้าหน้าที่เคลมว่าสวยกว่าตรงจุดนี้ 

พวกเราจึงตัดสินใจว่าตอนเช้าเราจะตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน ตื่นประมาณหกโมงเช้าเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น (เช็คด้วยเน้อว่าพระอาทิตย์ขึ้นกี่โมง)

แต่ถึงไม่ตื่นก็ต้องตื่น เพราะจะมีนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมารอบ 5.30 มาดูพระอาทิตย์ขึ้น เจ้าหน้าที่ประกาศคอยให้บริการจัดแจงเรื่องที่จอดรถ

ล้างหน้าล้างตา ขับรถออกมาประมาณ 6 กม. ตามทางมาเรื่อยๆ ก็จะถึงจุดชมวิว กม.36 (บริเวณนี้ไม่มีจุดบริการใดๆ ควรเตรียมตัวเข้าห้องน้ำมาจากด้านล่างให้เรียบร้อย)

แต่ต้องบอกว่าวิวด้านบนมันสวยมากจริงๆ ทะเลหมอกมันใกล้มากๆ หากไม่มีลม ทะเลหมอกจะดูแน่นๆ เวลามีลมพัดหมอกจะฟุ้งๆ มาเกือบปะทะหน้า

เหมือนยืนอยู่บนสวรรค์ ได้เห็นแค่นี้ก็ชื่นใจ

ชื่นชม ดื่มด่ำกับบรรยากาศซักพักก็ได้เวลากลับ ให้ทันรอบลงพะเนินทุ่งประมาณ 9 โมง กินอาหารเช้า เก็บเต๊นท์ ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพ

ทะเลหมอกที่อยู่ใกล๊ ใกล้ กรุงเทพขนาดนี้ รู้สึกเหมือนได้เดินทางไปเหนือ 
แต่ข้อเสียของความใกล้กรุงเทพคือ เดินทางง่าย คนเลยค่อนข้างแออัด ความเคารพสิทธิของกันและกัน 
เคารพกฎของการอยู่ร่วมกัน เคารพสถานที่ มันคงจะทำให้การท่องเที่ยวแบบกางเต๊นท์เป็นอะไรที่ดีงามมากจริง ... 

ก็ได้แต่หวัง หวังให้ทุกคนมีสำนึกต่อสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัว
(อุทยานแห่งชาตินะคะ ไม่ใช่ร้านเหล้า ร้านเหล้าเชิญด้านล่างนะคะ ยิ้มอ่อน)