ก่อนอื่นเลยนะครับ อันที่จริงแล้ว ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาเกาะแสมรสารนะครับ ผมตั้งใจจะไปเกาะขาม ตามเคยครับ ความซวยทักทายทุกครั้งที่มาเที่ยว เกาะปิด เลยได้ไปเกาะแสมรสาร... ใหนๆก็มาแล้ว เกาะใหนไม่สนละครับตอนนี้มาเกาะครั้งนี้ผมมาเที่ยวคนเดียวนะครับ ตั้งงบไว้ ที่ 1 พันบาท(หิวอะไรก็ต้องอดทน) ขาดตกบกพร่องยังไง คอมเม้นได้เลยนะครับ
ปล.ขออนุญาติคนในรูปด้วยนะครับ
19/06/58
@กทม.
ทีแรกก็กะว่าจะตื่นเช้าๆ กะว่าไปถึงสัตหีบสัก 9 โมง ครับ ฮ่าๆ ผลปรากฏว่าไม่ตื่นครับ รู้ตัวอีกทีก็เกือบเที่ยง เลื่อนทริปสิครับงานนี้ ผมเลยไปตอนเย็นๆครับ แล้วไปนอนบ้านพี่ ที่ บ่อวิน ส่วนสำหรับใครที่จะไป เช้าเย็นกลับนะครับ ผมแนะนำให้นั่งรถตู้ที่อนุสาวรีย์ชัย หรือ หมอชิตก็ได้นะครับ ซื้อตั๋ว กทม.-สัตหีบ กะเวลาไปให้ทันเรือนะครับรอบสุดท้าย 11.30 แต่ส่วนมากเรื่อมีเสริมตลอดครับ
20/06/58
@บ่อวิน ชลบุรี ตื่นเช้า ทำทุกอย่างเสร็จ รอพี่ไปส่งที่สัตหีบ ห่างจากบ่อวิน ประมานเกือบ 60 กิโลครับ นั่งรถไป 20 นาที พี่ไปส่งผมลง กิโล 10 ฮ่าๆเอาแล้วไงไม่รู้จักว่าต้องไปยังไงต่อ ไม่ถามพี่ครับกลัวเสียฟอร์ม Black pack แต่ถามคนอื่นครับ ฮ่าๆ เริ่มต้นด้วยการถามวินมอไซค์ว่ามีรถอะไรเข้าไปช่องแสมรสารบ้าง (ตามคาดครับผมคิดใว้แล้ว)พี่วินบอกไม่มีรถผ่านต้องเหมารถหมอไซค์อย่างเดียว ผมยังดื้อครับ จึงเดินไปถามร้านขายรถ เขาบอกให้ไปรอสองแถวสีส้ม แล้วนั่งไปลง กิโล6 จากนั้นรอสองแถวสีฟ้า ไปส่งถึงช่องแสมรสารครับ คิดในใจเกือบเหมาวินมอไซค์แล้วไง
พอถึงกิโลหก ตามที่อ่านรีวิวมาเป๊ะเลยครับ รถสองแถวสีฟ้า 30 นาทีมา 1 คัน ผมไม่รอละครับ นั่งวินเข้าไปแมร่งเลย ค่าวิน 60 บาท ระยะทางไกลอยู่นะครับ นั่งประมาน 15 นาทีได้ (สรุปแล้วมันก็ห่างจากกิโล 10 ไม่ไกลเลยครับ ผมกลับบ้านมาถามพี่ผมว่าทำไมไม่ไปส่งให้ถึงท่าเรือ พี่ตอบมาสั้นๆเลยครับว่า Black Pack ไง แหม๋ๆ)
พอถึงก็ซื้อตั๋วเรือข้ามเกาะ ค่าตั๋ว 300 บาทไปกลับ (ลืมบอกไปครับ ไม่มีของกินขายบนเกาะนะครับ มีแต่พวกน้ำดื่ม แนะนำให้พกอาหารและเครื่องไปกันเอง แต่ต้องช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยนะครับ ตัวผมเองก็ตุนเต็มกระเป๋าผ้าเลย)
ระหว่างรอ เรือออก ผมก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยครับ
11.30 ก็ขึ้นเรือแล้วข้ามเกาะครับ ยังไม่ถึง 10 นาที ถึงละ ฮ่าๆคิดในใจ 300 บาทแพงไปปะวะ ไม่เป็นไรปลอบใจตัวเอง เผื่อมีอะไรดีๆซ่อนอยู่
พอถึงเกาะก็จะมีพี่ๆทหารแนะนำสถานที่(นะตอนนี้เหมือนผมย้อนวัยไปตอนประถมแล้วมีครูพามาทัศนะศึกษาเลยครับ)
พออธิบายเสร็จก็แยกย้ายกันไปตามกิจกรรมต่าง ใครจะไปไหนก็ไปลงชื่อได้ตามใจชอบครับ
เนื่องด้วยผมมาคนเดียว ทริปนี้ไม่ต่างอะไรกับ ทริปคนใบ้ครับ ไม่ค่อยได้คุยกับใครเท่าไหร่ ผมเลยเริ่มต้นด้วยการ เดินเล่นหาดเทียน ไปพรางๆครับ
กิจกรรมบนเกาะก็จะมี
-ดำน้ำ
-ปั่นจักรยานชมป่าสงวน
-เดินชมป่า
ช่วงนี้พายุเข้า คลื่นลมแรง เลยเที่ยวได้แค่สองหาดนะครับ คือหาดเทียนกับหาดลูกลม แต่หาดลูกลมเล่นน้ำได้อย่างเดียวไม่สามารถดำดูปะการังได้ เพราะลมแรงมาก
พอผมเดินเล่นหาดเทียนเสร็จก็ขึ้นมานั่งพักถามตัวเองครับ ว่าจะไปใหน เอายังไงต่อ เพราะมาก็มาคนเดียว
ลืมบอกไปครับว่า กฎของการมาเที่ยวคนเดียว ถ้าอยากได้รูป ต้องหน้าด้านนะครับ ขอให้คนอื่นถ่ายให้ จะได้รูปสวยหรือไม่สวยก็อีกเรื่องนึง อย่างผมได้รูปถูกใจแค่รูปเดียวครับ(เรื่องมากไม่ได้ครับเดี๋ยวเขาตีเอา )
และนี่คือรูปเดียวของผม
และแล้วผมก็ตัดสินใจ ไปนั่งเล่นที่ หาดลูกลมครับ มีรถคอยรับส่งตลอด
หาดนี้บรรยากาศดีมากครับ เหมาะสำหรับเที่ยวพักผ่อนเป็นครอบครัวเลยละ ค่าเช่าเปลนอน 20 บาท
ผมใช้เวลาอยู่กับหาดนั้นเกือบ สองชั่วโมง ทั้งเดินเล่น ปีนเขาชมวิว และนอนกลางวัน ยอมรับเลยครับ ว่าบรรยากาศดีมาก แต่เสียดายดำน้ำไม่ได้ เพราะคลื่นลมแรง
หาดนี้ ผมได้รูปเยอะมาก เพราะใช้เวลาอยู่หาดนี้ซ๊ส่วนใหญ่ ลงรูปรัวๆเลยละกัน
พอเที่ยวจนหนำใจแล้ว ก็กลับมาที่ หาดเทียนครับ ตัดสินใจอยู่นานว่าจะทำอะไรต่อ คิดในใจว่ามาทะเลทั้งทีแล้วไม่เล่นน้ำก็จะยังไงอยู่ เลยตัดสินใจ ดำน้ำครับ ฮ่าๆ ค่าเช่าอุปกรณ์ 50 บาท มีทหารคอยคุ้มกัน (นึกว่าออกรบกันเลยทีเดียว) ที่เกาะมีตู้เหล็กให้ฝากของด้วยนะครับ ค่าฝาก 10 บาท จ่ายค่าเช่าอุปกรณ์เสร็จก็ไปขึ้นเรือครับ มีทั้งเรือใหญ่ เรือเสริม ผมนั่งเรือเสริมครับเพราะไปไม่ทันเรือใหญ่ เป็นเรือยาง ได้ฟิลดีไปอีกแบบ (พี่ๆบนเรือเป็นกันเองมาก เรือเรามีทั้งหมด 8 คน คุยกันง่ายดีครับไม่เกร็ง เปิดประเด็นคุยด้วยเรื่องทะเลเท่านั้นแหละ จากนั้นก็คุยกันยาวเลย) พอถึงจุดที่จัดใว้ให้ลงดำน้ำ ผมก็ไม่รอช้าละครับ ลงก่อนเพื่อนเลย ไม่ใช่อะไรนะครับ จะให้พี่เขาถ่ายรูปให้ฮ่าๆ(เป็นคนเดียวที่กล้าพกโทรศัพท์ไป แต่ตอนดำน้ำก็ฝากพี่ทหารใว้)
รูปนี้เป็นรูปที่ถ่ายจาก มือถือ ถ้ามองดูข้างหลังจะเห็นเรือใหญ่ รู้สึกถึงความแตกต่างกับเรือเล็กของพวกผม เพราะพวกผมเลือกที่จะไม่ไปดำน้ำใกล้บริเวณเรือใหญ่
ใช้เวลาดำน้ำเสร็จก็ขึ้นเรือ อยากบอกว่า เกาะนี้เม่นทะเลเยอะมากครับ ดำไปกลัวเม่นทิ่มไป อยู่กันเป็นฝูงเลยละ ปลาสวยดีครับแต่ไม่เยอะเท่าไหร่ แล้วเราก็นั่งเรือกลับฝั่ง
มาครั้งนี้ผมได้เพื่อนใหม่มาสองคนครับชื่อ พี่พูกับพี่แอน อยากจะบอกว่าพี่ๆน่ารักมาก เป็นกันเอง ผมก็ขอบคุณพี่ทั้งสองอีกครั้ง ที่คุยกับผมฮ่าๆ ทำให้ทริปใบ้ของผม กลายเป็นทริปพูดได้
ถึงฝั่งก็ส่งคืนอุปกรณ์ รอเรือกลับเข้าฝั่งครับ เเล้วนั่งเรือกลับ ปัญหาการไปต่อรถของผมก็มา ถ้ารอรถสองแถวก็คงนานอีก ฮ่าๆ เอาไงดี ผมเลยตัดสินใจขอติดรถพี่พูกับพี่แอน ไปลงที่กิโลสิบ พี่เขาใจดีมาก ให้ผมนั่งหน้าซ๊ด้วยทั้งๆที่ตัวผมเปียก พอถึงกิโล 10 ผมก็นั่งรถตู้ต่อ กลับบ่อวิน สิ้นสุดการเดินทางครับ กลับสู่โลกความจริง ไปทำหน้าที่ตัวเอง ไปเรียน ไปทำงาน
ไปใช้วิถีชีวิตตามปกติครับ แน่นอนครับกลับไปก็สภาพแวดล้อมเดิมๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือแปลกตาไปกว่าเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือความคิดของผมครับ ผมรู้สึกโลกของผมกว้างขึ้น ทุกครั้งที่เดินทางผมเหมือนได้รับพลังบางอย่าง
เหมือนกลับมาแล้วมุมมอง ทัศนคติเราเปลี่ยนไปจากเดิม สำหรับผมแล้วการได้ก้าวขาออกไปยังสถานที่ใหม่ๆเป็นการให้ของขวัญกับตัวเองครับ บางคนอาจคิดว่ามันไร้สาระ สิ้นเปลือง แต่ผมมองว่าเกิดมาครั้งนึงควรใช้ชีวิต20,000วันบนโลกให้คุ้มค่าครับ ทำไปเถอะครับอะไรที่เราสบายใจ และคนอื่นไม่เดือดร้อน
สำหรับทริปนี้ก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ครับ
ขอบคุณมากๆถ้าคุณอ่านทุกบรรทัดของผม
ขอบคุณคำติชมสำหรับคนที่หัดทำรีวิว
ขอบคุณที่ดูรูปผม
ขอบคุณ พี่ปิ๋วพี่กิ๊ฟที่ให้ที่พักสำหรับผม
ขอบคุณพี่พูพี่แอนที่มาเติมสีสันให้กับ JAlone Trips
เจอกันทริปหน้าครับ
*แต่สำหรับใครที่นั่งรถตู้ไปกลับ ผมแนะนำให้นั่งสองแถวสีส้มไปลงสัตหีบ แล้วก็นั่งกลับ กทม ได้เลยนะครับ
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าสองแถวสีส้ม 10 บาท
ค่า วินมอไซค์ 60 บาท
ค่าเรือไปกลับ 300 บาท
ค่าขนมและน้ำในเซว่น 150 บาท
ค่าเช่าอุปกรณ์ดำน้ำ 50 บาท
ค่าฝากของ 10 บาท
ค่าแปลนอน 20 บาท
ค่ารถตู้กลับบ่อวิน 60 บาท
ค่ารถไปกลับกทม 300 บาท
รวม 960 บาท