สวัสดีครับ กะทู้นี้เป็นการรีวิวครั้งแรกของผม จริงๆเป็นคนชอบทะเลมาก มากถึงมากที่สุด ไปทะเลบ่อยแต่ก็ไม่เคยรีวิวสักครั้ง แต่ครั้งนี้ประทับใจเกาะนี้เป็นพิเศษเลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ของการท่องเที่ยวเกาะแสมสารครั้งนี้ครับ ^^ 

จุดเริ่มต้นของการเดินทาง เช้าตรู่ วันที่ 10 ธ.ค. 58 ออกเดินทางลุยเดี่ยวไปกับกล้องคู่ใจ ออกเดินทางจากพิจิตรด้วยรถตู้ เพื่อเดินทางไปต่อรถที่หมอชิต ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง แล้วต่อรถตู้ไปลงที่สัตหีบ 

   เวลาผ่านไปเกือบ 5 ชม. หลับไปหนึ่งตื่น ก็เดินทางมาถึงแล้วหมอชิต ยังไงต่อล่ะ ท่ารถตู้มันอยู่ตรงไหนหว่า เหมือนเคยคุ้นๆอยู่ว่าจะอยู่หลังหมอชิต เอาเป็นว่าค่อยหาละกัน หิวครับหาไรกินลองท้องก่อน กินเสร็จก็เดินมาทางด้านหลัง เจอพอดีครับ ท่ารถตู้ไปสัตหีบ (สำหรับคนที่ไม่เคยมาสามารถสอบถามท่ารถแถวนั้นหรือจนท.ได้ครับ) เราโชคดีมากซื้อต๋วปุ๊บรถจะออกพอดีแต่ก็โชคร้ายหน่อยเพราะเราต้องนั่งหลังสุด TT ขึ้นไปนั่งได้ไม่นาน 13.00 น.รถก็ออกครับ (สำหรับการเดินทางไปสัตหีบท่ารถจะมีทั้งหมอชิตและอนุเสาวรีย์ใครสะดวกที่ไหนก็สามารถต่อรถที่นั่นได้ครับ)

ปล.ตอนไปครั้งนี้ลืมถ่ายรูปครับ เลยเอารูปตอนไปถึงช่วงเช้ามืดครั้งก่อนมาแทนคงไม่เป็นไรเนาะ ครั้งแรกก็แบบนี้ลืมถ่าย 555  
ค่ารถตู้ไปลงสัตหีบ 145 บาท 

.........
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ผมก็มาถึงสัตหีบ ผมโชคดีมากลุงคนขับรถตู้ลงมาโบกรถสองแถวให้เพื่อต่อไปยังช่องแสมสาร (ลืมบอกไปผมลงตรง Kg1 รถสองแถวที่จะไปเป็นคันสีฟ้านะครับจะไปส่งถึงพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทยซึ่งก็คือจุดซื้อตั๋วไปเกาะแสมสารนั่นเอง) เรานั่งสองแถวไปจนคนลงหมดเราก็ไม่รู้จะไปลงที่ไหนตั้งใจว่าจะไปหาที่พักใกล้ๆท่าเรือ เอาไงดี และระหว่างนั้นลุงก็ถามครับ สรุปว่าลุงจะหาที่พักให้ คืนละ 500 บาท เราก็ตกลงทันทีเลยครับ 5555 ถ้าให้หาเองคงไม่ได้แน่ๆ ค่ารถสองแถวกับค่าพาไปยังที่พักลุงคิด 40 บาท

ปล.พลาดมากนี่เราลืมถ่ายรูปไปหลายที่เลย

และแล้วเราก็ได้ที่พักครับ ขอบคุณลุงมากครับที่พาผมมา
นี่ครับเบอร์ติดต่อลุง 0899139736 ไม่แน่ใจว่าลุงชือยองหรือชื่อยางครับ 555
ลืมถามป้าเจ้าของอีกว่าที่พักชื่ออะไร 555 แต่โทรไปถามลุงได้ครับตามเบอร์ที่ให้ไว้

เอาเป็นว่าที่พักก็โอเคใช้ได้ครับ สำหรับผมห้องแบบนี้อยู่ได้สบายมากครับ ถึงแอร์จะดังไปหน่อย ห้องจะเก่าไปนิด กะแค่เอาไว้ซุกหัวนอนก็พอครับ 555 แล้วก็อาบน้ำอาบท่า กะว่าจะไปเก็บแสงเย็นซะหน่อย 

อาบน้ำเสร็จผมก็ออกเดินทางเก็บบรรยากาศช่วงเย็น ผมเดินจากที่พักมายังท่าเรือของชาวบ้าน ระยะทางประมาณเกือบ 1 Kgได้ มาเกือบไม่ทันเพราะแวะกินข้าวแป๊บนึงยังดีที่ยังไม่มืดซะก่อน

บรรยากาสดีใช้ได้เลยถ้ามากับแฟนคงดีมากเลยเนอะ แต่เราไม่มีนี่หว่า T^T

ใช้เวลาถ่ายรูปได้ไม่นานเราก็รีบเดินกลับครับเพราะมันจะมืด พรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อ จะไปจองตั๋วแต่เช้ามืด เพราะกลัวจะไม่ทัน 

เริ่มกันที่เช้าวันที่ 11 ธ.ค. 58 รีบดีดตัวออกจากที่นอนตั้งแต่ตีห้า เพื่อจะรีบไปจองตั๋วแต่เช้า อาบน้ำอาบท่าเสร็จเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย จุดซื้อตั๋วจะอยู่ด้านในเดินเข้าไปประมาณ 100 เมตร อยู่ทางด้านซ้ายมือลืมถ่ายรูปมาอีกแล้ว TT สำหรับคนที่อยู่ใกล้ๆจะเดินทางมาตอนเช้าเลยก็ได้ครับแต่ผมแนะนำให้มาถึงเช้าที่สุดจะดีมากครับเพราะรับคนจำนวนจำกัดยิ่งเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะมาก ถ้าผมจำไม่ผิดจะรับนักท่องเที่ยวเพียง 500 คนต่อวันเท่านั้นครับ ถ้ามาไม่ทันก็คืออดครับ

พอผมไปยังจุดซื้อตั๋วมีจนท.ทหารคอยแจกบัตรคิวอยู่ครับ จริงๆตั๋วจะเริ่มขายตอน 08.00 น. ครับแต่สามารถไปรับบัตรคิวได้ตั้งแต่เช้ามืด ส่วนผมได้คิวที่ 14 ครับ  ผมไปถึงตอนประมาณหกโมงรับบัตรคิวเสร็จก็เดินไปหาอะไรกินก่อนจะเดินทางกลับมารอซื้อตั๋ว

กินข้าวเสร็จผมก็พอมีเวลาถ่ายรูป แถวๆท่าเรือ รอตั๋วเปิดขาย 

สะพานนี้สามารถเดินชมบรรยากาศได้ครับ จะเป็นอีกทางที่เดินไปยังท่าเรือได้

หรือใครจะเดินมาทางด้านหลังที่มีรถจอดอยู่ก็ได้ครับ

08.00 น.ตรงเป๊ะตั๋วก็เริ่มเปิดขาย โดยจะมีเจ้าหน้าที่เรียกตามคิว ถ้าเรียกเกิน 2 ครั้งแล้วไม่มาก็จะข้ามไปยังคิวต่อไปครับ

รอบเรือเที่ยวไป                 รอบเรือเที่ยวกลับ

09.00                                     13.00

10.00                                     14.00

11.00                                     15.00

12.00                                     16.00

ค่าตั๋ว 300 บาทสำหรับผู้ใหญ่ (เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 220 บาท ต่ำกว่า 3 ปีไม่เสียตังครับ ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ)
ส่วนผมเลือกไปรอบเช้าสุดครับคือ 09.00 น. และกลับรอบสุดท้ายครับ 

 

ได้ตั๋วมาแล้วก็นั่งรอ นั่งเล่น ถ่ายรูปเล่น พอใกล้ถึงเวลาให้เดินมารอที่ท่าเรือก่อน 15 นาที นะครับ เพราะจนท.จะเรียกขึ้นเรือเลย 

 

เดินมาตรงท่าเรือเห็นปลาเยอะมาก 

ขึ้นมาบนเรือแล้วก็ยังเห็นปลาว่ายเต็มเลยครับ

 

09.00 น. ได้เวลาเรือออกเดินทันทีตรงเวลาเป๊ะ คนค่อนข้างเยอะครับ แดดก็ค่อนข้างร้อน เหงื่อท่วมเลยนั่งตรงแดดพอดี 555 

พอเรือออกค่อยเย็นหน่อยหลังจากที่นั่งเหงื่อท่วมอยู่พักนึง ระหว่างทางก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อย

เกาะที่เห็นอยู่นี้ชื่อเกาะว่า เกาะแรด ตอนแรกคิดว่าฟังผิดมันชื่อเกาะแรดจริงๆครับ 555 จริงๆก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันชื่อเกาะแรด ก็ได้ฟังจากจนท.ที่บรรยายแหละครับ

ใช้เวลาเดินทางไม่นานครับไม่ถึง 20 นาทีเราก็มาถึง.... เกาะแสมสาร จนท.ที่ทำงานบนเกาะส่วนใหญ่เป็นทหารทั้งหมดเลยครับ ให้บริการดีมากๆๆครับ 

จะขอเอ่ยถึงเกาะแสมสารนิดนึงครับ

เกาะแสมสารมีลักษณะเป็นรูปทรงยาวรี ขนาดพื้นที่โดยรวมประมาณ 5 ตารางกิโลเมตร ลักษณะดินลูกรังปนหินลูกรัง ภูมิประเทศ
บนเกาะประกอบไปด้วย ภูเขาขนาดใหญ่ 1 ลูก สูงประมาณ 167 เมตร อยู่ทางทิศเหนือของเกาะและภูเขาขนาดย่อม 1 ลูก สูงประมาณ 159 เมตร อยู่ทางทิศใต้ของ
เกาะและมีเนินขนาดความสูงเล็กน้อยอีกบางส่วน เกาะแสมสารเป็นเกาะหนึ่งที่ขึ้นกับอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี อยู่ทางทิศใต้ของแหลมแสมสาร ออกไปประมาณ
2 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากฝั่งของอำเภอสัตหีบไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 8 กิโลเมตร โดยมีเนื้อที่บนเกาะทั้งหมดจำนวน 2738 ไร่ 3 งาน 36 ตารางวา

ชายหาดบนเกาะแสมสาร..... มีชายหาดรวมทั้งสิ้น 5 แห่งได้แก่
หาดเทียน    อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเกาะแสมสาร 
หาดแหลมฝรั่ง    อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะแสมสาร 
หาดเตยและหาดกรวด    อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะแสมสาร
หาดลูกลม    อยู่ทางด้านทิศเหนือของเกาะแสมสาร

*หาดที่สามารถทำกิจกรรมได้มี 2 หาดคือหาดเทียนกับหาดลูกลม

ที่มา http://www.sattahipbeach.com/sheettoursattahippage16.html

 

จุดที่เราอยู่คือฝั่งหาดเทียนครับ ส่วนอีกฝั่งนึงจะเป็นหาดลูกลม สามารถเล่นน้ำได้ทั้ง2หาด

่เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงเกาะเราต้องมาฟังจนท.ทหารบรรยายให้ความรู้การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ บอกกิจกรรมต่างๆที่สามารถทำได้ ข้อห้ามต่างๆ จนท.ให้ความรู้ดีมากๆๆครับ ใช้เวลาไม่นานไม่ถึง 20 นาทีก็สามารถแยกย้ายไปทำกิจกรรมของตนเองได้ครับ

กิจกรรมบนเกาะแสมสารคร่าวๆ

1.เล่นน้ำตามอัธยาศัยหรือเดินเล่นริมชายหาด 
2.นั่งเรือท้องกระจกดูปะการัง (ฟรี)
3.สน๊อกเกิ้นดูปลา ดูปะการัง (ค่าอุปกรณ์ 50 บาท) 
4.เดินป่าศึกษาธรรมชาติ (ฟรี)
5.ปั่นจักรยานศึกษาธรรมชาติ (10 บาท)
6.นั่งพักผ่อนตามอัธยาศัย (มีโต๊ะเก้าอี้ฟรี หรือใครจะนั่งเตียงผ้าใบ  20 บาท)
7.พายเรือคายัก(คิดเป็นชม.แต่จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่)

สำหรับข้อห้ามผมจำได้คราวๆนะครับ
1.ห้ามพักค้างแรมบนเกาะ
2.ห้ามนำเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาบนเกาะ และห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์บนเกาะ
3.ห้ามใส่บีกินี่
4.ห้ามนำสัตว์หรือสัตว์ต่างถิ่นเข้ามาบนเกาะ
5.ห้ามล่าสัตว์และจับสัตว์น้ำ
6.ห้ามเก็บพรรณไม้ หอย หรือทรัพยากรออกจากเกาะ

สำหรับผมเลือกไปหาดลูกลมก่อนครับ ตั้งใจจะรีบไปถ่ายรูปก่อนคนจะเยอะ การไปหาดลูกลมนั้นจะมี 2 วิธีคือ นั่งรถจนท.มีรับส่งตลอดทั้งวัน(ฟรี)กับเดินครับ ผมหรอเลือกนั่งรถสิครับ  5555 ใครจะเดินให้เมื่อย ระยะทางจากหาดเทียนไปยังหาดลูกลมประมาณ 1 kg 

ถึงแล้วหาดลูกลม ชื่อหาด ลูก-ลม นะครับไม่ใช่ ลู-กลม 5555

เหตุที่เรียกหาดลูกลม เพราะ มีหญ้าลอยลม เป็นหญ้าที่ขึ้นอยู่ตามชายหาด ลำต้นเหนียว แผ่คลุมพื้นเหมือนร่างแห ใบแข็ง ม้วนแหลม ช่อดอกมีลักษณะเหมือนตุ้มกลมที่แผ่รัศมีออกทุกทาง เมื่อแก่จะมีสีน้ำตาล หลุดออกจากต้น ปลิวไปตามผืนทราย ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่า หาดลูกลม

สวยมากน้ำใสปิ๊ง เห็นน้ำทะเลเป็นสีฟ้าตัดกับท้องฟ้าสีคราม สวยงามตามากครับ หาดทรายนี่ขาวจั๋วเลย  อันนี้ไม่ได้เว่อนะครับ 555 สวยจริงๆสวยกว่าฝั่งหาดเทียนมาก เป็นหาดที่ผมชอบมากๆๆ 

มีสนามวอลเลย์บอลด้วย เล่นได้ครับ ฟุตบอลก็เล่นได้ สามารถยืมลูกฟุตบอลกับวอลเลย์บอลกับทางพี่ทหารได้ครับ(ฟรี)

สวยจริงๆหาดนี้ชอบมากๆๆๆ ส่วนเกาะเล็กๆที่เราเห็นนั้นคือเกาะปลาหมึกครับ 

กดรัวๆเลยครับ

แดดค่อนข้างร้อนเหงื่อท่วมยังไงเราก็ไม่หยุดถ่ายครับ 555เรือที่เราเห็นนี้เป็นเรือท้องกระจกครับ นักท่องเที่ยวที่อยากนั่งเรือท้องกระจกดูปลา ดูปะการัง สามารถไปลงชื่อไว้ได้ก่อนครับ เมื่อถึงเวลาจนท.จะเรียกขึ้นเรือ ครั้งนึงบรรทุกนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 20 คนครับ (ฟรี) ส่วนผมไม่ได้นั่งกะเค้าหรอกครับ กะมาถ่ายรูปอย่างเดียว 555 ผมเดินขึ้นไปบนจุดชมวิวครับ คนเดียวเฟี๊ยวต๊อด แดดก็ร้อนแต่เราไม่กลัว ทางขึ้นค่อนข้างชันแต่ได้เห็นวิวข้างบนแล้วบอกเลยสวยมากจริงๆ หายเหนื่อยเลยครับสวยเกินคำอธิบายจริงๆ กดรัวๆเลยครับ 555 ถ่ายไปสักพักทนแดดไม่ไหวเหงื่อไหลเป็นน้ำ แฉะไปทั้งตัว ลงครับลง 555 

ลงมาหาที่นั่งพักสักแพ๊บให้เหงื่อแห้ง ลมเย็นดีใช้ได้เลย บรรยากาศน่ามาเป็นคู่มาก T^T พูดแล้วเศร้า งั้นเราอย่าพูดถึงดีกว่า 555

นั่งไปนั่งมา ผมเจอเจ้าตัวนี้ครับ เจ้าหมูป่า ตอนแรกก็กลัวอยู่ครับ แต่มันเชื่องมากไม่กลัวคนด้วยแถมมันยังเล่นกับคนอีก นักท่องเที่ยวเห็นก็จับถ่ายรูปกันเพลินเลยครับนั่งไปสักพักใหญ่จนอยากจะงีบหลับสักตื่น ไม่ได้ๆเราจะไปปั่นจักรยานต่อเลยเดินไปถ่ายรูปอีกสักหน่อย

ทรายขาวละเอียดมาก

แล้วผมก็กลับครับกลับไปหาดเทียน จะไปปั่นจักรยานต่อ ระหว่างที่รถรอนักนักเที่ยวขอกดสักรูปก่อนลาหาดลูกลม

นั่งรถกลับมาหาดเทียนก็เที่ยงพอดีหาอะไรกินก่อนดีกว่า ผมกินข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่างครับ บนเกาะนี้จะไม่มีข้าวขายครับแต่สามารถซื้อขึ้นเรือมาจากฝั่งได้ ของกินที่มีขายเช่น ขนมก๊อปแก๊บ มาม่า ข้าวเหนียวส้มตำไก่ยาง สลัด น้ำแข็งใส ไอศครีม ผลไม้ แล้วก็น้ำต่างๆ ยกเว้นแอลกอฮอล์ครับเกาะนี้ห้ามนำมาและห้ามดื่มบนเกาะเด็ดขาด กินอิ่มผมก็เดินไปไหว้ศาลเจ้าแม่อาม่าเกาะแสมสารอยู่ทางฝั่งขวาของหาดเทียน เดินเลยไปทางศาลาไม้อยู่ไม่ไกลหาดตรงหน้าศาลเจ้าแม่ก็สวยครับ น้ำใส เงียบสงบดี คลื่นไม่แรง ไม่มีคนเลยครับ ได้เวลาผมก็เดินไปยังจุดเช่าจักรยานครับ หยอดตู้ 10 บาทเลือกเองเลยครับว่าจะเอาคนไหน(ลืมถ่ายรูปตรงนี้จุดเช่าจักรยานเลยครับ TT) จักรยานที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นคันเตี้ยๆหน่อย คนตัวสูงอย่างผมขี่ค่อนข้างลำบากแต่ก็พอไปได้ครับ นี่แหละครับจักรยานผม 555 ตะลุยเกาะ เอ้าปั่นๆ ปั่นจักรยาน

ปั่นมาเรื่อยๆจนมาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยว่ามันคืออะไร เป็นของจริงหรือของปลอม คำตอบคือมันเป็นของปลอมครับ สร้างขึ้นด้วยปูนทำเหมือนจริงมากๆ มันคือ"ห้องน้ำ"นั่นเอง 

เดินถัดลงมาจากห้องน้ำที่ว่าก็จะเป็นหาดครับ มีหินเยอะหน่อย มีที่ให้ถ่ายรูป สวยมาก ลมเย็นสบาย ตรงนี้แทบไม่มีคนเลยก็ว่าได้ เอ้ารออะไรกดรูปรัวๆเลยครับ ถัดมาอีกหน่อยก็สวยครับ น้ำจุดนี้ใสมาก เงียบสงบดีไม่มีคน ถ่ายรูปสบายเลย บอกเลยตรงนี้ผมชอบมาก

มีทีวีให้ดูในทะเลด้วยครับ 555

แผนที่ฐานกิจกรรมทางด้านหาดเทียนเกาะแสมสารครับ 

ปั่นจักรยานเลยไปอีกหน่อยก็จะถึงศาลาศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน

ผมจอดจักรยานไว้ตรงนี้ แถวนี้ไม่ค่อยมีนักเที่ยวมาเท่าไหร่ครับ ตอนผมไปไม่มีคนเลยสักคนครับ  เดินถัดลงไปด้านล่างมีทางเดินลงไปจะเป็นป่าชายเลน เดินลงมาก็เจอทางปูนก่อนครับ เดินต่อไปอีกหน่อยก็จะเจอสะพานไม้ครับ บรรยากาศสวยใช้ได้เลย

บรรยากาศร่มรื่นมาก

มีพรรณไม้หลายชนิดมากครับ ถ่ายมาให้ดูคร่าวๆละกันเนาะ

ขลู่ สรรพคุณดีมาก จากนั้นผมก็ปั่นจักรยานออกมาจากจุดนี้ครับ แล้วเดินมาเจอเจ้านี้ ผีเสื้อ 2 ตัวมันกำลังทำอะไรกันหว่า 555 อันนี้ผมเดินหลงเข้ามาครับ ตรงทางลูกรัง คิดว่าจะเจอจุดชมวิวอีกจุดแถวนี้ แต่ไม่เจอครับ ก่อนเดินกลับก็เลยกดมาหนึ่งถาพครับ

แล้วผมก็ปั่นจักรยานกลับครับแวะไปตรงโรงเรือนชั่วคราว อยู่ไม่ไกลจากหาดเทียนครับ

มีกระดูกของวาฬบรูด้าจัดแสดงอยู่ครับ เป็นกระดูกที่พบทางด้านหาดเตยเมื่อปี 54 ครับ

มีป้ายไวนิลเกี่ยวกับวาฬบรูด้า และประวัติที่พบซากวาฬตัวนี้ครับ
แผนที่และประวัติเกาะแสมสาร ที่จริงมีป้ายไวนิลที่บอกถึงสิ่งมีชีวิตที่พบบนเกาะนี้อีกหลายป้ายครับ ไม่ว่าจะเป็น พรรณไม้ นก หอย ระบบนิเวศปะการัง สาหร่ายและหญ้าทะเล สัตว์ต่างๆที่พบบนเกาะ แต่ถ่ายรูปมาให้ดูคร่าวๆเท่านี้ครับ

จากนั้นผมก็ไปถ่ายรูปเล่นบริเวณหน้าหาดเทียนครับ รอเรือกลับรอบ 16.00 น. ครับ

แสงของพระอาทิตย์ส่องลงมากระทบน้ำทะเลที่ใส กับท้องฟ้างามๆ มองลงไปยิ่งสวยมากๆๆครับ

เรือเราที่มองเห็นไกลๆนั่นคือเรือยางครับ สำหรับบรรทุกนักท่องเที่ยวไปดำน้ำ ครั้งนึงประมาณ 20 คน

ก่อนกลับขอถ่ายมุมยอดฮิตของเกาะแสมสารซะหน่อย นั่นก็คือศาลาไม้ริมทะเล อยู่ติดกับท่าเรือ

กิจกรรมที่ผมไม่ได้ทำบนเกาะนี้คือดำน้ำกับนั่งเรือท้องกระจกครับ เพราะตั้งใจมาถ่ายรูปสำรวจเกาะแสมสารอย่างเดียว เสียดายอยู่เหมือนกัน แต่เอาไว้คราวหน้าล่ะกันเนอะ ครั้งนี้มาแบบไม่ได้วางแผน แต่ครั้งหน้าจัดเต็มแน่นอน ลาก่อนนะเกาะแสมสาร พรุ่งนี้ผมจะไปเกาะขามต่อ...เจอกันในรีวิวหน้านะครับ ^^  

รีวิวนี้เป็นการรีวิวครั้งแรก ถ้าข้อมูลผิดพลาดประการใด หรือใช้คำพูดไม่เหมาะสม ต้องขออภัยไว้ณที่นี้ด้วยนะครับ อ่านไปแล้วอาจจะไม่รู้เรื่องเท่าไร วกไปวนมา 5555 รูปที่ถ่ายอาจจะไม่ค่อยสวยแต่บอกเลยครับสถานที่จริงสวยกว่าในรูปมากๆ และผมก็หวังว่ารีวิวนี้จะใช้เป็นข้อมูลไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่อยากมาท่องเที่ยวบนเกาะแสมสารแห่งนี้ ส่วนคนที่วางแผนอยากจะมาเกาะแห่งนี้ทักมาถามส่วนตัวได้นะครับที่ facebook Sarun Sudnum ได้เลยครับ ยินดีให้ข้อมูลเต็มที่ครับ  ^^ ผมก็ขอฝากรีวิวนี้ไว้ด้วยนะครับผม

สรุปค่าใช่จ่ายทั้งหมด
วันที่ 10 ธ.ค. 58
ค่ารถจากบ้านมาหมอชิต                    200 บาท
ค่าข้าวที่หมอชิต                                60 บาท
ค่ารถจากหมอชิตมาสัตหีบ                 145 บาท
ค่ารถสองแถวจากสัตหีบไปช่องแสมสาร 40 บาท
ค่าที่พัก                                         500 บาท 
ค่าข้าวเย็น+ขนม                               80 บาท

11 ธ.ค. 58
ค่าข้าวเช้า                                       40 บาท
ค่าซื้อของที่เซ่เว่น                             80 บาท
ค่าเรือ                                          300 บาท
ค่าน้ำ(หลายขวด)                             50 บาท 
ค่าส้มตำข้าวเหนียวไก่ย่าง+ไอติม           105 บาท
ค่าเช่าจักรยาน                                      10 บาท
สรุปค่าใช้จ่าทั้งหมด                      1,610 บาท

กล้องที่ใช้ถ่าย    Canon eos 70D
เลนส์                18-55 STM
แต่งโดย            Lightroom