นั่งรถไฟฟรีไปเกาะเต่า แบบป่วยๆ ฉบับคนไม่ชอบดำน้ำ

หลายคนคงอ่านรีวิวเกี่ยวกับเกาะเต่ามาเยอะแล้ว ว่าเกาะนี้เนี่ย เป็นสวรรค์อีกแห่งหนึ่งของนักดำน้ำกันเลยทีเดียว และคนส่วนใหญ่ที่ไปที่นี่ก็มักจะไป "ดำน้ำ"   ได้โปรดลบภาพทุกอย่างในหัว ลบภาพความงดงามใต้น้ำ ทริปนั่งรถไฟฟรีไปเกาะเต่าครั้งนี้ไม่ได้สวยงามเหมือนที่ทุกคนตั้งใจให้มันเป็น ครั้งนี้เราคงนำเสนอในอีกด้านของเกาะเต่าที่เราเจอ อย่าคิดว่านั่งรถไฟฟรีไปเกาะเต่าแล้วจะสบาย ใช้เงินไม่เยอะ หึหึ ลบความจำนั้นไปเลยค่ะ อีกแง่มุมของเกาะเต่าฉบับคนไม่ชอบดำน้ำ คนแปลกๆอย่างเรา ที่อยากเจอคนแปลกหน้า จะเป็นยังไง เรามาดูกัน   แต่ที่สำคัญคือ เรามาเกาะเต่าทั้งที่ยังเปื่อย เลยคำว่าป่วยมานิด ไอมาเป็นเดือนๆ ไม่ได้เที่ยวไหนเลย เวลาไอทีเป็นเดือนๆ อยากเที่ยวแล้ว อยากไปพักผ่อนที่ไหนซักที่ คิดอะไรไม่ออก เอาทริปรถไฟฟรีไปก่อน จึงตัดสินใจมาที่นี่ทั้งที่ยังไอคอกแคกอยู่ นั่นเป็นอีกสาเหตุที่เรายังดำน้ำไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ  เรากลัวปะการัง  ตลกมั้ยล่ะ  ชอบไปทะเลแต่กลัวปะการัง  กำลังทำใจไม่ให้กลัวอยู่   การเป็นนักท่องเที่ยวมันง่าย แต่การเป็นนักเดินทางมันได้....ได้อะไรมากกว่าที่คิด   เหมือนอย่างที่ทุกคนอ่านมาหลายรีวิวกับการนั่งรถไฟฟรีไปเกาะเต่า สตาร์ทที่สถานีรถไฟหัวลำโพง 13.00 น.ล้อหมุน ขอบอกว่าหมุนจริงๆ ต้องมาขึ้นรถไฟก่อนล่วงหน้า รถไฟไทยถึงจะช้า แต่เวลาออกตรงเวลามาก เคยสัมผัสนาทีของการตกรถไฟมาแล้ว รถไฟฟรีไม่ได้มีที่นั่งทุกคน หากอยากนั่งต้องมารับตั๋วแต่เช้า 05.30น. ยื่นบัตรประชาชนแลก แป๊บๆตั๋วหมด เหลือแต่ตัวยืน อันนี้สำคัญมาก ถ้าอยากนั่ง ต้องมาเช้าๆหน่อยเพื่อมารับตั๋วก่อน   นั่งหวานเย็นไปเรื่อยๆเลยค่ะ กำหนดเวลาถึงชุมพรก็ 4 ทุ่ม แต่อย่าลืมว่าต้องเผื่อใจ รถไฟไม่ตรงเวลา เอาแน่เอานอนไม่ได้ ปีนี้เรานั่งรถไฟไปชุมพรประมาณ 3-4 ครั้งแล้ว หลายครั้งที่เวลาเลยไปถึงห้าทุ่ม ถ้าวันนั้นจะไปเกาะเต่า เราไม่ทันแน่นอน เผื่อใจไว้นะ ถ้าไปเกาะเต่าไม่ทัน เราแวะเที่ยวชุมพรก็ได้ เดี๋ยวเราจะมีรีวิวเที่ยวชุมพรแบบบ้านๆอีกอันนึง อย่าลืมติดตาม   ถึงชุมพรสี่ทุ่มครึ่ง ป๊าดดดดด รถไฟเลทจริงไม่ใช้สแตนอิน เกือบไม่ทันแล้วถ้าไม่ได้พี่วิน นั่งไปเถอะค่ะ 100 นึง ตอนแรกก็ว่าแพงว่ะ เออมันไกลอยู่นะ มันจะไม่ทันเอาด้วย แต่ซิ่งแป๊บเดียว ถึงทัน มีเวลาเหลือพอจะซื้อขนมราคาถูกจากบนฝั่งไปกินบนเรือด้วย   ขึ้นเรือกันค่ะ สภาพนี่ตอนแรกกลัวนะ เห้ย! มันเป็นเรือขนส่งสินค้า จะเอาเราไปขายป่ะวะ ในใจคิดอยู่อย่างเดียว "เราจะขายได้เท่าไหร่" เอ๊ย! ไม่ใช่ เราจะเจออะไรบ้าง ขับวนไปค่ะ เรากำลังจะออกอ่าวไทยตอนกลางคืนกันแล้ว ไม่เคยเลย ไม่เคยนอนเรือนอนล่องทะเลกลางคืนแบบนี้ ประสบการณ์มันหาซื้อไม่ได้นะ แต่มันซื้อขึ้นเรือได้ ในราคา 400 บาทนี่แหละ หึหึ นั่งรถไฟฟรีมาแป๊บๆ ลงรถไฟปุ๊บ 500 ละ           ที่นอนของเราคืนนี้       พอเรือออกก็ปีนขึ้นไปรับลมอยู่บนดาดฟ้าเรือ มีฝรั่งอยู่ไม่ถึงสิบคน มากันเป็นคู่ๆ ส่วนเราก็มาคนเดียว นั่งกินเบียร์กินขนมคนเดียว โรแมนติกสุดๆ หึๆ นั่งมองดาว รับลม ตื่นเต้นมาก ไม่เคยนั่งเรือนอนตอนกลางคืนแบบนี้ โคตรตื่นเต้น ท้องทะเลมืดไปหมด สักพักเหมือนพายุจะเข้า เกาะราวอย่างเดียว เรือโคลงเคลง คนลงไปเข้าที่นอนหมดแล้ว หันหลังกลับไปดูไม่มีใครเลย ฝนปรอยๆ เหย...เหมือนในหนังเลย เรือเหมือนจะเทลงน้ำ ชูชีพก็ไม่มี ลงไปนอนก็คนแปลกหน้าเต็มไปหมด ไม่เห็นคนไทยเลย     หลับสนิทถึงเช้า คงง่วง เพลียจากการเดินทางไกลบวกกับกรึ่มๆตั้งแต่เมื่อคืนนะ เช้าแล้ว 6 โมง มองไปทางหน้าต่าง ถึงแล้วเหลอ     ถึงแล้ว ห้องเหิ้งไม่ได้จอง คงต้องเดินหา เช้ามาก ไม่มีที่ไหนเปิด เดินสำรวจไปเรื่อยๆ





แท็กซี่บนเกาะก็แบบนี้แหละ รถกระบะธรรมดา แต่ติดโป๊ะไฟคำว่า TAXI ต้องมาหลายคน เหมาราคาแพงอยู่ มอเตอร์ไซค์เช่ามี ปกติไปเกาะไหนขับมอเตอร์ไซค์ตลอด แต่รอบนี้ไม่ ดูจากทางแล้วค่อนข้างอันตรายเลยขอบาย ค่าเช่าไม่เท่าไหร่ แต่ค่าซ่อมของที่นี่หากเอาไปทำพัง โดนหลายพัน นั่นแหละ มาเกาะเต่าครั้งนี้จะไม่ทำอะไรเลย ไม่เช่ามอเตอร์ไซค์ ไม่ดำน้ำ เห้ย! แล้วมาทำไมเนี่ย



ตอนแรกคิดว่ามีแต่เราที่มัวแต่เดินหาห้อง ที่ไหนได้ ก็มีแบคแพคเกอร์มารอห้องเปิดกันหลายคนนะ นี่แหละ ชีวิตแบคแพคเกอร์ของจริง ทุกอย่างต้องรอได้ เดินทางไปเรื่อยๆแบบข้างหน้าไม่รู้ว่าจะเจออะไร



เดินดูบรรยากาศรอบๆหาดใกล้ท่าเรือ





แล้วก็มาเจอร้านนี้ พอดีเห็นป้ายอยู่ เลยเข้าไปถาม "มีห้องว่างมั้ยคะ" (ถามตามมารยาททั้งที่เห็นป้ายอยู่แล้วแหละ) หันหน้ามานี่ทานาคาเต็มหน้าเลย นางฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องจ้า เราอังกฤษก็ไม่แข็งแรง "room for rent" นางถึงเข้าใจ แล้วพาเราเดินอ้อมตึกไปไกลเลย ระหว่างเดินก็ลืมตัวคุยภาษาไทย นางไม่เข้าใจ หันมายิ้ม "เป็นพม่าค่ะ" เราก็ต้องเดินตามไปเงียบๆ นาทีนี้เพลีย อยากได้ห้อง ห้องรวมชายหญิงก็เอาหมดล่ะนาทีนี้

ดีใจ ได้ห้องถูก เป็นห้องรวม หญิงล้วน 10 เตียง ห้องแอร์ มี wifi ด้วย คืนละ 350 บาท เอง

เลือกเตียงริมสุดเลยสำหรับมาคนเดียว มีผู้หญิงอยู่ 4 คน เป็นเกาหลีหมด เราพยายามมองหน้า อยากยิ้มอยากทักทาย แต่นางคุยกันเอง เดินเข้าออกห้องน้ำ แต่งตัว ก้มหน้าก้มตา ไม่สนใจเราเลย ประหนึ่งห้องนี้เป็นของพวกนาง เห้ย! นี่ไม่ใช่อากาศนะ นี่เพื่อนร่วมห้องนะ คุยกะเราบ้าง ภาษาเราไม่ได้แต่เราพยายามคุยกันได้นะ เห็นมีอยู่คนนึงพูดอังกฤษกับพนักงานได้ แต่คนอื่นไม่คุยเลย หรือนี่อาจจะเป็นปัญหาเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษของคนเอเชีย นางอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปเลย เหลืออยู่คนนึงนอนเป็นผักอยู่เตียงบน ไม่ออกไปไหน


อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปเดินเล่น เดินๆๆ เดินอย่างเดียวจริงๆนะทริปนี้ ดำน้ำไม่ได้ เพราะไออยู่ เดินไปเจอลุงขับเรือก็ถามตลอดจะไปเกาะนางยวนมั้ย ประมาณ 700 หูยยยยยย แพงอยู่นะ มาคนเดียวด้วย แต่ถ้าคนมาดำน้ำอย่างเดียวคงชอบจนคุ้ม แต่นี่กำลังเปื่อย ไปก็คงหมดสนุก 



หมาเยอะมาก ซื้ออะไรมาจะกินนี่จ้องตลอด อ่อ...ที่นี่มีเซเว่นนะ แต่ราคาสูงแตกต่างกับบนฝั่งลิบลับ ถ้าใครขนไหว เวลามากันเป็นกลุ่ม ขนเสบียงจากบนฝั่งมาจะดีมาก ขนาดกินร้านข้างทางยังรู้สึกว่าแพงกว่ากรุงเทพอีกอ่ะ






เหมือนได้ดูอีกมุมนึงที่นักท่องเที่ยวมาพักผ่อนแบบครอบครัว นอนเล่น เล่นน้ำ เล่นทราย มาพักผ่อนแบบไม่ต้องจัดทริปดำน้ำ ไม่ต้องขับมอเตอร์ไซค์ให้เหนื่อย แค่มาเปลี่ยนบรรยากาศนั่งๆนอนๆ รับลมทะเล ความจริงแถวชายหาดน้ำก็ใสนะ จะดำน้ำตื้นแถวนี้ก็ได้














งั้นทีนี้เราลองมาพักผ่อน ดื่มด่ำกับธรรมชาติของที่นี่แบบไม่ต้องออกแรงเยอะ ไม่ต้องผจญภัยกันบ้าง




คงเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากนอน นอน นอน แล้วก็นอน นอนอาบแดดเหมือนที่ฝรั่งทำกัน



มองอะไรไปเรื่อยเปื่อย นอนเล่นไปเรื่อยๆจนหลับไปจริงๆ ตื่นมาของก็ยังไม่หายอีก ที่นี่ไม่มีใครสนใจเราจริงๆแหละ เพราะมีแต่คนแปลกหน้า





นอนหิน นอนทราย เดินเล่นไปเรื่อยๆ เหนื่อยตรงไหนก็พัก พักแล้วปูผ้านอน เดินเลาะชายหาดแถวนี้ไปมา เอาจริงๆก็เหมือนมาพักผ่อนอย่างนึงจริงๆ โดยที่ไม่อยากทำอะไรเลย แค่อยากอยู่นิ่งๆ มองฟ้า มองน้ำไกลๆ แบบไม่ต้องคิดอะไร เห็นฝรั่งอาบแดดกันเลยอยากอาบมั่ง เอาจริงๆ ไม่เคยนอนอาบแดดเหมือนเค้าเลย กลัวตัวดำ และที่สำคัญ ไปทะเลส่วนใหญ่คนมองเวลาใส่ชุดว่ายน้ำ แต่ถ้าคุณมาในถิ่นที่มีแต่คนแปลกหน้า ไม่เจอคนไทยเลยแบบนี้ ความกล้ามันจะมา ฝรั่งจะไม่สนใจเพราะมันคือชุดประจำชาติริมชายหาด แต่ถ้าไปใส่ในที่ที่คนไทยเยอะๆสิ นี่อ้วน นี่ดำ นี่กล้าทำไปได้ยังไง สายตามันฟ้องไปหมดว่ากำลังถูกนินทาอยู่




หลับจริงจัง แต่เหมือนได้มาพักผ่อนจริงๆ ช่วงบ่ายเราก็เริ่มร้อน และเริ่มเดินละ เดินไปหาดทรายรี ถ้าคนเคยมาแล้วจะรู้ว่าเธอกล้ามากที่ไม่เรียกแท็กซี่แล้วเธอเดินนี่นะ มัน 2 กม. เลยนะ เธอเดินเหลอ อ้าว...ก็ไม่มีมอเตอร์ไซค์อ่ะ แท็กซี่ก็เหมาคนเดียวไม่ไหวหรอก เดินไป ออกกำลังกายไป ชมนกชมไม้ข้างทางไปเรื่อยๆ แค่ 2 กม.นี่สำหรับสายลุยจิ๊บๆมาก




เดินแป๊บๆก็ถึงละ ไม่เห็นไกล ที่นี่มีแต่ชาวต่างชาติแล้วก็พม่าจริงๆแหละ คนไทยไปไหนหมด เราเหมือนมาอีกประเทศนึงจนดูกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเค้าเลย





ที่ทรายเป็นแบบนี้ถึงเรียกว่าหาดทรายรีรึเปล่า เห้ย! น้ำใสมาก ทำไมไม่มาตรงนี้ตั้งแต่แรกนะ เดี๋ยววันหลังมาจะมาหาที่พักแถวนี้บ้างคือดีอ่ะ ร้านเหล้าเพียบ ครึกครื้นกว่าฝั่งนู้นนะ




แต่เหนือสิ่งอื่นใด สำหรับสาวโสดที่มาคนเดียวจะรู้สึกฟินมากตั้งแต่ขึ้นเรือนอนจนมาเหยียบเกาะ คือดีงามพระรามเก้ามาก ฝรั่งดีอ่ะแกๆๆๆๆๆๆๆ แอบหื่นเบาๆ แต่ละคนนี่เล่นหนังได้เลย มาแบบใส่เสื้อกล้าม ไม่ใส่เสื้อ โอยยยยยยยย....คือเดินไปเดินมาก็ฟินแล้วจริงๆ แต่ลองมองดีๆก็อาจจะได้เพื่อนสาวนะ 55555








จงเป็นแมน เป็นแมนเถิด อย่าได้เป็นเกย์ทั้งกายและใจเลย (คงต้องใช้คาถาเข้าช่วย)


หาดทรายรีตอนเย็นคนจะเยอะเป็นพิเศษ เพราะที่นี่คืดจุดที่ชมพระอาทิตย์ที่สวยที่สุดบนเกาะ






มันก็สวยมากจริงๆอ่ะ บรรยากาศชิลล์มาก อยากนั่งนานๆเลย ติดใจ




เดินมาได้ แล้วก็เดินกลับได้ เพลียแดด นอนตากแดดมาทั้งวัน อาการไอก็ยังคงอยู่ ไม่รู้งานนี้จะกลับไปป่วยหนักกว่าเดิมรึเปล่า

กลับห้องพัก เกาหลีกลับหมดแล้ว ได้รูมเมทใหม่ เป็นผู้หญิงแบคแพคมาคนเดียวเหมือนกัน เป็นชาวไอซ์แลนด์ แล้วสองแม่ลูกซึ่งแต่งตัวลงไปเที่ยวข้างล่าง (ร้านเหล้าเพียบ) แต่เราอยู่กันสองคนกับผู้หญิงที่แบคแพคมาคนเดียว คุยกับนางภาษาไม่แข็งแรงแล้ว สำเนียงนางยังฟังยากด้วย นางชอบนอนอ่านหนังสือเงียบๆ นี่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญและข้อควรระวังในทุกๆครั้งที่ผู้หญิงแบคแพคมาคนเดียวต้องทำคือ พยายามเลี่ยงสิ่งมึนเมาให้มากที่สุด เพราะค่อนข้างอันตราย แต่ถ้าจะจิบๆนิดหน่อยได้อย่างเช่นซื้อเบียร์กระป๋องมาจิบแล้วนอนอาบแดดเหมือนเราวันนี้ เพื่อนร่วมห้องเป็นฝรั่งแตกต่างจากเกาหลีที่เจอ นางชวนเราคุยก่อน นางเล่าเรื่องไปเที่ยวทั่วประเทศไทยแบบตาเป็นประกาย ดูท่าทางจะรักการเดินทางมาก นางชอบเมืองไทยมาก ไปเหนือจรดใต้ เที่ยวใต้ทั่วแล้ว จะลงไปสิงคโปร์ มาเลเซียต่อ ชีวิตแบคแพคเกอร์นี่น่าอิจฉาจริง พวกนี้บอกก่อนมีตังค์นะ ไม่ธรรมดา พักที่ถูกๆ แต่เอาตัวเองไปเที่ยวได้หลายๆที่ น่าอิจฉาที่สุดชีวิตแบบนี้ นางดูเป็นคนยังไงก็ได้ ดูสบายๆ แถมแบ่งขนมให้เรากินด้วย ความจริงถามชื่อมาแต่ลืมแล้วอ่ะ กว่าจะมานั่งเขียนรีวิวนี้ก็ผ่านไปหลายเดือน

ตื่นเช้ามาอากาศดี ออกไปเดินเล่น เล่นน้ำกัน











ทุกสิ่งดีหมด บรรยากาศ ชาวต่างชาติ เพื่อนร่วมห้อง แต่สิ่งที่คิดว่า bad day มาก ตั้งแต่มาวันที่มาวันแรกเลยคือ "ทำกล้องตกน้ำทะเล" ตกทั้งมือถือ ตกทั้งดิจิตอล กู่ไม่กลับ ร้องไห้หนักมาก เพราะที่นี่โขดหินเยอะจนลื่นล้มเอง เกือบร้องไห้ เพราะแทบไม่ได้ถ่ายรูปเลย ดิจิตอลตัวเล็กเดี้ยง ซ่อมคงไม่ได้แล้ว ราคาซื้อมาพันกว่าบาท ไม่เสียดายเท่าไหร่ แต่มือถือสะบัดๆ ยังถ่ายได้นิดหน่อย รูปทั้งหมดที่ลงก็คงถ่ายได้แค่นี้ และเป็นกล้องจากมือถือซัมซุงทั้งหมด อยากจะร้องไห้ 

มาครั้งนี้คงไม่ได้มาทำกิจกรรมอะไรมากมาย แต่ก็ถือว่าได้มาเปลี่ยนบรรยากาศที่ไม่มีใครรู้จักเราเลย ปกติไม่เคยนุ่งบิกินนี่เดินไปเดินมาริมชายหาด แต่นี่ให้ลองมาเหอะ ไม่มีใครสนใจเราเลย มีแต่ชาวต่างชาติที่เห็นชุดว่ายน้ำเป็นชุดประจำชาติ ใครอยากฝึกภาษาให้มาเหอะ มีแต่คนที่เราสามารถคุยด้วยได้เพียบ มันไม่มีคนไทยเลยอ่ะ มีแต่ได้ยินเสียงแว๊บๆ แล้วหันไปอีกทีหายไปไหนละ คนไทยส่วนใหญ่มาอาจจะพักที่ดีๆ เพราะค่าห้องที่นี่ดูไม่แพงเท่าไหร่ แต่ที่เป็นโฮสเทลราคาถูกเยอะมาก คงเอาไว้รองรับพวกแบคแพคเกอร์เป็นส่วนใหญ่ ขากลับรอเรือขึ้นฝั่งก็ไม่มีคนไทยเลย เหมือนมาเที่ยวต่างประเทศเลยอ่ะ



หายเปื่อยเมื่อไหร่ ก็อยากจะมาอีกนะ ชอบเลยแหละ มันไม่มีคนไทยคอยมองเราด้วยสายตา แต่พม่ามองนะ พม่าเยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นพวกคนงาน เวลาเดินไปตรงไหนก็พยายามไม่เดินไปที่เปลี่ยวมาก ให้พอมีคนเห็นเราหน่อย ไอคอกแคกทั้งคืน ไอแข่งกับรูมเมทเพราะนางก็คงเดินทางเยอะจนป่วยเหมือนกัน ขากลับขึ้นเรือ 500 บาท นั่งไปถึงฝั่งก็ขึ้นรถทัวร์ต่อไปได้เลย ราคารวมค่าเรือแล้ว จอดให้ที่สถานีรถไฟเลย เอาจริงๆคราวหน้าถ้ามาอีกคงมาเล่นน้ำ ดำน้ำเยอะกว่านี้ นี่ถือว่ามาเปลี่ยนที่นอนจริงๆ นอนกลิ้งไปทั่ว อยากเที่ยวแต่เปื่อย เผื่ออาการไอจะหายไปบ้าง

ค่าเสียหายก็ค่าเรือไป-กลับ 900 บาท (โหดตรงค่าเรือ) ค่ามอเตอร์ไซค์ 100 บาท ค่าห้อง 350 บาท ที่เรือก็ค่ากินนั่นนี่ ไม่น่าเกิน 500 บาท ขามารถไฟฟรี ขากลับ รถไฟ 232 บาท



หลังจากกลับจากเกาะเต่าประมาณ 4-5 วันสิ่งที่เหลือเชื่อคือ อาการไอหายไปโดยไม่รู้ตัว จากที่ไอมาเป็นเดือนๆ หรือเราแค่ต้องการธรรมชาติ หรือเราแค่ต้องการธรรมชาติบำบัดแค่นั้นนะ ป่วยทางใจ ทางกาย ยังไงก็หายปลิดทิ้ง ดีใจ ยิ้ม

การเดินทางแต่ละครั้ง หากเราต้องเดินทางคนเดียว สิ่งที่เราอยากบันทึกไว้ก็คงเป็นความทรงจำดีๆที่เราได้พบเจอมาจากสถานที่และผู้คนรอบข้าง ระหว่างทางมันสำคัญกว่าจุดหมายจริงๆ หากใครชอบการเดินทาง หรือชอบที่จะเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว เข้าไปพูดคุยหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับหลายๆรีวิวที่เราเคยเล่าได้นะที่เพจ "จะเที่ยวคนเดียว Lady Journey" ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่เราอยากแชร์ให้เธออ่าน เผื่อจะได้เป็นกำลังใจเล็กๆ สำหรับคนที่อยากท่องโลกคนเดียวบ้าง 







ค่าใช้จ่ายดูจะแพงกว่าที่อื่นที่เคยแบคแพคไปเลย ไปก็แทบไม่ทำอะไรเลย นั่งๆ นอนๆ พักผ่อน แต่มันจะได้อีกไลฟ์สไตล์นึงที่ไม่ต้องโลดโผนมาก มาเพื่อพักผ่อน ส่องหนุ่มๆตามอัธยาศัย ได้มาในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา ไม่สนใจเรา ไม่มองเราว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ เพราะเห็นคนที่แบคแพคมาคนเดียวเยอะเหมือนกันนะ พอมาเจอกับคนที่มาคนเดียวเหมือนกัน ก็คุยกันจ้อ เป็นความสัมพันธ์แค่ข้ามคืนแต่มันมีความหมายมาก ระหว่างทาง มันสำคัญกว่าจุดหมายจริงๆนั่นแหละ

ลาก่อน เกาะเต่า เอาไว้มาใหม่เนาะ