ผ่านช่วงซัมเมอร์มาก็ทำให้นึกถึงทริปตะลุย "เกาะพยาม" ระนอง
เป็นเกาะที่ยังคงความอุดมสมบรูณ์ การเดินทางถือว่าสะดวกไม่ว่าจะรถส่วนตัวหรือจะรถประจำทาง
ครั้งนี้เมื่อโอกาสไประนองกับญาติ เลยอยากจะไปเที่ยวฝั่งเกาะของระนองบ้างเพราะไม่เคยไปเที่ยว
ได้แต่อ่านในรีวิว ครั้งนี้ได้มาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วนะ ไปลุยพร้อมๆกันเลยค่ะ
การเดินทางมาเกาะพยาม ก็จะมีเรือโดยสารจากท่าเรือเทศบาลปากน้ำ เรือสปีดโบ้ทใช้เวลาประมาณ 30-45 นาทีและเรือโดยสารลำใหญ่จะใช้เวลาเดินนานกว่าสปีดโบ้ท เรือก็จะออกเกือบทุกชั่วโมง
นั่งเรือสปีดโบ้ทประมาณ 30 นาที ก็ถึงท่าเรือเกาะพยามกันแล้ว ทุกก็ขนกระเป๋าไปยังท่าเรือกัน แล้วมุ่งหน้าไปหาเช่ารถมอเอตร์ไซค์ บนเกาะที่นี้มีแค่รถมอเตอร์ไซค์ใช้ในการเดินทางเท่านั้น ก็จะมีร้านเช่าให้เลือกกันหลายร้านเลย รถก็เลือกรุ่นที่ถนัดกัน
เมื่อจัดการเรื่องรถเช่าเสร็จเรียบร้อยพี่ๆพนักงานก็จะถามว่าพักที่ไหนกัน เขาจะได้ให้แผนที่แนะนำว่าอยู่อ่าวไหนและไปทางไหน
ทางญาติก็ได้จองที่พักไว้ก่อนมาเรียบร้อยแล้ว โดยจองไว้กับ "Banana Resort" บานาน่า รีสอร์ทซึ่งอยู่ไปทางอ่าวเขาควาย จะขับตรงไปจากจุดเซนเตอร์ที่ท่าเรือตรงไปเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกโรงเรียนก็ขับตรงไปให้สังเกตุป้ายที่พักดีๆนะ เพราะที่นี้เขาจะไม่บอกระยะก่อนถึง ป้ายจะอยู่ปากทางเข้าที่พัก วันนั้นขับรถจนพ้นปากทางไปนิดนึงต้องกลับรถมา
เพราะเดินทางมาเรือรอบ 10:00 มาถึงที่พักก็ประมาณเที่ยงแล้ว ทุกคนก็เริ่มหิวก็เห็นร้านอาหารใกล้ๆที่พักก็เดินไปตามชายหาดก็จะเจอร้าน "The Sun" ร้านอาหารที่ใหญ่พอสมควร ช่วงนั้นไปก็พอมีลูกค้าต่างชาติบ้าง
บรรยากาศร้านดีมากริมทะเล นั่งกินไปชมทะเลที่สวยๆไป
เปิดเมนูแล้วเห็๋นราคาก็ค่อยข้างสูงเหมือนกันนะ เลยสั่งข้าวผัดซีฟุ้ดจานใหญ่ ต้มยำซีฟุ้ดแบบหม้อไฟ เพราะคนเยอะกินแบบนี้อิ่มกันถ้วนหน้า อาหารที่นี้อร่อยนะ
"อ่าวกวางปีป" อยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะพยาม เป็นอ่าวที่ไม่ใหญ่มาก มีน้ำทะเลใส คลื่นไม่แรงมาก ความงามของธรรมชาติที่สัตว์ตัวน้อยๆได้สร้างสรรค์ขึ้นมา
ยังไปไม่ทันถึงอ่าวใหญ่เลย ฝนก็เทมาอย่างหนักหาที่หลบฝนกัน จนขับเข้าไปจอดหลบฝนที่โรงเรียน รอให้ฝนซาลง ก็เกือบจะ 17:30 แล้ว จะทันออกไปไหนอีกไหมยังมีพี่สาวกับหลานอยู่ที่ห้อง เลยตัดสินใจไม่ไปต่ออ่าวอื่น ได้แวะหาของกินมื้อค่ำก็แล้วกัน ตั้งใจจะไปกินข้าวกันที่บลูสกาย ติดฝนเปียกปอนกันหมดก็ต้องหาไรกินง่ายแถวโรงเรียนแล้วกัน
ฝนหยุดก็ขับรถออกจากโรงเรียนตรงไปทางจะกลับท่าเรือก็จะผ่านร้านอาหาร ซุ้มขายอาหารก็แวะจัดส้มตำ ลูกชิ้น ข้าวเกรียบปากหม้อกันไปกิน
หลังที่ฝนหยุดสนิท ฟ้าเปิดให้ได้เห็นพระอาทิตย์แสงทองสวยๆหน้าที่พัก กลับมาจากซื้อของมาทันแสงสวยๆพอดีเลย เป็นมื้ออาหารที่กินริมทะเล วิวสวย ชมพระอาทิตย์ตกกัน
ก็เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวออกมาเดินเล่น ถ่ายรูปกันหลังจากฝนหยุดตก
จากดินเนอร์ที่บลูสกาย จนกลายมาดินเนอร์ส้มตำริมหาดชมพระอาทิตย์ตก
หลังจากกินอิ่มยุงเริ่มมาก็ย้ายไปนั่งที่ห้อง ระเบียงหน้าห้องไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนต่อเลย เพราะโดนฝนกันเปียกต้องกินยาแล้วพักผ่อนกลัวจะเป็นไข้กัน