Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
#เกาะจำ จ.กระบี่ : แต่..ทำไม ทำไม..ต้องจำ? เกาะจำรีสอร์ท (Koh Jum Resort) จ.กระบี่
    • Posts-1
    CHAILAIBACKPACKER •  May 04 , 2017

    เกาะจำ : จำ..ทำไม ทำไม..ต้องจำ?

    ช่วงระยะหลังมานี้.. ผมมีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวที่ จังหวัดกระบี่ บ่อยมากๆ เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย หลากหลายสไตล์ ถึงแม้จะไปกี่ครั้ง ก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ... และก็มีอีกที่หนึ่งที่ยังไม่เคยไป นั่นก็คือ เกาะจำ

    เกาะจำ ผมรู้จักเพียง “ชื่อ” ของเกาะแห่งนี้มาได้แค่ไม่กี่ปีเท่านั้น และพอจะทราบมาคร่าวๆ ว่า เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีความสวยงาม บรรยากาศดี ที่สำคัญมีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสูง หรือ เรียกง่ายๆ ว่ายังคงความ “ดิบ” อยู่ จึงทำให้ เกาะจำ เป็นหนึ่งในลิส ที่ต้องไปเยือนสักครั้ง!


    ทริปนี้.. จึงเป็นการเดินทางสู่ จังหวัดกระบี่ อีกครั้ง.. และ จะมี เกาะจำ เป็นจุดหมายในการเดินทาง อาจจะไม่ได้มีกิจกรรมท่องเที่ยวอะไรมากมาย เป็นเพียงแค่การไปพักผ่อน นอนฟังเสียงคลื่น นั่งโง่ๆ อยู่ริมทะเล.. ท่ามกลางบรรยากาศที่สงบเงียบ และออกไปดูวิถีชีวิตของชาวบ้าน แค่นั้น.. ก็น่าจะเพียงพอแล้ว.. ไป.. ไปเที่ยว เกาะจำ กันเถอะ!

     

    ติดตามการเดินทางทริปอื่นๆ ของผมได้ที่..
    FB : https://www.facebook.com/chailaibackpacker/

    • Posts-2
    CHAILAIBACKPACKER •  May 04 , 2017

    มาทำความรู้จัก กับ เกาะจำ

    แรกเริ่มทีเดียว ผมไม่ทราบด้วยซ้ำ ว่า.. เกาะจำ อยู่ส่วนไหนของประเทศไทย? หรือ อยู่ในพื้นที่ของจังหวัดอะไร? รู้จักพอผ่านตา แค่ ชื่อ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน.. จนมาทราบเอาก็ต่อเมื่อ ได้เริ่มหาข้อมูลการเดินทางไป เกาะจำ อย่างจริงๆ จังๆ ก่อนเดินทางไปเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น

    เกาะจำ จะอยู่ในพื้นที่ตำบลเกาะศรีบอยา อำเภอเหนือคลอง บนเกาะมีทั้งหมด 3 หมู่บ้าน ไล่จากเหนือลงใต้ ได้แก่ บ้านเกาะปู บ้านติงไหร และ บ้านเกาะจำ แต่ละหมู่บ้านอยู่ไม่ห่างกันมาก ชายหาดส่วนใหญ่จะอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ ทอดตัวเรียงเป็นแนวยาว ตั้งแต่เหนือจรดใต้ คือ หาดลูโบ๊ะ(บ้านเกาะปู) หาดติงไหร(บ้านติงไหร) และ หาดเกาะจำ(บ้านเกาะจำ) โดยมีหาดที่ดูน่าจะเป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ หาดติงไหร

    วิธีที่จะเที่ยวให้ทั่วทั้งเกาะ และดูจะสะดวกที่สุด ก็คงจะเป็นการ เช่ามอเตอร์ไซค์ ซึ่งบน เกาะจำ ก็จะมีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ไว้คอยบริการ(ราคา 250-300/วัน) หรือ จะลองติดต่อเช่ามอเตอร์ไซค์กับที่พัก ที่เราไปพักอยู่ก็ได้ ใช้เวลาวนเที่ยวรอบเกาะแค่ครึ่งวันก็ครบหมดแล้ว และ สถานที่หลักๆ ก็จะเป็นแค่ชายหาดต่างๆ ที่เหมาะจะมาพักผ่อนนอนเล่นอยู่เฉยๆ ซะมากกว่า.. ซึ่งแน่นอนว่านักท่องเที่ยวที่มาเกาะจำจะเป็นชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ เพราะ บรรยากาศเงียบๆ เหมาะที่จะมาพักผ่อนจริงๆ(บางคนก็อยู่เป็นอาทิตย์ หรือ เป็นเดือนเลยก็มี)

    ส่วนในเรื่องของ ที่พัก บนเกาะจำก็มีที่พักให้เลือกหลายแบบ หลายราคา เริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อย จนไปถึงหลักพัน และยังมีที่พักที่เป็นแบบแพคเกจ รวม อาหารครบทุกมื้อ และ รถรับ-ส่ง ซึ่งค่อนข้างจะสะดวกสบาย ..เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมาก แต่สำหรับผมแล้ว.. ดูเหมือนว่า.. งบคงไม่เพียงพอ 55+ ก็เลยต้องหาที่พักที่ราคาไม่สูงมาก ไปตามสไตล์ 55+ จนมาได้ Aosi Bungalow ที่พักแบบเรียบง่าย อยู่ติด หาดติงไหร ซึ่งได้มาในราคา คืนละ 600 บาท รวมอาหารเช้า(จองผ่าน Expedia) ซึ่งก็ถือว่าโอเค!

    การเดินทาง สู่ เกาะจำ


    การนั่งเรือข้ามไป เกาะจำ สามารถขึ้นเรือได้ 2 ท่าเรือ คือ

    1. ท่าเรือคลองจิหลาด อยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 2 กิโลเมตร ท่าเรือนี้มีเรือโดยสารไป เกาะลันตา และจะแวะส่งผู้โดยสารที่ เกาะจำ ด้วย เรือออกวันละ 2 เที่ยว คือ 08.30 น. และ 10.30 น. โดยใช้เวลาเดินทางไปเกาะจำ ประมาณ 1 ชั่วโมง ราคา 300 บาท (เรือจะวิ่งเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยวเท่านั้น)

    2. ท่าเรือแหลมกรวด อยู่ที่ อำเภอเหนือคลอง มาขึ้นที่ท่าเรือนี้ จะสะดวก และประหยัดที่สุด โดยสามารถนั่งรถสองแถว สาย กระบี่ – ท่าเรือแหลมกรวด ราคา 60 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง แต่รถสายนี้.. อาจจะต้องรอนานหน่อย เพราะนานๆ จะผ่านมาสักคัน ซึ่งแนะนำว่า.. ให้นั่งโดยสารสองแถวจากตัวเมือง มาลงที่ อำเภอเหนือคลอง (สายอะไรก็ได้ที่ผ่านอำเภอเหนือคลอง) 20 บาท จากนั้น ต่อรถสองแถว สายเหนือคลอง – ท่าเรือแหลมกรวด ระยะทาง 25 กิโลเมตร ราคา 40 บาท (= เสีย 60 บาท เท่ากัน แต่ไม่ต้องเสียเวลารอ)

    ไม่ว่าจะนั่งรถ สายกระบี่ – ท่าเรือแหลมกรวด หรือ สายกระบี่ – เหนือคลอง ทุกสายจะผ่านหน้า สนามบินกระบี่ ถ้าหากเดินทางด้วยเครื่องบินไปลงที่สนามบินกระบี่ ก็ออกมารอรถสองแถวที่หน้าสนามบินได้เลย..

    ตารางการเดินรถ ขากลับ จาก ท่าเรือแหลมกรวด เข้าเมืองกระบี่ (เที่ยวสุดท้าย 14.30 น. ห้ามพลาดเลยนะครับ!)

    จาก ท่าเรือแหลมกรวด จะข้ามไป ท่าเรือมูตู(เกาะจำ) ซึ่งปกติการเดินรถและเรือ จะเชื่อมต่อช่วงเวลากันพอดิบพอดี ทำให้ไม่ต้องรอต่อรถต่อเรือนานมาก โดยเรือที่ใช้สำหรับโดยสารก็จะเป็น เรือหัวตัด ลำขนาดพอเหมาะ สามารถรองรับคนได้ประมาณ 15-20 คน และ ด้วยความเป็นเรือหัวตัดจึงสามารถนำมอเตอร์ไซค์ข้ามไปได้ ซึ่งถ้าใครชอบท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์ก็นำมอเตอร์ไซค์ขึ้นเรือไปเที่ยวเกาะจำได้ สำหรับราคาค่าโดยสาร อยู่ที่ คนละ 50 บาท(ชาวต่างชาติ 100 บาท) และ ถ้าหากนำมอเตอร์ไซค์ขึ้นเรือไปด้วยคิดคันละ 50 บาท

    เส้นทางเดินเรือจาก ท่าเรือแหลมกรวด ไป ท่าเรือมูตู(เกาะจำ)

    ตารางการเดินเรือ ไป-กลับ ท่าเรือแหลมกรวด – ท่าเรือมูตู(เกาะจำ) ซึ่งที่นี่สามารถนั่งเรือไป เกาะศรีบอยา ได้ด้วย สำหรับการนั่งเรือขากลับจาก เกาะจำ อย่างช้าที่สุด เที่ยวสุดท้าย แนะนำให้กลับเที่ยว เวลา 13.30 น. เพราะจะได้ทันกับ รถสองแถวเข้าเมืองกระบี่ เที่ยวสุดท้าย เวลา 14.30 น. พอดี!

    • Posts-3
    CHAILAIBACKPACKER •  May 04 , 2017

    การเดินทาง ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง!

    เริ่มต้นออกเดินทางจาก.. สนามบินดอนเมือง เช่นเคย ในช่วงเวลาที่ค่อนข้างจะสายหน่อย ซึ่งสภาพอากาศที่กระบี่ในช่วงที่เดินทางไปนี้ เป็นช่วงที่ฝนตกติดต่อกันมาได้ 3-4 วันแล้วครับ ก็รู้สึกว่าต้องลุ้นเหมือนกันว่าจุดหมายปลายทางสภาพอากาศจะเป็นอย่างไรบ้าง แม้ในขณะนี้.. ที่กำลังจะขึ้นเครื่องออกเดินทาง ท้องฟ้าจะสดใสก็ตามที

    ใช้เวลาในการเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็เดินทางมาถึง จังหวัดกระบี่ ระหว่างเครื่องลดระดับลงก็จะเห็นพื้นที่ป่าโกงกางอยู่เบื้องล่าง และ แม้สภาพอากาศระหว่างเดินทางจะปลอดโปร่ง ท้องฟ้าแจ่มใส แค่ไหน.. แต่พอเข้าเขตจังหวัดกระบี่เท่านั้นแหละ สภาพอากาศเหมือนจะมีเมฆมาก นั่งลุ้นกลัวว่าฝนจะตกแล้วต้องเดินทางไปต่อลำบาก และ กลัวว่าจะอดเที่ยว 55+

    หลังจากลงเครื่องเป็นที่เรียบร้อย.. ทริปนี้มีแค่เป้ใบเล็ก ไม่ได้หอบอะไรมาเยอะแยะมากมาย เดินออกจากอาคารสนามบิน มุ่งหน้าไปทางประตูทางเข้าที่ติดกับถนนใหญ่ด้านหน้า ซึ่งหลายคนอาจจะชินกันการมากระบี่แล้วนั่ง Shuttle Bus เข้าเมือง หรือ ไปตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเดินทาง ด้วยการไปรอ รถสองแถวโดยสาร หน้าสนามบิน กับระยะทาง ประมาณ 400 เมตร ซึ่งผมว่าก็ไม่ได้ไกลเลย และ ก็ใช้วิธีนี้บ่อยๆ เพราะมันประหยัดดี!

    เดินมาถึงประตูหน้าสนามบิน ถ้าจะเข้า เมืองกระบี่ ต้องไปทางฝั่งขวา (ถ้าจะรอรถสองแถวโดยสารเข้าเมืองกระบี่ต้องข้ามถนนไปรอฝั่งตรงข้ามสนามบิน ระยะทางเข้าเมืองประมาณ 13 กิโลเมตร) ส่วนทางซ้าย จะไปสู่ จังหวัดตรัง

    หน้าประตูทางเข้าสนามบินจะมีศาลาไว้นั่งรอรถ ซึ่งจุดหมายต่อไป คือ ท่าเรือแหลมกรวด เป็นเส้นทางเดียวกันกับไปจังหวัดตรัง จึงต้องนั่งรอรถสองแถวโดยสารที่ศาลาแห่งนี้ (และ สำหรับคนที่ต้องการจะเข้า เมืองกระบี่ ต้องข้ามถนนไปรอฝั่งตรงข้าม จะมีศาลาหลังคาสีเหลืองๆ ไกลๆ ในภาพเป็นที่นั่งรอรถได้ครับ)

    ตอนแรกผมมีความคิดว่าจะรอรถ สาย กระบี่ – ท่าเรือแหลมกรวด นั่งแบบยาวๆ ทีเดียวเลยแบบไม่ต้องต่อรถ แต่รู้สึกว่ารถจะนานๆ มาสักคันนึง น่าจะครึ่งชั่วโมง หรือ หนึ่งชั่วโมง มาคัน ซึ่งต้องใช้เวลาในการรอพอสมควร ระหว่างนั้น เห็นรถสองแถวโดยสาร สายที่ผ่าน อำเภอเหนือคลอง มาถี่มากๆ เลยคิดว่าไปต่อรถที่ อำเภอเหนือคลอง ดีกว่า นั่งจากหน้าสนามบินไปแค่ 5 กิโลเมตรเอง ราคา 15 บาท  รถจะมาจอดที่ ตลาดเหนือคลอง ตรงนี้สามารถแวะซื้อเสบียง ขนมนมเนย ตุนไว้ก่อนก็ได้ จากนั้น สังเกตฝั่งตรงข้ามจะเห็นร้านแว่นท็อปเจริญ คิวรถสองแถวโดยสาร สาย เหนือคลอง – ท่าเรือแหลมกรวด จะจอดในซอย ที่อยู่ใกล้ๆ ร้านนั่นเอง

    เดินเข้าซอย ข้างร้านแว่นท็อปเจริญมาไม่ใกล้ จะเห็นรถสองแถวโดยสาร จอดรออยู่

    รถสองแถว สายเหนือคลอง – ท่าเรือแหลมกรวด จะออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ราคา 40 บาท (ชาวต่างชาติ 50 บาท) มานั่งรอไม่นานรถก็ได้เวลาออกพอดี

    นั่งรถมาประมาณ 40 นาที กับระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร ก็มาถึง ท่าเรือแหลมกรวด ผมได้ถามชาวบ้านคนท้องถิ่นที่นั่งรถสองแถวมาด้วยกันว่า จะไป เกาะจำ ต้องเป็นขึ้นเรือตรงไหน เพราะที่ ท่าเรือแหลมกรวด มีเรือไปทั้ง เกาะจำ และ เกาะศรีบอยา กลัวว่าจะไปเที่ยวผิดเกาะ 55+ ซึ่งชาวบ้านที่นั่งรถสองแถวมาด้วยกันนั้น จะมาต่อเรือไป เกาะจำ กันหมดเลย และ การต่อรถต่อเรือที่นี่ จะเชื่อมต่อเวลากันพอดี ทำให้ไม่ต้องรอนาน พอลงรถ ก็ขึ้นเรือ ได้เวลาเรือออกพอดี ค่าโดยสาร 50 บาท (ชาวต่างชาติ 100 บาท) เขาจะเก็บค่าโดยสารเมื่อไปถึงปลายทางครับ

    เรือโดยสาร เป็น เรือหัวตัด มี 2 ชั้น ชั้นล่างมีที่นั่งเป็นรูปตัว U ชั้นบนเป็นพื้นโล่งมีหลังคาปิดอยู่ด้านบน และมีพื้นที่ว่างด้านหน้าเรือที่สามารถบรรทุกสิ่งของต่างๆ ได้.. ลักษณะของหัวเรือ ที่สามารถเทียบท่าและขนถ่ายสินค้าได้อย่างสะดวก และ ยังสามารถนำมอเตอร์ไซค์ขึ้นเรือข้ามไปเกาะได้ด้วย (ค่านำมอเตอร์ไซค์ข้ามเกาะไปด้วย 50 บาท)

    เรือรอบนี้.. ชั้นล่างถูกจับจองไปหมดแล้ว แต่ยังเหลือพื้นที่ชั้นสองอยู่ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะผมก็เล็งไว้แต่ไกลแล้วล่ะ ว่าจะขึ้นไปนั่งรับลมด้านบน ปีนขึ้นบันไดมาก็หาพื้นที่เหยียดขาสบายๆ ชมบรรยากาศไป รู้สึกชิลเลยทีเดียว..

    เรือแล่นไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งรีบ.. ระหว่างเดินทาง สองข้างทางก็จะเห็นป่าโกงกาง ทำให้เพลินไปกับธรรมชาติที่ดูอุดมสมบูรณ์ เขียวสบาย และ ยังได้เห็นวิถีชีวิตของชาวประมงท้องถิ่นอีกด้วย

    นั่งเรือมาได้ราว 40 นาที ก็เริ่มเห็น สิ่งปลูกสร้างๆ ต่างๆ ที่อยู่บนเกาะ นี่ก็คงจะใกล้ถึงจุดหมาย ท่าเรือมูตู แล้ว

    เรือมาเทียบท่าที่ ท่าเรือมูตู เกาะจำ เป็นท่าเรือแบบง่ายๆ เทียบกับตลิ่งที่เป็นดิน ผู้โดยสารเดินลงจากเรือ พร้อมกับ สิ่งของต่างๆ ที่บรรทุกมาถูกทยอยขนถ่ายลง และ ไม่ลืมที่จะชำระค่าโดยสารด้วยนะครับ เพราะ ณ จุดนี้ ผมก็เกือบเดินตัวปลิว ลืมจ่ายค่าโดยสารให้เขาไป..

    • Posts-4
    CHAILAIBACKPACKER •  May 04 , 2017

    สวัสดีเกาะจำ : จำทำไม? ทำไมต้องจำ?

    เมื่อได้เหยียบบนเกาะจำแล้ว รู้สึกได้.. ว่าเป็นชุมชนที่สงบเงียบดี และ บรรยากาศที่ท่าเรือมูตู ดูสงบกว่าที่เคยคิดเอาไว้ จาก ท่าเรือมูตู สามารถเดินทางต่อไปยังที่พักได้ด้วยบริการ รถแท็กซี่บนเกาะ(สองแถว) ราคาค่าโดยสารก็แล้วแต่ระยะทาง ซึ่งถ้าไป Aosi Bungalow ที่ หาดติงไหร อย่างที่ผมจะไปก็ ราคาคนละ 60 บาท หรือ มาหลายคน เหมาทั้งคันก็ 150 บาท แต่..สำหรับที่พักบางที่จะมีบริการรถรับ-ส่ง ที่พักกับท่าเรือด้วย มารอรับที่ท่าเรือแล้วพาเข้าที่พักเลย และ สำหรับผมเอง ก็มี พี่เกษม จาก Aosi Bungalow เอามอเตอร์ไซค์มารอรับที่ท่าเรือ ไม่ต้องต่อแท็กซี่ให้ไปส่ง ประหยัดมาได้อีกเยอะเลย..

    จาก ท่าเรือมูตู ถ้าเลี้ยวไปทางซ้ายอีก 4 กิโลเมตร จะเป็น บ้านเกาะจำ และถ้าเลี้ยวไปทางขวาอีก 7 กิโลเมตรก็จะเป็น บ้านเกาะปู ส่วนจุดหมายของผมคือ บ้านติงไหร จะอยู่ใกล้ท่าเรือมูตูที่สุด อยู่ห่างไปแค่ 2 กิโลเมตร เท่านั้นเอง

    ปัจจุบันนี้ สภาพถนนเส้นหลักบนเกาะจำ ค่อนข้างดีมาก ราดคอนกรีตอย่างดี จะมีแค่บางช่วง หรือ ช่วงที่แยกเข้าไปยังตัวรีสอร์ทที่พักต่างๆ เท่านั้น ที่สภาพยังขรุขระ และ เละบ้าง เมื่อมาถึงทางเข้าก็จะเป็นทางลูกรังตัดผ่านสวนยางฯ แล้ว เริ่มได้กลิ่นของความสงบเงียบขึ้นมาทันที..

    เลี้ยวรถเข้ามา สู่ถนนเส้นเล็กๆ ที่ตัดผ่านสวนยางฯ เพื่อเข้าสู่ตัวที่พัก ระยะทางสั้นๆ แค่ 300 เมตรเท่านั้น

    เดินทางมาถึง Aosi Bungalow เป็นที่พักติดชายหาดติงไหร อาจจะดูไม่หรูหรา แต่เป็นที่พักที่เรียบง่าย สงบ สบายๆ มีห้องพักทั้งหมด 10 หลัง ตั้งเรียงรายไล่ระดับตามเชิงเขา บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้ สดชื่นเย็นสบาย เหมาะที่จะมาพักผ่อนจริงๆ และ บรรยากาศในวันนี้ดูสงบเงียบมากๆ มีแขกเข้าพักอยู่ไม่กี่หลัง ซึ่งแน่นอนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติทั้งนั้น

    ส่วนของรีเซฟชั่นจะอยู่ติดกับชายหาด เป็นที่ไว้ติดต่อบริการต่างๆ เช่น บริการอาหาร เครื่องดื่ม บริการเหมาเรือเที่ยวรอบเกาะ เดย์ทัวร์(มีทัวร์พาไปเที่ยวเกาะรอกด้วย ราคา 2300-2500 บาท) และ เป็นที่สำหรับทานอาหารเช้าด้วย สามารถมานั่งเล่น อ่านหนังสือ จิบเครื่องดื่ม ชมท้องทะเลได้

    จากนั้น เดินขึ้นเนินเขา ไปดู ห้องพัก กันสักหน่อย ห้องพักแต่ละห้อง จะอยู่เรียงรายไล่ระดับกันไป โดยจะหันหน้าออกไปรับลมทะเล แค่ออกมานั่งเล่นที่ริมระเบียง ก็มองเห็นท้องทะเลสุดลูกหูลูกตาแล้วครับ

    ถ้ามองจากชายหาดด้านล่างห้องพัก จะอยู่หลังบนสุดเลย ..วิวดีมากๆ

    สภาพโดยรอบห้องพักเต็มไปด้วยต้นไม้ ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ รู้สึกสดชื่นดีมาก แต่ก็มี ข้อเสีย เพราะยุงก็จะเยอะเหมือนกัน

    เข้ามาดูภายในห้องพักกันบ้าง มีห้องน้ำในตัว มีเตียง พร้อมมุ้ง ซึ่งมุ้งยังไงก็ต้องได้ใช้แน่นอนเพื่อกันยุง (แต่ที่พักก็มียาจุดกันยุงเอาไว้ให้ด้วย หรือ ถ้าติดสเปรย์กันยุงไปด้วยก็จะดีมาก) ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น แต่มีพัดลมหนึ่งตัว ซึ่งอาจจะไม่ค่อยได้เปิด เพราะลมทะเลพัดโชยเข้ามาตลอด นอกนั้นก็มี ผ้าเช็ดตัว น้ำดื่ม เหมือนกับที่พักทั่วๆ ไป และ พี่เกษม ผู้ดูแลที่พักก็ได้กำชับอีกด้วยว่า “ให้ระวังลิงด้วย..” อย่าทิ้งอาหาร หรือ ขนมไว้ในห้อง เดี๋ยวลิงจะเข้ามารื้อกิน แต่ไม่ต้องกลัวเวลาคนอยู่ ลิงจะไม่เข้ามา ได้ใกล้ชิดธรรมชาติของแท้เลย 55+

    เปิดประตู เพื่อมาชมบรรยากาศที่ระเบียงหน้าห้องกันบ้าง เนื่องจากเป็นห้องพักที่อยู่บนที่สูง จึงเห็นวิวท้องทะเลได้อย่างกว้างไกล ทุกอย่างดูสงบเงียบ จนได้ยินเสียงคลื่นซัดฝั่งได้อย่างชัดเจน..

    แค่ได้นั่งเล่นอยู่ที่ตรงระเบียง ก็แทบจะไม่ต้องออกไปไหนแล้ว นั่งมองทะเล ชิลๆ สบายๆ พักผ่อนไปเรื่อยเปื่อย

    ตกเย็น.. แดดร่ม ลมตก ได้เวลาออกมาเดินเล่นริมหาด ซึ่งชายหาดอาจจะดูไม่ขาว สวย เหมือนกับที่อื่นๆ แต่ มันก็ดูดิบๆ เป็นธรรมชาติดี ยิ่งยามเย็นเช่นนี้ บรรยากาศยิ่งเงียบขึ้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่พบเจอก็จะเป็นชาวต่างชาติ ที่นานๆ จะเห็นเดินผ่านมาสักคนนึง

    เดินผ่านที่พักอีกหนึ่งที่ ที่อยู่ไม่ไกลกัน ซึ่งจะมีที่พักแบบนี้ อยู่ตลอดทั้งแนวชายหาด

    ยามเย็นอย่างนี้.. สามารถชม พระอาทิตย์ตก ที่ชายหาดได้เลย โดยไม่ต้องเดินไปไหนไกล ซึ่งบรรดานักท่องเที่ยวก็จะออกมาเดินเล่น รอชมพระอาทิตย์ตก แต่.. น่าเสียดายที่วันนี้ เมฆค่อนข้างมาก มองไม่เห็นพระอาทิตย์เลย ซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แค่ได้เดินเล่นในบรรยากาศแบบนี้ก็โอเคแล้วเนอะ!

    และแล้ว.. ก็ได้เวลา อาหารเย็น ซึ่งเผอิญเดินเล่น ไปเจอ ปลาตากแห้งเสียบไม้ อยู่ในร้านขายของเล็กๆ ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ปลาอะไร? เห็นว่าราคาแค่ ไม้ละ 5 บาท และ มะ เจ้าของร้านบอกว่า..อร่อย ก็เลยซื้อติดไม้ติดมือมากลับมา พร้อมด้วย กาละแม อันละ 5 บาท สำหรับเป็นของหวาน ประกอบกับเป็นคนที่กินง่ายอยู่ง่าย อยู่แล้ว ก็เลยสั่งข้าวไข่เจียวกับทางที่พัก มากินกับปลาที่ซื้อมา อิ่ม อร่อย ประหยัด และ สบายพุงก่อนนอน..

    • Posts-5
    CHAILAIBACKPACKER •  May 04 , 2017

    เช้าวันใหม่.. แว๊นซ์ไปรอบ เกาะจำ!

    นอนฟังเสียงคลื่นซัดหาดทรายตลอดทั้งคืนจนหลับไป.. ตื่นมากับเช้าวันใหม่ ก็ยังคงได้ยินเสียงคลื่นอยู่ แม้จะดูเบาบางลงไปบ้าง บรรยากาศยามเช้าก็ยังคงเงียบสงบเหมือนเดิม บริเวณใกล้เคียงคล้ายจะไร้ซึ่งเสียงของผู้คน เดินเมาขี้ตา ลุกจากเตียง มานั่งโง่ๆ มองทะเลที่ริมระเบียง เป็นเช้าที่ดูอากาศสดชื่นแจ่มใสมาก!

    มองไปที่ชายหาดด้านล่าง แอบมองเห็น ฝรั่งหนุ่มนายหนึ่ง เดินเล่นอยู่ชายหาด เตรียมจะลงไปเล่นน้ำทะเล ซึ่งก็อยากลงไปเล่นบ้าง ท่าทางคงจะเย็นสบายดี แต่ไม่รู้ทำไม.. ตอนนี้ ความขี้เกียจ มันดันสิงร่างอยู่ ขี้เกียจแม้กระทั่งไม่ลงไปทานอาหารเช้า ขอนั่งเล่นอยู่ตรงนี้ไปสักพักดีกว่า ทริปนี้เน้นพักผ่อน ไม่ต้องออกแรงมากก็ได้ 55+

    เมื่อสลัดความขี้เกียจออกจากร่างกายแล้ว.. ก็ถึงเวลาที่ต้องออกไปเที่ยว ดูอะไรรอบเกาะ กันสักหน่อย วิธีที่สะดวกที่สุดก็คือ การเช่ามอเตอร์ไซค์ ราคาเช่าต่อวันอยู่ที่ 250-300 บาท มีร้านบริการให้เช่าบนเกาะ หรือ จะติดต่อกับทางที่พักก็ได้ ซึ่งหลังจากติดต่อเช่ากับพี่เกษมที่ดูแลที่พักแล้ว เห็นว่าผมใช้รถแค่ไม่กี่ชั่วโมง เลยให้รถมาไว้ใช้ฟรีๆ ดีจัง! แต่ต้องเติมน้ำมันเองเท่านั้น..

    จากที่พัก.. ผ่านทางลูกรัง เข้ามาในหมู่บ้าน จะเห็นปั๊มน้ำมันเล็กๆ ทั้งปั๊มหลอด ปั๊มขวด อยู่หลายจุดเหมือนกัน

    เติมน้ำมันเรียบร้อยแล้ว.. ก็ได้เวลาแว๊นซ์ไปเที่ยวรอบเกาะ โดยเริ่มจาก หาดติงไหร นี้ก่อน ซึ่งก็เป็นชายหาดที่ทอดตัวยาวมากเป็นกิโล สนใจตรงไหนก็แวะจอด ลงเดินเล่นชมบรรยากาศไป.. จึงได้เห็นกิจกรรมริมหาดต่างๆ อย่าง เดินเล่น ตกปลา หรือ พายคายัค

    ชายหาดที่นี่อาจไม่ขาวเนียน แต่ก็ ดิบ และ เป็นธรรมชาติดี ในบางจุดก็อาจจะได้เห็นชีวิตของสัตว์ต่างๆ

    จากนั้น.. ลงไปถึงหมู่บ้านใต้สุดของเกาะ ที่ บ้านเกาะจำ ผ่าน โรงเรียนบ้านเกาะจำ

    ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวประมงที่นี่ ซึ่งกำลังเตรียมตัวจะไปทำการวางลอบหมึก

    ชาวประมงกำลังซ่อมแซมเครื่องมือหาเลี้ยงชีพ

    เจอตลาดขายของสด พวกผัก และผลไม้ ซึ่งบางส่วนไม่ได้มีปลูกบนเกาะ ต้องรับมาจากตลาดเหนือคลอง เพื่อนำมาขายต่ออีกที

    เริ่มเข้าช่วงสาย.. รู้สึกชักจะหิว อาหารเช้าของที่พักก็ไม่ได้กิน ก็เลยต้องหาอะไรใส่ท้องสักหน่อย ซึ่งอันที่จริง.. บนเกาะจำมีร้านอาหารแนะนำ ที่ต้องไปกิน อย่าง ร้านเกาะจำซีฟู๊ด แต่พอดีอยากจะประหยัดงบ ประกอบกับ อยากหาอะไรกินแบบชาวบ้านๆ สักหน่อย ก็เลยวนๆ รถหาดู ซึ่งร้านส่วนใหญ่ ร้านขายอาหารเช้าเขาก็เปิดขายเฉพาะช่วงเช้า จนจะเก็บของกันหมดแล้ว พอดีมาเจอร้านนึงยังเปิดอยู่ก็เลยได้จอดรถ แวะลงมานั่งกิน โดยกะว่าจะรีบกิน แล้วรีบไปต่อ แต่.. คุยกับ มะ เจ้าของร้านเพลินไปหน่อย ก็เลยได้นั่งยาวเลย.. มะ บอกว่า.. เมื่อก่อนสักสิบปีที่แล้ว เกาะจำ ยังไม่ได้เจริญขนาดนี้ ถนนหนทางดีๆ ไฟฟ้าต่างๆ ก็เพิ่งมีมาไม่นาน ช่วงหลัง..มานี้ นักท่องเที่ยว มีเยอะขึ้น แต่ก็ยังน้อย เมื่อเทียบกับ สถานที่อื่นๆ เมื่อนักท่องเที่ยวเริ่มมีมากขึ้น ชาวบ้านบางส่วนก็หันมาทำที่พัก หรือ โฮมสเตย์ ไว้รองรับ

    สรุป มื้อนี้หมดไป 35 บาท เท่านั้นเอง! (ข้าวหมกไก่ 20 บาท, ขนม – เรียกไม่ถูกเหมือนกันครับ เป็นข้าวเหนียวหน้ามะพร้าว 5 บาท, กาแฟ 10 บาท)

    อิ่มแล้วก็ไปกันต่อ.. แว๊นซ์ไป หมู่บ้านเหนือสุดของเกาะกันบ้างที่ บ้านเกาะปู ซึ่ง เกาะจำ กับ เกาะปู ก็อยู่บนเกาะเดียวกันนี่แหละครับ แต่แยกตามชื่อหมู่บ้านเท่านั้น ถนนหนทางจากทางคอนกรีตอย่างดี พอเข้าเขต บ้านเกาะปู ทางจะเป็นถนนลูกรัง ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร สองข้างทาง ผ่านทั้งป่า และ สวนยางฯ ยิ่งเข้าไปลึก บรรยากาศก็ยิ่งเงียบได้ใจจริงๆ

    แล้วถนนเส้นนี้ ก็มาสิ้นสุด อยู่ที่ หาดลูโบ๊ะ บ้านเกาะปู พอดี!

    หาดลูโบ๊ะ เป็นหาดขนาดเล็ก อยู่ในเขตบ้านเกาะปู มีแนวชายหาดโค้งเว้าค่อนข้างสั้น และหาดทรายไม่ได้ขาวเนียน แต่โดยรวมก็น่ามาพักผ่อน เพราะดูเงียบสงบดีมากๆ

    สบายดีบาร์ ที่ หาดลูโบ๊ะ ในช่วงเวลาค่ำคืนน่าจะนั่งชิลดีเหมือนกัน ก่อกองไฟริมหาด จิบเบียร์ นั่งดูดาว ซึ่งที่จริงว่าจะลองแวะมาตั้งแต่เมื่อคืน แต่ทางเข้าไกลไปหน่อย และค่อนข้างมืด ก็เลยอดซะงั้น ไว้โอกาสหน้าค่อยกลับมาอีกที..

    ใช้เวลาไม่นานที่ หาดลูโบ๊ะ ก็ขอแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ วกกลับลงทางใต้ มาแถว หาดติงไหร เหมือนเดิม ซึ่งหาดบริเวณนี้ต้องเข้าซอยเล็กๆ ที่เป็นทางลูกรังแยกมาจากถนนเส้นหลักพอสมควร ก็เลยค่อนข้างที่จะดูสงบเงียบหน่อย..

    จากนั้น.. แว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ ลงไปทางใต้อีกนิด เป็นส่วนของ หาดติงไหร เช่นกันครับ ตรงนี้หาดจะติดกับถนนเส้นหลักเลย เอารถไปจอดใต้ต้นมะพร้าว แล้วลงไปเดินเล่นที่ชายหาดได้

    บริเวณนี้บรรยากาศค่อนข้างจะคึกคักหน่อย เพราะมีรีสอร์ท ที่พัก อยู่เยอะ ประกอบกับ อยู่ติดกับถนน ก็เลยมีทั้งนักท่องเที่ยว มาลงเล่นน้ำ รวมไปถึง เด็กๆ ในพื้นที่ก็มาลงเล่นน้ำคลายร้อนเช่นกัน

    น้ำทะเลใสแจ๋ว.. ชวนให้โดดลงไปเล่นกับ เด็กๆ ซะจริงๆ ..เห็นเด็กๆ เล่นกันอย่างสนุกสนานแล้ว คล้ายจะอดใจไม่อยู่ 55+

    • Posts-6
    CHAILAIBACKPACKER •  May 04 , 2017

    ลาแล้ว.. เกาะจำ!

    เมื่อดูนาฬิกาแล้ว.. ได้เวลาอันพอสมควร ก็เลย.. คิดว่ากลับที่พักก่อนดีกว่า เผื่อเวลาไว้เก็บของ และอาบน้ำอาบท่าสักนิด แว๊นซ์ขึ้นเหนือต่อเพื่อเข้าสู่ที่พัก แล้วรีบเอามอเตอร์ไซค์ไปคืนพี่เกษมที่ใจดีให้ยืมมาใช้ จากนั้นก็นัดแนะเวลากลับ ซึ่งพี่เกษมแนะนำว่า.. ควรนั่งเรือกลับอย่างช้าที่สุดจาก ท่าเรือมูตู(เกาะจำ) คือ เรือรอบ 13.30 น. เพราะจะได้ทัน กับ รถสองแถว เข้าเมืองกระบี่ เที่ยวลุดท้าย เวลา 14.30 น. พอดี.. และ ขากลับพี่เกษมก็จะอาสาขับมอเตอร์ไซค์คันเดิมไปส่งที่ท่าเรืออีกด้วยครับ..

    ช่วงนี้.. มีเวลาอีกหน่อย หลังจากจัดการเก็บของเรียบร้อย ก็มานั่งชมวิวเล่นๆ ที่ระเบียงหน้าห้องอีกนิด บรรยากาศดี จน รู้สึกว่า.. ไม่อยากจะกลับขึ้นมาทันที

    อีก 15 นาที เรือจะออก.. แต่ก็ไม่ได้เร่งรีบอะไรมาก เพราะท่าเรืออยู่ห่างจากที่พัก แค่ 2-3 กิโลเมตรเท่านั้นเอง โดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ซ้อนท้ายพี่เกษม มุ่งหน้ากลับไปยังท่าเรือมูตู ซึ่งเมื่อถึงท่าเรือก็เห็นเรือจอดอยู่ เตรียมขนถ่ายสินค้า พร้อมออกเรือในอีกไม่กี่นาทีนี้..

    เรือออกตรงเวลาเป๊ะ! เดินทางออกจาก เกาะจำ กลับเข้าสู่ฝั่งที่ ท่าเรือแหลมกรวด เที่ยวเรือที่นั่งกลับมานี้ คนค่อนข้างน้อย มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ก็เลยได้นั่งสบายๆ เหยียดขาอยู่ชั้นล่าง โดยไม่ต้องปีนขึ้นไปนั่งชั้นสองเหมือนขามาแล้ว ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็กลับมาถึง ท่าเรือแหลมกรวด ซึ่งก็เห็น.. รถสองแถวเที่ยวสุดท้ายที่จะเข้าเมืองจอดรออยู่พอดี ผู้โดยสารบางส่วนที่นั่งเรือมา ก็มาต่อรถเที่ยวนี้กลับเข้าเมือง นั่งรอบนรถไม่นาน.. รถก็ออกเดินทางยิงยาวกลับเข้าสู่ ตัวเมืองกระบี่ ในเส้นทางเดิม ที่ต้องผ่าน สนามบินกระบี่ อยู่แล้ว ก็กดกริ่งลงหน้า สนามบิน แล้วเดินทางกลับ กทม. ได้อย่างสบาย..


    ทริป เกาะจำ.. นี้ ก็เป็นการเดินทางที่สนุกดีเหมือนกัน รู้สึกชอบที่ได้เห็นธรรมชาติสวยๆ ทะเลใสๆ บรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะแก่การไปพักผ่อนเช่นนี้ และ การเดินทางก็ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด สามารถเดินทางไปเองด้วยขนส่งสาธารณะ นั่งรถ ลงเรือ ได้อย่างง่ายๆ แถม.. ประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย คุ้มค่ามากเลย!

    เกาะจำ แต่.. ทำไม ทำไม.. ต้องจำ? อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน..
    เอาเป็นว่า.. จะไม่ “ลืม” ล่ะกันนะ แล้วไว้เจอกันใหม่..

    บ๊ายบาย.. สวัสดี..

     

     

    ติดตามการเดินทางทริปอื่นๆ ได้ที่..

     

    การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER

    Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker

    Instagram : CHAILAIBACKPACKER

    Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9