ไปเติม Oxygen เข้าปอดกาญญญ 2 วัน 1 คืน พร้อมที่พักสุด Private แพบ้านโยค
อยากจะไปพักกาย พักใจ แต่ไม่อยากไปไกลถึงทะเลใต้ จะไปไหนดีนะ.......???
เมื่อไม่ได้ไปว่ายน้ำดูปลา ก็อยากเล่นจะน้ำตกเย็นๆชื่นใจ อยากใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์อยู่กับธรรมชาติ อยากพักที่พัก private ชิลๆๆ หาข้อมูลไปมาก็เจอจังหวัดกาญนี่แหละ เดินทางก็ไม่ไกลจากรุงเทพเลยแก เซฟเวลา เซฟเงินในกระเป๋า เมื่อนั้น โทรไปที่พักคอนเฟิมเรียบร้อย อ่ะมีที่ซุกหัวนอนละะ จากนั้นก็แพ็คกระเป๋ากันไปเล้ยยยยยย......
ทริปนี้เป็นการรีวิวครั้งแรกของเรา อาจจะยาวหน่อยแต่ขอบอกว่าสาระมีอยู่จริงๆนะยูวว เราเป็นสายลุยๆ การเดินทางเลยอาจจะไม่เหมือนชาวบ้านซักหน่อย แต่รับรองว่าใครๆก็ไปแบบเราได้แน่นอน!!!
ทริปนี้ที่แพลนไว้คือ
นอนแพริมน้ำ | เล่นน้ำตกไทรโยคใหญ่ | ล่องเรือชมธรรมชาติ | ล่องแพ ป่ะลุยย!!!
DAY-1แหกขี้ตาตื่นมาตอนตี 4 อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ตี 4.30 จากนั้นโบกพี่แท็กไปสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (แถวๆตลิ่งชัน ไกล้ไกลลล) จากหอเราไปถึงสถานีขนส่งก็ตี 5.20 น. รอขึ้นรถทัวร์ไปกาญจนบุรีชานชาลาที่ 10 ทันรอบตี 5.30 น.พอดี๊ ซื้อตั๋วตอนขึ้นรถ ค่ารถ 99 บาทถ้วนนน ขอบอกว่ารถออกตรงเวลามากเพราะฉะนั้นควรไปถึงก่อนนะ และเมื่อได้เวลาแล้วก็ไปกันเลยยย ใช้เวลาเดินทางไป บสข. กาญก็ประมาณ 3 ชม. แอร์เย็นและหนาวส่งผลกระทบต่อหนังตาพี่มากนะจุดนี้ ณ ตอนนี้ขอหลับเอาแรงก๊อนนนzzZZ
ประมาณ 9.00 ได้ ก็ถึงบขส.กาญแล้วววว หิวมากกก ไปหาไรกินก่อนแถวๆบขส เลย เลยแวะร้านก๋วยเตี๋ยวหมูมะนาว มีข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ต้มเลือดก็มี ก็จัดไป 2 เมนูเบาๆ.....
เอาล่ะ เมื่ออิ่มแล้วก็พร้อมออกรบบ ต่อไปจะไปเยี่ยมชมแลนด์มาร์คของจังหวัดนี้ซักหน่อย ไปสะพานข้ามแม่น้ำแควกัน จาก บขส.กาญต้องนั่งรถสองแถวสีเหลืองที่ข้างรถเขียนว่า ลาดหญ้า นะถึงจะผ่าน ค่ารถก็คนละ 10 บาท แต่รถจอดแค่หน้าทางเข้า ต้องต่อรถเข้าไปอีกก พวกเราเลยรวบรวมความกล้าเพราะจะโบกรถเข้าไป (จริงๆคือมีความงก) โบกคันที่ 1 "พี่ครับๆ ผ่านทางไปสะพานข้ามแม่น้ำแควหรือเปล่าครับ ผมขอติดรถเข้าไปด้วยได้ไหมครับ" ผ่านครับ ขึ้นมาเลยยย ณ ตอนนั้นคือแบบอยากกราบพี่งามๆเบญจางคประดิษฐ์ 3 ที และแล้วเราก็มาถึงแล้วค่าาา สะพานข้ามแม่น้ำแควอันโด่งดังง........ขอบอกว่าคนเยอะมากเลย ขนาดนี่ว่าไปเช้าแล้วนะ...... เราก็ถ่ายรูปเล่นกับสะพานไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาประมาณ 10.30 น. ก็ตัดสินใจว่าจะไปไทรโยคใหญ่เลย เพราะเช็คอิน 14.00 น. และล่องแพตอน 17.00 น. ตื่นเต้นอยากไปถึงเร็วๆ
การเดินทางก็ต้องนั่งรถเมหวานเย็นคาดสีแดงที่มีป้ายข้างหน้าว่าทองผาภูมิ เห็นแล้วก็ขึ้นโลดดด ค่ารถไปอุทยานแห่งชาติไทรโยคก็ 55 บาทถ้วนจ้าาา (อ้อ ที่ไปไทรโยคเพราะที่พักอยู่ในอุทยานนะ) ระหว่างนี้ก็นั่งดึ๋งๆๆๆกันไปประมาณ 2 ชม. ได้
ในที่สุดก็มาถึงล้าววววว ประมาณเที่ยงพอดี ก็หาไรแถวนั้นกินกัน จัดส้มตำกันไป........
พออิ่มท้องก็พร้อมออกรบอีกครั้ง จากปากทางเข้านี้ไปยังอุทยานก็ประมาณ 2-3 กิโล มีช็อยส์คือนั่งตุ๊กๆ เข้าไปเสียคนละ 30 บาท แต่!!! พวกเรามีกลยุทธ์ที่ได้ผลมาแล้วนั่นก็คือการโบกรถ555555 เดินไปเดินมาเจอเป้าหมายแล้ว เห็นพี่เขากำลังขนของอยู่เลยลองถามดู
"พี่คะเข้าอุทยานไทรโยคหรือเปล่าคะ พวกหนูขอติดรถเข้าไปด้วยได้ไหมคะ"
"อ่อได้ค่ะ พี่กำลังจะเข้าพอดี เดี๋ยวน้องเข้าไปรอในรถเลย รอพี่แปปนึงนะ"
"ค่าา ขอบคุณมากนะคะะ ^______^ " ซึ้งใจมากเยย
นั่นแหละฮะ ไม่ต้องเสียค่าตุ้กๆ 30 บาท 555555 ที่พีคกว่านั้นคือพี่เค้าเป็นคนท้องที่ ซึ่งนั่งรถไปกับพี่เขาเนี่ยเราไม่ได้เสียค่าผ่านด่าน 100 บาทด้วย อุ้ยยยโชคดีไปอี้กกกกกก และคุยไปคุยมาพี่เขาเป็นญาติกับแพที่เราจะไปพักด้วย โชคดีดับเบิ้ลเลยฮะ พี่เขาพาไปส่งใกล้ที่พักเลย ใจดีมากๆๆๆๆ
ในที่สุดเราก็มาถึงแล้วค่าา แพริมน้ำของเรา ชื่อ แพบ้านโยค ฮะ...
....มีป้ายบอกทางลงชัดเจน.....
....ทางลงชันนิดนึงเนอะ แต่ไม่น่ากลัวค่ะ สบายๆ.....
.....พอผ่านบันไดมาแล้วก็จะเจอสะพานข้ามไปยังที่พักคะ เย้เย้ ถึงล้าววว......
....นี่จะเป็นด้านหลังแพนะคะซึ่งเป็นทางเข้าเลย แพเราอยู่ริมสุดเลยค่ะ พอดีรีเควสไว้ อิอิ.....
.....ทางนี้จะเป็นโซนทานอาหารค่ะ นั่งเก้าอี้สูงๆ มองบรรยากาศ ดี้ดี.....
ต่อไปเราไปดูในส่วนด้านหน้าแพกันบ้างง
.....ตรงนี้เป็นมุมจากโซนทานอาหารค่ะ สวยเนอะะะะ....
....มุมจากแพเราเองแหละ คือดีย์อ่า....
ขอบอกว่า แพบ้านโยคนี้เป็นแพที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อปีที่แล้วค่ะ มีความเป็นส่วนตัวสูงมาก จะเห็นได้จากจำนวนแพที่มีเพียง 4 แพ ซึ่งให้ความรู้สึกสงบและดื่มด่ำธรรมชาติได้โดยไม่มีความวุ่ยวายใดๆ ไม่มีเสียงรบกวนจากแพข้างๆ ส่วนตัวสุดๆเลยค่ะ และที่เห็นจุดเด่นของแพนี้คือเก้าอี้ไม้ด้านหน้าแพค่ะ ดีไซน์ไม่ได้แบนๆราบๆนะ แต่จะมีความโค้งทั้งด้านบนและด้านล่างให้ความรู้สึกเหมือนนอนอยู่บนเรือเลย เก๋ดี
สำหรับราคานะคะ ที่แพบ้านโยคมี 2 ราคา ถ้าเป็นวันธรรมดาจะ 1,490/2 ท่าน จะรวมกิจกรรมล่องแพและอาหารเช้า และวันหยุดเสาอาทิตย์ จะอยู่ที่ 1,990/2 ท่าน แบบแพ็กเกจเหมือนกันค่ะ ราคาก็ไม่ได้หนีจากแพอื่นๆมาก แต่ความสงบ ความ private ที่นี่ตอบโจทย์มากค่ะ
ขณะนี้เป็นเวลาบ่ายสองโมง คือพวกเรามาถึงกันไวมากๆค่ะ ก็นั่นแหละค่ะถ่ายรูปวนไป เพื่อรอเวลา 5 โมงไปล่องแพ เหลือเวลาอีกตั้ง 2 ชม. แน่ะ ไปเดินเล่นที่ไทรโยคใหญ่ดีกว่า พี่เจ้าของแพใจดีมากค่ะ ให้พวกเรายิมมอไซค์ไปขับเล่นด้วย ที่พักก็ดี บริการก็ดี แถมใจดีสุดๆ และเราก็มาถึงไทรโยคใหญ่ค่ะ .....ที่พักแพริมน้ำเต็มเลยย เราก็โทรมาจองที่นี่นะแต่เต็ม!! เวิ้งนี้ขอบอกว่าใกล้น้ำตกมากค่ะ.. ....เดินเล่นไปเล่นมา เอ้ยย 4.30 โมงละ รีบกลับไปเตรียมตัวเล่นน้ำดีกว่า.....และแล้วก็ได้เวลา 5 โมงเป๊ะ ก็ล่องเรือไปที่น้ำตกไทรโยคใหญ่ แถวๆ สะพานแขวนที่เราไปกันมานั่นแหละค่ะ
ไปค่ะพี่สุชาติ!!!!
....ถึงแล้ววว น้ำตกไทรโยคใหญ่ คือน้ำตกไหลแรง และเย็นมากกๆเลยค่ะ ฟินมากกก..... ....อยากรู้ว่าน้ำแรงแค่ไหน ถามใจน้องตุ้ยนุ้ยดูค่ะ 555555...และเราก็ไปเล่นน้ำ คือกล้องถ่ายรูปคือเก็บไปเลยค่ะ ฟินกับการเล่นน้ำมากก ขอบอกว่าถ้าจะมากาญจนบุรีแล้วล่ะก็ น้ำตกไทรโยคใหญ่นี้อย่าพลาดเลยนะคะ มันดีย์งามจริงๆ สดชื่นมากๆ และเขาก็ปล่อยให้เราเล่นน้ำตกประมาณชั่วโมงนึงค่ะ
...เล่นน้ำตกเสร็จแล้วยังไม่หนำใจ มาต่อที่หน้าแพเราก็ด้ายยยยย....พอเล่นน้ำจนตัวเปื่อยก็ได้เวลาทานข้าวค่ะ พอดีพี่เขาให้สั่งไว้ตอนก่อนออกไปเล่นน้ำตก เพราะกลัวกลับมาสั่งจะทำไม่ทัน พอกลับมาจากเล่นน้ำตกจะได้ทานเลย ที่สั่งไปก็จะมีผัดพริกแกงกุ้งปลาหมึก ผัดฉ่ากุ้งปลาหมึกและผลาทัดทิมทอดกระเทียมค่ะ ฟินเฟร่อออ และด้วยความหิวก็ลืมถ่ายรูปไปเลยค่ะ 55555 จบไปแล้วกับกิจกรรมในวันนี้ พรุ่งนี้ก็กลับแล้วเห้อๆๆๆ ทำไมเวลาผ่านไปไว้ไว
DAY-2
นาฬิกาปลุกดัง 7 โมงเช้า ตื่นมาทาน breakfast กัน
แพลนวันที่ 2 ในช่วงเช้านี้เราว่าจะไปเล่นธารน้ำของน้ำตกไทรโยคใหญ่ กะว่าจะเช็คเอาท์ซักเที่ยง......และนี่คือ พุต้นน้ำ (Water Source) ที่เป็นต้นน้ำของน้ำตกไทรโยคใหญ่ ไหลแรงตั้งแต่ต้นน้ำเลยทีเดียว.....
เล่นน้ำไปเล่นน้ำมา 10 โมงละค่ะ และยังไม่ได้อาบน้ำ ก็เลยรีบกลับไปเก็บของก่อน check out เที่ยง
และต่อไปเราจะไปน้ำตกไทรโยคน้อยกันเพื่อนั่งรถไฟฟรีไปลงที่สถานีกาญจนบุรีและต่อรถกลับกรุงเทพ คือมากันแค่ 2 วันแต่ก็ต้องมาให้คุ้ม ทุกนาทีมีค่า จริงๆ ขากลับไปไทรโยคน้อยเราจะกลับรถเมเหมือนตอนขามานะ แต่ดันพลาดไปนิดเดียว พี่แถวนั้นบอกออกไปก่อนหน้าน้องมาแปปเดียว ทีนี้จะเอาไง? ก็มาจบที่กลยุทธ์เดิม โบกค่ะโบกกกกก สรุปก็ฟรีอีกแล้ว55555 นั่งกันไปจนถึงไทรโยคน้อยเล้ยยยย มาถึงล้าววว น้ำตกไทรโยคน้อยยย เอ่อออ....เดี๋ยวนะ นี่หรอน้ำตกหรือนี่คือเยี่ยวแมว? ทำไมมันไหลน้อยนิดงี้อ่ะ เราไม่ได้เข้าไปดูข้างในอุทยานเลยเพราะเห็นรถไฟฟรีมาลงจอด และคนก็เยอะมาก ร้อนมากด้วย เลยไปหาไรกิน ซื้อโรตีมะพร้าวอ่อนที่ดังๆมานั่งดูน้ำตกเยี่ยวแมวชำเลืองดูนาฬิกา เฮ้ยย บ้าย 3 ละ รถไฟฟรีออกบ่าย 3 ครึ่ง จากไทรโยคน้อยไปสถานีรถไฟน้ำตก ก็ต้องนั่งรถสองแถวไปอีก 2 กิโล คนละ 20 บาท
พอไปถึงสถานีก็เตรียมหยิบบัตรประชาชนออกมาเพื่อรับตั๋วฟรี และในที่สุดเราก็ได้ตั๋วรถไฟฟรีมา ฮ่าฮ่าาาฮ่า
เราเลือกนั่งทางฝั่งขวา เพราะจะได้เห็นวิวแม่น้ำแควน้อยและเห็นทางรถไฟสายมรณะ
15.30 ปู้นนนนนนนนน
.....และแล้วก็มาถึง Highlight สถานีนี้คือ ถ้ำกระแซ เป็นสถานีที่ฝรั่งขึ้นมาเยอะมาก เพราะที่นี่มีประวัติศาสตร์ของการสร้างรางรถไฟสายมรณะ..... ..... เดินทางมาเรื่อยๆ ๆ ๆ ๆ ประมาน 5.30 ก็ถึงสถานีสะพานแควใหญ่หรือสะพานข้ามแม่น้ำแควนั่นเอง...........ต่อไปเป็นสถานีกาญจนบุรี เราลงสถานีนี้ และต่อรถสองแถวเข้า บสข.กาญ คนละ 20 บาท มาถึงบขส ก็ 6.30 น. คือกะจะกลับรถทัวร์แต่ไปถามพี่ๆที่สถานีได้ความว่า รถทัวร์ไปกรุงเทพมีรอบเดียวคือบ่ายโมง!!! เดี๋ยววๆๆๆๆ รถจากกรุงเทพมากาญวันนึงมีรถออกทุกชม. แต่กาญไปกรุงเทพมีรอบเดียว อะไรคือความยุติธรรมคะ?? และเมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็เลยต้องนั่งรถตู้กลับกัน แต่ส่วนใหญ่จะไปจอดที่สถานีขนส่งสายใต้ เราเลยต้องเลือกคันที่ไปจอด mrt จัตุจักรได้ ก็โชคดีที่ยังมีอยู่ ได้รอบ 19.00 น. ราคาตั๋ว 120 บาทถ้วน รถออกตรงเวลาดี มาถึงกทม ก็ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ ถึงหอ อาบน้ำ นอน...zzZZ
จบทริป.....
สรุปค่าใช้จ่าย
แบ้งพัน 2 ใบ เหลือแบ้งแดง 2 ใบนะ อิอิ
ข้อมูลเพิ่มเติม --> http://www.kanchanaburi-info.com/th/about.html
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ทนอ่านจนจบนะ รู้สึกว่าเป็นการรีวิวที่ยาวมากๆเลย หวังว่าการรีวิวของเราจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังจะไปที่นี่น้าาา....<3