การเดินทางครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งทริปประทับใจในความทรงจำ เนื่องจากเกินความคาดหวังไว้มาก จุดเริ่มต้นมันเกิดจากการเดินทางครั้งล่าสุดของผมที่ไปแม่ฮ่องสอนมา เมื่อเดือน ก.ค.59 ตอนขากลับ กทม. ผมใช้เส้นทางจากแม่ฮ่องสอนเลียบแนวชายแดนผ่าน จ.ตาก มีหนึ่งในสถานที่ที่ผมขับรถผ่าน คือ อุทยานแห่งชาติแม่เมย ซึ่งในวันนั้นผมไม่มีเวลาแวะเข้าไปดู เนื่องจากต้องรีบกลับ กทม. จากวันนั้น ผมเลยตั้งใจว่า ครั้งหน้าจะลองหาโอกาสมาเที่ยวอุทยานแห่งชาติแม่เมยบ้าง
หลังจากที่เคลียร์ตัวเองได้ ผมก็วางแผนจะไปที่อุทยานแห่งชาติแม่เมยกัน โดยใช้วันหยุดในช่วงเสาร์ – อาทิตย์ เป้าหมายที่คาดหวังไว้ คือ อยากจะไปเห็นทะเลหมอกที่นั่น เพราะเขาร่ำลือกันว่า เป็น Unseen ทะเลหมอก ที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่ง
จากการหาข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานฯ ในโลกโซเชียล ก็พอจะรู้ว่ามีจุดใดในอุทยานฯ ที่เราควรไปบ้าง และเพื่อความสบายใจ ก่อนเดินทางผมโทรไปถาม จนท.อุทยานฯ ว่าช่วงนี้ให้นักท่องเที่ยวไปกางเต้นท์นอนค้างคืนบนอุทยานฯ ได้หรือไม่ และสภาพลมฟ้าอากาศช่วงนี้เป็นอย่างไร ก็ได้รับคำตอบว่าสามารถไปได้ ส่วนจุดกางเต้นท์ แนะนำให้กางเต้นท์ที่ม่อนครูบาใส แต่จะไม่สะดวกเรื่องห้องน้ำ ส่วนเรื่องอาหารการกินนักท่องเที่ยวต้องเตรียมไปเอง สภาพอากาศมีฝนตกเกือบทุกวัน อากาศบางวันก็เปิด บางวันก็ปิด ไม่แน่นอน
ผมออกเดินทางจาก กทม. ในคืนวันศุกร์ ที่ 26 ส.ค.59 เพื่อจะเข้าพื้นที่อุทยานฯ ในวันเสาร์ แต่ว่าจากการคำนวณเวลาในการเดินทาง เวลาว่างในช่วงเช้ามันเหลือเยอะมาก ก็กลัวว่า เมื่อเข้าไปในอุทยานแล้วจะไม่มีกิจกรรมอะไรทำ ผมกับแฟนเลยตกลงใจว่า จะขับรถเลย จ.ตาก ขึ้นไป จ.เชียงใหม่ ก่อน เพื่อไปยังสวนสนบ่อแก้ว ซึ่งเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ผมอยากไป แต่ยังไม่มีโอกาส เลยรวบยอดเอามารวมกันเพื่อให้จบในทริปนี้ไปเลย
ตลอดการเดินทางมีฝนตกตลอด ซึ่งตรงตามพยากรณ์อากาศว่า ในช่วงนี้จะมีฝนตกทุกพื้นที่ แต่ผมก็เตรียมพร้อมเรื่องอุปกรณ์กางเต้นท์ และมีผ้าใบเสริมมาอีกด้วย จึงมั่นใจว่าถ้ามีฝนตกก็น่าจะเอาอยู่ สรุปว่าผมเดินทางมาถึงที่หมายแรก คือ สวนสนบ่อแก้ว อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ในเวลาประมาณ 10 โมงเช้า นักท่องเที่ยวบางตามาก มากันแค่ไม่กี่คนเองครับ อากาศเย็นสบาย
หลังเก็บภาพจนเป็นที่พอใจและชื่นชมความงามเรียบร้อย ผมก็ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าไปยัง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก การเดินทางของผมอาจจะดูบ้าดีเดือดไปหน่อย แต่ก็เพราะด้วยเวลาอันน้อยนิด จึงไม่มีเวลาไปชื่นชมสถานที่อื่น เช่น อุทยานแห่งชาติออบหลวง ผมไม่ได้แวะเข้าไปเลย เนื่องจากตั้งใจจะไปแต่สวนสนบ่อแก้ว ก่อนเข้าอุทยานแม่เมย ผมแวะซื้อของตุนไว้ เพื่อทำกินในมื้อเย็น หลังจากนั้นก็ขึ้นไปติดต่อ จนท.ฯ เพื่อขอเข้าพักกางเต้นท์ในอุทยานฯ
ใครที่อยากกางเต้นท์ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ ก็มีพื้นที่นะครับ ติดกับลำธารเลย บรรยากาศดีมาก แต่สำหรับผมมีเป้าหมายในใจแล้ว ว่าจะไปกางเต้นท์ข้างบนจุดชมวิวครับระยะทางจากที่ทำการอุทยานฯ ไปยังจุดต่างๆ ขอบอกว่าผมขับรถขึ้นไปหมดทุกจุดแล้ว ยกเว้นน้ำตกชาวดอยที่ไม่ได้แวะเข้าไปเดินดู ไม่รู้ว่าผมบ้าหรือเปล่า เพราะว่าเส้นทางที่ผมขับรถขึ้นไป นี่ไม่เหมาะกับรถเก๋งเลย ทางบางช่วงถูกน้ำเซาะเสียหาย และมีหลุมลึกเป็นบางจุด สรุปว่าหลังจากที่ผมขับรถไปดูทุกม่อนแล้ว ไล่ตั้งแต่ ม่อนครูบาใส ม่อนพูนสุดา และม่อนกิ่วลม จุดที่เหมาะกับการกางเต้นท์ที่สุด คือ ม่อนครูบาใส เพราะตรงจุดนี้มองเห็นวิวทิวทัศน์ดีที่สุด แถมยังเป็นจุดที่เห็นพระอาทิตย์ตกด้วย ส่วนม่อนอื่นๆ ที่ขึ้นไปดู มีต้นไม้ใหญ่บดบังทัศนียภาพ เลยตกลงใจกันว่าจะกางเต้นท์กันตรงจุดนี้ ผมใช้เวลาชื่นชมกับแสงเย็นได้ไม่นาน ก็ต้องเร่งกางเต้นท์เตรียมที่นอนในคืนนี้ เพราะที่นี่หลังจากพระอาทิตย์ตกมันมืดเร็วมาก แถมไม่มีไฟฟ้า หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ สรุปว่าวันนี้ทั้งอุทยานฯ ไม่มีใครขึ้นมานอนกางเต้นท์เลย มีของผมแค่หลังเดียว
หลังจากทำอาหารกินกัน และทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยก็เข้านอนกันเลย ก่อนนอนผมกับแฟนภาวนาขอให้ตอนเช้าเราได้เจอทะเลหมอกอย่างที่ตั้งใจเถอะ เพราะอุตส่าห์ดั้นด้นมาล่าทะเลหมอกซะไกลขนาดนี้ ตอนดึกประมาณ ตี 3 ผมตื่นออกไปทำธุระส่วนตัว และสังเกตเห็นว่ามีสายหมอกกำลังไหลผ่านตามซอกเขาตรงเบื้องหน้าจุดชมวิว หัวใจผมพองโตด้วยความหวัง ความโชคดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ ในคืนที่ผมไปไม่มีฝนตกเลยและลมสงบมาก ผมกลับเข้าเต็นท์มาก็นอนหลับๆ ตื่นๆ จนกระทั่ง ตี 4 กว่าๆ ก็ออกมาดูวิวอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้แน่ใจแล้วว่า ได้เจอทะเลหมอกแน่ๆ ที่เหลือก็รอแค่ว่าฟ้าในตอนเช้าจะเปิดหรือไม่
ตอนเช้าสิ่งที่ผมรอคอยมันก็เกิดขึ้นจริง ทะเลหมอกอลังการมาก เห็นแบบนี้รู้สึกมีความสุขมากๆ ผมเริ่มถ่ายรูปตั้งแต่แดดยังไม่ออก จนกระทั่งสายๆ ที่หมอกเริ่มฟุ้งและด้วยความสงสัยว่าวิวตรงม่อนพูนสุดา ซึ่งห่างจากม่อนครูบาใสไปอีก ประมาณ 200 เมตร จะเป็นอย่างไร จึงออกไปเก็บภาพตรงนั้นด้วย วิวตรงนี้อยู่ริมถนนเลยครับ เดินดูทั่วแล้วตรงจุดอื่นต้นไม้บังหมด ถ่ายได้แค่เฉพาะตรงนี้จริงๆ
สำหรับจุดกางเต้นท์ที่ผมกางบนเนินจุดชมวิวม่อนครูบาใส เหตุผลเพราะผมกลัวว่าในตอนกลางคืนถ้าฝนตก น้ำเข้าเต้นท์แล้วจะนอนกันลำบาก อีกอย่างหนึ่งในวันที่ผมไปก็ไม่มีใครมาพักในจุดนี้เลยจึงตัดสินใจกางเต้นท์ตรงนี้ ส่วนในช่วงฤดูท่องเที่ยวผมคิดว่าคงไม่สามารถกางได้นะครับ
หลังจากชื่มชมทะเลหมอกจนได้เวลาอันสมควร และหมอกก็เริ่มฟุ้งแล้ว ผมก็เก็บสัมภาระขึ้นรถ และขับรถไปดูน้ำตกแม่ระเมิง ที่อยู่ไม่ไกลจากจุดกางเต้นท์มากนัก ผมชอบตรงที่มันอยู่ติดถนนไม่ต้องออกแรงเดินไปไกล น้ำตกมีน้ำเยอะ กำลังสวยเลยครับช่วงนี้
จบทริปการเดินทางที่ประทับใจ ถึงแม้จะเป็นช่วงวันหยุดสั้นๆ แต่ก็ภูมิใจที่ได้ใช้มันได้อย่างคุ้มค่า ออกมาใช้ชีวิตกันเถอะครับ มาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ เมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายให้คุณออกไปสัมผัส ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเดินทางครับ