ลุยป่า ล่าดอย เอ็นจอยทะเลหมอกสุดอลังการ ที่อุทยานแห่งชาติแม่เงา [Ep.2]

Dec 2-5, 2016

วันที่ 3 ของการเดินทาง...

หลังจากนอนหลับไหล ด้วยอาการเพลียจากการเดินทางเมื่อวานทั้งวัน...

พวกเราก็ตื่นตามเวลานัดชมพระอาทิตย์ขึ้น กันเช่นเคย ใครใคร่ตื่น...ตื่น ใครใคร่นอน...นอน

แต่เช้านี้ไม่มีใครยอมนอนเฝ้าเต็นท์กันเลย เพราะกลัวจะพลาดสิ่งดีๆในเช้านี้ไป และถ้าใครพลาด นั่นหมายถึงว่าคุณจะต้องทนเจ็บปวดใจกับการอวดรูปสวยๆและเรื่องเล่าที่สุดตื่นเต้นของคนอื่นไปตลอดทริป หรืออาจจะตลอดชีวิตเลยก็ได้ 555...

จากลานกางเต็นท์ พวกเราเดินไต่เนินขึ้นไปประมาณ 350 เมตร ก็พบกับจุดชมวิวดอยปุยหลวง วินาทีแรกที่เห็นภาพเบื้องหน้า ไม่รู้จะใช้ตัวอักษรคำไหนมาบรรยายความรู้สึก ณ ตอนนั้นได้...

 

มันคือภาพ เนินหญ้าสีทอง ที่มีคลื่นมหาสมุทรหมอกผืนใหญ่

แทรกตัวอยู่ทุกตามสันเขาสลับซับซ้อนเบื้องหน้า

มีภูเขาหญ้าสูงชันอยู่ด้านซ้ายมือ ฝั่งทิศตะวันออก ชื่อว่า "ผาแดง"

ส่วนด้านขวาก็มีเนินเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียว

กวาดตาจากซ้ายไปขวาสามารถเห็นทะเลหมอกได้ในมุม 180 องศา

 

ขอสูดหายใจลึกๆ เอาอากาศที่สดชื่นเข้าปอด อิ่มเอมกับบรรยากาศที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนจะหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพเก็บกลับบ้าน บอกเลยว่า มันคือมหาสมุทรหมอกสุดอลังการ ที่สุดในชีวิต ... ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เราได้มายืนอยู่ตรงนี้ ได้มีความสุขอยู่กับธรรมชาติที่งดงาม

 

 

แสงอาทิตย์ค่อยๆ อาบมหาสมุทรหมอก

แสงจากขอบฟ้าค่อยๆสว่างขึ้น ปุยหมอกค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จุดที่เรายืนหนาขึ้นเรื่อยๆ

บ้างก็โดนแรงลมตีฟุ้งกระจาย ม้วนตัวกลับ

เราใช้เลนส์ซูมเข้าไปดูปุยหมอกใกล้ๆ และดูการเคลื่อนตัวของมันช้าๆ

เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปเล่น ไม่มีอะไรให้ต้องเร่งรีบ ดื่มด่ำกับธรรมชาติให้สมกับที่เดินเข้าป่ามาถึง 2 วัน

ใบหน้าของทุกคน ดูเหมือนจะปิดความสุขที่ล้นทะลักไว้ไม่มิด

โดยเฉพาะน้องตาล...*-*

 

 

เขาลูกนี้ดูแล้วเหมือนอะไร...

พวกเราตั้งชื่อให้มันว่า เขานมสาว และดูจากลักษณะฐานเขาแล้ว น่าจะยังเป็นสาวแรกรุ่นนะ 555

 

ทะเลหมอกที่นี่ สวยงาม อลังการ กว้างใหญ่ จนเราคิดว่ามันน่าจะเรียกว่า มหาสมุทรหมอก มากกว่า

สภาพภูมิประเทศของที่นี่ เอื้อต่อการเกิดทะเลหมอก

เนื่องจากพื้นที่เป็นหุบเขาแอ่งกะทะและบริเวณด้านล่างมีลำน้ำเงาทอดยาวตลอดแนวอุทยาน

ความชื้นทำให้อากาศกลั่นตัวเป็นละอองน้ำในอากาศที่จับตัวกันเป็นทะเลหมอกแผ่ปกคลุมกว้างไกล

นี่ขนาดในวันที่เรามา อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 19 องศาเองนะ

 

ถ่ายรูปเล่นกันไปมา

หันมาอีกทีพวกเรากลุ่มหนึ่งออกไปไต่เขาพิสูจน์วิวบนผาแดงกันซะและ

ซึ่งมีทางเชื่อมไปจากตรงจุดชมวิวดอยปุยหลวงที่พวกเรายืนอยู่

แต่ดูจากรูปที่น้องๆถ่ายมาแล้ว...ทางแคบ ริมผา ดูเสียวไม่ใช่เล่น

วิวจากผาแดง ก็ประมาณนี้ สวยอลังการดีจัง

 

พวกเราเพลิดเพลินกับบรรยากาศบนนี้ จนถึงเก้าโมงเช้า.

ก็คิดว่าสมควรแก่เวลาที่จะไปกินข้าวเช้า เก็บสัมภาระ และเคลียร์พื้นที่

เตรียมตัวเดินทางกลับไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เงาด้านล่าง

ผจญภัยกันต่อ กับเส้นทางลงเขา ชนิดลงอย่างเดียวไม่มีขึ้นๆลงๆ

ซึ่งคราวนี้เราไม่พลาด ที่จะเอาผ้ารัดเข่า ช่วยพยุงไม่ให้เข่ากระแทกกัน

มันป้องกันการบาดเจ็บของเข่าได้ดีมาก

 

ได้เวลาอำลา ดอยปุยหลวง ที่สวยงามแห่งนี้กันแล้ว

บ๊ายยย บายยย ไม่รู้จะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่

แต่จะคิดถึงกันเสมอนะ...

สายแล้ว แต่ทะเลหมอกก็ยังไม่จางหายไป

ยังเดินมาส่งพวกเราจนลับสายตา

น้ำต้องพร้อม ไม้เท้าควรต้องมี

ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของร่างกายและจิตใจ

Moving Together ...

บรรยากาศตอนลงมีครบทุกรสชาติ

ทั้งป่าร่มเงา ป่าไผ่ ที่โล่งแดดจ้า พื้นหินลื่นๆ ก้นจ้ำเบ้ากันไปคนละที สองที

หญ้ามอสชุ่มชื้น ใบไม้โรยแห้งเหี่ยว

บางจุดเหมือนเดินอยู่ในสวนหญ้ารกๆหลังบ้าน

แต่ที่ชอบที่สุด คือ ดงดอกเทียนดอย สีชมพู น่ารัก ตลอดทาง

ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนดอยหลวงเชียงดาว ยังไงยังงั้น

หลังจากเดินก้มหน้าก้มตาลงเขากันมาเกือบ 3 ชั่วโมงกว่า

กับระยะทางเพียง 5.6 กิโลเมตร

แต่ก้อทำเอาพวกเราเหนื่อยสะบักสะบอม ปวดเท้า ปวดหลัง ปวดไหล่ กันไม่ใช่เล่น

ในที่สุดดดด...พวกเราทั้งหมดก็มาถึงจุดเดินทางจุดสุดท้าย

ที่จะมีรถกระบะมารับลงไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เงา

บ่ายโมงฝ่าๆ

พวกเรารอดตายแล้ววววววว เย้ๆ

นั่งรถกระบะออกมาสมทบกับกรุ๊ปเดินเร็ว

พี่เอก เตรียมโค้กใส่น้ำแข็งเย็นๆไว้รอ

ชื่นใจเป็นที่สุด....

นั่งรถกระบะไปตามทางลูกรัง ผ่านบ้านแม่หลุย ชาวบ้านที่นี่มีเชื้อสายปกาเกอะญอ

จนท. อช บอกว่าปัจจุบันชาวบ้านแถวนี้ถือเป็นคนไทย มีบัตรประชาชนกันหมดแล้ว

ประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำไร่หมุนเวียน เช่น ถั่วเหลือง ปลูกผัก ทำนา และเลี้ยงวัว

ปลูกบ้านอยู่ตามเชิงเขา กระจุกกันอยู่เป็นหย่อมๆ มีแม่น้ำเงาไหลผ่าน

บ้านยกพื้นสูง มีชานระเบียง บ้างก็ตั้งบ้านเรือนบนที่ราบ

ถ้ามีโอกาสมาที่นี่อีกครั้ง อยากจะนั่งรถชมวิว เข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านแถวนี้ดูบ้าง

บรรยากาศดูเงียบ สงบ มีอะไรน่าสนใจไม่ใช่น้อย

ถนนหนทางที่นี่ ค่อนข้างแคบ ขรุขระ และทุรกันดาร

พวกเรานั่งโยกเยกตากแดดแรงตอนบ่ายๆกันมาเป็นเวลาชั่วโมงกว่า

ในที่สุดก็มาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เงา เวลาประมาณ 15.00 น.

บรรยากาศที่นี่ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การกางเต็นท์ ตั้งแคมปปิ้งมากๆ

เย็นนี้ขอนอนแช่น้ำ เล่นน้ำใสไหลเย็นในแม่น้ำเงาให้สุดติ่ง กระดิ่งแมวไปเลย

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

อุทยานแห่งชาติแม่เงา Tel. 053-071-417, 093-159-3347

 

หรือติดต่อคนจัดนำเที่ยว : แคมป์ลูกหมู  

FB: https://www.facebook.com/profile.php?id=100000731918598

----------------------------------------------------------------

ขอฝากไว้สำหรับนักท่องเที่ยว ที่อยากจะไปพิชิตดอยปุยหลวงที่เราหวงแหน

คือ อยากให้ทุกคนเที่ยวแบบมีจิตสำนึกอนุรักษ์ธรรมชาติ

ด้วยความยากลำบากในการเดินทาง เราเชื่อว่ามันได้คัดกรองคนส่วนหนึ่ง

ที่เข้าใจวิถีเดินป่า และทำตัวกลมกลืนกับป่าได้อยู่แล้ว

แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งมันเกิดมีคนอยากเข้าไปชื่นชมมากกว่าลิมิตที่ป่าจะรับได้ขึ้นมา

เราก็อยากให้ผู้มีอำนาจทุกส่วน หาวิธีจำกัดจำนวนคนให้เหมาะสม

ให้ธรรมชาติของที่นี่อุดมสมบูรณ์ และสวยงามไปถึงคนรุ่นหลัง

เรา ในฐานะนักท่องเที่ยวเอง สัญญาว่าเที่ยวแบบไม่ทำร้ายธรรมชาติ

สิ่งที่แบ่งปัน ก็เพื่อให้ทุกคนได้เห็นความสวยงามของเมืองไทย

รักเมืองไทย หวงแหนธรรมชาติของเมืองไทย

และช่วยกันอนุรักษ์ให้เมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วย

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ค่ะ

#เรารักเมืองไทย

Story : กุ้งตะลอน

Photo : กุ้งตะลอน  |  Aob_Derntaang | น้ำฟ้าป่าเขา | Sompoom Phromros | Sunisa Thommo 

            Chompoo Nawaporn

Fanpage : https://www.facebook.com/Slowlifetraveller