Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
ทะเลหมอกหน้าร้อน นอนเต็นท์ริมอ่าง ดูผีเสื้อบ้านกร่าง แสนสนุกสำราญ @ แก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (Kaeng Krachan National Park) จ.เพชรบุรี
    • Posts-1
    นายสองสามก้าว •  April 16 , 2015

    ทะเลหมอกหน้าร้อน นอนเต็นท์ริมอ่าง ดูผีเสื้อบ้านกร่าง แสนสนุกสำราญ @ แก่งกระจาน

    ทะเลหมอกฤดูร้อน มีจริงหรือ ? มีจริงสิครับ เขาบอกกันว่าหาดูได้ที่เขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพชรบุรี ซึ่งด้วยความสงสัยใคร่รู้อยากเห็นกับตาเลยต้องจัดสักหน่อย แถมหน้าร้อนที่แก่งกระจานยังมีกิจกรรมเด่นอีกอย่างคือเป็นฤดูชมผีเสื้อ เรียกว่ายิงนกนัดเดียวได้ปืนสองตัวเลยเชียวล่ะ!

    พูดถึงแก่งกระจาน ผมเคยเที่ยวมาแล้วตอนปลายฝนสักสองปีก่อน เส้นทางและสถานที่เที่ยวต่างๆ จึงชำนาญพอสมควร ใช้รถยนต์ส่วนครอบครัวเป็นพาหนะ เพราะการเดินทางในแก่งกระจานหากไม่มีรถยนต์จะค่อนข้างลำบากเนื่องจากไม่มีรถสาธารณะใดเลย จะเที่ยวโดยไม่มีรถส่วนตัวก็ต้องเป็นยอดนักโบกกันหน่อย

    งานนี้ปักหมุดเที่ยวห้าหัวข้อใหญ่ ตั้งแต่นอนเต็นท์ริมอ่างเก็บน้ำ ชมวิวเขื่อน ดูผีเสื้อ ทะเลหมอก และแม่น้ำเพชรบุรี เวลามีเหลือเฟือสี่วันสามคืน เดินทางแบบขับรถวกไปวนมาตามมใจฉัน เลยขออนุญาตเล่าแบบแยกเป็นกิจกรรมแล้วกันครับ ส่วนใครสนใจอยากไปเที่ยวบ้างจะจัดโปรแกรมแบบไหนก็ตามใจชอบตามสะดวกได้เลย

    ภารกิจที่ 1 : นอนเต็นท์ริมอ่าง

    อ่างที่ว่าคืออ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน ตลอดแนวอ่างมีที่พักและรีสอร์ท ให้บริการพอสมควร ราคาหลายระดับ แต่เที่ยวแบบงบประหยัดต้องกางเต็นท์ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานครับ (อยู่ตรงข้ามกับที่ทำการอุทยานฯ) ลานกว้างขวาง วิวดี จุดเด่นคือห้องน้ำสร้างใหม่สะอาดสะอ้าน แถมขับรถหาของกินสะดวก ไป 7-11 ที่ตัวอำเภอยังไหว ผมซุกหัวนอนที่นี่ตลอดสามคืนครับ เอาเต็นท์มาเองเสียค่าธรรมเนียมคืนละ 30 บาท ส่วนใครมีเต็นท์เองเขาก็มีให้เช่า เล็ก 120 บาท ใหญ่ 250 บาท

    รอบอ่างเก็บน้ำและพื้นที่ศูนย์บริการฯ มีจุดชมวิวเพียบ ช่วงนี้น้ำแห้งมากเพราะแล้งจัดเขื่อนต้องปล่อยน้ำตลอดแต่ก็ยังดูสวยดีนะ จริงแล้วที่อุทยานฯ มีจุดค้างแรมอีกสองแห่งคือที่บ้านกร่างกับเขาพะเนินทุ่งด้วย แต่ผมตัดสินใจนอนข้างล่างไม่ขึ้นไปด้านบนเพราะต้องการถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกด้วยครับ

    อ้อ... ที่ศูนย์บริการฯ มีร้านอาหารด้วยนะครับ ปิดตอนเย็นสี่โมงครึ่ง ใครแบ็กแพ็กโบกรถไปเที่ยวไปนอนที่นี่ จะให้ง่ายที่สุดคือสั่งอาหารกล่องไว้ก่อนที่เขาจะปิดนั่นไง ผมใช้วิธีนี้ประจำแหละ

    ภารกิจที่ 2 : ชมวิวสันเขื่อน

    มาแก่งกระจานถ้าไม่ได้ขึ้นมาสันเขื่อนคงเหมือนมาไม่ถึงล่ะนะ แม้ว่าความจริงวิวตรงนี้ไม่ได้สวยอะไรก็เถอะ (ฮา...) บริเวณสันเขื่อนเราขับรถขึ้นมาได้ครับ เปิดตั้งแต่เวลาหกโมงเช้าถึงหกโมงเย็นเพราะเป็นพื้นที่ราชการ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกับป้ายเขื่อนเป็นหลักฐานว่ามาถึงที่นี่แล้วแค่นั้นแหละ

    ผมวนขึ้นสันเขื่อนหลายรอบอยู่ เพราะช่วงเช้าได้วิวสวยๆ ฝั่งอ่างเก็บน้ำ ส่วนคล้อยบ่ายได้แสงเหมาะๆ ฝั่งโรงไฟฟ้าด้านหลังเขื่อน

    มาข้างบนนี้จะมีมอเตอร์ไซค์ขับตาม ไม่ต้องตกใจนะครับเพราะเขาไม่ได้มาดักปล้นเราแน่! แค่มาเสนอขายทัวร์นั่งเรือเที่ยวชมอ่างเก็บน้ำต่างหาก ใช้เวลาประมาณ 45 นาที พาชมวิวกับให้อาหารฝูงลิงบนเกาะกลางอ่าง สนนราคามาตรฐาน 500 บาท นั่งได้ 10 คน คนเรือรายไหนบอกราคาเกินนี้ตอบปฏิเสธไปได้เลยครับ มาคราวนี้ผมไม่ได้ล่องเรือเที่ยวเพราะเคยนั่งมาแล้ว ขอเอาภาพเก่าๆ จากครั้งก่อนมาให้ชมแล้วกัน

    ภารกิจที่ 3 : ดูผีเสื้อบ้านกร่าง   

    ฤดูกาลชมผีเสื้ออยู่ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน เพราะผีเสื้อชอบอากาศร้อนและแสงแดดครับ ช่วงนี้จะแปลงร่างทรานส์ฟอร์มเมอร์จากดักแด้มาติดปีกบินกันว่อน ว่ากันว่าช่วงที่เยอะสุดๆ และแดดดีๆ จะบินกันให้ว่อนหลายแสนตัวเลยล่ะ

    การขึ้นบ้านกร่างต้องผ่านด่านเก็บเงินของอุทยานฯ ตรงหน่วยพิทักษ์ฯ เขาสามยอด เดี๋ยวนี้เขาเก็บเพิ่มจาก 40 บาท เป็น 100 บาท (มี 31 อุทยานฯ ที่ขึ้นราคาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา) จากนั้นเข้าไปอีกประมาณ 15 กิโลเมตร รถเก๋งขึ้นสบาย ทางลาดยางสวนกันได้ตลอดสาย ถนนเสียบ้างนิดหน่อยไม่หนักหนา ช่วงต้นทางขึ้นใกล้กับด่านสามยอดจะมีอุโมงค์ต้นไม้สวยเชียวครับ แวะลงไปถ่ายรูปกันได้ พอขึ้นถึงบ้านกร่างก็จะพบหน่วยพิทักษ์ฯ ร้านอาหารสวัสดิการ ลานกางเต็นท์ และที่บ้านกร่างนี่ยังเป็นแหล่งชุมนุมของนักดูนกด้วยครับ แต่ละคนเลนส์กระบอกซูเปอร์ข้าวหลาม

    จุดชมผีเสื้ออยู่บริเวณลำธารซึ่งมีสี่จุด คือลำธารตรงที่กางเต็นท์ แล้วก็ลำธาร 1 2 3 ผมเดินตั้งแต่ลานกางเต็นท์ไปถึงลำธาร 3 โน่นเลยระยะทางก็น่าจะสักสองกิโลเมตรเห็นจะได้ เดินสบายๆ ครับ ชมนกชมไม้ไปเรื่อย แต่ใครจะขับรถมาสักลำธาร 1 แล้วจอดทิ้งไว้ก็ได้ รับประกันว่าใครมาเจอฝูงผีเสื้อที่บ้านกร่างต้องตาโตแน่นอน ถ่ายวิดีโอดูอลังการสวยกว่าภาพนิ่งมากครับ ด้วยเวลาเยอะ ผมเลยให้เวลากับผีเสื้อบ้านกร่างแบบเต็มๆ ขับรถขึ้นไปถึงสิบโมงกว่าๆ ลงมาก็สี่โมงเย็นแล้ว

    ภารกิจที่ 4 : ทะเลหมอกหน้าร้อน

    เขาพะเนินทุ่งอยู่เลยจากบ้านกร่างอีกประมาณ 20 กิโลเมตร อดีตเคยเป็นถนนลาดยางแต่ปัจจุบันพังไม่เหลือสภาพจนเรียกว่าเป็นทางลูกรังแล้วล่ะ มีคำถามเสมอว่ารถเก๋งขึ้นได้ไหม? คำตอบคือถ้าจะดันทุรังหรือพามันถูลู่ถูกังไปก็อาจถึง ใช้คำว่า “อาจ” เพราะโอกาสไม่ถึงมีมากกว่า และต่อให้ไปถึงก็เสี่ยงว่าจะไม่คุ้มค่าอะไหล่ที่พังไปนะเอ้อ แต่เอาเถอะไม่ต้องเถียงกันให้มากความแล้วเพราะอุทยานฯ เพิ่งมีคำสั่งห้ามนำรถเก๋งขึ้นเขาพะเนินทุ่งเด็ดขาด ต้องเป็นกระบะหรือเอสยูวีเท่านั้น

    ไม่มีรถขึ้นไปก็ต้องจ้าง ราคาเหมาคันสนน 1,600 บาท นั่งได้ 10 คน สำหรับการขึ้นไปชมทะเลหมอกและเที่ยวบ้านกร่าง หากต้องการอยู่กางเต็นท์ค้างแรมบนพะเนินทุ่ง คนขับรถเขาต้องค้างด้วย ก็ขอเพิ่มราคาเป็น 2,000 บาท ซึ่งเส้นทาง บ้านกร่าง-พะเนินทุ่ง มีกำหนดเวลาขึ้น-ลง เพราะรถสวนกันลำบาก คือขาขึ้น 5.30-7.30 กับ 13.00-15.00 และขาลง 9.00-10.00 กับ 16.00-17.00 ซึ่งหากเป็นช่วงนักท่องเที่ยวน้อยก็มีผ่อนผันหยวนๆ กันไม่เข้มมากนัก แต่เป็นเทศกาลนี่ต้องเคร่งครัดเลยล่ะ

    ผมไปกันสองคนเองทำไงดี? วิธีคลาสสิคที่สุดคือโบกครับ ขับรถไปรอที่ด่านสามยอดตั้งแต่ตีห้า ขอติดรถคนที่เหมารถขึ้นไป ผมขึ้นไปวันศุกร์ซึ่งปกตินักท่องเที่ยวน้อย แต่ก็ยังโชคดีมีรถขึ้นไปคันนึง แถมเขาใจดีไม่คิดสตางค์หารค่ารถเสียด้วย ทว่าวิธีนี้มีข้อเสียคือโบกเขาไปแล้วเราเรื่องมากอยากไปโน่นไปนี่ไม่ได้

    บนพะเนินทุ่งมีจุดชมทะเลหมอกสองจุดคือใกล้กับลานกางเต็นท์ กม. 30 กับที่ กม.36 บังเอิญกรุ๊ปที่ผมติดรถขึ้นมาด้วยมีเด็กหลายคน ชมทะเลหมอกจุดแรกเสร็จก็ขอแวะพักกินข้าวเช้ากันก่อน ผมขอติดรถเขามาจะมีสิทธิ์มีเสียงอะไร กว่าจะไปที่จุดชมวิว กม.36 หมอกก็ละลายอันตราธานไปเรียบร้อยเพราะว่าแดดจัดมาก แต่หากใครไปช่วงเทศกาลท่องเที่ยวก็ไม่ต้องกลัวครับ มีรถขึ้นและคงจะได้ชมทั้งสองจุดค่อนข้างแน่

    ภารกิจที่ 5 : เล่นแม่น้ำเพชรบุรี

    สายน้ำจากป่าเขาไหลมากักเก็บที่เขื่อนแก่งกระจาน ปล่อยลงสู่แม่น้ำเพชรบุรี อีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตเมื่อมาเที่ยวเขื่อนแก่งกระจานคือเล่นน้ำที่แม่น้ำเพชรบุรีครับ น้ำสีสวย เย็นฉ่ำ และไหลแรง (เพราะเพิ่งปล่อยมาจากเขื่อน) เหมาะกับการเล่นน้ำและลอยละล่องมาก ตลอดลำน้ำเรียงรายด้วยที่พัก ร้านอาหาร หรือใครไม่อยากเล่นมานั่งริมน้ำชม ชมผู้คนหัวเราะเฮฮาสนุกสนานกันได้

    อีกกิจกรรมน่าสนคือการล่องเรือยาง รีสอร์ทที่พักส่วนมากมีให้บริการ หรือติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯ ก็ดี ราคา 1,200 บาท นั่งได้ 10 คน (อีกแล้ว) สำหรับผมไปกันสองคนก็แน่นอนว่าต้องพลาดไปตามระเบียบ แต่มีรูปเก่าๆ ที่เคยถ่าย (คนอื่น) เอาไว้มาให้ชมครับ

    ทริปนี้ยังขาดอีกภารกิจขอติดค้าง คือการเดินป่ายลความงามของน้ำตกทอทิพย์ ซึ่งอยู่สุดปลายถนนบนเขาพะเนินทุ่ง มีเส้นทางเดินราว 3 กิโลเมตร ไปกลับแวะเที่ยวเล่นน้ำใช้เวลาสี่ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย แต่ด้วยช่วงนี้หน้าแล้งผมเลยขอแปะไว้ก่อน สักเดือนมกราคมเหมาะสมที่สุดในการไปเที่ยวครับ คราวหน้ามาจะไม่ให้พลาดแล้วล่ะ

    โดยรวมการกลับมาแก่งกระจานยังประทับใจครับ อุทยานฯ จัดการบริหารค่อนข้างดี บอกเลยว่าการเข้าป่าแก่งกระจานง่ายต่อการพบสัตว์อย่าง ชะนี ค่าง เก้ง สัตว์ตามต้นไม้ รวมถึงเป็นแหล่งดูนกชั้นดีของประเทศด้วย จะเห็นกรุ๊ปถ่ายรูปนกตลอดเส้นทาง แถมเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้เห็นนกเงือกกรามช้างโผบินกลางผืนป่าซึ่งน่าชื่นใจมาก (ปกติเห็นแค่นกกกหรือนกเงือกที่คนทั่วไปรู้จัก) แม้ไม่สามารถถ่ายภาพไว้ได้ก็ตาม

    การขึ้นค่าตั๋วมองในแง่ไม่ดีมันก็แพงเกิน แต่มองแง่ดีก็นับเป็นการคัดกรองนักท่องเที่ยวให้น้อยลง คนเข้ามาคือคนที่ชอบธรรมชาติจริงๆ เป็นผลประโยชน์กับธรรมชาติครับ... ถ้ารักธรรมชาติด้วยหัวใจจริงๆ เงินคนละหนึ่งร้อยบาทถือว่าถูกแสนถูกครับ

    อยากคุยเรื่อยเปื่อยเรื่องท่องเที่ยว สอบถามข้อมูล (ถ้าผมมีให้นะ) หรือชวนเที่ยว ยินดียิ่งนะครับ

    www.facebook.com/alifeatraveller

    หรือ

    alifeatraveller.wordpress.com

    • Posts-2
    ทิตรา •  April 06 , 2017

    สุดยอด

    อธิบายได้ละเอียดมากค่ะ กำลังจะไปพอดีเลย \^^/