แม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก แต่ในเรื่องของความอุมสมบูรณ์ของผืนป่า และธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี จัดว่าโดดเด่นไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะ "ถ้ำธารลอดน้อย-ถ้ำธารลอดใหญ่" เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีระยะทางเพียงแค่ 2.5 กิโลเมตร (รวมระยะทางไปกลับ 5 กิโลเมตร) ใช้เวลาเดินประมาณ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นทางเดินเรียบลำธารไปเรื่อย ๆ บรรยากาศร่มรื่นมาก เดินไม่ยาก แต่ในบางจุดที่สูงชันทางอุทยานฯ ก็ได้สร้างทางเดินไม้เป็นขั้นบันไดไว้อย่างเรียบร้อย และค่อนข้างปลอดภัย
ไฮไลท์ของ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ จะไล่ไปตั้งแต่ ถ้ำธารลอดน้อย, ต้นพระเจ้าห้าพระองค์, น้ำตกไตรตรึงษ์ชั้นที่ 1, น้ำตกไตรตรึงษ์ชั้นที่ 2, น้ำตกไตรตรึงษ์ชั้นที่ 3, จุดชมวิว และไปจบเส้นทางที่ ถ้ำธารลอดใหญ่
คำแนะนำ : ก่อนออกเดินทางควรหาอะไรรองท้องตุนพลังไว้ซักหน่อย ซึ่งบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ก็มีร้านค้า ร้านอาหารไว้คอยบริการ สัมภาระไม่ควรนำไปเยอะเกินความจำเป็น และควรมีน้ำดื่มติดไว้อย่างน้อยคนละ 1 ขวด
สำหรับจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินจะเป็นปากทางเข้าถ้ำธารลอดน้อย ซึ่งทางอุทยานฯ ก็ได้เทพื้นคอนกรีตไว้อย่างดี เดินง่าย ทางเดินจะลัดเลาะไปตามธารน้ำที่ลอดผ่านตัวถ้ำ ภายในถ้ำจะมีหินงอกหินย้อยให้ชมอยู่เป็นระยะ ๆ รวมถึงมีค้างคาวอาศัยอยู่ตามจุดต่าง ๆ ภายในถ้ำค่อนข้างเย็นสบาย อากาศถ่ายเทสะดวก อาจมีจุดที่ต้องก้มตัวต่ำบ้างแต่ก็แค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น
หลังจากสิ้นสุดทางเดินของถ้ำธารลอดน้อย ซึ่งมีระยะทางรวมเพียง 400 เมตร จากนั้นก็จะเป็นทางเดินแบบธรรมชาติ เป็นดินแห้งบ้าง เปียกชื้นบ้าง แนะนำใส่รองเท้าที่สามารถลุยน้ำได้จะทำให้เดินได้ง่ายกว่า ลักษณะของป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ จะมีทั้ง ป่าดิบเขา, ป่าดิบแล้ง, ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง โดยความสูงจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,257 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง โดยในช่วงเดือนพฤษภาคม-พฤศจิกายน จะมีความชื้นในอากาศสูง มีเมฆมาก ฝนตกหนัก และในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ สภาพอากาศจะหนาวเย็นลง โดยอุณหภูมิต่ำสุดจะอยู่ที่ 16 องศาเซลเซียส
เดินมาได้ราวๆ 1.2 กิโลเมตร ก็จะถึงจุดไฮไลท์ที่เรียกว่า ต้นพระเจ้าห้าพระองค์ ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 20 เมตร ตรงจุดนี้เรียกว่าครึ่งทางได้แล้วครับ จะใช้เวลานั่งพักกันก่อนสักหน่อยก็ถือว่าดี เพราะหลังจากนี้ทางจะสูงชั้นขึ้นอีกเล็กน้อย
ห่างจากไฮไลท์ที่ 2 ไม่ไกล เราก็จะมาถึงน้ำตกไตรตรึงษ์ชั้นที่ 1 ในกิโลเมตรที่ 1.3 ต่อด้วยน้ำตกไตรตรึงษ์ชั้นที่ 2 ในกิโลเมตรที่ 1.8 และ ชั้นที่ 3 ในกิโลเมตรที่ 2 โดยน้ำตกไตรตรึงษ์เป็นน้ำตกขนาดกลางที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี จุดที่เป็นแอ่งน้ำสามารถลงเล่นได้ แต่ไม่แนะนำให้ปีนป่ายตัวน้ำตกเพราะค่อนข้างลื่นอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยเส้นทางตั้งแต่น้ำตกไตรตรึงษ์ชั้นที่ 1 เป็นต้นมา ความสูงจะเริ่มไต่ระดับ และชันขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงนี้จะเริ่มมีอาการเมื่อยล้าให้เห็นกันบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ได้หนักเกินไป เนื่องจากทางเดินที่เป็นบันไดจะมีราวไม้ให้จับตลอดทาง เรียกว่าจะช้าหรือเร็วก็เอาตามที่เราไหวได้เลย
มาจนถึงจุดชมวิวในกิโลเมตรที่ 2.2 ตรงนี้เราสามารถนั่งพักรับลมเย็น ๆ ชมวิวสวยจากมุมสูงซึ่งมองเห็นตั้งแต่ถนนทางเข้าอุทยานฯ กันเลย หลังจากจุดนี้จะไม่มีทางชันแล้วครั้บอีกแค่ประมาณ 300 เมตร เราก็จะถึงถ้ำธารลอดใหญ่กันแล้ว
และแล้วเราก็มาถึงจุดสุดท้ายของเส้นทางนั่นก็คือ ถ้ำธารลอดใหญ่ บ้างก็ว่าที่นี่เหมือนอุโมงค์ยักษ์ บ้างก็ว่ามีลักษณะเหมือนสะพานหิน ด้วยขนาดความกว้างกว่า 60 เมตร และความสูงที่ไม่น้อยกว่า 40 เมตร ซึ่งไม่ว่าอย่างไรเราก็ไม่อาจจะปฏิเสธความโออ่าอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้ได้แน่นอน จุดนี้ให้ความรู้สึกราวกับว่าเราอยู่ท่ามกลางผืนป่าดึกดำบรรพ์ที่แฝงไปด้วยความลึกลับแต่น่าอัศจรรย์ ฟากหนึ่งของผนังถ้ำมีภาพเขียนสีรูปพญานาคซึ่งชาวกะเหรี่ยงเชื่อว่าถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของพญานาค นอกจากนี้แล้วยังมีหลักฐานปรากฏว่าบริเวณนี้เป็นที่ฝังศพของมนุษย์โบราณจากการค้นพบโครงกระดูกเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันถูกนำไปจัดแสดงไว้ให้ชมที่พิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณ โครงการพระราชดำริห้วยองคต อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี
คำแนะนำ : หากใครไม่สะดวกมา ถ้ำธารลอดใหญ่ ด้วยการเดิน สามารถขับรถจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปทางบ้านท่าลำไย ประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวไปวัดถ้ำธารลอดใหญ่อีก 18 กิโลเมตร แต่เส้นทางอาจจะขึ้นเขาคดเคี้ยวสักเล็กน้อยควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง
อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ มีบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักแรม โดยมีบ้านพักขนาด 4 คน 4 หลัง , 6 คน 1 หลัง และ สถานที่กางเต็นท์ ไว้ให้บริการ สามารถจองบ้านพักได้ในเว็บไซต์ของกรมอุทยานฯ www.dnp.go.th หรือ สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร. 02-562-0760