วันที่สาม ก้มๆ เงยๆ จนพิชิตยอดฝามี ต่อด้วยผาเหยียบเมฆ
(เส้นทางวันนี้ ยังคงไม่ชัดเช่นเดิม ต้องเกาะกลุ่มกันไป)
วันนี้ตื่นแต่เช้า นอนทรมานสมควร เพราะหนาว ลมพัดแรง น้ำไหลจากต้นไม้ลงสายผูกเปล ย้อยลงมาที่ตัวเปล ดีหน่อยที่ผมเอาแผ่นโฟมรองหลังได้ ตอนนอนถ้าพลิกตัวหลุดแผ่นโฟม ก็เปียก ต้องนอนแบบมีสติมาก ฮาๆ (นี่คือเหตุผลว่าทำไม ต้องพกแผ่นโฟม หรือที่รองนอนนะฮะ)
(บุญรักษา ตอนกลางเปลไม่รู้ พอตื่นเช้ามาเห็น สี่เปลได้ฝากชีวิตไว้กับเชือกฟางเพียงเส้นเดียว)
เช้านี้ยังคงหนาวเช่นเดิม พร้อมฝนตกเบาๆ ตามเอกลักษณ์ของป่าใต้ วันนี้เราจะเดินขึ้นยอดฝามี และเลยไปนอนที่ผาเหยียบเมฆกัน
(วิวริมน้ำอีกที ก่อนจะเริ่มต้นเดิน – ภาพโดย ยุ้ย)
(ย่ำน้ำกันจนชิน ไม่กลัวเปียกละ ช่างมัน – ภาพโดย ยุ้ย)
เส้นทางเดิน ร่มรื่นมาก และพวกเราเริ่มจะชินกับความรก ฝนยังคงตกอยู่ มีลื่นบ้างเป็นบางครั้ง ทางไม่ได้ชันแบบวันที่สอง แต่ก็เป็นทางขึ้นไปเรื่อยๆ ทากไม่เยอะนัก โดยจุดไฮไลท์ของวันนี้ คือป่าโบราณ ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ๆ มอส เฟิร์น ดอกไม้ และกล้วยไม้ ขึ้นเต็มไปหมด ชุ่มชื่น สวยมาก
(ร่มรื่นฮ่ะ แต่ทางอยู่ไหน บอกด้วย – ภาพโดย นัท)
(เขตป่าดึกดำบรรพ์ ดอกไม้เยอะมาก – ภาพโดยนัท)
ตลอดทางวันนี้ ฝนตกหนักมากๆ พร้อมกับมีลมแรง จะมีจุดหนึ่งแถวป่าโบราณ จะมีขึ้นหินชมวิว เราได้แต่ขึ้นไปนั่งถ่ายรูปกันเอง แต่ไม่เห็นวิวด้านล่างเลย แอบเสียดายเล็กๆ และที่ตลกคือ พวกผมคิดว่านั่นคือยอดฝามี ฮ่าๆ
(เขตป่าดึกดำบรรพ์ ดอกไม้เยอะมาก – ภาพโดยนัท)
(เขตป่าดึกดำบรรพ์ ดอกไม้เยอะมาก)
(ขึ้นหิน เป็นจุดชมวิวแห่งหนึ่งก่อนถึงยอดฝามี แต่เจอฝน มองไม่เห็นอะไรเลย)
ยังคงเดินต่อขึ้นไปเรื่อยๆ ต้นไม้รกมากขึ้น ต้องมุด ก้มๆ งมๆ บางท่อนผมต้องนั่งยองๆ จนเกือบนอนราบเพื่อให้พ้นต้นไม้ และบางท่อน แม้จะเดินได้ แต่ทางก็แคบ มีต้นไม้มีหินให้หลบ ให้ปีนป่ายตลอดเวลา ผมนี่นึกว่ามาเจอด่านเข้าค่ายลูกเสือเลยนะครับ
(จากวิวจุดชมวิว เดินเลาะสันเขาเพื่อไปยอดฝามี เส้นทางไม่ชัด ต้องเกาะกลุ่มกันไป)
และแล้วก็ถึงยอดฝามี เป็นยอดที่มีพื้นที่เล็กๆ ต้นไม้ล้อม ถ้าไกด์ไม่บอกก็ไม่รู้ว่านี่เป็นจุดสูงที่สุดแล้วที่เรามาพิชิตกัน ความสูงที่วัดได้คือ 1,654m
(ทางขึ้นมาก่อนจะถึงยอด ดูเหมือนโพรง)
(ถึงยอดฝามี 1,654m แล้วครับ มองไม่เห็นวิวอะไรเลย ฝนตก หมอกหนามาก)
(หลบลมมาทานข้าวเที่ยงข้างๆยอดฝามี – ภาพโดย นัท)
พอหลุดจากป่า เดินเลาะสันเขาแอบมีเสียวเล็กๆ เพราะหมอกลงและทางลื่น แต่ยังดีที่ไปไม่ไกลมากนัก ก็ถึงจุดตั้งแคมป์
แคมป์วันนี้ต้องลงไปข้างๆสันเขาเพื่อหลบหลมแรง เราแยกนอนเปลไปบางส่วน อีกบางส่วนและผมนอนกับพื้นที่แคมป์ เพราะพื้นที่นอนไม่เพียงพอ
(แคมป์คืนที่สาม แบ่งกันนอนพื้นและนอนเปลเพราะที่ไม่พอ – ภาพโดย ยุ้ย)
ช่วงที่เราตั้งแคมป์ ฝนยังคงตกอยู่ ฟลายชีทก็เก็บน้ำ เพราะไม่สามารถขึงตึงได้ กอปรกับพื้นเทลง ทำให้น้ำบางส่วนลงจากฟลายชีทไหลเข้ากราวชีท ตอนแรกๆก็ห่อกราวชีทขึ้นมาเป็นกำแพง แต่ก็เอาไม่อยู่ เพราะซึมทะลุมาได้ ผมเลยใช้วิธีขุดดินเป็นร่องน้ำ เพื่อให้ฝนไหลลงจากฟลายชีท ไหลไปลงหน้าผา แต่พอทำเสร็จ ฝนก็หยุดพอดี ไม่ได้ใช้บริการรางน้ำนายฟิวส์เลย ฮ่าๆ
แอบคิดในใจ ถ้าตอนนอนตกแบบนี้อีก คงไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันอีกคืน
จุดที่ตั้ง แม้ลมไม่พัด แต่ก็ยังหนาวอยู่ แหล่งน้ำไม่มี เลยไม่มีน้ำให้อาบ เรารองน้ำฝนและน้ำค้างมาล้างจาน ทำอาหารกัน
หลังจากทานข้าวเสร็จ พี่ๆไกด์ถามว่าคืนวันที่สองมีใครเจออะไรไหม เพราะตรงใกล้ๆนั้นมีเครื่องบินตก แต่ไม่ได้พาไปดูและยังไม่อยากเล่าให้ฟัง น้องปั้มบอกว่าที่ชวนร้องเพลงเพราะบรรยากาศมันดูมืดๆวังเวง และหลายคนก็เคยเจอ.. พวกเราหลอนเลย แต่ก็ดีที่ไม่มีใครเจออะไร คงเป็นคืนนั้นร้องเพลงสนุกมากกับดื่มแอลกฮอลจนหมดทุกขวดที่เตรียมมา เลยหลับสบาย ไม่รู้เรื่องรู้ราว ฮาๆ
วันนี้ค่อนข้างได้นอนหลับสบายหน่อย ไม่หนาว และค่อนข้างร้อนด้วยซ้ำ เพราะผมอยู่กลุ่มที่นอนเบียดเป็นปลาทูในกองกลาง และที่รู้สึกดีคือได้นอนกับพื้น พลิกตัวได้ ไม่แกว่งไปมา รู้สึกว่าตนเองอาจไม่เหมาะกับการนอนเปลเท่าไรนัก
สรุปวันนี้ ระยะทาง 4.31 กม ใช้เวลา 4 ชม ครึ่ง ความสูงไต่มาจาก 1,312m ขึ้นยอดฝามี 1,654m และลงมานอนที่ 1,403m