ทริปนี้เกิดจากการวางแผนข้ามปี ด้วยเหตุผลที่ว่า คนใต้อยากเที่ยวเหนือ คนเหนืออยากเจอเพื่อนที่ใต้ คนกรุงเทพฯ อยากไปรับอากาศเย็นๆ เลยทำให้สามสาวสามภูมิภาคนัดเจอกันโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เชียงใหม่ พวกเรา(ใต้กลาง)ไปถึงเชียงใหม่ประมาณบ่ายโมงกว่า กว่าจะเช่ามอไซด์อะไรกันเสร็จก็เกือบบ่ายสอง เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงตะวันจะตกดิน ที่สำคัญพวกเราต้องแว๊นให้ถึงอำเภอฮอดก่อนค่ำ และเหมือนโดนทดสอบระดับความบ้าของสามสาวเพราะวันนั้นเชียงใหม่ปิดถนนครึ่งเมือง พวกเราเลยต้องขับรถอ้อมโลกออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไม่มีแผนที่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น แถมยังไม่เคยไปทั้งสามคน อาศัยถามทางชาวบ้านไปเรื่อยๆ ชาวบ้านบอกว่าออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ตรงไปเรื่อยๆ และพวกเราก็ขับไปเรื่อยๆ อ่านป้ายไปเรื่อยๆ ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปออบหลวงเกือบ 100 กม รถที่เช่ามาคันนึงวิ่งเกิน 50 ไม่ได้ เป็นเหตุให้พวกเราต้องขับราวกับเต่าคลาน...ทำเวลาแข่งกับตะวันที่คล้อยต่ำเรื่อยๆ ถ้ามืดคงไม่ดีแน่ๆ...ไปถึงฮอตตอนตะวันลับฟ้าพอดี เหงื่อตก ![]()
![]()
พวกเราจองที่พักเอาไว้ที่ฮอด ห้องพักห้องละ 500 บาท พักได้สามคน จริงๆแล้วเป็นเตียงนอนคู่ส่วนอีกคนนอนที่นอนปิ๊คนิคที่พื้น แต่เรื่องฮาๆมันอยู่ที่ว่าตอนไปถึง เจ้าหน้าที่ออกเวรพอดี หลังจากที่ส่งมอบกุญแจเสร็จแล้ว เค้าก็เอาที่นอนปิ๊คนิคมาให้เราแล้วแล้วให้ไปปูเอาเองนะ เพราะเค้าจะกลับบ้านแล้ว โอเคจัดไป เก็บของเสร็จตะเวณหาของกิน มันเงียบจนน่าตกใจ กว่าจะหาของกินได้เล่นเอาลืมหิวไปเลย กลับมาที่ห้องพักจัดการภาระกิจส่วนตัวเสร็จก็หลับเป็นตาย ตอนเช้าพวกเราจะแว๊นขึ้นออบหลวงและสวนสนบ่อแก้วตอนตีห้า เพราะเวลาจำกัด
![]()
ท้องฟ้ามืดตื๋อ แถมยังเป็นหน้าหนาวแว๊นฝ่าลมหนาวและความมืด อาศัยแค่ไฟรถมอไซด์ขับไปตามทางเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจว่าจะเลี้ยวจะโค้งอะไรเลย ไปถึงออบหลวงตอนสว่างพอดี แต่ก็ยังไม่ใช่จุดหมาย ตอนออกจากที่พักถามเจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าจากออบหลวงไปสวนสนบ่อแก้วไม่ไกล ประมาณ 3 กม พอไปถึงออบหลวงเลยถามคนแถวนั้นอีกที เค้าบอกว่าไม่เกิน 10 กม แต่พอขับไปจริงๆ มันเกินไปเท่าตัว แถมยังไม่ถึงซะที หนาวก็หนาวมือแข็งกันไปตามๆกัน จอดปรึกษากันระหว่างทางว่าเอางัยดี จะไปต่อหรือกลับ สุดท้ายสองเสียงบอกไปต่อ เลยขับไปกันต่อ ท้อเล็กๆ ไปถึงสวนสนบ่อแก้ว พระอาทิตย์ขึ้นพอดี และสามสาวสั่นเป็นเจ้าเข้าด้วยความหนาว ถ่ายรูปไม่ได้เจ้าค่ะ มองหาร้านกาแฟ หาอะไรอุ่นๆกิน แต่ไม่มีร้านเปิดเลย เลยต้องทนพยายามถ่ายรูปจนตะวันเริ่มสูงขึ้นค่อยยังชั่วหน่อย
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
ถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่เจอตุ๊อาว(หลวงพี่)พระที่พาญาติโยมแวะมาเที่ยวก่อนที่จะไปทอดกฐินกันที่แม่ฮ่องสอน เราเลยถือโอกาสทำบุญไปด้วย ตุ๊อาวถามว่ามาจากไหนกัน เราก็เลยชี้มาทีตัวเองไล่ไป กรุงเทพฯ สตูล เชียงราย ตุ๊อาวร้องโอ้โหมาไกลขนาด แล้วให้พรให้เดินทางโดยปลอดภัย พอท่านไปพวกเราถึงได้รู้ว่าไอ้มอไซด์ที่ขับมามันเป็นป้ายทะเบียนกรุงเทพฯกับเชียงราย เพื่อนเลยบอกว่าท่านคงไม่คิดว่าเราขับมาจากกรุงเทพฯนะ เรามาจากกรุงเทพฯแต่ไม่ได้ขับมาจากกรุงเทพฯ
ร้านกาแฟเปิด สามสาววิ่งแจ้นไปหาทันที ถึงจะสายแล้วแต่ก็ยังไม่หายหนาว มือยังแข็งอยู่เลย พอจิบกาแฟร้อนๆ ถึงได้รู้สึกอุ่นขึ้น พอสายคนเริ่มแยะ พวกเราก็ขับรถกลับ ไปออบหลวงกันต่อ
![]()
อุทยานแห่งชาติออบหลวง ตอนแรกตั้งใจจะมากางเต้นต์กันที่นี่แต่ติดต่อไม่ได้ เลยจองที่พักที่ฮอตแทน โทรมาไม่มีเจ้าหน้าที่รับสายเลย พอได้คุยกับเจ้าหน้าที่ ที่นี่เค้าบอกว่าถ้าเข้ามาไม่เกินบ่ายสาม มีเต้นต์ให้เช่าอยู่แล้ว และไม่ใช่เทศกาลแบบนี้มีพอ
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
เสียดายที่พวกเรามีเวลาเที่ยวจำกัด เพราะเพื่อนที่ใต้มีเวลาเที่ยวอยู่แค่ไม่กี่วัน แล้วเราก็ไล่มาตั้งแต่สุโขทัย และยังต้องไปเชียงรายกันต่ออีก เลยได้แค่เดินถ่ายรูป วันนี้ต้องแวีนกลับตัวเมืองเชียงใหม่ ขึ้นรถต่อไปเชียงรายตอนบ่ายโมง คำนวณเวลาแล้ว ต้องกลับไปถึงเชียงใหม่ก่อนบ่ายโมง ขณะที่สิบโมงกว่ายังอยู่ที่ออบหลวง...
.........แว๊นออกจากอำเภอฮอดตอนเกือบ 11 โมง ทำเวลา คืนรถทำธุระเสร็จก็บ่ายโมง คำนวณเวลากลับ แต่ลืมคำนวณเวลากิน สุดท้ายมื้อเช้ายันเที่ยงอาศัยขนมปังเซเว่นมาโซ้ยกันบนรถ พอออกจากเชียงใหม่ก็พากันสลบเหมือด.....
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวนะคะ (โค้งรัว)
ค่าใช้จ่าย
ค่าเช่ามอไซด์ วันละ 200 บาท/คัน
ค่าน้ำมัน 100 บาท
ค่าที่พัก 500 (พัก 3 คน) บาท
ค่าเข้าอุทยาน คนละ 20 บาท/คน