...ฉั่นเป็นคนสุ้โขทัย ไกลจากกรุงเทพสีร้อยกิโลฯ
สุ้โข่ทัยไม่ใหญไม่โต แม้โอ้โห มีแต๊ข่องดีๆ
...ฉั่นเป็นลูกพ่อขุ่นราม ชามสั่งคโลกนั่นก็พอมี
พิพิธพันธ์ของเก๋านานปี ประเพณีงานลอยกระทง
...เผ่าเทียนเล่นไฟ พลุตะไลใครเห่นก็งง
เสี่ยงดังมีพลังขึ้นโด๊ง พอแตกโป้กโค้งลงต๊กดิน
...ท่องเที่ยวเมืองสุ้โข่ทัย ได้เรียนรู้ที่หยูที่กิน
สุ้โขทัยบรรยายไม่สิ้น แม่ม่ายบ้านส่วนทองม้วนบ้านกง
“เพลงลูกพ่อขุน-ชินกร ไกรลาศ"
สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของจังหวัดสุโขทัยครับผม เวลาผมหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ผมไม่ค่อยเห็นเกี่ยวกับจังหวัดสุโขทัย ผมเลยมีความคิดอยากจะทำกระทู้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของสุโขทัยขึ้นมาซะหน่อย ตัวผมเองเป็นลูกครึ่งครับ พ่อเป็นคนคุ้งวารี แม่เป็นคนทับผึ้ง ว่าไปนั่น!!! คือคนสุโขทัยแท้แหละครับ แค่ต่างอำเภอเฉยๆ สวรรคโลกกะศรีสำโรง สาเหตุจริงๆมันเกิดจากเวลาผมไปเที่ยวที่อื่นแล้วมีคนถามบ่อยๆว่า “สุโขทัยมีอะไรให้เที่ยวมั่ง” ถึงกับสตั๊นไป 3 วิ นอกจากงานลอยกระทงที่เมืองเก่าที่จัดปีละครั้ง แทบจะไม่เคยไปเลยนี่หว่า ไปก็ตอนเด็กๆแทบจะจำอะไรไม่ได้แล้ว เลยตัดสินใจ เอาวะ!!! ลองเที่ยวจังหวัดตัวเองแบบจริงๆจังๆหน่อย จัดไปซิครับวัยรุ่นนนนนนนนนนนน!!! สถานที่ท่องเที่ยวที่ผมไปอาจจะไม่ครบถ้วนนะครับ เพราะแต่ละที่ก็ค่อนข้างไกลกันพอสมควร เอาเท่าที่ผมสามารถไปได้ก็แล้วกัน ตามกำลังกายและกำลังทรัพย์ ^^ (อันหลังนี้ตัวสำคัญเลยยย...) ที่ที่ผมไปก็มีอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย(เมืองเก่า), อุทยานแห่งชาติรามคำแหง(เขาหลวง), อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย(ป่าคา) แล้วก็อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยครับ ว่าแล้วผมก็ขอต้อนรับสู่สุโขทัย เมืองเก่า รุ่งอรุณแห่งความสุขครับผมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ^^
ในหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงหลักที่ 1 (จำลอง) ด้านที่ 3 มีความว่า “เบื้องหัวนอนเมืองสุโขไทนี้ มีกุดีพิหารปู่ครูอยู่ มีสรีดภงส มีป่าหมากป่าลาง ป่าม่วง ป่าขาม มีน้ำโคก มีพระขพุงผี เทพยาดาในเขาอันนั้น เปนใหญ่กว่าผีในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือเมืองสุโขไทนี้แล ไหว้ดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยง เมืองนี้ดี ผิไหว้บ่ดี พลีบ่ถูก ผีในเขาอันบ่คุ้มบ่เกรง เมืองนี้หาย คำว่า “เขาอันนั้น” ในศิลาจารึกนี้ก็คือ “เขาหลวง” ขุนเขาอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นหนึ่งในเส้นทางเดินขึ้นไปพิชิตยอดอันโหดหินของเมืองไทย และยังเป็นแหล่งสมุนไพรชั้นเลิศด้วยครับ มีเยอะแยะเต็มไปหมด
ที่มา : http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000151453
วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2558 ผมนัดกับเพื่อนไว้ว่า “เห้ย!!! อยากขึ้นเขาหลวงว่ะ คนโขทัยต้องไปพิชิตเขาหลวงกันสักครั้ง” มันบอก “เอาดิ กูเคยไปมาแล้ว สมัยมัธยม สบาย ชิลๆ” บ้านผมอยู่อำเภอสวรรคโลกครับ ส่วนเพื่อนผมมันคนอำเภอเมืองอยู่แถวบ้านสวน เจ็ดโมงผมเริ่มออกจากบ้าน แม่ตื่นมาพอดีเลยอวยพรมาว่า “แม่เคยขึ้นเมื่อปี 19 เขาหลวงน่ะ จ้างให้ก็ไม่ไปอีกแล้ว” นั่นไง รู้สึกตะหงิดๆ แต่ก็ต้องไปอะครับ ผมขับมอไซค์กินลมไปเรื่อยๆ บรรยากาศตอนเช้ากำลังดีเลยครับช่วงนี้ อากาศเย็นๆ ลมเย็นๆ แสงแดดสีทองอ่อนๆ ผมนัดกับเพื่อนไว้แถวสี่แยกคลองโพธิ์ แยกที่จะไปอำเภอคีรีมาศ ไปกำแพงเพชรอะครับ
แวะเติมพลังกันซะหน่อย ข้าวแถวนี้จานละ 25-30 บาทเองครับ ถูกแถมอร่อยเหาะ
ตอนกำลังเดินทางไปอุทยาน ผมเห็นคนขนกระเป๋าขนเต็นท์กันเต็มไปหมด ก็คิดในใจ “ไปภูทับเบิกกันหรอวะ” จนใกล้มาถึงเขตอุทยาน ผมเห็นเจ้าหน้าที่ยืนเฝ้าแถวๆข้างทางตลอด “โอ้วววว อุทยานฯรามคำแหงนี่เค้าบริการดีจริงๆ” แต่ว่า...พอไปถึงด่านตรวจรู้เรื่องเลยครับ วันนี้เป็นวันเทศกาลพิชิตยอดเขาหลวง โอ้วบร๊ะเจ้า!!! คนจะเป็นพัน นี่ผมกะมาชิลๆนะเนี่ย มานอนดูดาวบนเขาหลวงเล่นๆ
“วันเทศกาลพิชิตยอดเขาหลวง” เค้าจัดกันทุกปีครับ แถวๆช่วงนี้แหละ ประเด็นคือเค้ารู้กันทั้งจังหวัด มีผมกับเพื่อนสองคนที่ไม่รู้ T T วันเทศกาลพิชิตยอดเขาหลวงเป็นวันที่มีการแข่งขันวิ่งขึ้น-ลงยอดเขาหลวง มีถ้วยรางวัลให้ด้วย บางคนก็เขาแข่งขันทำเวลาให้น้อยที่สุด บางคนก็มาร่วมกิจกรรมด้วยการพักแรมข้างบนยอดเขา เยอะครับ คนเยอะมากๆ คืนนี้ที่ตัวอุทยานข้างล่างเหมือนจะมีคอนเสิร์ตด้วย เอาวะ คนเยอะๆ สนุกสนานดี
10.00 น. ได้เวลาเปิดการแข่งขัน โอ้โห คนแออัดมากกกกกกกก เฉพาะคนที่มาค้างแรมบนบยอดก็เยอะแล้ว ยังมีการแข่งวิ่ง-ขึ้นลงอีก คนที่แข็งวิ่งขึ้น-ลงยอด ก่อนหน้านี้เค้าไปปั่นจักรยานกันมาก่อนนะครับ เค้าเรียกการแข็งขัน “คนพันธุ์อึด” อึดจริงๆ แค่คิดก็เหนื่อยแทนละ
ระยะทางเดินขึ้นเขาหลวงประมาณ 3.7 กิโลเมตร เหมือนจะสั้นนะครับ แต่ว่ามันชันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนตลอด ตั้งแต่ตีนเขายันยอดเขา ไม่ค่อยมีที่ราบให้พักหรอกครับ จะมีก็เป็นแคร่น้อยๆ ซึ่งวันนั้นไงก็ไม่พอ แต่โชคดีที่มีน้ำอยู่ตลอดทาง แต่ก็นะ คนเยอะ น้ำหมด น้ำตาผมจะไหล ดีนะเอาน้ำมาเอง
อย่างเหนื่อยอะครับ ช่วงแรกก็เดินไปถ่ายรูปไป หลังๆก็เข้าสเต็ปเดิม เก็บกล้องแล้วเริ่มคลานเริ่มตะกายขึ้น จะชันไปไหนวะเนี่ยยย... ต้องนั่งพักตามโขดหิน ยืนพักก็ไม่ได้เพราะมันไม่มีที่ราบ ยืนพักทีตะคริวนี่แทบกินน่อง แต่ไงก็ต้องลุยต่อ สบายยยยย หนักกว่านี้ยังได้ และแล้วก็มาถึงจุดชมวิวครับ คนนั่งพักเต็มเลย เพื่อนผมบอกว่าจุดนี้น่าจะได้สักครึ่งทางละ อือหือออ ครึ่งทาง บอกเลยว่าเหนื่อยโคตร ผมไปขึ้นภูกระดึงกับดอยหลวงเชียงดาวมายังไม่รู้สึกว่าจะขาดใจตายเท่าที่นี่เลยอะ
จุดชมวิวนี้เป็นจุดที่สมเด็จพระเทพฯทรงประทับชมวิวเมื่อครั้งทรงเสด็จพิชิตยอดเขาหลวงเมื่อปี 37 ครับ
นั่งได้สัก 5 นาทีก็เดินทางต่อครับ ชัน ชัน ชัน แล้วก็ชัน ค่อยคลานกันขึ้นไป สปีดเริ่มลดลงบวกกับน่องที่ตึงซะไม่มี ช่วงหลังๆนี่พักบ่อยมาก ผมก็บอกกับเพื่อน “ไงละมึง สบายๆ” มันบอก “เห้ย ทางมันเปลี่ยนเนี่ย ดูมันชันๆขึ้น เมื่อก่อนกูขึ้นถึงยอดแล้วลงเลยนะเว่ย” แหมมมมมมม่ แถไปเรื่อยยยยยยย
จุดนี้เรียกว่า “ไทรงาม” ครับ ถึงไทรงามแสดงว่าใกล้คามเป็นจริงแล้วครับ จริงๆแต่ละจุดจะมีป้ายบอกไว้แหละครับ แต่ผมไม่มีแรงถ่าย T^T อีกนิดเดียวน่าจะถึงละ สัก 500 เมตร
500 เมตรบนเขาไมมันไกลกว่าทางราบนิ เดินกันอย่างนานนนนน จากไทรงามมามันจะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายละครับ เป็นทางชัน 1 ชัน (อย่างไกลเลยครับ ยาวเลย) แล้วก็เป็นทางราบ (มีทางราบซะที) สังเกตุได้จากจะมีปล่องนางนาคอยู่
ปล่องนางนาคเป็นสถานที่เกี่ยวกับตำนานการถือกำเนิดของ “พระร่วง” ที่ย้อนอดีตไปในยุคก่อนอาณาจักรสุโขทัยถือกำเนิด ตำนานนี้เล่ากันว่า พระอภัยคามินีกษัตริย์แห่งดินแดนแถบนี้ได้ออกมาจำศีลที่เขาหลวงและพบรักกับธิดาพญานาคที่ปลอมตัวเป็นหญิงงามขึ้นมาจาก “ปล่องนางนาค ทั้งคู่ต่างครองรักกันจนธิดาพญานาคตั้งครรภ์ แต่เนื่องจากเป็นผู้มีบุญ โอรสที่คลอดจึงออกมาจากการสำรอกโดยไม่มีรก ณ ถ้ำบนเขาหลวง ที่ต่อมาถูกเรียกขานกันว่า “ถ้ำมเหรก” (หมายถึงไม่มีรก) โอรสผู้นี้มีนามว่า “อรุณราชุกมาร” ซึ่งก็คือ “พระร่วง” วีรบุรุษผู้เป็นตำนานแห่งอาณาจักรสุโขทัย
ที่มา : http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000151453
พี่ลูกหาบครับ ที่นี่ถ้าฟังไม่ผิดน่าจะโลละ 25 บาท
นี่เป็นทางชันสุดท้ายก่อนถึงค่ายพักแรม ระยะทางไม่น่าถึง 100 เมตร แต่เราใช้เวลานานมาก มันโคตรชันเลยครับ เป็นหินอีก เห็นจุดหมายอยู่ตรงหน้าอย่ารีบเชียวครับ ตะคริวมันจะกิน ขึ้นผิดท่าปุ๊บ มาเต็ม กินตั้งแต่น่องยันปลายเท้า
และแล้วเราก็มาถึงกันจนได้ครับผม ยอดเขาหลวง น้ำตาจะไหลลลลล เริ่มสี่โมงเช้า ถึงสี่โมงเย็น T T
ห้าโมงเย็นเราก็ไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่เขาพระแม่ย่า ระยะทาง 980 เมตร จากจุดกางเต็นท์ ก่อนมาเพื่อนผมมันบอกว่าข้างบนเป็นทางราบ ไปถึงนี่เดินเที่ยวสบาย หึๆ นี่นะรึทางราบ เมิงนี่มั่วตั้งแต่ตอนขึ้นแล้วนะเนี่ย มันชอบพูด “จะถึงแล้ว จะถึงแล้ว เนี่ยๆ เดี๋ยวข้างหน้าเป็นทางราบแล้ว” มีที่ไหนทางราบ มันชันตลอดทาง จากรูปจะเห็นว่าตามข้างทางในป่าจะมีคนไปกางเต็นท์ด้วยครับ เพราะที่ลานกางเต็นท์คนเต็ม
เดินมาได้ 200 เมตร จะถึงทางแยกไปเขาพระแม่ย่ากับเขานารายณ์ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งเราจะไว้พรุ้งนี้เช้า
ที่ลานจอดเฮริคอปเตอร์คนยังเต็มอะครับ คนเยอะมากๆ หลังจากผ่านลานจอดเฮริคอปเตอร์ จะเป็นทางผ่านป่าครับ พอผ่านป่าไปคราวนี้งานเข้าอีกแล้ว ทางชันเหมืนเดิม ยาวเลยครับ ยาวไปถึงเขาแม่ย่าเลย แล้วตูจะไปถึงทันพระอาทิตย์ตกไหมเนี่ยยยยย
แต่โชคยังเข้าข้างผมอยู่ มาถึงพอดิบพอดีเลย แต่สภาพร่างกายนี่โทรมฝุดๆ แต่ก็คุ้มค่ากับการถ่อสังขารมา สวยจริงๆ แสงยามเย็นที่เขาพระแม่ย่า ณ เขาหลวง
คนเยอะมากครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กช่วงมัธยม หลังจากนั้นพวกผมก็หาจับจองพื้นที่นั่งดูพระอาทิตย์ตกดีก่า ^^
เหล่าผู้คนที่มาพิชิตยอดเขาหลวงกันครับ
บนเขาหลวงมี 4 จุดไฮไลท์
-ยอดเขาพระเจดีย์ สูง 1,185 เมตรจากระดับน้ำทะเล อยู่ห่างจากแคมป์ประมาณ 320 เมตร ในอดีตเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ทหารไทยเคยใช้เป็นที่สังเกตการณ์การเคลื่อนทัพของข้าศึก(พม่า) คนสมัยก่อนเชื่อว่าที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์จึงนำหินมาก่อเป็น(รูปร่าง)เจดีย์ อันเป็นที่มาของชื่อยอดเขา ปัจจุบันเจดีย์หินเรียงแห่งนี้ยังคงอยู่
-ยอดเขานารายณ์ สูง 1,160 เมตรจากระดับน้ำทะเล อยู่ใกล้จากแคมป์ประมาณ 200 เมตร ที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นชั้นดี แถมถ้าวันไหนอากาศเป็นใจจะมีทะเลหมอกลอยขาวโพลนที่เบื้องล่างให้ชวนตราตรึงใจ
-เขาภูกา สูง 1,250 เมตรจากระดับน้ำทะเล อยู่ห่างจากแคมป์ 2,220 เมตร ที่นี่นอกจากจะเป็นจุดชมทิวทัศน์ชั้นดีแล้วยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งญี่ปุ่นเคยมาสลักหินบอกทิศทางไว้ที่นี่ เรียก “หินเข็มทิศ” เนื่องจากเชื่อว่าบริเวณนี้มีสนามแม่เหล็กอยู่
-ยอดเขาแม่ย่า สูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล อยู่ห่างจากแคมป์ 980 เมตร เป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ตกอันขึ้นชื่อของเขาหลวง นับเป็นอีกอีกหนึ่งยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ เพราะคนสุโขทัยนั้นนับถือแม่ย่า โดยชื่อแม่ย่ามาจากคำเรียกขานชื่อแม่ของพระร่วง ซึ่งในตำนานเล่าขานน่าบริเวณยอดเขาแห่งนี้เป็นจุดที่แม่ย่า มาบำเพ็ญศีลในช่วงสุดท้ายของชีวิต
ที่มา : http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000154608
ผมกับเพื่อนดูพระอาทิตย์จนลับขอบฟ้าไป รอจนคนอื่นๆกลับไปกันหมดจนเหลือพวกผม 2 คน แล้วค่อยเดินกลับครับ แต่ลืมไปว่าวันนี้มันข้างแรม โคตรมืดเลย ตอนผ่านป่านี่เสียวสันหลังวาบ จริงๆตอนแรกกะไปเขาพระเจดีย์กับเขาภูกา คือกะไปให้ครบทุกจุดแหละครับ แต่ไม่ได้ไปกัน พอแค่นี้ดีกว่า ขนาดราชาโจรสลัด โกลด์ ดี โรเจอร์ ที่พิชิตแกรนด์ไลน์ยังไปไม่ครบทุกเกาะเลย (ว่าไปนั่น จริงๆขี้เกียจครับ ไปไม่ไหวแล้วด้วย น่วมไปหมด จะกลับยังเดินกระเพกๆเลย) พอกลับไปถึงเต็นท์ก็กะจะต้มน้ำทำมาม่ากิน แต่ทางเจ้าหน้าที่สั่งห้ามไม่ให้ก่อกองไฟบนพื้นหญ้า แต่เค้าก็มีบริการน้ำต้มที่ร้านสวัสดิการครับ ผมลืมบอก บนนี้เค้ามีน้ำ มาม่า ปลากระป๋องขายด้วยนะครับ แต่ผมไม่รู้เรื่องราคา ผมชื้อน้ำเปล่าขวดเล็ก 2 ขวด น้ำอัดลม 2 กระป๋อง มัน 130 บาท
คืนนี้เป็นคืนพิเศษครับ เนื่องจากเป็นวันพิชิตเขาหลวง คืนนี้เลยมีกิจกรรมรอบกองไฟ ร้องรำทำเพลง สนุกสนานกัน มีการออกไปโชว์ความสามารถแล้วแนะนำว่าเป็นคนที่ไหน มาจากที่ไหน ให้ตายเหอะครับ นี่มันปาร์ตี้ลูกพ่อขุนชัดๆ คนโขทัยล้วนๆ แสดงว่าเค้ารู้กันทั้งจังหวัดจริงๆ พวกกระผมมัวไปทำอะไรกันอยู่ ถึงไม่รู้เรื่อง (อย่าว่าแต่ผมเลย แม่ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน) มีการตอบคำถามชิงรางวัลเป็นเสื้อพิชิตยอดเขาหลวง ถามว่า “สถิติไวสุดวันนี้มีคนทำไว้กี่นาที” ได้ยินคำตอบผมนี่ถึงกับอึ้ง 57 นาทีครับ นี่วิ่งหรือวาร์ปอะ แต่ยังไม่ใช่สถิติไวสุดนะครับ ไวสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 49 ใช้เวลา 37 นาที บร๊ะเจ้า!!! นี่วาร์ปหรือใช้ประตูโดเรม่อนอะ อะไรจะปานนั้น พอสักสามทุ่มก็แยกย้ายกันไปนอนครับ แต่คืนนั้นผมนอนแทบไม่หลับ แสบตาครับ บางเต็นท์ที่ไม่ได้อยู่แถวสนามหญ้าเค้าก่อกองไฟกัน ควันโขมงเชียว นอนแสบตาทั้งคืน เต็นท์นั้นดับ เต็นท์นี้ก่อ อย่างกับผลัดกันอยู่ยาม แต่ก็หลับจนได้เพราะความเพลียมาทั้งวัน แต่ก็ต้องตื่นมาตอนตีหนึ่งครึ่งอีก เพื่อนมันให้ไปเป็นเพื่อนไปห้องน้ำ มันกลัวผี (ประจานซะเลย) แล้วก็กลับมานอนต่อ