Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง : ครั้งหนึ่ง...แต่คิดถึงอีกแสนนาน อุทยานแห่งชาติภูกระดึง (Phu Kradueng National Park) จ.เลย
    • Posts-1
    theTripPacker •  January 30 , 2019

    อุทยานแห่งชาติภูกระดึง : ครั้งหนึ่ง...แต่คิดถึงอีกแสนนาน

    ยอดภูกระดึง คือ หนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ใครหลายคนอยากขึ้นไปพิชิตให้ได้สักครั้งในชีวิต ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงเราด้วยเช่นกัน นับเป็นยอดภูที่คนไทยแทบจะทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะมีธรรมชาติ และผืนป่าที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์สวยงามแล้ว ในเรื่องของการเดินทางขึ้นไปยังยอดภูนั้น นักท่องเที่ยวต่างก็พูดไปในทิศทางเดียวกันว่า "ไม่ง่ายเลย" วัดที่ความฟิตของร่างกายอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องวัดใจกันด้วยว่าแน่วแน่พอ และจะไม่ท้อถอยไปกลางทางเสียก่อน ซึ่งหากใครพิชิตยอดภูขึ้นไปจนถึงด้านบนได้แล้ว ว่ากันว่า...ความสุขทั้งหมดที่นักเดินทางต้องการรอเราอยู่ด้านบนนั้น...

    • Posts-2
    theTripPacker •  January 30 , 2019

    สาระน่ารู้ เกี่ยวกับ "ภูกระดึง"

    อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตั้งอยู่ที่อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทย เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม ในแต่ละปีจึงมีคนมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวมักมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปพักผ่อนบนภูกระดึงจำนวนมาก ภูกระดึงได้รับการจัดตั้งเป็นป่าสงวนแห่งชาติในปี พ.ศ. 2486 และเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 โดยนับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่สองถัดจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

    อุทยานฯ ตั้งอยู่ในตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ 348.12 ตารางกิโลเมตร (217,575 ไร่) ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด โดยมีที่ราบบนยอดภูกระดึง ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร่) มีความสูงอยู่ระหว่าง 400-1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตร

    ภูกระดึงเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดป่าหนึ่ง มีทั้งป่าผลัดใบ และป่าดงดิบ ที่ระดับความสูงต่าง ๆ เช่น ป่าเต็ง-รัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา และป่าสนเขา และภูกระดึงยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศประกอบไปด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้า และลำธาร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าบนภูกระดึงมีหลายชนิดที่พบเห็นทั่วไป ได้แก่ ช้างป่า เก้ง กวางป่า หมูป่า ลิง กระรอก นกนานาชนิด งู และมีเต่าชนิดหนึ่งซึ่งหาได้ยากมาก คือ "เต่าปูลู" หรือ "เต่าหาง" เป็นเต่าที่หางยาว อาศัยอยู่ตามลำธารในป่าเขาระดับสูงของประเทศไทย กัมพูชา และ ลาว

    คำว่า "ภูกระดึง" มาจากคำว่า ภู แปลว่า ภูเขา และ กระดึง แปลว่า กระดิ่ง เป็นภาษาพื้นเมืองของจังหวัดเลย ด้วยเหตุนี้ ภูกระดึง จึงอาจแปลได้ว่า ระฆังใหญ่ ชื่อนี้มาจากเรื่องเล่าที่ว่าในวันพระชาวบ้านมักได้ยินเสียงกระดิ่งหรือระฆังจากภูเขาลูกนี้เสมอ เล่ากันว่าเป็นระฆังของพระอินทร์ ส่วนอีกข้อสันนิษฐานหนึ่งคือในบริเวณบางส่วนของยอดเขาหากเดินหนัก ๆหรือใช้ไม้กระทุ้งก็จะมีเสียงก้องคล้ายระฆังซึ่งเกิดจากโพรงข้างใต้ จึงได้รับการตั้งชื่อว่า "ภูกระดึง"

    ยอดภูกระดึงไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นได้ทั้งปี โดยจะเปิด และปิดเป็นช่วง ๆ เพื่อให้ป่าได้พักฟื้น และเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเอง โดยจะเปิดให้ขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม-พฤษภาคม และปิดในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน

    บนภูกระดึงมีอากาศค่อนข้างเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยในฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม มีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ระหว่าง 0-10 °C อุณหภูมิสูงสุดอยู่ระหว่าง 21-24 °C ส่วนในฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ระหว่าง 12-19 °C อุณหภูมิสูงสุดอยู่ระหว่าง 23-30 °C อากาศบนยอดภูกระดึงมักจะแปรปรวน และมีเมฆหมอกลอยต่ำปกคลุมบ่อยครั้ง

    • Posts-3
    theTripPacker •  January 30 , 2019

    สำหรับการเตรียมตัวขึ้นภูกระดึง เราขอแนะนำให้มีเวลาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน เพื่อจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ และจุดชมวิวตามผาต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ และเราเองก็จะได้ไม่รู้สึกเหนื่อยล้ากับการเดินทางเกินไปด้วย เมื่อได้วันที่แน่นอนแล้ว แนะนำให้ทำการจองพื้นที่กางเต้นท์ และเครื่องนอนไว้ก่อนเลย ผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักอุทยานแห่งชาติ  http://nps.dnp.go.th ซึ่งเราสามารถนำเต้นท์ขึ้นไปกางเองได้ หรือถ้าไม่สะดวกจอง หรือไม่สะดวกนำเต้นท์ไปเอง ก็สามารถไปติดต่อขอเช่าเต้นท์ของอุทยานที่จุดบริการนักท่องเที่ยวด้านล่างก่อนขึ้นภูได้เลย แต่วิธีนี้ไม่แนะนำ หากว่าช่วงที่เราไปเป็นวันหยุดยาว หรือช่วงเทศกาล เพราะเต้นท์อาจจะเต็มได้นั่นเอง หากมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม ก็โทรสอบถามเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้เลยครับที่เบอร์ 042-810-833, 042-810-834

    เราเดินทางมาถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวในเวลาประมาณ 8 โมงเช้า เพื่อทำการลงทะเบียน และตรวจสอบเอกสารที่เราทำการจองมา รวมไปถึงจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ด้วย (คนละ 40 บาท) จากนั้นก็นำสัมภาระไปยังอาคารรับ-ส่งสัมภาระ เพื่อจ้างลูกหาบ ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ กิโลกรัมละ 30 บาท ตรงนี้แนะนำว่าอย่าเพิ่งคิดถึงแต่ความประหยัดอย่างเดียวครับ เพราะจุด ๆ นี้บอกเลยว่าเราควรขึ้นไปแบบตัวเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เชื่อผม...

    เมื่อจัดการเรื่องสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เรานั่งพักทานมื้อเช้าแบบง่าย ๆ เพื่อตุนแรงไว้ก่อน และเข้าห้องน้ำที่ด้านล่างให้เรียบร้อย ทำใจให้พร้อม หายใจเข้าลึก ๆ ตอนนี้เป็นเวลา 08.30 น. ก็ได้เวลาที่เราหมายมั่นตั้งใจไว้ว่าเราจะเริ่มเดินขึ้นภูกัน ตรงจุดเริ่มต้นของทางขึ้นจะมี ผู้ช่วยผู้พิชิต ซึ่งเป็นไม้ไผ่ค้ำยันไว้ให้เราได้เลือกใช้ เลือกอันที่เหมาะมือไว้เป็นผู้ช่วยตลอดการเดินทาง จากนั้นก็ขึ้นภูกันเลย

    หมายเหตุ : หลังจาก 14.00 น. ทางภูกระดึงจะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นภู เนื่องจากระหว่างทางอาจมืด และเป็นอันตราย
    • Posts-4
    theTripPacker •  January 30 , 2019

    จากจุดเริ่มต้นจะมีป้ายบอกจุดพัก และซำต่าง ๆ รวมไปถึงระยะทางโดยรวม เห็นด้านบนไหมครับตรงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งก็คือจุดที่เราจะไปกางเต้นท์กันนั่นเอง โดยระยะทางจากตรงนี้ถึงตรงนั้น รวม ๆ แล้วก็แค่ 9 กิโลเมตร เท่านั้นเอง! หรอ? เอาล่ะ!...เรามาถึงตรงนี้แล้วด้วยใจที่มุ่งมั่นจะไปเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึงให้ได้ จับไม้ให้แน่น แล้วเดินหน้าเต็มกำลัง แต่ก็ไม่ต้องรีบมากก็ได้นะครับ บางซำจะมีร้านอาหาร ร้านขายเครื่องดื่ม มีห้องน้ำ และจุดให้นั่งพักด้วย เดินไปเรื่อย ๆ ชมวิวไปพลาง ๆ พักจิบน้ำไปเป็นระยะ ๆ จะดีกว่า ซึ่งบอกเลยว่าแต่ละช่วงที่เราเดินขึ้นไป ผืนป่าก็จะเริ่มเปลี่ยนสภาพไปเรื่อย ๆ โดยเริ่มจากทางขึ้นด้านล่างสุดจะเป็นผืนป่าเต็ง-รัง ต่อมาจะเริ่มเปลี่ยนเป็นป่าเบญจพรรณ จากนั้นจะเข้าสู่ป่าดิบแล้ง และบริเวณทางขึ้นช่วงสุดท้ายจะเป็นป่าดิบเขา จนเมื่อถึงทางราบด้านบนสุดตรงหลังแปเราก็จะได้เจอผืนป่าสนเขาอันสวยงาม และอุดมสมบูรณ์ ซึ่งนอกจากสภาพผืนป่าที่เปลี่ยนไปแล้ว ความยาก และความชันของเส้นทางเดินก็จะมากขึ้นด้วย ดังนั้นเราจึงแนะนำว่าไม่ต้องรีบครับ เก็บแรงให้เหลือมากที่สุดไว้ใช้ในช่วงสุดท้ายของทางขึ้นดีกว่าครับผม

    ทางยิ่งชัน บันไดยิ่งเยอะ ก็เป็นสัญญาณว่าเราใกล้ถึงแล้ว อีกไม่กี่อึดใจเท่านั้นเราก็จะถึงหลังแปกันแล้ว สู้ ๆ ... เดินหน้าเต็มกำลัง ตอนนี้มีแรงเท่าไหร่ใส่ให้หมดเลยครับ
    • Posts-5
    theTripPacker •  January 30 , 2019

    5 ชั่วโมง 40 นาที ในที่สุดเราก็ขึ้นมาถึงหลังแปแล้ว จากที่เหนื่อยจนแทบจะหมดแรง พอเห็นป้าย "ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" เท่านั้นแหล่ะ ... ความเหนื่อยก็มลายหายเป็นปลิดทิ้ง ความรู้สึกภูมิใจ และฮึกเหิมมันก็เข้ามาแทนที่ในทันที

    แต่เดี๋ยวก่อน ที่บอกว่าถึงแล้วหมายความว่าขึ้นมาถึงทางราบที่เรียกว่าหลังแปนะ แต่จากจุดนี้ไปยังจุดกางเต้นท์ หรือศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง เราต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 3 กิโลเมตร เอาเป็นว่า นั่งพักชมวิว ใช้เวลานั่งชื่นชมในความมุ่งมั่นที่ผ่านมาของตัวเองซักครู่ ใครจะเช็คอินอัพรูปลงโซเชียลก็รีบทำตั้งแต่ตอนนี้ เพราะเดี๋ยวเข้าไปด้านในบอกเลยว่าสัญญาณโทรศัพท์หายากมาก บางช่วงเรียกได้ว่าตัดขาดจากโลกภายนอกกันเลยทีเดียว หายเหนื่อยพอสมควรแล้วเราก็เดินเท้าต่อไปอีก 3 กิโลเมตรเพื่อไปยังศูนย์บริการวังกวางติดต่อเรื่องกางเต้นท์ และรับเครื่องนอนมาแล้ว เราก็รอรับสัมภาระของเราที่ได้จ้างลูกหาบไว้ โชคดีที่สัมภาระของเราขึ้นมาถึงพร้อม ๆ กันกับเราเลย เมื่อได้สัมภาระ และอุปกรณ์เครื่องนอนแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาจัดการกางเต้นท์ให้เรียบร้อย นั่งพัก นอนพัก ให้หายเหนื่อย ใครจะแวะร้านอาหาร หรือหาเครื่องดื่มเย็น ๆ ดื่มให้ชื่นใจ ที่นี่ก็มีร้านค้า ร้านชำมากมายไว้บริการ หรือจะอาบน้ำให้สบายตัวก่อนก็ได้ไม่ว่ากัน

    เย็นนี้เราจะเดินเท้าไปยัง ผาหมากดูก เพื่อชมพระอาทิตย์ตก ซึ่งจากศูนย์บริการวังกวางไปยังผาหมากดูก ระยะทางประมาณก็ราว ๆ  2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 30 - 45 นาที หากจะไปให้ทันพระอาทิตย์ตก แนะนำให้เผื่อเวลาสำหรับเดินด้วยนะครับ ระหว่างนี้เราก็เดินสำรสจสถานที่ สำรวจห้องน้ำ ร้านค้า และแผนที่เส้นทางที่จะไปยังจุดต่าง ๆ ไว้ก่อนล่วงหน้า

    พระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก เป็นช่วงเวลาที่ประทับใจเราอย่างมาก ช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกขณะที่ท้องฟ้าอาบไปด้วยแสงสีส้ม ลมหนาวพัดผ่านตัวเราอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับทิวทัศน์ของผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์เบื้องหน้า ทุกอย่างอยู่ในความสงบเงียบ มีแค่เสียงของธรรมชาติเท่านั้นที่เราได้ยินอยู่ตลอดเวลา เมื่อความมืดเข้ามาแทนที่ ก็ได้เวลาเดินกลับไปยังจุดกางเต้นท์ เพื่อพักผ่อน พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปรวมตัวกันที่ศูนย์บริการวังกวางราว ๆ ตี 5 เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำทางเราเข้าไปยัง ผานกแอ่น จุดที่เรียกได้ว่า เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่สุดบนภูกระดึง

     

    • Posts-6
    theTripPacker •  January 30 , 2019

    5 นาฬิกา ... เรางัวเงียออกมาจากเต้นท์ตรงดิ่งไปยังศูนย์บริการวังกวาง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้เรามารวมตัวกันบริเวณนี้ เพื่อจะพาเราไปยัง ผานกแอ่น เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ซึ่งการจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น เราไม่สามารถเข้าไปกันเองได้ จะต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางไปเท่านั้น เหตุผลก็เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเอง เพราะช่วงเช้ามืดแบบนี้อาจมีโอกาสที่จะเจอกับสัตว์ป่าที่หากินตอนกลางคืนได้นั่นเอง

    การมาภูกระดึงอย่างนึงเลยที่แนะนำว่าขาดไม่ได้ คือ ไฟฉาย เพราะเมื่อออกจากบริการจุดเกางเต้นท์มาแล้ว ก็เรียกได้ว่า...ไร้แสงสว่าง และหากต้องเดินช่วงที่ฟ้ามืด แนะนำให้เดินเกาะกลุ่มกันไว้ อย่าทิ้งห่างมาก หรืออย่าออกนอกเส้นทางโดยเด็ดขาด เมื่อมาถึงแล้วเราก็หามุมที่ถูกใจนั่งรอชมความงดงามของพระอาทิตย์ยามเช้า ที่จะค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากหลังทิวเขาพร้อมแสงสีทองที่ค่อย ๆ เผยให้เห็นความงดงามเบื้องล่างทั้งแม่น้ำ และตัวอำเภอภูกระดึง ประกอบกับช่วงนี้อากาศหนาวเย็น เราจึงมีโอกาสได้เห็นหมอกบาง ๆ ที่ลอยเอื่อยอยู่บริเวณยอดเขา ดูไปก็คล้าย ๆ ฟองนมนุ่ม ๆ ที่อยู่บนเครื่องดื่มแก้วโปรดของเราเลย เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นจนเต็มดวง อากาศก็เริ่มอบอุ่นขึ้น ได้เวลาเดินทางกลับไปยังเต้นท์ อาบน้ำ อาบท่า เตรียมตัวลุยกันต่ออีกวัน

    • Posts-7
    theTripPacker •  January 30 , 2019

    มื้อเช้าของเราในวันนี้เป็นเมนูง่าย ๆ แต่ในบรรยากาศแบบนี้ทำให้กลายเป็นมื้อที่ฟินสุด ๆ ไปเลย อากาศหนาว ๆ ได้โจ๊กเนื้อเนียมนุ่ม จิบชา กาแฟร้อน ๆ หอมกรุ่น ชมธรรมชาติ ฟังเสียงนกร้อง และดูเจ้ากวางที่เดินไปมาอย่างไม่กลัวคน เรียกว่าเพลินจนลืมเวลาไปเลย

    เส้นทางท่องเที่ยวของเราในวันนี้ เราจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือช่วงเช้า จะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวน้ำตก ส่วนช่วงบ่าย จะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวลัดเลาะตามผา 

    เราเริ่มต้นที่ เส้นทางท่องเที่ยวน้ำตก เส้นทางนี้เราแนะนำให้เดินครับ โดยเราจะเริ่มต้นตั้งแต่ น้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกถ้ำใหญ่ พระพุทธเมตตา แล้ววนกลับมาที่ศูนย์บริการวังกวาง เส้นทางนี้ใช้เวลาเดินประมาณ 4-5 ชั่วโมง เราจะได้ชมความงดงาม และเอกลักษณ์ของแต่ละน้ำตกที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว ในเดือนธันวาคม - มกราคม ที่น้ำตกถ้ำใหญ่จะมีใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดงสวยงามมาก แนะนำว่าห้ามพลาดนะครับ เส้นทางเดินบางช่วงอาจต้องใช้ความระมัดระวังกันหน่อย และเนื่องจากระยะทางโดยรวมค่อนข้างไกล และไม่มีร้านค้าให้บริการ แนะนำให้เตรียมเสบียง และน้ำดื่มไว้ทานระหว่างทางด้วย 

    คำแนะนำ : ควรจัดเส้นทางท่องเที่ยวน้ำตกไว้ช่วงเช้า และจบเส้นทางไม่เกินช่วงบ่าย เพราะประมาณ บ่าย 3-4 โมง เส้นทางนี้จะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้า เนื่องจากจะเป็นช่วงเวลาที่ช้างป่าออกหากิน ซึ่งอาจเป็นอันตรายแก่นักท่องเที่ยวได้

    • Posts-8
    theTripPacker •  January 30 , 2019

    จบจากเส้นทางท่องเที่ยวน้ำตกแล้ว เราแวะพักเหนื่อย หามื้อเที่ยงกินกันก่อนที่บริเวณร้านค้าที่ศูนย์บริการวังกวาง จากนั้นเราก็เตรียมตัวเริ่ม เส้นทางท่องเที่ยวลัดลาะตามผา โดยเส้นทางนี้เราจะไม่เดินแล้วครับ แนะนำให้เช่าจักรยานปั่นแทน เพราะถ้าไม่เช่าจักรยานมีหวังเดินกันขาลาก โดยจักรยานจะมี 2 แบบให้เช่า คือ แบบล้อธรรมดา  (360 บาท) กับล้อใหญ่ (400 บาท) เนื่องจากภูกระดึงเป็นภูเขาหินทราย เส้นทางส่วนใหญ่จึงเต็มไปด้วยหิน ทั้งก้อนเล็ก-ใหญ่ และเม็ดทรายเป็นจำนวนมาก การใช้จักรยานล้อใหญ่จะทำให้มั่นคง และปลอดภัยกว่า แต่ถ้าเรามาช่วงสายไปจักรยานล้อใหญ่มักจะหมดก่อน แต่ไม่เป็นไรครับ สำหรับคนที่มีทักษะในการปั่นจักรยานได้ดีพอสมควรจักรยานล้อเล็กก็คล่องตัวใช้ได้ครับ โดยก่อนนำจักรยานออกไปปั่นเจ้าหน้าที่ก็จะขอเช็คเส้นทางที่เราจะไปเพื่อให้คำแนะนำ ทำการปรับเบาะให้เรา ติดตั้งไฟส่องทาง และแนะนำวิธีปรับเกียร์ และการใช้เกียร์ในแต่ละสถานการณ์ด้วย รถพร้อม คนพร้อม ออกเดินทางกันเลย

     เส้นทางท่องเที่ยวลัดเลาะรอบผา เราจะเริ่มต้นจากศูนย์บริการวังกวาง ซึ่งครั้งนี้เรามีเป้าหมายว่าเราจะแวะชม และถ่ายภาพให้ครบทุกผา โดยที่จะไม่อยู่รอชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก เนื่องจากขากลับเราไม่อยากปั่นจักรยานฝ่าความมืด อีกทั้งเส้นทางก็เต็มไปด้วยเนิน หลุม ทางแคบ ทางชัน หิน และทราย อาจจะอันตรายไปสำหรับการปั่นตอนกลางคืน ดังนั้นเราจึงเริ่มต้นโดยการปั่นไปทาง พระพุทธเมตตา ไปแวะชม สระอโนดาต แล้วย้อนกลับมาออกเส้นทางลัดโดยจะมาโผล่ที่ผานาน้อย เลี้ยวขวาแล้วมุ่งตรงไปตั้งหลักที่ผาแรก ก็คือ ผาหล่มสัก แวะถ่ายภาพ ชมวิว แล้วย้อนกลับมาแวะตามผาต่าง ๆ ได้แก่ ผาแดง ผาเหยียบเมฆ ผานาน้อย ผาจำศีล ผาหมากดูก แล้ววนกลับมาที่ศูนย์บริการวังกวางอีกครั้ง คิดดูครับ...ขนาดเราปั่นจักรยาน ซึ่งออกไปตั้งแต่ช่วงบ่าย 2 จนกลับมาถึงจุดกางเต้นท์ท้องฟ้าก็มืดพอดี ไม่ต้องนึกถึงคนที่เดินเลยว่าจะกลับมาถึงกี่โมง
    • Posts-9
    theTripPacker •  January 30 , 2019

    หลังจากนำจักรยานไปคืนแล้ว เราก็จัดแจงอาบน้ำคืนความสดชื่นให้กับร่างกาย จัดเต็มกับมื้อเย็นชุดใหญ่ เพราะบอกเลยว่าวันนี้เราใช้พลังงานกันไปเยอะมากทั้งเดิน ทั้งปั่น คาร์ดิโอกันทั้งวันเลยทีเดียว ค่ำนี้เราเลยรู้สึกง่วงเร็วกว่าเมื่อวาน เพราะแค่ 3 ทุ่ม ก็เหมือนร่างกายมันพร้อมจะชัตดาวน์แล้ว คืนนี้นอนได้เร็วเป็นเรื่องดี เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นเช้าเก็บข้าวของ และเตรียมแรงไว้ใช้ตอนขาลง ซึ่งเขาว่ากันว่าขาลงจะใช้เวลาน้อยกว่า แต่ว่าลงยากกว่า แต่ก็ไม่ประมาท ค่อย ๆ ลง ไม่รีบร้อนจะดีกว่า 

    ค่ำคืนนี้ดวงดาวสว่างไสวเต็มท้องฟ้า การมา ภูกระดึง ในครั้งนี้เรียกได้ว่าสมกับการรอคอย สมกับความตั้งใจ และความพยายาม เป็นความเหนื่อยที่แลกคืนมาเป็นความสุขที่ดูเหมือนว่าจะให้กลับมามากกว่าด้วยซ้ำ ธรรมชาติของผืนป่า สัตว์น้อยใหญ่ที่อาศัยในป่าแห่งนี้ ที่ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นตัวก็ตาม แต่เราก็ได้ยินเสียง และเห็นร่องรอยที่ทิ้งไว้พอให้ตื่นเต้นได้ระหว่างทาง นับเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน บอกเลยว่าถ้ามีโอกาสอยากให้ลองมาพิชิตภูกระดึงซักครั้ง เพราะอย่างน้อยจะเป็น "ครั้งหนึ่ง...แต่คิดถึงอีกแสนนาน"

    • Posts-10
    theTripPacker •  January 31, 2019

    Editor's Comment

    • Strong point:
    • ภูกระดึง เป็นยอดภูที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสายลุย หรือคนที่ชื่นชอบในการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพราะนอกจากที่นี่จะมีผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ และหลากหลายแล้ว ภูกระดึงยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าน้อยใหญ่จำนวนมาก และที่นี่ยังมีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีจุดชมวิวตามผาต่าง ๆ ที่สวยงามและชึ้นชื่อ
    • Weak point:
    • เนื่องจากของทุกอย่างที่นำขึ้นไปบนภูต้องใช้ความยากลำบากในการลำเลียง และบางครั้งอาจมีค่าลูกหาบ ทำให้อาหาร เครื่องดื่ม และค่าบริการต่าง ๆ บนภูกระดึงค่อนข้างแพง นักท่องเที่ยวควรเตรียมเงินสดขึ้นไปสำรองไว้ในส่วนนี้ด้วย อีกทั้งสัญญาณโทรศัพท์ที่นี่ไม่ค่อยจะดีนัก หรือบางวันอาจไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ให้ใช้เลย
    • Conclusion:
    • หากคุณคือนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินป่า กางเต้นท์นอนท่ามกลางธรรมชาติ แต่ก็ยังคงต้องการการพักผ่อน และความสะดวกสบายอยู่บ้าง "ภูกระดึง" ก็นับเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่เราอยากแนะนำ เป็นยอดภูที่คนเริ่มต้นอยากเดินป่ากางเต้นท์สามารถทำได้ และไม่ลำบากจนเกินไป อีกทั้งธรรมชาติก็สวยงามน่าประทับใจไม่แพ้ที่อื่น ๆ เลย
    Score
  1. View more