สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาอัพโหลดประสบการณ์ของการขึ้น "ภูกระดึง" ครั้งแรก
ก่อนจะตัดสินใจมาที่ภูกระดึงได้เราปักหมุดที่นี่ไว้หลายต่อหลายครั้งแล้ว บอกว่าจะมาๆ ก็ยังไม่ได้มาสักที ครั้งนี้เมื่อคิดได้ เลยต้องรีบตัดสินใจ รีบมา เพื่อจะได้ไม่ต้องผลัดไปปีหน้าอีก
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวไปและห้ามลืมเด็ดขาด!!
1.ไฟฉายพลังไฟค่อยข้างสูง
2.ถุงมือและหมวกอุ่นๆ
3.รองเท้าผ้าใบ
4.อุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกาย
5.ความฟิตของร่างกาย
6.ความพร้อมของจิตใจ
การเดินทาง
นั่งรถทัวร์จากสถานีขนส่งหมอชิต - ผานกเค้า แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าผ่านเว็ปไซต์จะดีกว่า เนื่องจากคิวต่อแถวซื้อตั๋วค่อนข้างยาว และที่นั่งอาจเต็มได้
จากผานกเค้า - สามารถแวะพักกินข้าว ล้างหน้าได้ที่ร้านเจ๊กิม โดยจะมีรถสองแถวเพื่อให้เราไปภูกระดึงจอดอยู่ข้างๆร้านเจ๊กิม ราคาเหมาเที่ยวละ 300 บาท สามารถนั่งได้ 10 คน ซึ่งถ้าใครที่ไปกันไม่ถึง 10คน ก็หาพรรค หาพวกที่นั่งอยู่แถวๆนั้นก็ได้ เพราะยังไงเป้าหมายของทุกคน ณ ที่นั้นก็คือ ภู ก ร ะ ดึ ง
____________________________________________________________________________
เราวางแผนไว้ว่าอยากถึงภูกระดึงประมาณ6โมงเช้า เพื่อเวลาเดินขึ้นแดดจะได้ไม่แรงมาก และมีเวลาเดินเยอะๆ ไม่ต้องรีบ
สัมภาระสามารถจ้างลูกหาบผู้ทรงพลัง แบกขึ้นไปได้ โดยคิดราคา 30บาท : 1 กิโล หรือหากใครที่ฟิตหนักก็สามารถแบกขึ้นภูได้เลยค่ะ
เริ่มเดินทางไปขึ้นไปบน ภู เ ข า รู ป หั ว ใ จ กั น เ ถ อ ะ ค่ ะ
ระยะทางจากข้างล่างขึ้นไปถึงหลังแป รวมๆ แล้วน่าจะประมาณ 5.5 กม. นั่นแหละค่ะ อย่างที่ทุกคนเคยได้ข่าวลือมา ซำแรก และซำสุดท้าย โหดสุด ขอยืนยันอีกเสียงค่ะว่า จริง!!
ธรรมชาติที่นี่สวยงามเหมือนงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการควบแน่นกันของพื้นดิน และการแตกกระจายของกิ่งไม้
และแล้วก็เดินทางมาถึงซำแรก ซำนี้มีชื่อเรียกว่า "ซำแฮก" จากข้อมูลพื้นที่ของจังหวัดเลย เป็นพื้นที่ที่มีภูเขาล้อมรอบ ภูแต่ละภูจะไม่สูงมาก และเป็นภูหัวตัด
ใครที่กลัวว่าการมาที่นี่จะลำบาก ไม่ต้องห่วงเลย ที่นี่มีทั้งอาหาร และ ห้องน้ำบริการตลอดทาง ทุกจุดแวะพักของแต่ละซำเมื่อร่างกายพร้อมแล้วเราก็เริ่มเดินทางกันต่อ "อีกนิดก็ถึงแล้ว"
ระหว่างทางเราจะพบสิ่งมหัศจรรย์หลายอย่างจากที่นี่ หนึ่งในนั้นคือสิ่งนี้ ลู ก ห า บในขณะที่เราพาตัวเองขึ้นไปยังแทบเอาตัวไม่รอด ลูกหาบต้องแบกทั้งอาหาร สัมภาระ เกือบสิบโลขึ้นไป ไม่แน่ใจว่าร่างกายของพี่ๆเค้ามีส่วนประกอบของไวเบรเนี่ยมด้วยรึเปล่า
เมื่อเดินมาถึงซำสุดท้ายเพื่อขึ้นไปสู่หลังแป เราจะพบบอสใหญ่ของที่นี่ค่ะ บันไดคู่ที่ทั้งสูง และชันมาก
เยี่ยง T h e H u l k
โปรดจดจำบันไดนี้ไว้ เพราะจุดหมายของคุณจะอยู่ด้านหน้า
วิวบนนี้สุดลูกหู ลูกตามาก ถึงเวลานี้จะมีแดดออกแรงแล้ว แต่เรายังเห็นหมอกบางๆอยู่เลย
แต่มีความจริงบางอย่างที่เราต้องรู้ นั่นก็คือเราต้องเดินต่อไปอีก 3 กม. เพื่อไปยังที่พัก เฮือก!
น่าสงสัยเรื่องการอยู่รอดของต้นไม้ต้นนี้?
ไม่ได้ไกลอย่างที่คิด ป่าวค่ะ มันไกลกว่าที่คิดไว้ อากาศบนนี้ค่อนข้างเย็น แม้จะมีแดด
สำหรับใครที่จองเต้นท์ทางอินเตอร์เน็ตไว้ สามารถจ่ายเงินค่าที่พักกับเจ้าหน้าที่ด้านล่าง และสามารถขึ้นมาเลือกเต้นท์ของอุทยานได้เลย
หรือใครที่นำเต้นท์มาเอง สามารถจ่ายเงินค่าพื้นที่ตั้งเต้นท์ได้กับเจ้าหน้าที่เดินล่างเช่นกัน
หรือใครที่เจ้าหน้าที่ด้านล่างบอกว่าเต้นท์ของทางอุทยานเต็ม สามารถเอาตัวขึ้นมาแล้วเช่าเต้นท์ด้านบนได้ ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีเต้นท์นอน เพราะข้างบนสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ ประมาณ 5000คน ในวันที่เราไปมีนักท่องเที่ยวขึ้นภูประมาณ 900 คน
คำแนะนำ เมื่อขึ้นมาถึง ลานกางเต้นท์แล้ว แนะนำให้อาบน้ำทันที ก่อนไปดูพระอาทิตย์ตก เพราะน้ำที่นี่เย็นมาก เหมือนโดนน้ำในช่องฟิตสาด เราขอให้คุณสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะให้น้ำสัมผัสตัวค่ะ
แผนสุดท้ายของวันนี้คือการเดินไปดูพระอาทิตย์ตกที่ ผ า ห ม า ก ดู ก ระยะทางประมาณ 2 กม.
เมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไป บรรยากาศเริ่มหวิวๆ มีลมพัดเบาๆ อากาศเย็นๆ มีแค่แสงสว่างจากไฟฉายเท่านั้น
ในระหว่างเดินกลับไปยังที่พัก มันทำให้เรานึกถึงว่า ถ้าเป็นตอนนี้ ถ้าเราอยู่ในกรุงเทพ เรากำลังทำอะไรอยู่? เราอาจกำลังนั่งรอรถเมล์ หรือเราอาจกำลังรถติดอยู่แยกไฟแดงก็ได้
แต่บนนี้ไม่เป็นอย่างนั้น
แผนต่อไปในวันพรุ่งนี้คือการต้องตื่นแต่ ตี4 ครึ่ง และไปพบเจ้าหน้าที่ เพื่อเราจะได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน
ผ า น ก แ อ่ น มีทั้งลมที่พัดแรง และอากาศที่หนาวเย็นมากๆ ความหนาวในที่นี้ อยู่ในระดับที่ควรก่อไฟผิงกันเลยจะดีกว่าค่ะ
แต่ความหนาวก็แพ้ความงาม
เราเดินกลับมายังลานกางเต้นท์ ในระหว่างที่กินข้าวก็ถามพ่อค้าแม่ค้าว่า ใบเมเปิ้ลสีแดงที่อยู่ตรงน้ำตกวันนี้มีหรือป่าว คำตอบคือ ไม่มี น้ำตกน้ำน้อย จบ!
เราเลยตัดสินใจกันว่า เราจะเดินไปผาหล่มสัก โดยขาไปเราจะใช้เส้นทางด้านใน และขากลับเราจะใช้เส้นทางเลียบผา เมื่อท้องอิ่ม ก็เริ่มออกเดินทางต่อ ผาหล่มสักมีระยะทางห่างจาก ลานกางเต้นท์ประมาณ 10 กม.
เพื่อให้ความเหน็ดเหนื่อยถูกลืมๆไป เสียงเพลงมันต้องมาค่ะ เดินไป ร้องเพลงไป ถ่ายคลิปให้คนที่บ้านดูไป
ส ร ะ อ โ น ด า ต วันนี้น้ำน้อยจริงๆ
คำเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเช่าจักรยานปั่น เส้นทางนี้ไม่สามารถปั่นไปถึงผ่าหล่มสักได้ ต้องใช้เส้นทางเลียบผาแทนนะคะ
คำเตือน2 เส้นทางนี้สามารถเดินได้ถึง เวลา16.00น. ไม่มีอาหารใดๆขาย ไม่มีห้องน้ำ และที่สำคัญ เป็นเส้นทางที่สัตว์ใช้เดินด้วย
คำแนะนำ ควรศึกษาวิธีแกล้งตายติดตัวไว้ด้วยก็ดีค่ะ
และแล้ว 10 กิโล ก็แค่10 กิโล เราเดินถึงโดยใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม.
ร้านนี้ออกตัวว่าเป็นร้านกาแฟร้านแรกบนภูกระดึง แต่ทำไมร้านอยู่ตั้งหล่มสักล่ะ?
กาแฟข้างบนนี้ไม่ได้ใช้เครื่องทำกาแฟเหมือนข้างบน แต่มีอุปกรณ์อะไรบ้างอย่างที่เราเรียกไม่ถูก จุดเด็ดของร้านนี้คือ บราวนี่ เจ้าของร้านถึงกับต้องเปิดสั่งจองก่อนมาถึงกันเลยทีเดียว
มุมมหาชน ผ า ห ล่ ม สั ก
จริงๆที่ผาหล่มสักเป็นอีกจุดนึงที่ผู้คนต่างมาดูพระอาทิตย์ตก แต่เราไม่อยากเดินกลับที่พักมืดๆในระยะทางไกลๆ เลยตัดสินใจว่า กลับ!
เส้นทางเลียบผาเป็นเส้นทางที่สามารถปั่นจักรยานยาวมาถึงได้เลย อาจจะต้องเข็นเป็นบางช่วง แต่เส้นนี้มีทั้งอาหาร และห้องน้ำ ตามจุดแวะของผาต่างๆ ให้ความรู้สึกคนละอารมณ์กับเส้นทางด้านใน
สิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งก็คือ รถคันนี้ รถคันนี้เจ้าหน้าที่ช่วยกันขนขึ้นมาเพื่อดับไฟป่า หลายๆคนที่เห็นรถคนนี้ขับผ่านคงมองและนึกในใจเป็นเสียงเดียวกันว่า พาหนูไปด้วยเถอะพี่ 5555
สำหรับเรา 10 กิโล มันไม่ใช่เพียงแค่เราจะต้องเดินไปถึงเป้าหมายแค่นั้น แต่ทุกๆเมตรที่เราก้าวไปถึงเราได้พบสิ่งที่ไม่รู้เสมอ มันทำให้เราลืมความวุ่นวายในเมือง ลืมเสียงแตรดังๆ ลืมเสียงคนจำนวนมากๆตะโกนใส่กัน แล้วหันมาอยู่กับตัวเอง อยู่กับคนข้างๆ โดยใช้สัญชาตญานของตัวเอง
แต่ถึงอย่างไรเรายังคงมีเรื่องให้คิดมากอยู่ดี กว่าจะเดินถึงที่พักก็ทุ่มนึงแล้ว อาบน้ำนี่ยังจำเป็นอยู่มั้ย?
พระอาทิตย์ขึ้นก็ดูแล้ว พระอาทิตย์ตกก็ดูแล้ว คืนนี้ขอนอนดูดาวแล้วกันนะ
วันสุดท้ายของการอยู่บนภูกระดึง เราอาบน้ำ เก็บของเรียบร้อย เพื่อนำไปฝากลูกหาบขนลงไป และเห็นว่าข้างๆลานกางเต้นท์มีใบเมเปิ้ลสีแดงอยู่ 1 ต้น ถ้าไม่ไปดูแล้วจะหาว่ามาไม่ถึง
ถึงเวลาลงภูแล้วค่ะ สำหรับเราดูเหมือนว่าการลงจะเป็นปัญหามากกว่าตอนขึ้น คือมันสามารถลื่นล้มได้ตลอดทางเลยค่ะ จากที่ฟิตๆ กลับกลายเป็น เ ล ะ เ ท ะ
นี่ไม่ใช่ทางลงนะคะ ขอย้ำว่า ไม่ใช่!
เราเดินลงมาถึงข้างล่างโดยสวัสดิภาพ หลายๆคนอาบน้ำ ใหม่กันที่ด้านล่างของอุทยาน และสเต็บเดิมเหมือนตอนมา นั่งรถสองแถวไปลงร้านเจ๊กิม และนั่งรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ
การเดินทางมาที่นี่ทำให้เราประทับใจมาก มันทำให้เราปลดล็อคอะไรบางอย่างในตัวเอง มันเหนื่อย ปวดขา เมื่อยกล้ามเนื้อไปทั้งตัว แต่มันก็แค่ตอนนั้น เมื่อเราได้มาอยู่กับตัวเอง อยู่กับธรรมชาติ ใช้ชีวิตตามสัญชาตญานตัวเอง ฟังเสียงธรรมชาติ และเหมือนมันกำลังจะบอกเราว่า มันนี่แหละความสุข แล้วพบกันใหม่
รั ก จั ง เ ล ย ภู เ ข า รู ป หั ว ใ จ
__________________________________________________________
อี ก นิ ด ก็ ถึ ง แ ล้ ว