ภูกระดึง

ช่วงหนึ่งในการเดินทางของชีวิต อาจจะดูมืดมิดไร้จุดหมายบ้าง
แต่ถึงจะไกลแค่ไหนกับระยะทาง ก็ไม่เคยคิดจะปล่อยวางทิ้งมันไป เพราะความสุขอยู่ที่ปลายทางไม่ใช่ระยะทาง

ภูกระดึง สถานที่ที่ทุกคนต้องไปลองสักครั้ง หรือหลายครั้ง เหมือนกับผมที่ไปครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่ช่างแตกตากจากครั้งแรกซ๊ะเหลือเกิน แต่ต่างที่อายุผมเนี่ยฮ่าๆ(รุ้สึกแก่)

จุดเริ่มต้นของ Trip นี้คือการที่จะปิดคอร์สเรียนวิชาสุดท้ายของเทอม ก่อนที่จะไปเครียดกับสอบ เลยหา Trip ส่งท้ายความเครียดซ๊ะหน่อย  ทีแรกก็กะจะไปคนเดียว เลยโพส สเตตัสหา Trip แจม แต่ก็ดันลืมว่ามีเพื่อนผมคนนึง มันมี Trip ของมันไว้ละ มันชวนผมไปด้วย ฮ่าๆ(มันมาชวนตอนเมาใครจะจำได้) พอคุยรายระเอียดโน้นนี่กันเสร็จ ก็ลุยเลยครับ เขียนใบลายื่นหัวหน้าทันที

24/12/59

เราเริ่มต้นกันที่ อ.บุงคล้า จ.บึงกาฬ  ใช้เส้นทาง หนองคาย –อุดร-หนองบัว-เลย ขับรถไปเรื่อยๆ เรื่อยๆเรื่อยๆและก็เรื่อยๆ ผ่านไปราวๆ 4-5 ชั่วโมง ฟังเพลงใน youtube จน 4G จะหมด ก็ถึงทางเข้าอุทยาน ฮ่าๆมาทั้งทีไม่ถ่ายรูปหน้าอุทยานก็คงไม่ได้ จอดรถสิครับจอด

 

จากนั้นก็ขับรถเข้าไปหาที่จอด จัดแจงซื้อบัตรขึ้นภู คนละ 30 บาท ส่วนใครของเยอะก็ไม่ต้องห่วงครับ มีคนแบกขึ้นให้ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ลูกหาบ กิโลละ 30 บาท ส่วนผม แบกเองครับฮ่าๆ ไม่ใช่อะไรหรอก ของผมไม่หนักมาก จัดเตรียมของกันเสร็จ ก็ลองท้องเติมพลังกันสักหน่อยก่อนที่จะใช้พลังงานอีกจำนวนมหาสาร (แต่ความจริงคือนั่งทำใจฮ่า)

คนพร้อมกล้องพร้อม แล้วก็ลุยเลยครับ เหมือนขาพร้อมก้าวเต็มที่ แต่พอมองเห็นจำนวนระยะทางเท่านั้นแหละ มือปาดเหงื่อรอเลยครับผม

แค่เริ่มต้นก็เดินยากซ๊ะแล้วเพื่อนผม ฮ่าๆ

นะตอนนี้ใจมันอยากกลับอยากเดียว  ขอบอกไว้ก่อนเลยนะครับ ว่า ภูกระดึง ซัมแฮกเป็นซำที่ปราบเซียนที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ววอย่ากลัวครับ ผ่านซำนี้ได้ สบายเลยยยยย

เดินมาสักพักใหญ่เราก็ถึงซำแฮก มองระยะทางที่อยู่บนป้ายเเล้ว ฮึฮึกลับทันมั้ยว้าาาาา

หลังจากพักที่ซำแฮกเราก็เดินต่อไปเรื่อยๆเพราะระยะทางช่างอีกแสนไกลซะเหลือเกิน

เดินมาสักพักก็ถึงซำกกโดน ภาพบนทำไมเขาช่างเริงร่า พอตัดภาพมาที่เพื่อนผมอยากตะโกนถามว่า เขาเกลือเเร่มั้ยเพื่อน ฮ่าๆ 

น้ำเปล่าคืออีกหนึ่งสิ่งที่ต้องพกติดตัวตลอดเวลา

เดินมาเหนื่อยๆอะไรช่วยให้หายเหนื่อยได้ กินหมดครับ โดยเฉพาะนี่เลย ไอติมหลอด 

จากนั้นเราก็เดิน เดิน เดินต่อไป

เดินมาเรื่อยๆผมเริ่มได้ทิ้งห่างเพื่อน เพราะรีบขึ้นมาถ่ายแสงดวงอาทิตย์ กลัวแสงจะลงต่ำก่อน จึงตัดสินใจเดินมาก่อนคนเดียวและด้วยความที่เดินมาคนเดียวไม่รู้จะถ่ายใคร ฮ่าๆถ่ายลูกหาบก็ได้วะ อย่างเฟี้ยววว

ที่นี่คือซำแคร่ มีที่พักเหนื่อยให้กับลูกหาบด้วย

เดินไปถ่ายรูปไป ก็มาเจอกลุ่มครอบครัวนึง น่ารักมากครับ น้องเก่งมากๆ น้องชื่อน้องเชฟ ฮ่าๆและนี่แหละครับ เพื่อนเดินผม เพราะพ่อกับน้องสาวน้องเชฟหยุดพัก เลยให้น้องเดินก่อน ผมเลยเดินเล่นไปกับน้องเลย ต้องขออนุญาติผู้ปกครองน้องด้วยนะครับที่ถ่ายรูปน้องมา

เดินไปท่ามกลางลูกหาบเต็มไปหมด เห็นแล้วรู้สึกหนักแทน

เดินไปเรื่อยก้ยังไม่เจอด่านสุดท้ายสักที ก็ได้เเต่บอกน้องเชฟว่าไกล้แล้วไกล้ถึงเเล้ว เหมือนหลอกน้องเดินชิปหาย แต่ไม่นานเราก้ถึงหลังแป พอถึงหลังแป สิ่งที่ยอดฮิตก็คือการถ่ายภาพกับป้าย ฮ่าๆ ด้วยความที่เพื่อนผมยังไม่ขึ้นมา เลยบอกให้น้องเชฟ ไปเป็นแบบครับ เห็นมั้ยครับ น้องโคดน่ารัก

ระหว่างรอเพื่อนก็ถ่ายรูปน้องเชฟเล่นรอ

วิวด้านบนสวยมากครับ มองเห็นภูเขาได้เกือบ 360 องศา

ไม่นานเพื่อนผมก็ขึ้นมาถึง แต่ๆๆๆๆ มันมาคนเดียวฮ่าๆ 

ที่เหลือคงกำลังตะเกียกตะกายขึ้นมา เอาวะมาทั้งทีถ่ายรูปใว้เป็นที่ระทึกสักหน่อย

พอขึ้นมากันครบ พักเหนื่อยสักพักก็ได้เวลาถ่ายรูปกัน เดินไปสักพักเหลือบตาไปเห็นแสงดวงอาทิตย์แทรกมาตรงต้นเมเปิ้ล โอ้โห พูดได้เต็มปากเลยครับ ว่าสวยมาก รอช้าอยู่ทำไม กดชัตเตอร์รัวๆสิครับ

จากนั้นก็เดินต่อไปเรื่อยๆปลายทางเหลืออีก 3 กิโลเมตร

เดินไปพักไป ถ่ายรูปไป ช่วงที่พวกเรากำลังเดิน โชคดีหน่อย พระอาทิตย์กำลังจะตก

อะเซลฟีกันหน่อยยย

เดินไปถ่ายรูปไป ทริปนี้ มีเเต่เดินกับถ่ายรูปครับ

ท่าจะยิ้มขนาดนี้นะเพื่อน กุว่ามึงหัวเราเถอะ

พูดเลยว่าแวะบ่อยจนรูปล้นกล้อง ต้องกราบขออภัยหากรัวรูปจนน่าหมั่นใส้ จะไม่ให้รัวได้ยังไง วิวสวยบาดใจขนาดนี้

เดินไปสักพักก็เริ่มมืด แถมหนาวอีก รีบสิครับคราวนี้ ใครบอกให้ขึ้นมาช้า

ก่อนแสงจพหมด ขอทิ้งท้ายสักใบ

พอถึงลานกางเต้น ก็รีบโทรหาอาแป๋วทันที เพราะเราได้โทรมาจองเต้น ของอาแป๋วไว้ ราคาเต้นละ 300 บาท นอนได้ 3 คน เราเช่าสองเต้น แต่กว่าจะหาเจอนี่ นายนอยู่เหมือนกัน หากใครจะไปโทรไปจองได้นะครับ อยู่ร้าน ท.ทหาร ร้านป้าแกขายอาหาร ขายหมูกระทะด้วย เบอร์โทรติดต่อ 0621054127  เลยไม่รอช้า สั่งหมูกระมาทันที ชุดละ 500 อย่างบอกว่า โคดได้ฟิล

กินจนอิ่มหนำสำราญก็กลับเต้นเก็บของเก็บเสื้อผ้า แล้วไปอาบน้ำ ฮ่าๆ นี่ละครับที่สุดของความหนาวเย็น แค่มือสัมผัสน้ำยังชาไปทั้งตัวโอ้โหอะไรจะเย็นขนาดนี้ ด้วยความที่คนต่อแถวอาบน้ำเยอะ พวกเราจึงแบ่งขั้นตอนในการอาบฮ่าๆ โดยการล้างหน้าจากข้างนอก บางคนมีสระผมด้วยนะครับ แล้วเข้าไปตอนแถวอาบ แต่ ห้องอาบน้ำแต่ละโซนนั้นมีแค่สามห้องนี่ละครับปัญหา ไม่ลงไม่รอละ อาบห้องน้ำทั่วไปก็ได้วะ กลั้นหายใจมือจับขันใส่ไม่ยั้งเลยยยย
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็กลับเต้น เพื่อนผมสลบไสลกันหมด ส่วนผม ฮ่าๆหานั่งคลายหนาวดูดาว อยากบอกว่า บนภูกระดึงนี่ ดาวสวยมากครับ ถ้าได้ไปครั้งหน้าสัญญาจะพกขาตั้งกล้องไปถ่ายอย่างดี ส่วนรอบนี้หรอฮ่าๆ เอา gopro ตั้งป๋องเบียร์ถ่ายครับ แต่รูปอยู่ในกล้องเพื่อนยืมต่อ เดี๋ยวถ้าได้กล้องมาแล้วจะมาแปะเพิ่มนะครับ
25/12/59 

04.50 ตะเกียกตะกายตื่น เพื่อที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น หันมองซ้ายขวาไม่เห็นใครตื่น เอาวะ คนเดียวก็ได้ เดินสิครับเดิน ระยะทางประมาณ 3 กิโลได้ ไปกลับก็ 6 กิโล ด้วยความเดินคนเดียวและไม่อยากเอามือออกจากกระเป๋ากางเกง ฮ่าๆ อาศัยกลุ่มอื่นครับ อาศัยไฟฉายเขา ตอนเดินจะมีเจ้าหน้าที่อุทยานเดินนำทาง หากใครอยากได้พื้นที่ในการชมวิวดีๆต้องรีบตื่นไปตั้งแถวนะครับ แล้วเวลาเราถึงก่อนก็สามารถจับจองพื้นที่ได้
พอไปถึงยังมืดอยู่ หาสิ่งคลายหนาวครับ กาแฟร้อนสักแก้วคงดี แล้วก็ดีจริงๆฮ่าๆจำหน่ายโดยเจ้าหน้าที่อุทยาน แก้วละ 25 บาทครับราคาน้ำร้อนนะ ส่วนกาแฟพี่เขาบอกว่าแถมฟรีฮ่าๆ 
ท้องฟ้าเริ่มเปิดแสงสีส้มของดวงอาทิตย์เริ่มมาก

ส่วนตัวผมแล้วก็ไม่แปลกตาเท่าไหร่นักเพราะยังคุ้นตากับทะเลหมอกอยู่ (ไม่คุ้นได้ไงละก็พึ่งไปตาตอนวันที่ 12) 

แสงเริ่มมายิ่งเริ่มกดชัตเตอร์รัวๆ ขอบอกไว้เลยนะครับว่า เสียงของดวงอาทิตย์เป็นแสงที่ขึ้นและลงเร็วมาก เพราะฉะนั้น อย่าช้าครับ รัวได้รัว
จากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก เดินถ่ายบรรยากาศไปเรื่อยๆ ขอเล่าเรื่องด้วยภาพถ่ายเลยละกัน

ในความเหงายังมีความสุขเข้ามาแทรกแซง ดันมาเจอคนรู้จัก ฮ่าๆ น้องบุ๋มน้องโรงเรียนผมเอง เจ้าแม่แห่งการ blackpack ก่อนรู้จักกันผมนี่ fc กระทู้วังเวียงน้องเขาเลย อ่ะใหนๆก็เจอละ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ละทึกสักหน่อย เอ้าหันมาจะถ่ายให้

ด้วยความที่อยากได้รูปเดี่ยวเก็บไว้สักใบ เลยให้น้องถ่ายรูปให้  จ้า ชัดมาก วิวข้างหลังพี่มึงเนี่ย ชัดมากกก

เน้นวิวมากกก แต่ก็ชื่นใจที่ยังเห็นหัว

คนเยอะมากกกก

ถ้าแถวบ้านผมนี่ นึกว่ารอชมบั้งไฟพญานาค

บริเวณนั้นมีปาสนที่อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ผมรู้สึกชอบตรงนี้มากนะ ถ้าไม่เคยมาบอกว่าเป็นของต่างประเทศผมยังเชื่อเลย (เว่อร์ไปปะวะ)

ถ่ายป้ายเก็บไว้สักใบเดี๋ยวเขาว่ามาไม่ถึง

กลับครับกลับเดี๋ยวจะสาย trip นี้มีแต่เดินกับเดินแล้วก็เดิน ขากลับผมกับมาพร้อมกับกลุ่มน้องบุ๋ม หน้าด้านเดินมากับน้องเฉยๆหนิ ฮ่าๆ

ระหว่างทางกลับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เราจะผ่านลานวันพระแก้ว แต่ผมไม่ได้เข้าไปนะ ไหว้ระยะไกล ฮ่าๆ

เดินต่อครับเดินต่อต้องกลับไปอาบน้ำกินข้าวอีก เพราะระยะทางอีกยาวไกล

วิวภูกระดึงผมว่าสวยทุกมุมนะ

ถ่ายรูปเดี่ยวตัวเองไม่ได้ ถ่ายเงาก็ได้วะฮ่าๆ

พอถึงเต้นก็แยกกับน้องบุ๋ม โชคดีมีชัยเด้อหล่าเอ้ย

เพื่อนผมก็อาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จหมดละ ผมเลยไปหาอาบน้ำกินข้าว กลับมาเตรียมของ ด้วยความไม่ได้จับโทรศัพท์เลยขาดการติดต่อเพื่อน ได้คุยกันอีกที คือตอนเพื่อนเดินไปรอทางลงละ ไม่เป็นไร ให้เพื่อนไปก่อน เดินคนเดียวละกันเพราะก่อนหน้านี้ก็กะจะมาคนเดียวอยู่ละ เดินทันก็คงได้เจอกัน เพราะไปทางเดียวกันอยู่ละ พร้อมแล้ว ลุย ลุยยังไม่สิ้นเสียงก็ต้องหยุดชะงัก หยุดมองดูระยะทางเนี่ย โอ้โห มีทางลัดมั้ยเนี่ยยย

เดิน แล้วก็เดิน แล้วก็เดิน เดินต่อไป สถานีแรกของผมคือ น้ำตกวังกวาง ระยะทาง 840 เมตร ฮ่าๆพอมาถึงเเทบหนีไม่ทัน น้ำแทบไม่มี แยกๆเดินต่อดีกว่า สถานีต่อไปคือนำตก เพ็ญพบใหม่ 2.3 กิโล พอไกล้ถึงจะเห็นสีแดงของใบเมเปิ้ลอยู่ไกลๆ ตอนนั้นโคดตื่นเต้น

พอไปถึง หลายคนอยู่ข้างบน ส่วนผมหรอฮ่าๆหาทางลงให้เจอเพราะเคยอ่านรีวิว คนเขาลงไปข้างล่างกัน เเล้วผมก็ทำสำเร็จ 

พอลงมาก็ไม่รอช้าครับ ถ่ายรูปรัวๆ รูปนี้เห็นรุ้งด้วย

ด้วยความที่อยากได้รูปเดียวสักรูป แต่มาคนเดียวจึงต้องอาศัยความกล้าหน้าด้าน รบกวนคนเเถวนั้นถ่ายให้ เเล้วก็ได้ น้องกลุ่มนี้ ฮ่าๆน้องมาสองคนอัธยาศัยดีมาก ขอบคุณอีกครั้งนะครับถ้าผ่านมาเจอกระทู้นี้

พอได้คนถ่ายก็ขอสักภาพ

จากนั้นก็เดินเข้าไปหลังน้ำตก โอ้โหสวยมาก รัวครับรัว

ถ่ายรูปจนพอใจก็ได้เวลาเดินต่อไปยังสถานีต่อไป นั่นคือน้ำตกโผนพบ อาศัยไปกับกลุ่มน้องทั้งสองคน  นะจุดๆนี้เริ่มเริ่มจำไม่ได้ละว่าน้ำตกใหนเป็นน้ำตกใหน รูปผิดที่ผิดทางก็ขออภัยด้วยนะครับ

น้ำตกไม่มีน้ำ เลยต้องหันไปถ่ายป่าทดแทน

จากนั้นก็เดินต่อไป เจอน้ำตกอะไรก็จำไม่ได้ละฮ่าๆ มัวเเต่ถ่ายรูปน้ำตก ไม่ได้ถ่ายป้ายเลย แต่ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นน้ำตกเพ็ญพบ

ใบเมเปิ้ลแดงตัดกับสีเขียวของใบไม้และสีหิน พูดได้คำเดียวว่าสวยและลงตัวมาก

ถ่ายเสร็จก็เดินต่อครับ ไปสู้น้ำตกถ้ำใหญ่ น้ำตกนี้ คนเยอะมากๆๆๆๆๆๆ จนไม่รู้ว่าจะถ่ายรูปตรงใหน 

ระหว่างทางที่เดิน จะมีต้นเมเปิ้ลให้ชมอยู่ตลอดทาง

จากนั้นก็เดินต่อไป ปลายทางเริ่มไม่รู้ละว่าจะไปใหน รู้แต่ว่าเดินไปเรื่อยๆ โดยการเกาะกลุ่มน้องเขานี่ละวะ

เดินมาสักพักเริ่มเหนื่อย เลยหยุดพักฮ่าๆ ถ้าจำไม่ผิด สมัยมารอบแรกผมก็นั่งตรงนี้นะ

ระหว่างทางวิวสองข้างทางก็จะสลับแตกต่างกันไป ป่าสนบ้าง ต้นไม้บ้าง แต่ที่เหมือนกันคือ สวยเหมือนกันครับ

นี่คือตัวช่วยบังแดดของผม

เดินไปสักพักก็ถึงสระอโนดาต คนส่วนมาก พกข้าวมากินกันตรงนี้ อ่อ ลืมบอกไปว่า ถ้าจะมาทางน้ำตกพกข้าวพกน้ำมาด้วยนะครับ เพราะไม่มีร้านค้าขายให้เหมือนทางหน้าผา

ตรงนี้คือทางแยกออกมาจากสระอโนดาต ตอนนั้นมีความคิดปลอบใจตัวเองว่า ฮ่าๆเดี๋ยวก็ถึงทางผาแล้วว

ระหว่างทางก็เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย ก่อนแบต gopro จะหมด

สู่ความเวิ้งว้างมั้ยละรูปนี้ อยู่กลางป่าคนเดียวเเต่ไม่รีบ

 จากนั้นก็เดินต่อครับ ทุกครั้งที่เห็นจักรยานผ่านมา ผมแทบอยากจะปล้นเอาจักรยานแต่ก็ได้แค่คิดฮ่าๆ

เดินมาสักพักใหญ่ ก็เจอเพื่อนครับ ฮ่าๆ มาเจอกันที่ผาเหยียบเมฆ โอเคพักกันก่อน ค่อยเดินต่อ แต่ละหว่างพักฟิลถ่ายรูปยังมี หันขวาทันทีอะไรขาวๆ โอ้โหวิวดีมากกกกก ซูมได้ซูมแล้วเนี่ย

ระหว่างเพื่อนนั่งพักเลยเดินโต๋เต๋เล่น ด้วยอาการเมากรึ่มๆของผม รูปถ่ายก็เริ่มไม่โฟกัส อย่าว่ากันนะครับ เลนส์มือหมุนฮ่าๆ นี่ละครับผาเหยียบเมฆ สวยมาก

ขโมยจักรยานซ๊ะบ๊

จากนั้นก็เดินต่อครับ จุดหมายยังอีกยาวไกล เดินไปนึกขึ้นได้ว่าเคยมา ถ่ายรูปเลียนแบบ ตอนเด็กซะหน่อย ไกล้เคียงมาก ท่าทางเนี่ย เเต่หน้าตาโคดไกลกัน

จากนั้นก็เดินต่อ แหม๋มีเเบตเเล้วซ่าเลยนะ

ระหว่างเดินก็ไม่มีอะไรมากนอกจากถ่ายรูป วิ่งบ้าง

ยืนบ้าง

นั่งบ้าง

นี่คืออาหารที่อร่อย ถ้าอยู่ด้านล่างก็สามารถเทียบกับ มิสเตอร์โดนัทได้เลยแหละ

กินเสร็จแล้วก็เดินต่อครับ แต่พอมองระยะทางเเล้ว ฮ่าๆแทบอยากนั่งพัก

แล้วก็นั่งจริงๆครับ แถมนอนด้วยฮ่าๆ

ป่าสน คิดไรไม่ออก ก็เดินเข้าไปถ่ายรูปครับ

หันหน้าสูปแสงซ๊ะหน่อย

เพื่อนครับเข้าป่าไปทำอะไร

ฮ่าๆไร้สาระกันอยู่นาน รีบเดินกันดีกว่า ตอนเดินผมพกลำโพงบลูทูตไปด้วย เลยเดินไปเปิดเพลงไป สนุกไปอีกแบบ ฟังเพลงไปเดินไป มองวิวไป โคตรได้ฟิล

ดินมาสักพักเราก็ถึงผาหล่มสัก ฮ่าๆแทนที่จะไปผา แต่ไม่เลยแวะร้านค้าครับ

จากนั้นก็ไปต่อแถว รอถ่ายรูปกับผาหล่มสัก นางเองของภู บอกเลยว่าเเล้วแต่ดวงครับ ดวงนี้ก็มีเเสง ดวงไม่ดีก็ไม่มีแสง เพราะเราไม่สามารถนั่งถ่ายตรงนั้นนานๆได้ ฮ่าๆ ลองนั่งดูดิ สายตาข้างหลังรอมองชื่นชมคุณอยู่ฮ่าๆ ส่วนผมโชคดีหน่อยมีแสง แต่โชคร้ายตรงลืมเปลี่ยนเลนส์

เทียบกับอดีตสักภาพ

ถ่ายเสร็จก็รีบเดินกลับ ด้วยความที่เรามาเร็ว เลยกะไปรอชมพระอาทิตย์ตกข้างทางเอา กลับๆ เดี๋ยวค่ำ

ขากลับเเสงดวงอาทิตย์เริ่มตกลงมาต่ำ จับกล้องสิครับรออะไร

เล่นกับแสงกันหน่อยยยย 

แสงเริ่มลงต่ำลงเรื่อยๆ

เหนื่อยก็พัก

จากนั้นเราก็เดินมาถึงหน้าผานึง เริ่มมองเห็นดวงอาทิตย์กำลังจะตก จอดสิครับจอด ถ่ายรูปรัวๆ ให้รูปเล่าเริ่องราว

แสงเริ่มหมด โบกมือลากลับที่พักบ๊ายบาย 25/12/59

26/12/59

วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากรีบตื่นเเล้วกลับบ้าน ก่อนกลับขอจิบกาแฟดูดดื่มบรรยากาศสักหน่อย

แต่คนที่พร้อมที่สุดคงหนีไม่พ้นคนนี้ฮ่าๆเก็บของอย่างรวดเร็๋ว

พร้อมแล้วก็ลุยครับ กลับบ้านเราดีกว่า

ก่อนกลับขอสักภาพกับป้ายอุทยาน

ท้องฟ้าวันจาก

พร้อมแล้วก็เดินครับ เดินรัวๆ

เดินบ้างพักบ้างถ่ายรูปบ้าง

จากนั้นก็ลงเขาเลยครับ และนี่ก็คือสิ่งที่สวยงามระหว่างทาง เอ้ย บรรยากาศระหว่างทาง

ผมกับเพื่อนคนนึง วิ่งลงครับ อยากลองดูว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ วิ่งไปวิ่งมาเหนื่อย โดฟน้ำด่วน น้ำแดงโซดาช่วยได้มากครับฮ่าๆ

วิ่งไปสักพักก็ถึงซำแฮก แต่ถึงพร้อมกับเงิน 15 บาท ฮ่าๆยืนนับหน้าร้าน ป้าแกใจดีมาก ลดให้ ก็ขอขอบคุณคร๊าบบบ

ก่อนจะถึงล่างเขาจะเจอนี่ครับหิน ต่อกันเป็นกองๆผมนี่อยากจะถามหาคนต่อคนแรกจริงๆ เอ้าทำด้วยละกัน

และเเล้วเราก็ถึง โอ้โหหหหหห เหนื่อยมากกก ใช้เวลาสองชั่วโมงในการวิ่งลง

มาเหนื่อยๆหาอะไรดับเหงื่อสักหน่อย แต่ก็มาโชคร้ายตรงจะกดเงินเเล้วเงินในเอทีเอ็มหมด น้ำตาจะไหล กุญแจรถก็อยู่กับเพื่อนข้างบน เลยตัดสินใจ นั่งรอก็ได้ว่ะฮ่าๆ รอนานเกือบสองชั่วโมงเลยทีเดียว


พอเพื่อนมาถึงก็พักให้หายเหนื่อยแล้วเดินทางกลับบ้าน เราเลือกกลับทางเชียงคาน พักกินข้าวต่อ งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา สิ้นสุดการเดินทางครับ ทุกคนในทริปกลับสู่โลกความจริง ไปทำหน้าที่ของตัวเอง ไปเรียน  ไปทำงาน
แน่นอนครับกลับไปก็สภาพแวดล้อมเดิมๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือแปลกตาไปกว่าเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือความคิดของผมครับ ผมรู้สึกโลกของผมกว้างขึ้น ทุกครั้งที่เดินทางผมเหมือนได้รับพลังบางอย่าง
เหมือนกลับมาแล้วมุมมอง ทัศนคติเราเปลี่ยนไปจากเดิม  สำหรับผมแล้วการได้ก้าวขาออกไปยังสถานที่ใหม่ๆเป็นการให้ของขวัญกับตัวเองครับ  บางคนอาจคิดว่ามันไร้สาระ สิ้นเปลือง แต่ผมมองว่าเกิดมาครั้งนึงควรใช้ชีวิต20,000วันบนโลกให้คุ้มค่าครับ ทำไปเถอะครับอะไรที่เราสบายใจ และคนอื่นไม่เดือดร้อน
สำหรับทริปนี้ก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ครับ
ขอบคุณมากๆถ้าคุณอ่านทุกบรรทัดของผม
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปของผมทั่งสี่คน
ขอบคุณคำติชม
ขอบคุณที่ดูรูปพวกผมทุกรุป เจอกันใหม่ Trip หน้าครับ