สุขเล็กๆที่ชัยภูมิ วันเดียว...กระเจียวได้ (ก็เที่ยวได้)

          ในยุคที่ทุกคนต่างมีเรื่องราวการเดินทางของตัวเอง มีประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ เราได้เห็นความสุขในมุมมองหลากหลายผ่านรูปภาพ คำบรรยาย ตามบทความ รีวิวต่างๆ  มันทำให้เราสนใจใคร่รู้ว่าเมืองไทยยังมีสถานที่ในซอกในหลืบอีกหลายๆที่ ที่น่าไปสัมผัส เหมือนเราทุกคนต่างเป็นผู้สำรวจเมืองไทยไปพร้อมๆกัน ทำให้ความอยากที่จะก้าวเท้าออกไปทวีคูณขึ้น อยากที่จะแบ่งปันเรื่องราวส่งต่อไปยังผู้อื่นเพิ่มขึ้น เกิดเป็นความสุข เกิดเป็นแรงบันดาลใจ ซึมซับและออกเดินทาง....ความสุขเล็กๆของเราจึงเริ่มขึ้น ณ ทุ่งดอกกระเจียว ชัยภูมิ ที่นี่อาจจะไม่ได้ใหม่ แต่มันสดทุกครั้งที่ฤดูฝนพัดผ่าน สีชมพูของดอกกระเจียวที่ผลิบาน เหมือนเงยหน้ารอรับฝนหยดแรกของฤดู....เมื่อจุดเล็กๆของความสวยงามบังเกิดเราจึงได้เวลามาเสพสุขเล็กๆ บนความกว้างใหญ่ของที่แห่งนี้

 

          ทุ่งดอกกระเจียว อยู่ในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม การเดินทางก็ไม่ซับซ้อนจากกรุงเทพฯ มาทางสระบุรีชัยบาดาล -  เลี้ยวไปเส้นลำนารายณ์-ลำสนธิ-เทพสถิต ระยะทาง 281 กิโลเมตร  ก็จะถึงที่ทำการอุทยาน ก่อนทางเข้าก็จะมีป้ายข้างทางตลอดแนว เอาเป็นว่าใครไม่เซียนแผนที่ก็ไม่มีหลง ก่อนทางเข้าอุทยานมีที่พักไว้รอรับนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะเลือกกันตามสะดวก ช่วงนี้เป็นฤดูท่องเที่ยวของที่นี่เลย คนจะเยอะหน่อย ติดต่อหาที่พักกันมาก่อนก็จะดี ส่วนเราไม่ได้จองที่พักไว้ล่วงหน้าทำให้ไม่เหลือบ้านพักในอุทยานแต่ไม่เป็นปัญหาเพราะอุทยานมีเต็นท์ไว้บริการหรือใครจะนำเต็นท์มากางเองก็ได้ตามถนัด ทริปสั้นๆ หนึ่งคืนนี้เราเลยติดเต็นท์มาด้วยเลือกมุมเหมาะๆปักสมอลงดินก็เป็นอันเสร็จใครขาดเหลืออุปกรณ์เครื่องนอนก็ไปขอเช่าในที่ทำการได้เลยเจ้าหน้ามีบริการถึง 6โมงเย็น

 

          เราไปถึงค่อนข้างจะเย็นแล้ว รถจอดเต็มแน่นพื้นที่ ผู้คนคึกคักเป็นพิเศษเพราะเป็นช่วงหยุดยาว มีตลาดนัดขายของฝาก ของกิน ละลานตาไปหมด ตรงจุดนี้จะมีที่ขายตั๋ว นั่งรถนำเที่ยวขึ้นทางเขาสั้นๆประมาณ 1.5 - 2กิโล ทุ่งดอกกระเจียวเปิดให้ขึ้นชมช่วง 6โมงเช้าถึง6โมงเย็นเท่านั้น ซึ่งวันนี้เราก็ได้แต่แวะเวียนชมร้านค้า ฟ้าเริ่มมืดผู้คนทยอยกลับเข้าที่พัก เหลือเพียงความสงบ รถที่แน่นพื้นที่ตอนนี้หายไปหมดแล้ว ได้เวลานอนพักเก็บพลัง ช่วงเวลาดึกฝนเริ่มตกลงมา เบาบ้าง หนักบ้างสลับกันไป นอนฟังเสียงฝนกระทบกับฟลายชีทดังปุก ปัก ปุก ปัก เหมือนป๊อบคอร์นดีดตัวยั่วความหิว

          ความชื้นจากฝนยังหลั่งไหลไม่หยุด ทำให้อากาศเย็นขึ้นอย่างฉับพลัน รูดซิปแง้มมาดูน้ำฝนด้านนอก ไอหมอกขาวโพลนคลุมทั่วพื้นที่ เป็นบรรยากาศที่ชวนมุดเข้าไปซุกอุ่นๆอยู่ใต้ถุงนอน ;)

 

 

          ตื่นแต่เช้ามืด เตรียมวอร์มร่างกายก่อนเดินเท้าขึ้นเนินเขาน้อยๆไปชมทุ่งดอกกระเจียวที่เฝ้ารอ เกือบ6โมงเช้าจะเริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยกันเข้ามาต่อคิวซื้อบัตรนั่งรถนำเที่ยว ผู้ใหญ่30บาท เด็ก20บาท ในจุดนี้ใครใคร่เดินก็เดิน ใครใคร่นั่งก็จัดไปตามความสุนทรีย์.... 

          เช้านี้อากาศดีมาก หมอกคล้อยๆลอยตัดสีเขียวสดเพราะฝนที่ตกทั้งคืน ทำให้เราเลือกเดินเล่นไปตามทางถนนสูดอากาศยามเช้าให้เต็มปอด เดินเรียกเหงื่อได้สักพักก็มาถึงป้ายยักษ์ต้อนรับริมทาง เลี้ยวเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เดินฝ่าสายหมอกนวลเนียน ทุกอย่างเงียบสงบ มองเห็นจุดเล็กๆสีชมพูประปรายรายล้อมทุ่งสีเขียวชุ่มน้ำ ทำให้เราผลิยิ้มไปพร้อมกับดอกกระเจียวที่ผลิบาน 

บรรยากาศป่าเต็งรังรายล้อมไปด้วยต้นไม้ ทุ่งหญ้า แอบเห็นบ้านแมงมุมหลังน้อย ย้อยหยดไปด้วยน้ำค้าง  เดินตามเส้นทางมาได้เรื่อยๆ สูดกลิ่นดิน กลิ่นหญ้าให้ “ปอด”โปร่ง ผ่อนคลาย....

 

 
               เดินมาไกลพอควร มาสุดทางตรงหน้าผาสูง เป็นจุดชมวิว “ผาสุดแผ่นดิน” มีติ่งหินยอดฮิตเข้าคิวรอถ่ายรูปสุดหวาดเสียว จุดนี้ผู้คนเยอะเป็นพิเศษต้องระมัดระวังในการเดิน แหงนชะเง้อมองไปเบื้องหน้าเป็นทิวเขาสลับหมอกจางๆ  นั่งพักให้ใจเพลินๆ ก่อนกลับลงไปยังจุดชมลานหินด้านล่าง อากาศเริ่มร้อนแสงแดดเริ่มส่องรำไร ขากลับเลยซื้อตั๋วนั่งรถมาชมลานหินงาม เดินเข้าไปไม่ไกลก็เป็นหินลักษณะตามจินตนาการ อยู่ห่างกันเป็นระยะ

เดินไม่ค่อยทั่วเท่าไหร่เพราะอากาศเริ่มร้อนบริเวณหินงามตรงนี้ไม่ค่อยมีร่มไม้ใหญ่มากนัก  เดินจนลืมดูเวลามอง นาฬิกาอีกทีปาเข้าไปสิบโมงกว่าแล้ว  ยามคล้อยบ่ายจึงได้เวลากลับกรุงเทพฯ ใครอยากซื้อหาของฝากก็เลือกชมกันได้ มีพันธุ์ไม้หลากหลายซื้อหาไปฝากฝังดินที่บ้านกันได้

          หมดเวลาสนุกกับความสุขเล็กๆฉบับทริประยะสั้น วันเดียวกระเจียวได้ (ก็เที่ยวได้) " ถึงเวลาซึมซับจะน้อยไปนิดแต่หากสั่งสมวันละนิดจิตใจจะผ่องใสเบิกบาน"

ปล. อาจไม่ใช่ How to ท่องเที่ยวแต่เป็นเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำ. ขอให้มีความสุขกับการเดินทางกันทุกคนนะคะ ;)