Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
พิชิตขอบฟ้าบนยอดดอยผ้าห่มปก กับเส้นทางการเดินป่า 2 วัน 1 คืน อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก (Doi Pha Hom Pok National Park) จ.เชียงใหม่
    • Posts-1
    Namee •  January 27 , 2017

    พิชิตขอบฟ้าบนยอดดอยผ้าห่มปก กับเส้นทางการเดินป่า 2 วัน 1 คืน

    สวัสดีทุกคน ทริปนี้เป็นเส้นทางที่ 5 ของการเดินป่า
    โดยเดินทางกันวันที่ 19-21 มกราคม 2560 (2 วัน 1 คืน)
    ทริป “ดอยผ้าห่มปก” เป็นทริปร้อนของพวกเรา เนื่องจากทริปที่วางแผนจะไปกันในวันดังกล่าว
    มีการเลื่อนการเดินทางแบบกะทันหันของคืนก่อนวันที่จะเดินทางไป ทุกอย่างจึงดับศูนย์
    แต่การเดินทางของพวกเราไม่ได้ดับลงไปด้วย

     

    พวกเราไม่มีการวางแผนสำรองใดๆ ไว้ล่วงหน้าเลย มีแต่เป้าหมาย 12 เส้นทางเดินป่า แตะขอบฟ้าเมืองไทย
    และมีเวลาไม่ถึง 1 วัน ที่จะให้เตรียมแผนใดๆ มีแค่สถานที่ให้เลือกว่าอยากจะไปที่ไหนแทน
    ตามเป้าหมายที่เหลืออยู่ที่ได้ตั้งใจไว้ว่าจะไปให้ครบ

     

     

     พวกเราจึงเลือกที่จะไป “ดอยผ้าห่มปก” เพราะสามารถไปกันเองได้  ทุกคนจึงต้องรีบแบ่งหน้าที่กัน (เราไปกัน 3 คน)
     

    >>หาเที่ยวรถทัวร์ที่จะเดินทางไปและกลับ (ตามวันที่ได้วางแผนไว้จากทริปเก่าเพราะลางานกันไปแล้ว) ทุกบริษัทรถทัวร์เต็มเกือบหมดทุกที่ ถึงมีก็ไม่ใช่ช่วงวันเวลาที่เราจะสะดวกไปได้ แต่ยังถือว่าโชคดีหาเที่ยวไปได้กับของ บริษัท นครชัยแอร์ เป็นรถ VIP รอบเวลา 22.45 ทำให้เรามีเวลาในเก็บเสื้อผ้าหลังเลิกงานได้ก่อนเดินทาง ในวันที่ 19 ส่วนเที่ยวกลับวันอาทิตย์หาไม่ได้จริงๆ เต็มหมดทุกที่ ทำให้พวกเราต้องเลือกเดินทางกลับกันในคืนวันเสาร์ที่ 21 แทน ซึ่งได้ของบริษัท นครชัยแอร์ เช่นกัน เป็นรถ VIP รอบเวลา 20.00  ถึงแม้จะทำให้เราพลาดการเที่ยวที่ “ดอยอ่างขาง” กันต่อ แต่ไม่เป็นไรมีโอกาสเราจะไปกันใหม่

    >>หาข้อมูลการเดินทางไปที่อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ข้อมูลจากรีวิวต่างๆ ช่วยเราได้เยอะเลยจ๊ะ ขอบคุณทุกรีวิวที่เขียนถึงการเดินทางไปดอยผ้าห่มปก ก๊าบบบ

    >>โทรสอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับทางอุทยานถึงสภาพอากาศบนดอย เพราะพวกเราไม่รู้ว่าวันที่จะไปกันนั้นมีสภาพอากาศเป็นเช่นไร มีฝนหรือไม่ หรืออากาศหนาวเย็นขนาดไหนกัน ต้องขอขอบคุณข้อมูลที่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้แจ้งให้พวกเราทราบก่อนเดินทาง 1 วัน

     

    การเดินทาง : รถโดยสารประจำทาง 

    มีรถประจำทางปรับอากาศของบริษัทขนส่งจำกัด และบริษัทรถร่วมเอกชน ระหว่างกรุงเทพ-ฝาง (เที่ยวรถเต็มฮะ) , เชียงใหม่-ฝาง ค่ารถประจำทาง 80 บาทต่อคน รถโดยสารมี 6 เที่ยว  เที่ยวแรกตอน 05.30 น. และเที่ยวสุดท้าย 15.30 น. (นั้นละคือสิ่งที่เราต้องเลือก) มีรถตู้ประจำทางแต่ต้องโทรจองฮะ ค่าบริการ 150 บาท เมื่อถึงอำเภอฝาง จะมีรถรับจ้างคอยบริการรับส่งสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร ส่วนใหญ่เป็นบริการจากวินมอเตอร์ไซค์ ค่าบริการอยู่ที่ 100 บาทต่อคน

    สำหรับเส้นทางไปดอยผ้าห่มปกนั้น จากอุทยานควรเดินทางด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ (อัตราค่าบริการรถ 1 คัน อยู่ที่ 1,800 บาท / กลุ่ม ซึ่งไม่เกิน 8 คน) วิ่งตามถนนสายฝาง – บ้านห้วยบอน เมื่อถึงบ้านห้วยบอนแล้ว ตรงไปตามถนนลูกรังอีกประมาณ 18 กิโลเมตร จะถึงที่ตั้งลานกางเต็นท์กิ่วลม

     

    สามารถขับรถส่วนตัวขึ้นไปเองได้ (แต่อาจต้องทำการติดต่อขอขึ้นก่อน) ซึ่งรถส่วนตัวงดขึ้นดอย หลัง 15.30 น. บนดอยมีลานจอดรถให้บริการอยู่ แต่ก็เห็นมีคนขับมอเตอร์ขึ้นไปเช่นกัน เส้นทางขึ้นไม่ถึงกับหน้ากลัว หรือเป็นอันตรายมาก

     

    ปล. พวกเราติดต่อกับคุณกำวล  ซึ่งเป็นหัวหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และเป็นคนประสานเรื่องทุกอย่างให้กับพวกเรา รวมถึงเป็นคนที่ขับรถมารับพวกเราจากท่ารถเมล์ ที่ตัวเมืองฝางไปส่งที่อุทยาน โดยค่าบริการอยู่ที่ 200 บาท/ไม่จำกัดคนแต่ก็ไม่ควรเกิน 8 คน (เป็นการใช้บริการจากทางอุทยานโดยตรง) รวมถึงให้ทางอุทยานช่วยจับกลุ่มนักท่องเที่ยวสำหรับแชร์ค่ารถในการขึ้นดอยให้ด้วยโดยไม่ต้องเหมารถขึ้นดอยเองในกรณีที่มากันไม่กี่คน 

     

    ระยะทางในการเดิน : ดอยผ้าห่มปกมีความสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย ด้วยความสูง 2,285 แต่การเดินเท้าค่อนข้างสบาย ด้วยการเดินเฉลี่ยประมาณ 2 ชั่วโมง บนระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร  จากจุดกางเต็นท์ไปถึงจุดชมวิวบนยอดดอย

    จุดชมวิว : เด่นเรื่องทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า บนยอดดอยผ้าห่มปกจะสามารถมองทิวทัศน์ได้รอบ 360 องศา  ส่วนพระอาทิตย์ตกยามเย็นสามารถนั่งดูได้แบบชิลๆ ณ จุดกางเต็นท์กิ่วลม โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินไปไหนอีก เพียงแค่เตรียมกล้องให้พร้อมในการถ่ายรูปเท่านั้นพอ  ซึ่งจุดกิ่วลม นี้ระดับความสูง อยู่ที่ 1,924 เมตร จากระดับน้ำทะเล

    สิ่งอำนวยความสะดวก : มีบริการเช่าเต็นท์นอน ขนาด 3 คนนอน ราคา 225 บาท/คืน,  ถุงนอน ใบละ  30 บาท/คืน, หมอน ใบละ  10 บาท/คืน, แผ่นปูนอน ผืนละ  20 บาท/คืน,  และอื่นๆ ,มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้บริการ, มีร้านอาหาร 1 ร้าน, จุดพักเต็นท์มีสัญญาณโทรศัพท์ทุกเครือค่าย

    จองที่พักและบริการออนไลน์ : http://nps.dnp.go.th//reservation.php กรณีที่ไปช่วงเทศกาลควรจองไว้ก่อนไป แต่พวกเราไม่ได้จองไว้ เพราะโทรไปสอบถามรายละเอียดมาแล้วมีพื้นที่ว่างเยอะ

    อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติ

    ชาวไทย : ผู้ใหญ่    50 บาท เด็ก 20  บาท
    ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท

     

    สถานที่ติดต่อ 
    อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก 224 ม.6 ต.โป่งน้ำร้อน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ 50110 
    โทรศัพท์ 0 5345 3517, 084-483-4689 

    เบอร์โทรศัพท์ คุณกำวล 089-263-4585
    อีเมล : doiphahompok.np@hotmail.com 


    ปล. เจ้าหน้าที่ที่นี่บริการดี  มีการแนะนำข้อมูลและอธิบายรายละเอียดอย่างชัดเจน รวมถึงมีการประสานที่ดีค่ะ (ในส่วนนี้คือสิ่งที่พบเจอมาคะ การได้รับบริการของแต่ละบุคคลอาจมีความรู้สึกไม่เท่ากันนะคะ)

    • Posts-2
    Namee •  January 27 , 2017

    อยากสูง อยากหนาว อยากออกไปแตะขอบฟ้ากับเธอ

    >>พวกเราขึ้นรถที่สถานีเดินรถนครชัยแอร์ กรุงเทพฯ ในวันที่ 19 ออกเดินทาง 22.45 น. ถึง อาเขต 2 เชียงใหม่ เช้าวันที่ 20 ตอน 08.30 น.

    สถานีเดินรถนครชัยแอร์ กรุงเทพฯ

     

    >>ต่อด้วยขึ้นรถแดง (รถสองแถว) จากอาเขต ไปขนส่งช้างเผือก ถึงประมาณ 9 โมง ค่ารถเขาคิดคนละ 50 บาท แต่เพื่อนที่ไปด้วยเป็นเด็กเหนืออู่คำเมืองกันขอลดเหลือแค่ 30 บาท

    สถานีขนส่งช้างเผือก

     

    >>นั่งรถประจำทางสาย เชียงใหม่-ฝาง-ท่าตอน ราคา 80 บาท รถออกเที่ยว 09.45 น. ถึง อ.ฝาง ตอน 13.10 น. ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ระยะทางประมาณ 160 กว่ากิโล

    >>ไม่ต้องพกพาอะไรขึ้นรถเมล์ไปนอกจากกระเป๋าเสื้อผ้า ส่วนของกินของใช้สามารถหาซื้อที่ตัวเมืองก่อนขึ้นอุทยานได้ ที่นั้นมีตลาดสด มีทุกอย่างครบ

     

    >>พวกเราถึงอุทยานตอนบ่าย 2 โมงครึ่ง โดยให้เจ้าหน้าที่อุทยานมารับ ค่าบริการ 200 บาท ไม่จำกันคนแต่ก็ไม่ควรเกิน 8 คนอะนะ หากมากันหลายคนจะประหยัดกว่านั่งวินมอเตอร์ไซค์เยอะเลย ซึ่งค่าวินคนละ 100 บาท

    >>เสียค่าเข้าอุทยานคนละ 50 บาท

     

    >>ถึงอุทยานติดต่อเจ้าหน้า แล้วก็นั่งรอสมาชิกท่านอื่นๆ เพื่อแชร์ค่ารถกัน ซึ่งรถคันหนึ่งรับคนได้ไม่เกิน 8-10 คน /รถ 1 คัน ราคาบริการ 1,800 บาท ขาไปนั่งรถคันไหนขึ้น ขากลับก็ต้องนั่งคันนั้นกลับเช่นกัน หรือถ้าใครมาเป็นกลุ่มใหญ่สามารถเหมารถเองโดยขึ้นจากตัวเมืองฝาง ไปยัง “จุดกางเต็นท์กิ่วลม” ได้เลย โดยไม่ต้องแวะมาที่อุทยานอย่างพวกเราได้

    ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

     

    >>ระหว่างนั้นก็สามารถเดินเที่ยวแถวบ่อน้ำพุร้อนบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ได้ ทิวทัศน์กว้างขวาง

     

    “โป่งน้ำร้อนฝาง” เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ จากแร่กำมะกัน ซึ่งทางอุทยานได้นำน้ำเย็นเข้ามาผสมเพื่อลดความร้อนให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสม

    >>มีบริการอาบน้ำแร่ อบน้ำแร่ มีบริการนวดตัว นวดฝ่าเท้า นวดประคบสมุนไพรไทย สามารถใช้บริการหรือเที่ยวชมได้ระหว่างรอขึ้นดอย

     

    >>พวกเราครบองค์ตอน บ่าย 3 โมงครึ่ง ก็ไม่รอช้านั่งรถขึ้นไปถึงกิ่วลมกัน ระหว่างทางก็จะพบจุดชมวิว สามารถหยุดรถแวะถ่ายรูปบันทึกความทรงจำกันได้นะจ๊ะ

     

    >> ณ จุดชมวิวทิวสน

    แวะจุดชมวิวระหว่างทาง

     

    >>ถึง "กิ่วลม" ตอน 4 โมงกว่า  อากาศกำลังเย็นแดดไม่ร้อนแล้ว ก่อนอื่นต้องเข้าไปติดต่อเพื่อขอเช่าพื้นที่กางเต็นท์ และอุปกรณ์ต่างๆ เต็นท์เจ้าหน้าที่กางไว้รอเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่จ่ายเงิน และเลือกทำเลที่ต้องการ

    นี่คือทำเลที่พวกเราเลือก ด้านหน้าก็จะเป็นวิวสน พร้อมนั่งชมพระอาทิตย์ตกได้

     

    >>ส่วนบรรยายกาศโดยรอบ ก็ถือว่าโอเคนะ

    ศาลาด้านหน้า

     

    มีลานกางเต็ท์แล้ว ที่นี่ยังมีบริการอ่างน้ำ และเตาปิ้งให้บริการด้วย ใครอยากปาร์ตี้ก็จัดไป
    แต่ไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนเต็นท์ข้างๆ นะจ๊ะ

     

    ศาลาด้านข้าง เป็นจุดสำหรับดูพระอาทิตย์ตกได้ 
    แถวภายในศาลามีเตาปิ้งย่างให้บริการด้วย

     

    บรรยากาศตอนพระอาทิตย์กำลังตกพอดี 

     

    >>ร้านอาหารบนดอย มีบริการ 1 ร้านสำหรับคนไม่ได้เตรียมเสบียงอาหารมาทำกินกันเอง

    ถือว่าเป็นร้านอาหารที่อยู่สูงที่สุดร้านหนึ่งก็ว่าได้

     

    >>พระอาทิตย์กำลังจะตก อากาศก็เย็นขึ้นด้วยเช่นกัน พวกเราทำกับข้าวกันเอง ทำแบบง่ายๆ ทำไป ดูพระอาทิตย์ตกไปด้วย ฟินสุดๆ

     พระอาทิตย์ตก ณ กิ่วลม

     

    >>อาหารพร้อม ท้องพร้อม ทุกอย่างพร้อม

    ขอลาค่ำคืนนี้ไปด้วยอาหารมือเย็นของพวกเรา

    • Posts-3
    Namee •  January 27 , 2017

    อยากมีเธอเป็นดังผ้าห่ม ที่คอยปกคลุมร่างกายฉัน

    วันที่ 21 มกราคม 2560

    >>ตื่นตี 3.30 น. เพื่อเตรียมตัวเดินขึ้นยอดดอย โดยมีการนัดหมายพร้อมกันที่หน้าศูนย์บริการนักเที่ยวตอนตี 4 ซึ่งในการเดินขึ้นยอดดอยต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง ไม่สามารถเดินขึ้นไปกันเองได้ โดยมีค่าบริการนำทาง 300 บาท ต่อเจ้าหน้าที่ 1 คน / 1 กลุ่มคณะไม่เกิน 10 คน  แต่รอบที่พวกเราไปกันถือว่าน่าจะไม่เยอะมาก เลยเดินไปพร้อมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่นำทาง 3 คน คิดบริการคนละ 50 บาท


    >>การเดินเท้าสู่ยอดดอยผ้าห่มปก จากจุดกิ่วลม (จุดกางเต็นท์พักแรม) ใช้เวลาในการเดินเฉลี่ยประมาณ 2 ชั่วโมง บนระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร  ถึงยอดดอยตอนตี 5 ครึ่ง ด้วยอุณหภูมิความหนาวที่ 4 องศา บอกเลยว่าตอนเดินขึ้นใส่ไปเยอะก็ร้อนแถมต้องถอดเสื้อหิ้วหนัก ลำบากอีก แต่ถ้าไม่ใส่อะไรที่ช่วยปกป้องความหนาวไปเลย คุณจะชาไปทั้งตัว และถือว่าคนผู้นั้น โคตรสตรองอะ!  ขนาดจัดเต็มยอมแบกเสื้อขึ้นยังหนาว มือชา เท้าชา หน้าชาไปหมด เพราะฉะนั้นใส่ๆ ไปเถอะหนาวไม่หนาวว่ากันอีกที ดีกว่าไม่มีอะไรใส่

    พระอาทิตย์ขึ้น ณ ยอดดอยผ้าห่มปก

     

    "ดอยผ้าห่มปก" มีความสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย ด้วยความสูง 2,285 เมตรจากระดับน้ำทะเลทำให้ดอยผ้าห่มปกมีอากาศหนาวเย็นท่ามกลางเมฆที่ปกคลุมตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ย 14-16 องศาเซลเซียส

    บริเวณยอดดอยมีอุณหภูมิต่ำสุดในช่วงฤดูหนาวประมาณ 2 องศาเซลเซียส ยอดดอยมีสภาพเป็นทุ่งโล่ง ทำให้เห็นทิวทัศน์ได้รอบ 360 องศา และสามารถมองเห็นยอดดอยอ่างขาง และดอยหลวงเชียงดาว อยู่ลับๆ ทางด้านทิศใต้ได้อีกด้วย

     

    เส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดดอยผ้าห่มปก มี 8 จุด ด้วยกัน

    จุดที่ 1 กล้วยไม้
    จุดที่ 2 ปาด
    จุดที่ 3 หาญช้างร้อง
    จุดที่ 4 ต้มไม้ใหญ่ใส่เสื้อ
    จุดที่ 5 บังเกอร์ชมวิว
    จุดที่ 6 ป่าดิบเขา
    จุดที่ 7 เทียนคำ
    จุดที่ 8 ชมพูพิมพ์ใจ

    ตอนเดินขึ้นมองไม่เห็นอะมีแต่ความมืด เห็นแค่ทางเดินตรงหน้าเท่านั้นจ๊ะ

     

    >>ลงจากยอดดอยตอน 8 โมง ถึงจุดกางเต็นท์ตอน 9 โมง กลุ่มของพวกเราที่ขึ้นรถมาคันเดียวกันนัดรถให้มารับตอน 10 โมง เพราะฉะนั้นเวลาจึงมีจำกัด ระหว่างเดินลงเดี๋ยวเรามาดูป้ายเส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดดอยผ้าห่มปก ที่มี 8 จุด ว่ามีอยู่ตรงไหนกันบ้าง

    จุดที่ 8 ชมพูพิมพ์ใจ จุดนี้อยู่บนยอดดอย

     

    จุดที่ 7 เทียนคำ
    แต่ดันลืมถ่ายรูป จุดที่ 6 ป่าดิบเขา 

     

    จุดที่ 5 บังเกอร์ชมวิว

     

    จุดที่ 4 ต้มไม้ใหญ่ใส่เสื้อ

     

    จุดที่ 3 หาญช้างร้อง

     

    จุดที่ 2 ปาด

     

    เจอป้ายม่อนวัดใจ เย้! เลย เพราะหมายถึงเราเดินใกล้จะถึงกันแล้ววว

     

    จุดที่ 1 กล้วยไม้

     

    เส้นทางที่ใช้สำหรับเดินขึ้นยอดดอย

     

    ถ่ายรูปคู่กับป้ายกันหน่อย พวกเราเดินลงมาถึงกิ่วลมแล้ว

     

    >>จุดชมวิวหลังป้าย จุดนี้เหมาะกับการขึ้นมาถ่ายพระอาทิตย์ตก มุมจะสวยมาก แต่พวกเราพลาดไม่ได้ขึ้นมาสำรวจกันก่อน เป็นที่เสียดายที่สุด จุดชมวิวนี้อยู่ติดกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทางด้านขวามือ

    จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก 

     

    >>พวกเรากลับไปอาบน้ำกันที่อุทยานก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพราะไม่สามารถอาบน้ำบนดอยได้อากาศเย็นกว่าที่อุทยานเยอะ ก่อนจะเดินทางไปขึ้นรถโดยสารประจำทางเที่ยว 13.00 น. เพื่อไปถึงตัวเมืองเชียงใหม่ไม่ให้เย็นมาก ก็ถึงกันตอน 16.15 น. ยังพอมีเวลาให้ได้ไปเที่ยวย่านนิมมาน เพื่อหาของกินอร่อยๆ แถวย่านซอย 3 กับ ซอย 5 ก่อนขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ

    ห้องน้ำที่อุทยานฯ อากาศข้างล่างไม่หนาว

     

    คิดอยากจะเที่ยวที่สูงๆ ความรู้สึกจะเหมือนดังคำโบราณที่กล่าวไว้ "ยิ่งสูงยิ่งหนาว"  นั้นคือเรื่องจริง เพราะที่นี่ไม่แค่สูงแล้วหนาวอย่างเดียว แต่ว่า  "ยิ่งดึกยิ่งหนาว"  ด้วยเช่นกัน อยากเที่ยวแบบไม่หนาว อย่าลืมพกคนข้างกายไปกอดคลายหนาวด้วยกันนะจ๊ะ "อยากมีเธอเป็นดังผ้าห่ม ที่คอยปกคลุมร่างกายฉันไว้ตลอดทั้งคืน ฮิ้ว!"

     

    #เที่ยวที่ไหนก็ไม่เหงาเพราะที่นั้นมีทั้งเขามีทั้งเธอ
    ขอให้ทุกคนเที่ยวกันอย่างสนุก มีความสุขกับสิ่งที่ทำนะจ๊ะ

     

    ค่าใช้จ่ายโดยรวมทั้งหมด  ประมาณ 2,600 บาท/คน ตลอดทั้งทริปการเดินทาง 2 วัน 1 คืน

    By : Namee Be Bear

    ขออภัยหากมีข้อมูลส่วนใดผิดพลาดไป และก็ขอโทษด้วยหากทำให้เมื่อยนิ้วในการเลื่อนดู
    ขอฝากเพจน้องใหม่ของเจ้าของรีวิวด้วยนะจ๊ะ ถ้าชอบให้กดไลน์ ถ้าถูกใจช่วยกดแชร์

    Fanpage : https://www.facebook.com/KanXengStudio/

    • Posts-4
    Namee •  January 27, 2017
    • Posts-5
    Namee •  January 28, 2017
    • Namee  เป็นทริปเดินป่าที่เดินสบายที่สุดเท่าที่เคยเดินป่าเมืองไทยมา 30 April 2018 09:26:58