ตอน เรียนรู้วิถี คน บน ดง ที่หมู่บ้านญัฮกุร จ.ชัยภูมิ

หากนึกถึง “ชัยภูมิ” เราอาจคุ้ยเคยกับภาพสีชมพูของดอกกระเจียวที่บานสะพรั่งอยู่เต็มทุ่ง แต่จะมีสักคนที่รู้ว่าชัยภูมิมีดีมากกว่าที่เรารู้จัก ทั้งความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ประเพณี วัฒนธรรมพื้นถิ่น ที่น่าสนใจอีกมากมาย

ผมจะพาทุกคนไปเรียนรู้วิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชนมอญโบราณแห่งอำเภอเทพสถิต

กลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า “ญัฮกุร” (อ่านว่า : ยัก-กุน, ยัก-กุ้ร)  ที่แปลว่า “คนภูเขา”ครับ

ไปลองใช้ชีวิตบ้านๆ ไปกิน ไปอยู่แบบชาวญัฮกุรด้วยกันครับ

รอยยิ้มของแม่เฒ่าเด่นมาแต่ไกล กวักมือเรียกผมเข้าไปทักทาย

นี่แหละครับที่เขาเรียกว่าความสุขเกิดขึ้นได้ทุกที่ ภาพเหล่านี้ยังคงสร้างความสุขในหัวใจผมไปอีกนาน

ผมชอบนะครับ ความใจดีของชาวบ้านที่นี่ ทุกคนเต็มใจมากที่จะพาเราไปทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อซึมซับวิถีชีวิตดั้งเดิม อย่างการสอนภาษาญัฮกุร 

ผมจะยกตัวอย่างที่จำได้สัก 2-3 คำง่ายๆ เช่น

“อาโน” ที่แปลว่า “ไปไหน” หรือคำว่า

“ลงเจียลงไปบอยบอยเนอ” แปลว่า “มาหมู่บ้านนี้”

ผมเชื่อว่าคำต่อไปต้องถูกใจใครหลายคนอย่างแน่นอน นั่นคือคำว่า

“เวยชอบเพิงคลังคลัง” แปลว่า “ฉันรักเธอ”

ตอนนี้เข็มนาฬิกาของผมได้หมุนกลับสู่ความธรรมดา ไร้ซึ่งความเร่งรีบ เตร็ดเตร่เยี่ยมชมหมู่บ้านได้นานเท่าที่ใจต้องการ

ผมสังเกตเห็นชาวบ้านที่นี่สวมเสื้อผ้าเป็นเอกลักษณ์มาก ส่วนใหญ่จะเน้นสีแดง สีดำ ส่วนลายที่ปักอยู่บนผ้า ก็คือวิถีชีวิตของพวกเขาที่ถูกส่งต่อกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย 

“เสื้อพ็อก” คือ เครื่องแต่งกายพื้นเมืองของชาวญัฮกุร ที่ใส่ในชีวิตประจำวัน และใช้ใส่ในงานพิธีต่างๆ

 ลวดลายบนผืนผ้าจะเป็นลายที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เอามาดัดแปลงเป็นลายผ้าได้อย่างลงตัว ปักเย็บด้วยความประณีต ปักด้วยมือทุกผืนเลยครับ 

ลุงเปลี่ยนชวนผมมานั่งคุยใต้ถุนบ้าน ยกของว่างพื้นถิ่นมาให้ลองชิม

“เมี่ยงคำไส้ผัก” เมนูเพื่อสุขภาพของชาวญัฮกุร อาหารว่างที่มากด้วยคุณประโยชน์

เป็นยาระบายแก้ท้องผูก และยังช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร

วิธีกินก็ง่ายๆ ครับ ใช้ใบทูน ห่อกับพวกสมุนไพรต่างๆ ที่หาได้ในหมู่บ้าน อย่าง มะอึก, ตะไคร้, พริกขี้หนู, กล้วยน้ำหว้าดิบ และเกลือ 

ห่อแล้วลองชิมกันเลยครับ “โอ้โห!! เผ็ดมาก” ผมแอบได้ยินชาวบ้านกระซิบเบาๆ ว่าใส่พริกเยอะๆ ไม่ไหวครับ ผมใส่ทุกอย่างได้หมดแต่ขอพริกน้อยๆ แล้วกันครับ 

“คุณแก่ๆ” เดี๋ยววันนี้ผมจะพาคุณแก่นั่งรถไถ แทนรถยนต์ อื้อหือ! ผมฟังแล้วดูเป็นอะไรที่น่าสนุกดีนะครับ

“รถไถกับชุมชน” ตลอดทางผมนั่งซึมซับไปกับความเป็นชาวญัฮกุร สองข้างทางเต็มไปด้วยความเรียบง่าย เงียบ สงบ และได้เห็นไร่สวนของชาวบ้าน นั่งดูไปเพลินๆ เหมาะแก่การมาพักผ่อนหย่อนใจจริงๆ ครับ

ถึงจุดหมายปลายทางของเราแล้ว ระยะทางจากหมู่บ้านมาที่ป่าชุมชนใช้เวลาเพียงแป๊บเดียวเองครับ

กระโดดลงจากรถไถ ตามเจ้าบ้านไปเดินในป่าชุมชน ธรรมชาติของป่าที่นี่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ ผมไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมทุกอย่างยังคงสมบูรณ์แบบ เพราะชาวบ้านที่นี่เขายังคงรักและหวงแหน ผืนป่ากันเป็นอย่างมาก 

เราสามคนเดินเก็บผลหมากรากไม้ชิมกันมาตลอดทาง เห็นชาวบ้านกิน ผมก็กินตามครับ การมากับพรานป่าดีอย่างหนึ่งนะครับ ได้รับความรู้ใหม่ๆ ว่าสิ่งไหนกินได้ สิ่งไหนกินไม่ได้ อย่างลูกมะเค็งหรือลูกหยีที่หล่นเรียงรายตามพื้น  ลุงเปลี่ยนก็บอกผมว่ามันกินได้นะ เก็บเอาไปตากน้ำค้างสักคืนสองคืน มันจะอร่อยจนวางไม่ลง ผมฟังไปก็นึกขำ อยากจะลองชิมที่เขาตากน้ำค้าง แล้วคั่วกินแบบชาวบ้านบ้าง แต่น่าเสียดายลุงเปลี่ยนบอกว่าช่วงนี้ยังไม่มีให้ชิม แต่กินสดๆ แบบนี้ก็อร่อยใช้ได้เลยครับ

เดินไปเรื่อยๆ ผมสังเกตเห็นเถาวัลย์พันรอบต้นไม้ ลุงเปลี่ยนบอกผมว่ามันคือม้ากระทืบโลง แค่ได้ยินชื่อก็รู้เลยครับ ว่าสรรพคุณต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เห็นเขาว่าพืชชนิดนี้กินเป็นยาบำรุงและชูกำลังได้ ว่าแล้วลุงเปลี่ยนตัดให้ติดมือกลับมาด้วยครับ ฮ่าๆๆ

ใกล้เที่ยงแล้ว  ได้เวลาทำอาหาร ลุงเปลี่ยนชวนทำอาหารกินกันตรงนี้เลย อุปกรณ์พร้อม วัตถุดิบพร้อมแล้ว เมนูวันนี้มีไก่ย่าง ต้มยำไก่บ้าน และข้าวเหนียวร้อนๆ ที่ห่อมาจากบ้าน ไม่รอช้า หิวแล้วรีบลงมือช่วยกันทำเลยครับ 

อาหารเสร็จทุกเมนูแล้ว มานั่งล้อมวงกินกันแบบง่ายๆ เสียงหัวเราะของผม ลุงเปลี่ยนและพี่ยูร ที่พากันคุยเรื่องราวต่างๆ อย่างสนุกสนาน แบ่งปันประสบการณ์พื้นบ้านให้ผมได้เข้าไปมีส่วนร่วม

ผมรู้สึกดีมากที่ได้มีโอกาสมาเก็บเกี่ยวความเป็นพื้นถิ่น และความน่ารักของชาวบ้านที่นี่ ความเป็นเอกลักษณ์ของชาวญัฮกุร ซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน ผมถึงจะได้รับโอกาสที่ดีในต่างถิ่นแบบนี้อีกครั้ง

ลุงเปลี่ยนพาผมกลับมาเดินเล่นในหมู่บ้านอีกครั้ง เลยได้ชม“การละเล่นหันหม้อข้าว” เป็นการละเล่นตามแบบฉบับของชาวญัฮกุร

จับมือล้อมวงแล้วหมุนไปพร้อมกัน นอกจากกำลังแขนที่แข็งแรงแล้ว ความสามัคคีก็เป็นหัวใจสำคัญ เสียงหัวเราะของชาวบ้านในตอนที่เล่นนั้น ขนาดผมยืนดูเฉยๆ ยังสนุกเลยครับ 

เช้าวันสุดท้ายกับแสงแรกที่ผาสุดแผ่นดิน อากาศดี ให้ความรู้สึกสดชื่นมาก ตื่นมาแบบไม่งัวเงีย เพราะรู้ว่ายิ่งลุกขึ้นมาเร็วมากเท่าไหร่ ก็จะพบกับความสวยงามมากเท่านั้น 

ดูวิวตอนนี้สิครับ มหัศจรรย์มาก ธรรมชาติมีเรื่องเหนือคาดให้ผมตื่นเต้นตลอดเวลา เหมือนภาพที่หลุดออกมาจากมือจิตรกร ผมได้บันทึกภาพผ่านสายตาเรียบร้อยครับ

ผมขอปิดทริปด้วยลานผาหินงาม ลานแห่งจินตนาการ ที่นี่มีหินมากมายเรียงตัวสวยงาม รอบด้านเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติ ส่วนรูปลักษณ์ของหินนั้นก็แล้วแต่เราจะมองครับ 

การมาเที่ยวชัยภูมิ หมู่บ้านญัฮกุรครั้งนี้ เปิดโลกทัศน์ของผมให้กว้างขึ้น ผมได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ศึกษาสิ่งใหม่ทั้งผู้คน วิถีชีวิต แม้แต่อาหารการกินที่แปลกไปจากเดิม 

ขอบคุณเมืองไทย ที่สรรค์สร้างสิ่งดีงามไว้ตามที่ต่างๆ ให้คนอย่างเราๆ ได้ออกเดินทางเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ ประสบการณ์ระหว่างทางคือสิ่งที่มีค่า ถ้าไม่ออกมาเดินทางด้วยตัวเอง จะไม่รู้เลยว่า เมื่อไหร่ถึงจะได้พบกับสิ่งเหล่านี้

ถ้าหากเราแค่อ่าน แค่ฟัง ก็จะได้พบแค่ตัวหนังสือ แต่ถ้าเราออกเดินทางด้วยตัวเอง สิ่งล้ำค่าก็จะมาอยู่ในมือเราเอง ถึงเวลาแล้วที่เราจะพลัดถิ่น ไปต่างเมืองบ้าง ไปอยู่แบบเจ้าถิ่น ไปกินแบบเจ้าบ้าน แบบที่คนกรุงแบบเราไม่เคยได้เจอ เพราะเมืองไทยใกล้แค่เอื้อมเองครับ

 

ชมรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค ตอน เรียนรู้วิถี คนบนดง ที่หมู่บ้านญัฮกุร จ.ชัยภูมิ 

ได้ที่นี่ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=myvxWZGGDfE

 

ติดตามชมรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค

ทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 15.30 – 16.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส