ตามล่าหมอก ที่เขาค้อ
เห็นรูปจากหลาย ๆ คนไปเที่ยวเขาค้อ ได้ฟินกับหมอกไปตาม ๆ กัน เลยไม่รอช้ารวบรวมเพื่อนเท่าที่จะได้เเละรีบโทรจองที่พักเอาวันที่ได้เร็วที่สุด เพื่อที่จะไปตามล่าหมอกกันบ้าง ...... ล้อหมุนออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอนสามทุ่มของวันศุกร์ มุ่งหน้าไปเพชรบูรณ์ ใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมง ที่พักคืนแรกคือ The de hotel อยู่ในตัวเมืองเพชรบูรณ์เลย ราคาค่าห้องอยู่ที่ราคา 400 บาท/คืน/2คน ราคาห้องรายวันแต่มาตรฐานระดับโรงแรม
เช้าวันล่าหมอก กว่าจะตื่นกันก็ปาเข้าไป 11 โมง แวะมาฝากท้องกันที่ร้านสุกี้เนี๊ยบ เป็นร้านตามสั่งที่มีเมนูตามสั่งหลากหลายมาก ราคาและรสชาติสมน้ำสมเนื้อ
อิ่มท้องล่ะก็พร้อมลุยกับทริปตามล่าหมอกที่เขาค้อกันเลยค่ะ โปรแกรมคร่าว ๆ ของทริปนี้ เราจะเริ่มตามล่าหมอกจากทางด้านบน ไล่ลงมาด้านล่างกันค่ะ
เริ่มจาก วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว > ร้านกาแฟพีโน่ลาเต้ > ชมบรรยากาศทุ่งกังหันลม > แวะทานข้าวที่ครัวโม่งเม่ง > เอนหลังนอนที่ สมันธิตา รีสอร์ทขับรถออกจากตัวเมืองมุ่งหน้าตามถนนหมายเลข 21 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 12 เริ่มเห็นวิววัดพระธาตุผาซ่อนแก้วแล้วแหละ แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือวิวข้างถนนนี่แหละ ว่าแล้วก็แวะซึมซับบรรยากาศกันซักหน่อย
ทริปนี้ธีม ขาวยีนส์วิวสวยก็ถ่ายรูปวนไปค่าจากตรงนี้เราสามารถเห็นวิววัดพระธาตุผาซ่อนแก้วได้ด้วยค่ะ ของจริงสวยกว่านี้มากกกก
และแล้วฝนก็เทลงมา เทลงมา จำเป็นต้องลาตรงนี้เพื่อมุ่งหน้าไปวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วกันแล้ว อากาศและลมเย็นแบบสบายสุด ๆ ยิ่งไปกว่านั้นความสวยของวัดก็น่าประทับใจยิ่งกว่าอากาศที่เย็นสบาย แต่ที่นี่เค้างดใช้เสียงนะคะ เนื่องจากมีคนกำลังปฎิบัติธรรมด้วย
ไปชมความสวยงามของวัดกันเลยไหว้พระธาตุเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตกันค่ะ
วิวรอบ ๆ บริเวณวัด นอกจากวิวสวยแล้วอากาศก็เย็นสบายมาก ไปกันต่อที่ร้านกาแฟ พิโน่ลาเต้ ออกมาจากบริเวณจอดรถทางวัด เลี้ยวซ้ายตัดวัดมาเลยค่ะ ขับมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอร้านพิโน่ ใกล้กันแค่เอื้อม แต่ทางค่อนข้างแคบนิดหนึ่ง
ร้านนี้จุดพีคไม่ใช่รสชาติของขนมและอาหาร แต่เป็นปริมาณนักท่องเที่ยวที่แทบจะไม่มีโต๊ะว่างให้นั่ง แต่วิวที่จุดนี้ก็พีคไม่แพ้กัน จิบช็อคโกแลตร้อน ๆ อากาศหนาว ๆ นั่งชมวิวพาโนราม่า ชีวิตดีไปอี๊ก
จุดหมายต่อไป คือ ทุ่งกังหันลมขับรถมาตามถนนหมายเลข 2196 สังเกตป้ายแยกเพชรดำ เลี้ยวขวา จากนั้นตรงมาเรื่อย ๆ จะมีสามแยกให้เลี้ยวขวาอีกที ไม่ต้องกลัวหลงเพราะมีป้ายบอกทางชัดเจนแนะนำให้เลี้ยวเข้ามาข้างใน ตรงนี้มีจุดที่ถ่ายรูปสวยมากๆค่ะ เป็นทุ่งข้าวแต่ไม่มีรวงข้าวนะ เสียค่าเข้าบริเวณนี้คนล่ะ 10 บาท แต่ถ่ายรูปเกินราคาค่าเข้าแน่นอน ก็แค่นาข้าวจะถ่ายไรเยอะแยะ แต่มารู้ตัวอีกนี่ก็กดเป็นร้อยรูปแล้วค่ะ
ถึงเวลาอาหารเย็น ไม่รอช้ารีบไปร้านโม่งเม่ง ร้านอยู่ไม่ไกลจากแยกเพชรดำ หิวโหยอย่างพวกเรามาถึงก็สั่งไม่ยั้ง
เมนูแนะนำของร้านนี้ “ปลาม้วน” นำปลามาม้วนใส่ใส้หมูสับ แล้วนำไปนึ่งซีอิ๋ว รสชาติดีทีเดียว
เมนูอื่น ๆ ที่สั่งมารสชาติก็อร่อยกลมกล่อมเหมือนกัน ราคาไม่แพงมาก ค่าเสียหายของมื้อนี้ 1,000 บาท
กินอิ่มแล้วมุ่งหน้าไปที่พักกันเลย…. ออกมาจากร้านอาหารจะเป็นไฟแดงให้เลี้ยวมาทางถนนหมายเลข 2325 ใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่พักแล้วค่ะ แต่ต้องระวังเลย ให้มองป้ายทางด้านซ้ายมือดีดี จะมีชื่อรีสอร์ทเรียงยาวหลาย ๆ ชื่อ เห็นป้ายก็เลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ
ที่พักของเราคืนนี้คือ สมันธิตารีสอร์ท แบ่งเป็น ห้องพัก 2 ประเภท คือแบบบ้านปูน และบ้านพักโมเดิร์นสไตล์ ราคาต่างกัน แต่ขอบอกว่าวิวของโมเดิร์นสไตล์โอเคมาก ส่วน แบบบ้านปูนจะอยู่อีกส่วน ที่ห่างกันพอสมควรลงไปด้านล่าง ราคาของทั้ง 2 ประเภทห่างกัน 500 บาท ****แนะนำให้จองห้องโมเดิร์นสไตล์ค่ะ แพงกว่า 500 แต่มันโอเคกว่ามุมในส่วนของบ้านปูนเยอะเลยค่ะ
ได้เห็นทั้งวิวภูเขา และอ่างเก็บน้ำ ราคาห้องพักที่เราจองช่วงเดือนกันยายน อยู่ที่ 2500 บาท/2คน/คืน บริการเสริมเตียงคิดค่าบริการคนล่ะ 700 บาท ราคานี้บริการอาหารเช้า และ wifi ภายในห้อง ตกแต่งน่ารักมาก และเตียงนุ่มนอนหลับสบายมาก ผ้าห่มหนา ๆ น้ำหนักดี อากาศเย็น ๆ นอนแล้วแทบไม่อยากลุกจากเตียงเลยแหละ ข้อเสียที่ไม่โอเคคงจะเป็นหน้าต่างทางด้านหัวนอน ถึงม่านจะกันแสงแต่ก็ยังมีช่องโหว่ระดับสายตาพอดี ทำให้ตอนเช้าแสงแยงเข้าตาค่ะ
มาดูบรรยากาศยามค่ำคืนกันบ้างค่ะ เวลาเปิดไฟแล้วสวยขึ้นมาเลย ที่นั่งหน้าห้องนอนค่ะ ตอนเช้านั่งดูทะเลหมอกตรงนี้ ไม่อยากจะคิดว่าจะฟินขนาดไหน(ตรงที่เป็นพลาสติกสามารถดึงขึ้นได้นะคะ) มาถึงจุดนี้ ก็ยังไม่เจอหมอกเยอะ ๆ ให้ถ่ายรูปสวย ๆ แบบคนอื่นเลย คืนนี้ฝนตกก็ได้ลุ้นและภาวนาขอให้ตอนเช้ามีหมอกให้พวกเราดูด้วยเถิดดดด สาธุ สาธุ สาธุ
6โมงเช้าเสียงนาฬิกาดังขึ้น รีบดีดตัวจากที่นอนพุ่งไปที่ประตูเพื่อจะดูหมอก ผ่างงงงงงงง น้ำตาจะไหล หมอกหายไปไหนหมด หมอกที่เฝ้าตามหา ไม่มีให้เห็นแม้แต่ไอจาง ๆ รู้สึกเหมือนโดนทำร้ายจิตใจ
บรรยากาศตอนเช้าช่างสดชื่อเหลือเกิน แต่ไหนหมอก หมอกอยู่หนายยยยย
อาหารเช้าของที่พักให้บริการเวลา 7.30-10.00 น.อาหารจะเสริฟเป็นชุด ใน 1 ชุดจะมี American Breakfast ข้าวต้ม 1 ถ้วย ขนมปังปิ้ง กินรองเท้าก็พอ เพราะเราจะไปกินจริงจังกันที่ ร้านลาบเหนือ” ออกจากที่พัก ย้อนกลับมาทางแยกไฟแดง ที่เรากินข้าวที่ร้านโม่งเม่งเมื่อวาน เมื่อเจอสามแยกไฟแดงให้เลี้ยวขวาตามถนนหมายเลข 2196 ร้านอยู่ตรงข้ามเจดีย์ขาว หรือ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษกอาหารที่นี่ทำเร็วมาก เร็วแบบสั่งปุ๊ปเดินไปยื่นออเดอร์ นี่ได้กับข้าวมาเสริฟเลยนะ ได้เวลาแล้วก็ลุยเลยค่ะ มื้อนี้ใช้เงินไปพันกว่าบาท(ทิ้งบิลไปก่อน 55+) รสชาติผ่านค่ะ ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย
ก่อนกลับขอไปเสี่ยงล่าหมอกกันอีกครั้งที่ เขาพระตำหนัก........ แล้วก็ต้องผิดหวังเพราะไม่มีหมอกเลยสักนิด แต่โชคยังดีที่อากาศเย็นมาก และฟ้าก็โปร่งเลยทำให้ได้แต่เพียงไปยืนสูดโอโซนบริสุทธิ์เท่านั้น
ทริปนี้ไม่บรรลุเป้าหมายในการล่าหมอก แต่ก็ยังดีที่อากาศค่อนข้างเย็นยังพอจะมาทดแทนกันได้ หลาย ๆ ครั้งการเที่ยวก็อาจจะไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องออกเดินทางกันต่อไป แล้วพบกันทริปหน้าค่า ^^
ฝากติดตามพวกด้วยนะคะ https://www.facebook.com/getalongwell.net/