Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
สังขละบุรี วันที่ฝนพรำ กระเป๋า1ใบรองเท้า1คู่ #BackPacker By #PCK อำเภอสังขละบุรี (Sangkhla Buri District) จ.กาญจนบุรี
    • Posts-1
    Pck •  August 08 , 2015

    วันแรก..... สะพานมอญ >> วัดวังก์วิเวการาม >> เจดีย์พุทธคยา >> ตลาด 5 เชื้อชาติ

    ตอนเด็กๆ คุณเคยสงสัยไหม.. ว่าถนนเส้นที่เรานั่งรถผ่านในทุกๆวันนี้   ปลายทางจะสิ้นสุดที่ไหน  ข้างทางเป็นยังไง มีภูเขา มีแม่น้ำ มีทุ่งนา หรือป่าว.....  แล้วถ้าเป็นแบบนัันจริงๆ แล้วมันจะสวยไหม...? นั้นคือความสงสัยที่มันเกิดขึ้นในสมองของผม...  และก็นั้นแหละที่ทำให้ผมเป็นคนที่ชอบการเดินทางมาจนทุกวันนี้.....

    สังขละบุรี  ในวันที่ฝนพรำ  ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนะ ว่านี่เป็นการรีวิวครั้งแรกในเพจ The trippacker หลังจากที่เฝ้าติดตามและก็อ่านรีวิวของหลายๆท่านที่ผ่านมา ก็เลยอยากจะขอแชร์ประสบการณ์การเดินทางในแบบฉบับของผมบ้าง  หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย .. 

    ผมออกเดินทางจากโคราชนะ... อาจจะแปลกๆหน่อยที่คนส่วนใหญ่แล้วการเดินทางไปจังหวัดกาญนจบุรีต้องรถไฟเท่านั้นเพื่อที่จะได้บรรยากาศแบบ ชิวๆ คูลๆ แต่ผมเวลาคงไม่อำนวยเท่าไหร่หากจะทำแบบนั้น   แต่ผมก็มีวิธีชิวๆ คูลๆ ในแบบของผมเหมือนกัน ...... ผมต้องการให้ไปถึงตัวจังหวัดกาญในช่วงเช้าเพื่อที่จะได้ทันรถตู้เที่ยวแรก ในเวลา 07:30 น. รายละเอียดการเดินทาง ที่พัก เดียวผมจะทิ้งใว้ให้ด้านท้ายนะคับ...... 

    ...............................ขอเริ่มเลยนะ.................................

    ชีวิตเนิบๆ... ในวันฝนพรำ ที่อำเภอ สังขละบุรี อำเภอท่ามกลางหุบเขาที่เงียบสงบ...มีแม่น้ำสามสายไหลมาบรรจบกันได้แก่ ห้วยซองกะเลีย ห้วยบีคลี่ และห้วยรันตี รวมเรียกว่า “สามประสบ” ไหลรวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อย อำเภอสังขละบุรีเป็นอำเภอที่มีชาวมอญตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงสามารถพบเห็นวิถีชีวิตประเพณีเก่าแก่แบบดั้งเดิมของชาวมอญ ณ ที่แห่งนี้...................
    ............ ชาวบ้านอัทธยาสัยดีมาก .. เหมาะสำหรับครัยหลายๆคนที่อยากจะพักใจที่บอบช้ำ อยากจะใช้ชีวิตช้าๆ เนิบๆ ‪#‎slowlife‬ หรือสำหรับครัยที่มีใจรักการเดินทาง ที่มีแค่รองเท้าผ้าใบที่พาคุณลุยน้ำลุยโคลน กระเป๋าหนึ่งใบที่ยัดสิ่งของอำนวยความสะดวกได้ไม่มากนัก การกินอยู่ที่เรียบง่าย ทางที่เดินไม่มีบันไดเลื่อนเหมือนในห้างสรรพสินค้าต่างๆ แต่ก็นี่แหละ.... ประสบการณ์การใช้ชีวิต การใช้ชีวิตแบบเปิดโลกว้าง ที่จะทำให้คุณพบเจอสิ่งใหม่ๆในโลกนี้..
    >>>> ชีวิตเนิบๆ สังขละบุรีวันที่ 1.....สะพานมอญ, วัดวังก์วิเวการาม, เจดีย์พุทธคยา, ตลาด5เชื้อชาติ

    ......................สะพานมอญ....................

    สะพานมอญ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สะพานอุตตมานุสรณ์​ เป็นสะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองกาเลียไปยังหมู่บ้านมอญ ถือเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นอันดับสองของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็งในพม่า และเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอสังขละบุรี เป็นสะพานแห่งศรัทธา ที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชุมชนที่อาศัยอยู่ในสังขละบุรี ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวมาสัมผัสธรรมชาติ พร้อมๆ กับการได้เห็นวิถีชีวิตชุมชนชาวมอญในแถบนี้ สิ่งที่ห้ามพลาดอีกอย่างหนึ่งก็คือการได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับสะพานที่เสมือนเป็นสายใยวัฒนธรรมของชาวมอญและไทยในดินแดนสุดขอบประเทศแห่งนี้

    คนน้อย..ไปนะ   แต่ก็นั้นแหละคับมันคือหน้าฝนและก็มันไม่ใช่วันหยุดยาวด้วย ได้บรรยากาศไปอีกแบบคับ สายฝนโปรยปรายกับสะพานไม้ที่มีมนต์เสน่ห์ของคนไทยเชื้อสายมอญพาดผ่านแม่น้ำ"ซองกาเลีย" บงบอกถึงการไม่ปิดกันเชื้อชาติวัฒนธรรมประเพณี..... มองลงไปด้านล่างก็จะเห็นแพร้านอาหาร ที่พัก ต่างๆมากมาย...  ในวันที่ผมไปอาจจะดูเงียบหน่อย.... แต่ก็สงบดีคับ...  จะบอกว่ารูปนี้เป็นแรงบัลดาลใจประจำทริปก็ได้นะ...... ..เนื่องจากว่าผมอยากได้รูปหน้าปกเฟสบุ๊คใหม่  ซึ่งหาดูรูปเก่าๆแล้วไม่มีถูกใจเลย.. ก็เลยมีความคิดว่าต้องถ่ายใหม่ หาข้อมุลหลายที่ สุดท้ายก็ได้ที่นี่ เนื่องด้วยระยะทาง เวลา สถานที่ มันลงล๊อกกัน ............. สำหรับรูปนี้  มันเป็นรูปที่บ่งบอกความเป็นตัวผมมากที่สุดแล้วละ จากเด็กบ้านอก มาสู่รั้วมหาลัยพร้อมกับเป็นนักฟุตบอล จบมาเป็นวิศวกร แล้วยังเป็นคนของประชาชนด้วย...ทุกช่วงชีวิตของผมผมไม่เคยที่วางกล้องเลย... ไปไหนผมมีเจ้านี้ไปด้วยเสมอ เรียกว่าเป็นคู่ซี้ผมเลยก็ได้....  ทีแรกผมกะว่าจะตั้งชื่อทริปนี้ว่า  "แหกค่ายไปสังขละบุรี" แต่มันคงไม่ตลกเท่าไหร่.....  เดินมาถึงจุดนี้...บังเอินเจอดาราของที่นี่ด้วยนะ... "พี่เย็น" ถ้าใครที่เคยมาที่นี่หรือได้อ่านรีวิวจากหลายๆคนที่เขียนใว้ก็จะมีพี่เขาติดไปด้วยแทบจะทุกรีวิว... ผมนั่งคุยกับแกได้สักพัก ก็ขอตัว บอกพี่แกว่าจะไปวัดวังก์วิเวการามต่อ..... สะพานลูกบวบ..เป็นสะพานแพไม้ไผ่ มีสร้างมาใช้แทนสะพานไม้ที่ถูกน้ำซัดขาดที่สองปีที่แล้ว...   สวยไปอีกแบบแต่ดูเหมือนจะเริ่มเก่าแล้วละ.... ถึงจะเป็นสะพานที่ไม่ยามเท่าไหร่เมื่อเที่ยบกับระยะเวลาที่ใช้เดินข้าม...... แต่ผมใช้เวลาอยู่บนสะพานนี้ค่อนข้างที่จะนานมาก...  เพื่อซึมซับคราวรู้สึก บรรยากาศ ที่เงินไม่สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป....เรือสำหรับบริการนักท่องเที่ยว....ทัวร์ชมเมืองใต้บาดาล

    ........................วัดวังก์วิเวการาม....................

    วัดวังก์วิเวการาม หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "วัดหลวงพ่ออุตตมะ" นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอสังขละบุรีแล้ว ยังเป็นวัดที่ถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับคนพื้นถิ่น และเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขละบุรี ทั้งชาวไทย และกะเหรี่ยง โดยเฉพาะสำหรับชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่เปรียบหลวงพ่ออุตตมะเป็น "เทพเจ้าแห่งชาวมอญ" วัดวังก์วิเวการาม จึงเกิดจากพลังศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อ และเป็นวัดที่เคยเป็นที่จำพรรษาของ "หลวงพ่ออุตตมะ" วัดจึงเป็นเสมือนตัวแทนหลวงพ่อ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวมอญ ในการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีของมอญ และจัดงานอื่นๆ

    ด้านในมีหุ่นขี้ผึ่งหล่วงพ่ออุตตมะ..ใว้ให้ชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวได้กราบใหว้บูชา ..... ผมถือว่าโชคดีมากมาครั้งนี้คนไม่เยอะเท่าไหร่... ก็เลยได้มีโอกาศเข้าไปไหว้หวงพ่อ...  ได้ขอพรจากท่าน...  

    .............................เจดีย์พุทธคยา...........................

    พระเจดีย์พุทธคยา เป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่กับวัดวังก์วิเวการาม เป็นเจดีย์องค์ใหญ่นี้ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาใกล้ริมฝั่งแม่น้ำ มีสีเหลืองทอง สามารถมองเห็นได้จากแม่น้ำซองกาเลีย ภายในองค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงเป็นเจดีย์ที่มีผู้คนมาสักการะ บูชาองค์เจดีย์ที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เจดีย์พุทธคยายังเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและงานเทศกาลเช่น งานวันสงกรานต์

     กำแพงรอบเจดีย์ที่กำลังสร้างใหม่... ในแบบฉบับของชาวมอญ สร้างเสร็จผมว่าคงสวยน่าดู.  เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านศรัทธา... เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตรใจ.... ทำให้ที่นี้มีเสน่ห์ มีมนต์ขลัง ... ที่ยากจะอธิบาย...

    ..................จุดชมวิว.....................

    จุดนี้ผมกลับมาจากเจดีย์พุทธคยา...ก็เลยแวะหน่อย ไหนๆก็เปียกแล้ว เปียกอีกหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง.... ที่นี่กางเต็นฟรีนะคับ.. แต่ต้องเตรียมเต็นมาเอง  สำหรับ Backpacker ทั้งหลายก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร มีไฟฟ้าให้ด้วย..

    ผมก็ได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่น่าจะ 20 นาทีได้ ผมยืนเพื่อที่จะซึมซับกับบรรยากาศ    ไม่รู้นะ สำหรับผมแล้วการที่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้แบบเปิดโลกว้างมันเป็นอะไรที่....... แบบว่ามันใช่อะ.    นี่แหละคือตัวเรา ตัวตนของผมเอง... ในตอนที่คุณยังไม่มีภาระ ยังไม่มีครอบครัว.. คุณลองถามตัวคุณดูสิ...  ว่า...... คุณเคยไปที่ไหนมาบ้าง? คุณทำอะไรที่มันท้าทายในชีวิตคุณมาบ้างแล้วหรือยัง? คุณรู้จักโลกนี้มากพอหรือยัง?...        ""  ผมว่ามันเป็นสิ่งที่คุณควรทำก่อนที่คุณจะใช้ชีวิตคู่นะ....  """   มุมนี้ถ่ายมาจากสะพานปูน....ที่รถวิ่งผ่าน มุมนี้จากสามประสบ รีสอร์ท ....  ที่ที่ผมตั้งใจจะมารับประทานมื้อค่ำที่นี่   แต่เนื่องด้วยเนื้อตัวที่เปียกป้อน.. เกรงใจโต๊ะข้าง และก็พนักงานร้านด้วย...   ก็เลยไม่ดีกว่า แล้วผมก็ตัดสินใจไปตลาด.......

    .......................ตลาด 5 เชื้อชาติ...................

    จอดรถได้ก็ตรงเข้าไปเลยคับ....รู้สึกว่าจะหิว ด้วยกลิ่นเครื่องเทศลอยมาเข้าจมูกเต็มๆแบบนี้.....  

    ต้องทำเวลาหน่อยละคับ.... เหมือนว่าพี่เรนจะมาจัดคอนเสิร์ตชุดใหญ่ที่นี่.....   มืดมาเลยคับ..   อะไรง่ายๆก็ขว้าใส่ปากไปก่อน..ละกัน................ จิงๆ แล้วผมอยากกินเจ้านี่นะ...."หมูจุ่มพม่า"  เขาบอกว่าเป็นของขึ้นชื่อที่นี่ มาแล้วต้องได้กิน ไม่ได้กินถือว่ามาไม่ถึง สังขละบุรี ...  แต่วันนี้ผมคงพลาดแล้วละ ... ....  ขืนถ้านั่งคงได้จุ่มน้ำฝนกินแน่....  ผมเดินวนหนึ่งรอบก็พร้อมกับชิมร้านนั้นร้านนี้.. อิ่มแบบไม่ทันคิดเลยว่าจะกินอะไรดี......   ก็เลยซื้อลูกชิ้นปิ้งกลับที่พักป้องกันหิวตอนดึก.....    ถึงห้องก็รีบอาบน้ำสระผมเลยคับ....เดียวจะไม่สบาย  พรุ้งนี้มีหน้าที่ต้องลุยต่อ....  สำหรับคืนนี้หลับฝันดีนะคับ... ใครที่ว่างๆ ก็มาเข้าฝันผมบ้างนะ...  สำหรับสาวๆ ไม่ต้องฝันถึงผมนะ   เพราะว่า.. "ผมไม่อยากเป็นแค่คนในฝันของคุณหรอก"   ..... ง้อวววว...วว ...   หลับฝันดีคับ

     

     

    • Pck  ยังไม่จบนะคร้าบ.... ยังมีวันที่ 2 ต่ออีก หลังเลิกงานวันนี้จะเขียนวันที่2 ให้จบ ดึกๆวันนี้กลับมาอ่านกันต่อนะคับ. วันที่ 2 เราจะไปกันที่ เมืองบาดาล >> วัดเก่าหลวงพ่ออุตตมะ >> ด่านเจดีย์สามองค์ . Save link ใว้แล้วดึกๆ มาติดตามกันต่อนะ. .. 10 August 2015 12:26:05
    • Posts-2
    Pck •  August 10 , 2015

    วันที่สอง..... เมืองบาดาล >> วัดสมเด็จเก่า >> ด่านเจดีย์สามองค์

    อรณสวัสดิ์...  เช้าวันใหม่..  หลังเสียงนาฬิกาปลุก หลังเวลาตีห้าครึ่ง อาบน้ำแปรงฟัน ... วันนี้ตั้งใจว่าจะไปใส่บาตที่สะพานมอญคับ .. หลังจากนั้นก็ขยับตามโปรแกรมที่วางใว้คับ  .. 

    ผมมาถึงสะพานมอญประมาณ 6 โมงเช้า.... แต่ดูเหมือนว่า ฟ้าฝน จะไม่เป็นใจเทาไหร่.. ยังโปรยปรายอยู่เลย..

    ดูเหมือนว่าจะแรงขึ้นเรื่อยๆ นะ..... แต่น้องๆ ฝั่งมอญก็ยังเดินผ่าฝนมาขายดอกไม้สำหรับไหว้พระ... โดยที่ไม่กลัวเปียกเลยสักนิด  ดูเหมือนว่าน้องๆ จะสนุกกันมันด้วยซ้ำ... ดูจากท่าทางแล้ว.... เอกลักษณ์อีกอย่างของชาวบ้านที่นี่ก็คือ การแบกของบนหัว แทนการถือของด้วยมือทั่วไป.. ถือเป็นเสน่ห์ที่สวยงามอีกอย่างคับ  ด้วยแรงแห่งศรัทธา.. ถึงแม้ฝนจะตกมากแค่ไหนนักท่องเที่ยวก็ไม่กลัวที่จะเปียกฝน.. พระท่านเองก็เช่นกัน.. เป็นภาพที่เห็นแล้ว.รู้สึกศรัทธา..มาก ส่วนผมนั้นในระว่างที่หลบฝนอยู่ ก็นั่งสนทนากับน้องคนนี้อยู่ น้องเขาคุยเก่งมาก... เหมือนซ้อมมาเลย ..... ถ้าใครที่ได้มาเที่ยวก็อุดหนุนน้องเขาด้วยนะ ชุดละ 10 บาท น้องเขาจะมาขายช่วงเช้าถึง 7 โมง แล้วก็ไปเรียน คล้ายว่าน้องจะมาหาค่าขนมไปเรียนอะคับ... ผมว่าดีนะคับช่วยส่งเสริมให้เด็กมีรายได้ระหว่างเรียนด้วย ถึงแม้จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากก็ตาม.... หลังจากที่หลบฝนอยู่สักพัก ก็เลยมองหาอะไรรองท้องไปด้วยน่าจะดี.....   ก็ได้เจ้านี่แหละคับ  ปาท่องโก๋กับโอวัลตินร้อน  พอคลายหิวได้.......

    หลังจากี่ฝนเริ่มซาแล้วก็ออกลุยกันต่อ..คับ  ไปเช่าเรือคับ ติดต่อที่ศาลาหัวสะพานมอญได้ทั้งสองฝั่งนะคับ  ..  ให้สังเกตุคนที่ใส่เสื้อกักสีเขีย (เสื้อวิน) ............   ค่าบริการ วัดเดียว 300 บาท ถ้าไปทั้ง 3 วัด ก็ 500 บาท ..... ต่อรองได้นะ   ผมพี่เขาลดให้เหลือ 400 บาท...

     ...........ระหว่างที่นั่งเรือก็จะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ของ อำเภอแห่งนี้ "สังขละบุรี" อำเภอที่อยู่ทิศตะวันตกสุดของประเทศไทย.. 

    ........... มองไปไกลๆ ก็จะเห็น "เจดีย์พุทธคยา" สีเหลืองอร่าม ตัดกับสีเขียวของภูเขาที่ล้อมรอบอยู่...ทำให้องค์เจดีย์โดดเด่น สวยงาม เห็นแล้วรู้สึกว่าที่แห่งนั้นมีมนต์ขลังเหลือเกิน... 

    ..........พร้อมกับได้เห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย .. ของชาวบ้าน ที่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเลย....    แต่ถ้าหากดูดีๆแล้วจะเห็นว่าชาวบ้านที่นี่เขามีพรียบพร้อมทุกอย่าง  มีแม่น้ำที่สะอาด ในน้ำมีปลาที่พร้อมสำหรับมื้อเช้าและเย็น มีอากาศที่บริสุทธิ์สำหรับในทุกๆ วัน มีภูเขา มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์     ถึงแม้ว่าจะไม่หรูหราเหมือนผู้คนในเมืองใหญ่ก็เถอะ.....แต่ผมก็แอบอิจฉาผู้คนที่นี่นะ...

    ...... นั่งเรือมาอีกนิดเดียวก็ถึง

    ........วัดใต้น้ำ.......

    วัดใต้น้ำ หรือวัดจมน้ำ คือวัดวังก์วิเวการามเดิม ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็น Unseen Thailand เพราะมีความแปลกที่มีซากโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ เป็นสถานที่เล่าขานถึงตำนานความเป็นมาของวัดหลวงพ่ออุตตมะ จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม - เมษายน เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำหลังเขื่อนลดลงมาก จะสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ณ บริเวณสามประสบ ส่วนคนที่มาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ตั้งแต่ประมาณตุลาคม - มกราคม อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือบางทีก็จมน้ำเป็นเมืองบาดาล จะมีให้เห็นก็เพียงแต่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำ

    สิ่งดีอย่างหนึ่งของการเที่ยวหน้าฝนและวันที่ไม่ใช่วันหยุดยาว  ...นอกจากจะได้ที่พักราคาถูกแล้ว  ก็ ตรงที่เราได้ถ่ายรูปอย่างอิสระ จะเลือกมุมไหนก็ได้ไม่ต้องรอ ไม่ต้องรีบ..คุณสามารถใช้เวลาอยู่กับมุม มุมนั้นนานเท่าไหร่ก็ได้....

    พี่คนขับเรือตะโกนถาว่า  "วนอีกรอบไหม"  55+  ผมหัวเราะในใจ สงสัยแกจะเห็นผมสนุกกับการถ่ายรูปมาก...  "พอแล้วคับพี่ ไปต่อเลย" ผมตอบกลับพี่ไป .. 

    .................วัดสมเด็จ(เก่า)..................
    ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเมืองบาดาลเป็นอุโบสถของวัดสมเด็จเก่า ที่ถูกทิ้งร้าง เมื่อคราวย้ายเมืองสังขละบุรี ตอนที่เริ่มมีการสร้างเขื่อนเขาแหลม (เขื่อนวชิราลงกรณ ในปัจจุบัน) วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็ก ๆ ไม่ได้จมอยู่ใต้น้ำ ภายในอุโบสถมีพระประธานสภาพยังค่อนข้างสมบูรณ์  รอบตัวโบสถ์มีต้นไทรใหญ่ปกคุลมดูขลังและเก่าแก่งดงามยิ่งนัก

    จุดนี้ต้องลงเรือ..แล้วก็เดินเข้าป่าไปหน่อยนะคับไม่ไกลเท่าไหร่....เดียวพีคนขับเรือบกทางให้ แต่แกรออยู่ที่เรือนะ ไม่ได้ไปด้วย..... ด้านหน้าทางเข้าก็จะมีคนขายดอกไม้สำหรับไหว้พระ.....

    ผมเดินถ่ายรูปสักพักก็ออกไปที่เรือ กลัวว่าพี่คนขับเรือจะรอนาน..   "จุดต่อไปเป็นที่สุดท้ายแล้วนะ... ไม่ต้องรีบถ่ยเต็มที่เลย"....  ผมได้แต่ส่งยิ้มให้... แล้วแกก็ออกเรือพาผมไปสถานที่ต่อไป....

    เดินถ่ายรูปเสร็จจากจุดนี้เสร็จ... ผมก็นั่งเรือกลับ..  มุ่งหน้าไปที่เป้าหมายต่อไป "ด่านเจดีย์สามองค์" คับ .......... แต่ต้องแว๊นมอไซร์ไปนะ หรือ ใครที่ไม่สะดวกก็มีรถสองแถว ด่านเจดีย์-สังขละบุรี ...... วิ่งตลอดคับ

    ผมใช้เวลาแว๊น จากสังขละ มาเป็นเวลา 30 นาที ด้วยระยะทาง 19 กม. ก็ไม่เร็วไม่ช้าคับ... ก็มาถึง..

    ...........ด่านเจดีย์สามองค์.............

    ด่านเจดีย์สามองค์ หรือที่เคยรู้จักกันในชื่อ "หินสามกอง" เป็นจุดบอกเขตผ่านทาง พรมแดนไทย - พม่า ในแนวเขาตะนาวศรี ปัจจุบันบริเวณด่านเจดีย์สามองค์ นอกจากจะเป็นเส้นทางผ่านพรมแดนไทย - พม่า แล้ว ยังมีตลาดที่เป็นจุดแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าที่สำคัญหลายชนิด

    ด่านเจดีย์สามองค์ ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองลู เป็นเขตสิ้นสุดชายแดนฝั่งตะวันตกของไทย.....เราสามารถแวะชมและซื้อของฝากตามร้านค้าที่อยู่บริเวณด่าน มีสินค้าหลายอย่างที่มาจากฝั่งพม่า เช่น เครื่องประดับ จำพวกพลอย หยก หินสี เฟอร์นิเจอร์ไม้ ชุดโต๊ะเก้าอี้ เครื่องไม้ตกแต่งบ้าน เครื่องประทินผิวของพม่า เช่นแป้งทานาคา ผ้าโสร่ง ต้นไม้ป่า กล้วยไม้ป่าจากพม่า
    นอกจากนี้เรายังสามารถทำใบผ่านแดนเข้าไปในพม่าได้ภายใน 1 วัน เพื่อเข้าไปชมเมืองพญาตองซูในประเทศพม่า ที่ห่างจากบริเวณด่านไปเพียง 3 กิโลเมตร

    แต่ผมคงไม่ข้ามนะ..... เนื่องจากมองดูรอบแล้ว ไม่น่าจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวให้แชค่าใช้จ่ายเลย    คนน้อยมากคับ..ในวันที่ผมไป   หรือ อาจจะเป็นช่วงเช้าด้วยแหละ  ร้านค้าก็ยังมีเปิดไม่กี่ร้านเอง.... ร้านกาแฟที่ผมคิดว่าจะมาฝากท้องที่นี่สักหน่อย...พลาดแล้วคับไม่เปิดสัดร้านเลย............ ก็ได้แต่เก็บความทรงจำไว้ในเมมโมรีด้วยรูปสุดท้ายนี่แหละคับ.....   ว่านี่นะเรามาที่สุดของประเทศไทยแล้วนะ... ก็คงจะเป็นความทรงที่เก็บใว้บอกต่อรุ่นหลังต่อๆ ไปคับ...

    ........ ฝากนิดหนึ่งคับ หลังจากที่กลับจากด่านเจดีย์สามองค์ แล้ว  ในแผนของผมจะกลับไปนั่งรถไฟที่สถานีน้ำตกเพื่อเข้าไปในตัวเมืองกาญ ในรอบบ่ายสามนะคับ แต่วันนั้นไปถึงแล้ว เจ้าหน้าที่เขาบอกว่ารถไฟตกราง ก็เลยอด   และก็ ไม่ขอพูดถึงก็แล้วกัน..  ขอจบทริปนี้เพียงเท่านี้คับ...

    $$$$$$$$$$$   ขอให้การเดินทางของทุกท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขนะคับ    แล้วเจอกันทริปต่อไป................

     

    • Usap  ขอบคุณมากนะค่ะ ^_^ ถ้าไปเที่ยวที่ไหนเขียนแนะนำอีกน้า อ่านแล้วสนุกแถมข้อมูลครบด้วย ^_^ 22 August 2015 07:46:20
    • Pck  ข้อมูลเดียวผมลงใว้ห้ด้านล่างนะคับ..... #Usap 20 August 2015 09:42:15
    • ่jiraprapa  สิ้นปีมีวิชาทำทัวร์ คิดว่าจะทำไปสังขละบุรี ได้รับข้อมูลที่ดีมากคะ 19 August 2015 17:41:04
    • Potchawan  กำลังจะไปตุลาคมนี้พอดีเลยค่ะ..ชื่นชอบภาพถ่ายที่เจ้าของกระทู้มากเลยค่ะ..ชอบภาพแนวนี้จริงๆ..มันดูมีความหมายของการเดินทางค่ะ :) 18 August 2015 21:28:54
    • Usap  กำลังอยากไปพอดีเลยค่ะ กะว่าจะเริ่มจากโคราชเหมือนกัน ^_^ แฮะๆ ขอถามรายละเอียดการเดินทางของเจ้าของกระทู้หน่อยได้ไหมคะ :) 18 August 2015 21:23:10
    • Posts-3
    Pck •  August 19 , 2015

    การเดินทาง

    มาเพิ่มเติมข้อมูลเล็กๆน้อยๆนะคับ.... เผื่อเป็นประโยชน์  สำหรับท่านที่จะเดินไป................... "สังขละบุรี" ดินแดนแห่งมนต์ขลังทางตะวันตก ของประเทศไทย .. 

    ผมเดินทางจากโคราช... ของบริษัท ศรีมงคล ขนส่ง 

    คันนี้เลยคับ.....  รถสายยาว หนองคาย-นครราชสีมา-กาญจนบุรี   ขึ้นรถประมาณเกือบตีหนึ่ง เนื่องจากรถเข้าสายหน่อย จากที่แจ้งใว้ในตั๋ว 24.00 น. แต่ก็เข้าใจคับ... เพราะเราขึ้นระหว่างทาง ..  ถึงกาญ ประมาณ หกโมงกว่า คับ .. 

    สำหรับใครที่เริ่มเดินจากกรุงเทพ ผมแนะนำ "รถไฟ" นะคับ  เพราะคุณจะได้พบกับบรรยากาศ ที่แสนจะ #Slowlife หรือถ้าไม่สะดวก ก็รถตู้....  อนุสาวรีย์..... 

    ...................เมื่อไปถึง  สถานีขนส่งจังหวัดกาญ  ให้มองไปด้านทิศตะวันออกนะคับ คุณก็จะเจอ

    บริษัท เอเซียไทรโยคเดินรถ จำกัด   เดินไปซื้อตั๋วด้านในนะคับ  แล้วก็รอขึ้นรถได้เลย....เทียวแรก  07.30 น ..  ใช้เวลาเดินทาง 3.5-4 ชม.....               หรือ...ถ้าไม่นั่งรถตู้ก็มี 2 ช่องทาง  บัสปรับอากาศ กับ บัสพัดลม ตามตารางนะ   " ใครที่เมารถก็เตรียมยาใว้ด้วยนะคับ  เพราะหลังจากที่ผ่าน อำเภอทองผาภูมิ แล้วจะไม่มีทางตรงเลย"" ... 

    ..........ถึง สังขละบุรี ประมาณ 5 โมงนิดๆ .. ผมก็เดินหาที่พักทันที  เพราะไม่ได้จองไว้    ที่หาข้อมูลมาก็  "ชื้นใจเกสท์เฮาส์  กับ  ไฮกุเกสท์เฮาส์  ระยะทางจากคิวรถตู้ถึง ชื้นใจเกสท์เฮาส์  1.8 กม. อ้างอิงจาก Google Map ..... ถ้าใครจะนั่งวินมอไซร์ก็ได้นะ  อยู่แถวๆ บริเวณด้านหน้าตลาด...... แต่ผมคงไม่หรอก "ก็คิดว่าตัวเองเป็นทหารไง บ้าพลังนิดๆ" 55+ ......  ไม่หรอกคับที่ผมตัดสินใจเดินเพราะ "ผมไม่อยากให้เวลาตรงนั้นมันผ่านไปเร็ว ผมอยากซึมซับกับบรรยากาศ มากกว่า "  

    ........ แต่ผมไม่ได้พัก 2 ที่ที่ดูมานะเนื่องจากไม่มี มอไซร์ ให้เช่า ก็เลยได้พักที่ #พีเกสท์เฮาส์ ใกล้ๆกันคับ ..... คืนละ 300 บาท ห้องน้ำรวม .. ห้องแอร์เต็มก่อน .... ค่าเช่ามอไซร์ 200 บาท / วัน..... 

    ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.google.co.th/maps/place/%E0%B8%9E%E0%B8%B5+%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B5+%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97/@15.149601,98.4542912,16z/data=!4m2!3m1!1s0x30e661abab8753a9:0xdb09a6008d030b73

    .....................................................................................................................................................

     

    ...........สรุปค่าใช้จ่าย ...............     

                 ค่ารถทัวร์  นครราชสีมา-กาญจนบุรี              550  บาท (ไป-กลับ)

                 ค่ารถตู้     กาญจนบุรี-สังขละบุรี                  350  บาท  (ไป-กลับ)

                 ค่าที่พัก                                                      300  บาท

                 เช่ารถมอไซร์                                              200  บาท

                 เช่าเรือนำเที่ยว                                           400  บาท

                 อาหาร+อื่นๆ                                               500  บาท

                 รวม                            =====                    2300 บาท

    ** ค่าอาหารถ้าใครที่เน้นหน่อย ก็บวกเพิ่ม ตามที่ท่านต้องการนะ    แต่ผมกินไม่เป็นเวลาเท่าไหร่เน้น"กาแฟ"มากกว่า.....  

    ขอให้ทุกท่านเที่ยวอย่างมีความสุขนะคับ.....   เจอกันใหม่ทริปหน้า.... 

    """""""""""""""""""""   จงใช้ชีวิตในแบบที่คุณเลือก  """""""""""""""""""""