กราบสวัสดีอีกครั้งนะขอรับ

คิดถึงกันบ้างไหมครับ...ผมนี้คิดถึงใจจิขาดจิงบิง

ช่วงนี้งานเยอะกันไหมครัช...ผมนี้เยอะจนไม่มีเวลาจะได้ไปแรดที่ไหนเบยยยยยยยยยย

แต่ก็นะ...ยังมีเวลามาแรดเขียนรีวิวให้อ่านกันอยู่นะฮ้าบบบบบ

ทริปนี้ขอเป็นมินิรีวิวเมืองผ่านละกันนะครับ เพราะเวลาแค่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงในการเก็บภาพบรรยากาศมาให้ชมกัน

ผมเองใช้เส้นทางสายพิษณุโลก-เด่นชัยอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็ต้องผ่านอุตรดิตถ์แบบโฉบๆทุกครั้ง

แต่ครั้งนี้แรดไง...มีเวลาแปปนึงเลยแวะเข้าไปดื่มด่ำกับบรรยากาศเมืองน่ารักๆสงบและเรียบง่าย...

จนทำให้ต้องหลง...ลับแล

หลังจากที่อ่านคอลัมถ์ขับรถเที่ยวใน อนุสาร อสท. ตอนเปิดเมืองอุตรดิตถ์ สู่ AEC

ผมก็เหลือบไปเห็นภาพพระธาตุเก่าๆ ชื่อวัดพระบรมธาตุทุ้งยั้ง

ด้วยพื้นฐานเป็นคนสายวัดสายวาอยู่แล้วด้วยเนอะ(กลอกตาไปมาพร้อมเบะปากล่างเบาๆ)

เลยตั้งใจว่าถ้าได้ผ่านอุตรดิตถ์อีกครั้งจะแวะไปสักการะ

เส้นทางที่ผมใช้ก็เป็นเส้นพิษณุโลก เด่นชัยนั้นแหละฮะท่านผู้ช้มม

พอถึงสี่แยกอุตรดิตถ์ก็เปิดอากู๋ดิ่งตรงไปวัดพระบรมธาตุทุ้งยั้งเลย ซึ่งจากแยกไปก็ประมาณ 6-7กิโลเองครับ

ขับเข้ามาถึงตัววัดบรมธาตุก็ราวๆเที่ยงกว่าๆครับ

ช่วงที่ผมไปนั้นยังมีการบูรณะองค์พระบรมธาตุอยู่เลย

ภาพที่ได้เลยอาจติดโครงสร้างนั้งร้านเหล็กมาด้วยนะครับ

อาจจะทำให้อรรถรสในการดื่มด่ำกับบรรยากาศลดลงไปสักนิดนะครับ

ความรู้เพิ่มเติมสักหน่อยนะครับ(ขอบคุณข้อมมูลจากวิกิพีเดีย ด้วยนะครับ)

วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง หรือ วัดพระบรมธาตุ ตั้งอยู่ที่กลางเทศบาลตำบลทุ่งยั้ง เป็นวัดโบราณประดิษฐานพระมหาธาตุประจำเมืองทุ่งยั้ง เมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัยไม่ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ชาวบ้านเรียกชื่อวัดนี้ไปต่างๆกัน คือ วัดหน้าพระธาตุ วัดบรมธาตุ วัดทุ่งยั้ง วัดชัยบุรี วัดชัยปราการ วัดกัมโพชนคร วัดอุตรคามนคร สำหรับชื่อ “วัดกัมโพชนคร” เนื่องจากปรากฏหลักฐานการเรียกชื่อเมืองทุ่งยั้งในพงศาวดารเหนือว่า “กัมโพชนคร” ชาวบ้านแถบนั้นคงจะนำชื่อนี้มาเรียกวัดสำคัญประจำเมืองด้วยเช่นกันครับ

พระวิหารหลวง ก่ออิฐถือปูน ลักษณะพระวิหารมีทรงหลังคาซ้อนสามชั้น ลาดต่ำ และด้านในพระวิหารหลวง มีภาพวาดตำนานเรื่องพระสังข์ทอง ซึ่งเกี่ยวโยงไปถึงสถานที่ศักดิ์สืทธิ์ คือ เวียงเจ้าเงาะ และบ่อน้ำทิพย์ ที่อยู่เยื้องไปทางใต้ตรงกันข้ามกับตัววัด ที่ตัวพระวิหารหลวงมีประตูด้านหลังสามารถเดินทะลุออกไปที่ องค์พระบรมธาตุเจดีย์

หลวงพ่อประธานเฒ่า พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ปางมารวิชัย เป็นที่เคารพและศรัทธา ชาวอุตรดิตถ์นับถือกันมาก ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารหลวง

วัดพระแท่นศิลาอาสน์ เดิมชื่อ วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ที่บนเนินเขาเต่า บ้านพระแท่น ตำบลทุ่งยั้ง

วัดพระแท่นศิลาอาสน์เป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดสร้าง และสร้างแต่เมื่อใด ในศิลาจารึกครั้งกรุงสุโขทัยไม่ปรากฏข้อความกล่าวถึงพระแท่นศิลาอาสน์ แต่เพิ่งมีปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดาร ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์ได้เสด็จนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ เมื่อปี พ.ศ.2238ได้แสดงว่าพระแท่นศิลาอาสน์ได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว จนเป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วไปอย่างกว้างขวาง และทางราชการได้นำพระแท่นศิลาอาสน์ไปประดิษฐานไว้ในตราประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ แสดงถึงความศรัทธาเลื่อมใสและความสำคัญขององค์พระแท่นศิลาอาสน์ได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันวัดพระแท่นศิลาอาสน์ ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี มื่อปี พ.ศ.2549

แหม่พอเข้าวัดก็ดูเป็นการเป็นงานขึ้นมาเลยทีเดียวเชียว 5555

เปลี่ยนโหมดแพลบนะครัช........ฮึบ ฮึบ ฮึบ

มาต่อกันเลยดีกว่านะครับ

หลังออกจากวัดมาได้ก็เลี้ยวตรงไปยังตัวอำเภอลับแลทันทีเลยคร้าบบบบบ

สองข้างทางเป็นทุ่งนาที่เขียวชรอุ่ม สลับกับบ้านคนที่กระจุกตัวเป็นย่อมๆ

ขับรถประมาณ 4-5 กิโลครับเราก็มาถึงตัวอำเภอลับแล

บรรยากาศบ้านเรือนยังคงเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวมุงสักกะสี...คลาสสิกไหมละครับคุณผู้ช้มมมม

นี่คือสี่แยกกลางเมืองลับแลนะ 

ไม่รอช้าเลยต้องขับรถไปเซอเวย์บ้านเรือนชาวลับแลกันก่อน

บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ยกสูงครับ มีใต้ถุนบ้าง เป็นบ้านไม้สองชั้นบ้าง

ที่สะท้อนวิถีชีวิตชนบทได้อย่างดีเลยครับ

ผมใช้เวลาขับรถเก็บบรรยากาศประมาณเกือบๆชั่วโมง

ชื่นชมกับวิถีชีวิตชนบทตลอดสองข้างทาง

อาราณ์...อยากมีบ้านนอกเป็นของตัวเองมันเป็นอย่างงี้นี้เอง

อย่างที่บอกละฮะว่าทริปนี้มาเซอเวย์เมืองผ่านที่ไม่ใช้แค่เมืองผ่าน

อาจจะเก็บบรรยากาศมาให้ไม่ครบนะครับ แต่แน่นอนว่าผมหลงรักเมืองนี้ไปซะแล้ว

และจะกลับมาอีกแน่นอนครับ

ก่อนจากผมก็แวะพิพิธพัณฑ์เมืองลับแล ซึ่งจัดแสดงบ้านเรือนของลับแลในสมัยก่อนไว้

และประวัติความเป็นมาของลับแลให้ได้ศึกษากันด้วยครับ

สำหรับวันนี้กระผมต้องขอตัวลาไปก่อนนะครับ

แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้านะครับ

ขอบคุณและสวัสดีครับ^^