จากเมืองกรุงสู่"ปัว"
สวัสดีค่ะ กลับมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง กับเมมโมรี่การท่องเที่ยวของเรา
จริงๆทริปนี้ เป็นทริปก่อนที่เราจะได้ไปโรดทริป "แม่ฮ่องสอน"ค่ะ
แต่ทริปนี้เรียกได้ว่าเป็นทริปของสาวๆค่ะ โดยจุดเริ่มต้นของทริปนี้ มาจากตั๋วโปร 0 บาท เมื่อปีที่แล้ว
งานนี้เราจองตั๋วเครื่องบินกันข้ามปีกันเลยล่ะค่ะ
ทริปนี้ เป็นเพียง ทริปสั้นๆ 3 วัน 2 คืน "ปัว-เมืองน่าน" นะคะ
ครั้งนี้ไปเเล้วก็แอบรู้สึกเสียดายอยู่นิดๆ ว่ายังได้เที่ยวไม่ครบ
ถ้ามีโอกาสก็อยากจะกลับไปเก็บอีกหลายๆที่สำหรับจังหวัด"น่าน"ค่ะ
เริ่มต้นการเดินทาง ด้วยไฟท์เช้าสุด พร้อมกับฝนโปรยปรายเล็กน้อย
ใช้เวลาแค่ชม.นิดๆ เราก็มาถึงท่าอากาศยานน่านนครกันแล้วล่ะค่ะ
ความสนุกของทริปนี้อยู่ที่ นี่เป็นครั้งแรกของเรา ที่เที่ยวแบบเช่ารถ และทั้งหมดคือสาวๆค่ะ แม้จะเห็นหนึ่งหนุ่ม ก็ให้คิดว่าเป็นสาวล่ะกันนะคะ และในทุกๆวันของทริปนี้ เรามีธีมค่ะ
สมกับเป็นทริปเที่ยวของชะนีน้อยกันซะจริงๆ 5555
หลังจากติดต่อเช่ารถที่สนามบินเรียบร้อย ก็ออกเดินทางกันได้เลยค่ะ
เริ่มต้นทริปนี้ พวกเราขอฝากท้องด้วยเมนู "ข้าวซอย" และ"ขนมจีนน้ำเงี้ยว"กับร้านเก่าแก่ของเมืองน่านอย่าง "ร้านวันดา" ร้านบ้านๆที่มีอาหารหลากหลาย กับราคาที่ใครๆก็กินได้ค่ะ ส่วนใครที่กลัวไม่อิ่มท้อง อยากจะจัดข้าวลงท้องท้องก่อนไปเที่ยวต่อ ที่นี่ก็มีข้าวแกงให้เลือกหลายอย่างเลยล่ะค่ะ
อิ่มท้องก็ไปกันต่อค่ะ
เราขับรถไปทาง"ปัว" เพราะที่พักของเราในคืนแรกอยู่ที่นั้นค่ะ แต่ก่อนจะถึงที่พัก เราก็แวะ ที่นี่กันก่อน
"หอศิลป์ริมน่าน"
หอแสดงศิลปะที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน เพื่อนร่วมทริปที่ไปด้วยกันในครั้งนี้ อาจไม่ค่อยอินกับผลงานศิลปะ
แต่เราก็ใช้เวลาอยู่ที่นี่ เดินชม ถ่ายรูปกันไปซักระยะอยู่เหมือนกัน
ทริปนี้ก็จะเต็มไปด้วยรูปกรุ๊ปช็อตแบบนี้แหละค่ะ ^^
จากหอศิลป์เรามุ่งหน้าไปต่อ กับร้านกาแฟที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง
"ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ"
ร้านกาแฟ ที่อยู่ติดกับร้านลำดวนผ้าทอ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์ค
สำหรับใครที่จะมาเที่ยวน่านต่างก็ต้องมาเช็คอิน
ช่วงที่พวกเราไปทุ่งนา เขียวได้ที่เลยล่ะค่ะ
แม้แดดจะแรงอยู่บ้าง แต่นั่งรับลม จิบกาแฟกันไป ถ่ายรูปกันไป อากาศที่ร้อนก็หายไปทันที
กลายเป็นนั่งไปนั่งมาจะหลับกันเลยทีเดียว
ชื่นชมวิว พร้อมความชิลล์ไปได้ซักพัก ก็ถึงเวลาหาอะไรลงท้องกันอีกแล้วค่ะ
เราขับมุ่งสู่ "ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ" กับสารพัดเมนูเห็ด ที่สาวๆอย่างเรา สั่งกันมาเต็มโต๊ะ แม้จะมีคนบอกว่ายังไม่หิวก็ตาม แต่พออาหารจัดเต็ม เพียงไม่กี่อึดใจก็หมดเกลี้ยงค่ะ ^^
หนึ่งเมนูเด็ดของที่นี่ "พิซซ่าเห็ด" กินตอนร้อนๆ ชีสยืดๆ ฟินมากจ้าาา
หลากหลายเมนู ที่งานนี้พวกเรา ไม่ขอข้าว กินแต่กับกันล้วนๆ
ที่"ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ" มีส่วนที่เปิดเป็นโฮมสเตย์ด้วยนะคะ แถมยังใกล้กับ "วังศิลาแลง" สถานที่เที่ยวที่ได้สมญานามว่า แกรนด์แคนยอนเมืองน่าน แต่น่าเสียดายด้วยเวลาของพวกเรา หลังจากกินเสร็จก็บ่ายมากแล้ว
กลัวว่าจะไปถึงที่พักมืด เลยไม่ได้เดินไปชมวังศิลาแลงกันเลย
พออิ่มท้องกันแล้ว เราก็ขับรถไปต่อ มุ่งหน้าเข้าสู่ที่พักของเราในคืนแรกกันค่ะ
คืนแรกที่"อ.ปัว" ของพวกเรา นอนที่นี่กันค่ะ โฮมสเตย์ชื่อดัง ที่เชื่อว่าหลายคนเมื่อหาที่พักในปัว ต้องโทรถามเป็นที่แรกๆ กับบ้านพัก ที่สามารถมองเห็นทุ่งนาสีเขียวได้โดยรอบ
แต่พวกเราพักที่นี่ แบบฉีกแนวค่ะ 5555
เพราะจองไม่ทัน ในส่วนของที่พักในฝันของหลายๆคน
แม้จะเลือกไปวันธรรมดา ต้นเดือนกันยาแล้วก็ตาม
จริงๆแล้วที่โฮมสเตย์ตานงค์ มีที่พัก2โซนนะคะ
คือ"โซนทุ่งนา" ที่หลายคนคุ้นเคย และ "โซนไผ่โอบ" ที่อยู่บนเชิงเขา แต่ยังสามารถมองเห็นทุ่งนาได้ และอยู่ห่างจากอีกโซนประมาน700 เมตร สามารถขับรถไปที่พัก โซนไผ่โอบได้ค่ะ
นี่คือโซนทุ่งนา ที่เราจองไม่ทันค่ะ
ถึงจะไม่ได้พักโซนนี้ แต่เราสามารถมาเดินเล่น ถ่ายรูปได้ตามปกติค่ะ
และมื้อเย็นของโฮมสเตย์ตานงค์ ก็ต้องมาทานในโซนนี้เช่นกันค่ะ
ถ่ายรูปเล่น นั่งชิลล์กันไปพักใหญ่ อาหารมื้อเย็นแบบชุดขันโตกก็ถูกเตรียมไว้ให้พวกเราได้ฝากท้องกันแล้วชุดขันโตก ที่เต็มไปด้วยอาหารพื้นบ้านแบบชาวเหนือ อย่างไส้อั่ว ลาบคั่ว น้ำพริกหนุ่ม ไข่ต้ม และ แกงฮังเลในมื้อที่จ่ายกันแค่หัวล่ะ 130 บาท ก็กินกันแทบไม่หมดเลยล่ะค่ะ
แต่รับรองว่าอร่อยทุกอย่าง จนเติมข้าวกันไปหลายรอบ