ตามรอย "พ่อ" ไป "โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ"
ด้วยแนวความคิดที่เรียบง่ายของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ที่ว่า “ให้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ” ก่อให้เกิด “โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือ เพื่อศึกษาค้นคว้าวิจัยแก้ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมด้วยระบบบำบัดน้ำเสียและการกำจัดขยะชุมชน โดยให้ธรรมชาติช่วยเหลือธรรมชาติ โดยเลือกพื้นที่ของจังหวัดเพชรบุรีเป็นสำคัญ เพราะสภาพภูมิประเทศติดทะเลทำให้มีลมธรรมชาติเป็นตัวสำคัญที่ช่วยเติมอากาศในบ่อบำบัดน้ำเสีย ทำให้ประหยัดพลังงานไปในตัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์โดยแท้จริง
เมื่อมาถึงโครงการฯ ที่ตั้งไม่ไกลจากชุมชน วิทยากรได้มาออกมาต้อนรับคณะเดินทางเพื่อนำพวกเราไปยังโถงทางเดิน ซึ่งมีประวัติความเป็นมาของมูลนิธิชัยพัฒนา รวมทั้งภาพถ่ายพระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์ท่าน ก่อนจะนำเราไปฟังบรรยายประวัติความเป็นมาของโครงการและประโยชน์ของศูนย์การเรียนรู้ที่เสมือนเป็นที่พึ่งของคนทั้งในชุมชนบ้านแหลมและพื้นที่อื่นที่สนใจ ซึ่งบอกเลยว่ากว่าจะฟังจบนั้น พวกเราหลายคนต้องกลั้นน้ำตาด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ถ้า 100 วัน ของเทวดาที่ลงมาบนโลกมนุษย์เท่ากับ 1 วัน การลงมาเกือบ 1 วัน ของพระองค์ท่าน ก็ได้สร้างประโยชน์ให้กับพวกเราชาวไทยอย่างมากมายหาที่เปรียบไม่ได้ เพราะพ่อไม่ได้สอนแค่ให้เรากินปลา ท่านสร้างเครื่องมือและสอนวิธีการจับปลาแก่พวกเราด้วย
วิทยากรได้นำพวกเราออกจากตัวอาคารขึ้นรถชัตเติลบัส เพื่อพาเราชมบ่อบำบัดน้ำเสียทีละระบบ ซึ่งเราคิดว่าระบบบำบัดน้ำเสียนั้นต้องเหม็นมาก แต่ไม่ใช่ที่นี่คะ ที่นี่เปรียบเสมือนบ้านของสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นตัวเงินตัวทอง หรือพี่ทอง ของคนที่นี่คะ (วิทยากรบอกว่านี่คือ ขาใหญ่ประจำที่นี่คะ) รวมทั้งนกชนิดต่างๆ ที่คอยหาปลาหรือหอยในบ่อบำบัด บรรยากาศรอบๆ ทั้งสายลม แสงแดด นกนาๆ ชนิด ทำให้เราลืมไปชั่วคราวเลยว่าที่นี่คือ ระบบบำบัดน้ำเสียของชุมชน เรียกได้ว่าที่นี่เป็นทั้งศูนย์วิจัย ศูนย์การเรียนรู้ของคนในชุมชน และเป็นบ้านของสัตว์น้อยใหญ่รวมทั้งแบคทีเรียในบ่อน้ำเสียด้วยคะ
"หน้าโครงการจะมีพื้นที่สาธิตระบบบำบัดน้ำเสียแต่ละระบบเพื่อให้ง่ายต่อการศึกษา"
"นกนานาชนิดที่มาหาอาหารรอบๆ บ่อบำบัดน้ำเสีย ถือว่ารักษาระบบนิเวศน์ได้อย่างดีเยี่ยมคะ"
"ภายในรถ วิทยากรบรรยายไปตลอดทางคะ สนุกมาก เอิ่ม..ที่เห็นหลับตาไม่ใช่หลับนะคะ เป็นจังหวะกดชัตเตอร์พอดีคะ 555"
"สวยมากจนลืมไปเลยว่า เอ้ย! นี่เราอยู่ท่ามกลางบ่อบำบัดน้ำเสียนะ!"
รถชัตเติลบัสพาเรามาจอดที่ระบบสุดท้าย คือ ระบบแปลงพืชป่าชายเลน ระบบสุดท้ายที่เจือจางระหว่างน้ำทะเลกับน้ำเสีย โดยอาศัยออกซิเจนจากรากของป่าชายเลนเป็นตัวให้บำบัด โดยพื้นที่นี้ยังถือเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติระบบนิเวศป่าชายเลน ท่องเที่ยว รวมทั้งถ่ายพรีเวดดิ้งคะ ตอนนี้แหล่ะที่พวกเราหลายคนเริ่มสนใจอยากเดินไปดูแล้วค่ะ ^_^
"เส้นทางศึกษาธรรมชาติของเรา ลุย!"
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติมีระยะทาง 800 เมตร สำหรับใครสนใจจะมาต้องบอกเลยว่า เตรียมหมวก ร่ม เสื้อแขนยาว พัด ซันบล็อก มาให้พร้อมเลยนะคะ แต่อย่าเพิ่งถอดใจไม่มานะคะ เพราะสองข้างทางมีทั้งต้นโกงกาง ต้นแสม คลุมสะพานไม้ที่ทอดยาวไปยังทะเลคะ เรียกว่าเดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยเราก็พักคะ 555
แต่ใช่ว่าเส้นทางจะมีแต่ต้นไม้นะคะ ระหว่างที่เราเดินก็มีทั้งปูแสม นกนานาชนิด กุ้งดีดขัน ให้เราตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอดเวลาคะ และเมื่อเราเดินไปสักพัก ก็จะมีหอสูงให้เราขึ้นไปชมป่าชายเลนมุม 360 องศาเลยคะ
"นอกจากวิว 360 องศา บนหอสูงแล้ว เรายังสัมผัสกับตนไม้อย่างใกล้ชิดได้อีกด้วยคะ"
เมื่อถ่ายรูปกันจนอิ่มใจแล้วก็ออกเดินต่อคะ จนไปถึงทางยาวมุ่งหน้าสู่ทะเลคะ ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดจุดหนึ่งเลยคะ
" สองนางแบบของเราบอกว่าเหนื่อยแล้ว ขอนอนถ่ายเลยละกัน " ^_^:
"เดินมาจนสุดทางก็มีศาลาให้นั่งพัก กินลม ชมทะเลก่อนเดินกลับออกไปอีกรอบคะ"
"กลิ่นทะเลมันดีแบบนี้นี่เอง เฮ้อ!...เอิ่ม..ที่เธอยืนอยู่เนี่ยคือปากทางระบายน้ำเสียนะตัว...ก็มันไม่เหม็นง่ะ 555"
ระหว่างทางกลับเราเห็นคุณลุงท่านหนึ่งกำลังซ่อมสะพาน คุณลุงหันมายิ้มให้เราคะ พวกเราจึงหยุดถามคุณลุง ก็ได้คำตอบว่าท่านมาซ่อมสะพานคะ มาวันเว้นวัน สู้ๆ นะคะคุณลุง
"เดินเหนื่อยเราก็หยุดถ่ายรูปกัน"
"สูดไอทะเลเสร็จก็เดินกลับอย่างมีความสุขจ้า"
ส่วนการเดินทางมาเยี่ยมชมโครงการฯ ไม่ไกลจาก กทม.คะ ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้วคะ โดยเดินทางจากเส้นพระราม 2 – สมุทรสงคราม กม.72 มาทางคลองโคน มาทางบางตะบูน บ้านแหลม โดยโครงการฯ จะอยู่ระหว่างเส้นทางเลียบชายทะเลจากหาดเจ้าสำราญไปอำเภอบ้านแหลม ทางเข้าอยู่ข้างวัดสมุทรโคดม
หากสนใจติดต่อได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 032 – 441264-5 คะ ไม่เสียค่าเข้าชมคะ หากใครไปในช่วงนี้ต้องโทรศัพท์ไปจองคิวกับเจ้าหน้าที่ก่อนนะคะ เพราะช่วงนี้จะมีหลายคณะ หลายหน่วยงานมากคะที่สนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการ และตัวโครงการไม่ได้มีเฉพาะศูนย์การเรียนรู้นะคะ ยังมีร้านจำหน่ายของที่ระลึก รวมทั้งของฝากประจำถิ่นที่ชาวบ้านนำมาขายอยู่หน้าวัดสมุทรโคดม ก็ถือว่าได้ทั้งความรู้ สนุก และของฝากติดไม้ติดมือกลับไปครบทีเดียวเลยคะ
โดยสรุปแล้ว การมาตามรอยเท้า “พ่อ” ในครั้งนี้ นอกจากจะได้ความรู้ ได้คลายความคิดถึงพระองค์ท่านแล้ว ยังเหมือนได้มาชาร์ตแบตชีวิตไปในตัวด้วย ก่อนจะกลับเรามองไปรอบๆ โครงการฯ มีทั้งคณะศึกษาดูงานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นักท่องเที่ยว และธุรกิจชุมชนขนาดเล็ก ทุกอย่างขับเคลื่อนไปตามจุดเริ่มต้นของพระองค์ท่านที่เรียบง่าย...แต่ทรงคุณค่าคะ