ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 6 โมงเช้า ถือเป็นการตื่นที่เร็วที่สุดในรอบปี ล้างหน้าแปรงฟันแล้วขี่มอไซด์ไปสะพานมอญกันครับ
เดินข้ามฝั่งไปฝั่งมอญเช่าชุดใส่บาตรถวายพระคนละชุด เค้าจะมีแถมชุดพื้นเมืองให้เราใส่ด้วย
เป็นเด็กมอญกันไป
ตอนเช้าคนใส่บาตรเยอะมากครับ ผิดกับเมื่อวานเย็น นึกว่าทัวร์จีนมาลง
เอาโถข้าวไปวางบนหัวทามมายยย
ใส่บาตรเสร็จก็แวกินโจ้กฝั่งมอญซะหน่อย อร่อยใช้ได้ครับ แต่หมี่กรอบไม่กรอบเลยไม่รู้เป็นสูตรของเค้าหรือตากลมไว้นาน 555
ตามด้วยไข่ลวก
กินเสร็จก็กลับมาที่พัก อาบน้ำอาบท่า ตั้งใจไว้ว่าจะขี่มอไซด์ไปด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อข้ามไปยังฝั่งพม่ากัน
ดูจากระยะทางแล้ว 20 โลเท่านั้น !
ก่อนออกเดินทางผมเลยเข้ามาเช็คอินที่ haiku ก่อน เพื่อจะได้เก็บสัมภาระเข้าที่พัก
นี่คือสภาพห้องที่เราจะนอนกันคืนนี้ ห้องพัดลมนะครับ คืนละ 650 บาท นอนได้ 2 คน ห้องน้ำในตัว
ที่นี่จะเน้นสวย เงียบ เรียบง่าย ตามวิถีแห่งเซน
สภาพห้องถือว่าดีทีเดียว
ห้องน้ำที่นี่มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย สวรรค์ของนักเดินทางจริงๆ
เสร็จแล้วเราก็มานั่งพักนั่งคุยกันที่ kaf’ cafe ที่อยู่ด้านหน้าที่พักเลยจัดชามะนาวไป 1 แก้ว
บรรยากาศ kaf’ cafe น่ารักครับ เป็นกันเอง ชามะนาวอร่อย
นั่งคุยกับที่ป๊อบ ที่ดูแลที่นี่ สอบถามเส้นทางไปฝั่งพม่า พี่เค้าใจดีมากครับ อัธยาศัยดีเป็นกันเอง แนะนำนู้นนี่มากมาย
พี่ป๊อบ
ระหว่างทางไปด่านเจดีย์สามองค์ฝนก็เริ่มตก ก็เปียกๆ กันไป แต่ทางขี่ง่ายสบายแฮนะครับ ถนนดี
ถึงแล้วด่านเจดีย์สามองค์ ก็เดินไปทำเอกสารข้ามฝั่งที่ ตม.ฝั่งไทย ต้องพกบัตรประชาชนด้วยนะครับ ค่าทำเนียมคนละ 10 บาท
นี่คือโต๊ะ ตม. ของพม่า เป็นแบบ minimal เสียค่าธรรมเนียมอีกคนละ 40 บาท ก็สามารถเข้าไปเหยียบแผนดินพม่าได้
ผ่านด่านมาก็เจอพี่วินอาสาไปส่งมากมายครับ แต่พวกผมเลือกเดินไปเองดีกว่า เพราะกะไปแค่ตลาดใกล้ๆ ดูวิถีชาวบ้าน
ก็เดินดูอะไรไปเรื่อยครับ
ตลาดที่นี่ขายทุกอย่างครับปะปนกันไป ปะปนแบบปะปนจริงๆนะครับ
ทองกับผักก็ขายคู่กันได้ เป็นเรื่องหนักเกินไปกับจิตใจผมมาก
บ่ายก็กลับมาเก็บของที่ไปซื้อกันมาจากฝั่งพม่าครับ แล้วก็ไปหาเรือนำเที่ยวชมวัดตรงสะพานมอญ
ค่าเรือนำเที่ยวคนละ 150 บาทครับ มีที่แวะชม 3 จุด
ที่แรกเค้าพามาวัดศรีสุวรรณเป็นวัดของชาวกะเหรี่ยง
ที่เห็นธงปักไว้นั้นละครับ คือหลังคาโบสถ์ 555 ช่วงนี้น้ำท่วมมิดไม่สามารถมองเห็นตัววัดได้เลย ต้องพยายามส่องลงไปใต้น้ำ ก็ยังไม่เห็น รู้แต่จุดที่เราอยู่คือเหนือหลังคาโบสถ์ 555
จุดที่ 2 วัดสมเด็จของไทย มีพระพุทธชินราชจำลองประดิษฐานอยู่ มีทางเดินขึ้นบันได 65 ขั้น
ดูขลังมากฮะ
แล้วก็ลองมาเรียงหินกัน สอบถามพี่ขายของแถวนั้นเค้าว่ากันว่าถ้าอยากเจริญก้าวหน้าในชีวิตให้เรียงหิน 9 ก้อน แต่บางคนเรียง 18 ก้อน เพื่อขอเรื่องความรัก หรือถ้าอยากมีเพิ่มก็เรียงไป 27 ก้อน ผมพยายามเรียงให้ถึง 100 ก้อน แต่ทำได้แค่ 9 ก้อน เท่านั้น
ที่สุดท้าย วัดวังก์วิเวการาม (วัดหลวงพ่ออุตตมะ) ตัวโบสถ์จมอยู่ใต้น้ำครับ วันนี้น้ำขึ้นสูงเนื่องจากฝนตกมาทั้งเดือน เลยทำให้ไม่สามารถลอดเข้าไปได้
ใช้เวลาในการล่องเรือทั้งหมด 1 ชั่วโมงนิดๆ เค้าก็จะกลับมาส่งเราตรงจุดเดิมที่ขึ้นเรือ
กลับมาที่เกสเฮ้าท์ พักผ่อนตามอัธยาศัย เพลียๆ นิดหน่อย เนื่องจากขี่มอไซด์ตากแดด ตากฝนมาแล้วทั้งวัน ซักประมาณ 6 โมงครึ่งก็ออกไปตลาดหาของกินอีกครั้ง อาหารเย็นของเราวันนี้คือ....หมูจุ่มเหมือนเดิม
มันจะติดใจอะไรขนาดนั้นนน แต่เปลี่ยนเป็นร้านยาใจ หน้าเซเว่นแทน เค้าว่าร้านนี้เป็นเจ้าแรกในสังขละ
อิ่มแล้วก็กลับไปที่พักพร้อมเครื่องดื่มและกับแกล้มเล็กน้อย นั่งจิบเบียร์ อากาศเย็นๆ กับพี่ๆที่เกสเฮ้าท์ พี่ๆเป็นกันเองสุดๆครับที่นี่ เพลินฮะ ฮาๆ กันไปเรื่อย จนดึกถึงเข้านอน