Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
[[แบกกระเป๋า นั่งรถไฟฟรี หนีไปเที่ยวสังขละ]] 3วัน 2 คืน งบไม่ถึง 2000!!! อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
    • Posts-1
    Vichhy •  September 08 , 2017

    เค้าว่ากันว่า คนมาสังขละไม่หนีร้อน ก็หนีรัก...ใช่หราว้า

    ก่อนอื่นเลยต้องเกริ่นก่อนว่าทริปนี้ค่อนข้างกระทันหันมาก คิดได้วันนี้ หาข้อมูลนิดหน่อยละอีกวันก็เดินทางเลย
    ไม่ได้แพลนใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ได้จองที่พัก ไม่รู้ว่าไปถึงนั้นแล้วจะต้องไปเที่ยวไหน กลับยังไง แต่ขอลุยๆ ไปก่อนละกัน

    เนื่องจากอารมณ์ที่รู้สึกชีวิตพังๆ ผมเลยอยากไปเที่ยวไหนซักที่เผื่อจะทำให้ดีขึ้นบ้าง เลยตกลงใจกับที่สังขละบุรีนี่ละ
    ไม่ไกลมาก นั่งรถไฟฟรีไปชิวๆ ได้ ไปคุยกับคนมอญคนพม่าซักหน่อย

     

    สังขละเป็นเมืองเล็กๆ ติดกับพม่า ใช้ชีวิตกันตามวัฒนธรรมไทยและมอญ มีแม่น้ำผ่าน 3 สาย คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำรันตี และแม่น้ำบีคลี่

     

    • Posts-2
    Vichhy •  September 08 , 2017

    Day 1

    ผมเดินทางวันที่ 1 กันยา การเดินทางครั้งนี้ผมเดินทางโดยรถไฟฟรีเลยครับ ชิคๆคูนๆ ออกจากสถานีธนบุรี เวลา 7.50 น. เวลาถึง(ที่บอกไว้ในตั๋ว)คือ 12.35 ขบวนที่ 9257 ไปลงสถานีน้ำตกครับ สุดทางไปเลย

     

    ความจริงถ้าจะไปสังขละโดยรถไฟสามารถไปลงสถานีกาญจนบุรีได้นะครับ แล้วนั่งรถตู้หรือรถบัสต่อจาก บขส.กาญ ไปถึงสังขละจะเร็วและสะดวกกว่า แต่ผมเลือกไปลงสถานีน้ำตกเพราะอยากผ่านทางรถไฟสายมรณะ ที่เค้าว่าสวยที่สุดในประเทศไทย

    มาถึงสถานีธนบุรีตอน 7.00 น. ก็เดินไปแลกตั๋วมา ทริปนี้มีเพื่อนร่วมชะตากรรมไปอีก 1 คน

     

    รถไฟออกตรงเวลานะครับ 7.50 น. ล้อหมุนทันที แนะนำให้นั่งฝั่งซ้ายของขบวนนะครับ ได้เห็นวิวตอนผ่านสะพานไม้สวยงาม

    บนรถไฟคนไม่เยอะครับ มีต่างชาติปะปนกันไปนิดหน่อย

     

    จัดก๋วยเตี๋ยว 10 บาทที่สถานีนครปฐมซักหน่อย เขมือบ 2 คำหมด ลมพัดแรงๆ ก็ปลิวหายหมดแล้ว

     

    มาถึงสถานีหนองปลาดุกเจอข้าวกระทง 10 บาทไปอีก 1 ทง รสชาดก็... อย่าคิดมากน่ะ

     

    ประมาณ 11 โมงก็มาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว เห็นฝรั่งวิ่งหลบรถไฟกันเป็นแถว 555

    และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของการเดินทางด้วยรถไฟครั้งนี้ สะพานไม้ ตรงบริเวณถ้ำกะแซ ระยะทางไม่ไกลแต่ให้ความรู้สึกเหมือนไกล สะพานดังออดๆแอดๆ ตลอดเวลาที่รถไฟวิ่งผ่าน คนก็ชะโงกถ่ายรูปกันทั้งขบวน

    ก็สวยจริงๆนะครับ ผมก็ไม่กล้ายื่นมือไปถ่ายรูปมากกลัวกล้องหล่น - -

     

    บ่ายโมงตรงก็มาถึงสถานีน้ำตก นั่งกันปวดตูดเลยทีเดียว 5 ชม. เต็ม 
    ลงรถไฟเราก็นั่งสองแถวจากหน้าสถานีรถไฟไปลงน้ำตกไทรโยคครับเพราะต้องไปต่อรถบัสที่นั้น ค่ารถสองแถวคนละ 20 บาท
    แปบเดียวก็ถึงหน้าน้ำตกไทรโยคผมเลยแวะกินข้าวแกงแถวที่รอรถก่อนเดินทางต่อ

    ไม่รู้กะเพราหมูกรอบหรือกะเพราะรองเท้าแตะ เหนียวมาก
    ประมาณบ่าย 2 รถก็มาครับ เป็นรถร้อน no air ก็ติ๊ดชึ่งกันไป ค่ารถคนละ 130 บาท

    มาถึงทองผาภูมิคนบนรถลงกันหมด พี่เค้าบอกให้เราไปต่อรถอีกคันนึงเข้าสังขละ

    วิวทิวทัศน์ข้างทางถือว่าสวยงามทีเดียวฮะ


    ไชโยววววววว หลังจากขึ้นรถไฟ ต่อรถสองแถว ต่อรถหวานเย็น ต่อรถบัสอีกที เราก็เดินทางมาถึงสังขละ
    เป็นเวลา 5 โมงเย็น!

    จากนั้นก็เดินเลยครับ เป้าหมายที่เล็งไว้คือ haiku guest house กับ P guest house ซึ่งอยู่ตรงข้ามกันเลย ผมเลยเลือกพัก P guest house คืนแรก และ haiku คืนที่ 2

    สภาพห้องนอนวันนี้ ถือว่าโอเคครับ ผมพักเป็นห้องพัดลมนะครับ คืนละ 400 บาท/ห้อง นอนได้ 2 คน ห้องน้ำแยก แต่ห้องน้ำก็ใช้ได้และไม่ไกลห้องพัก

    บรรยากาศหน้าห้องแจ่มมาก

     

    แล้วก็เช่ามอไซด์จากร้านเช่าระหว่างทาง ค่ามอไซด์วันละ 200 ครับ ผมเช่า วันครึ่ง (ขอต่อเค้า) เลยได้ วันละ 150 เท่านั้นน้ำมันต่างหาก

    พอเก็บช้าวเก็บของล้างหน้าล้างตาแล้วก็รีบออกไปสะพานมอญ ไปถึงก็ยังมีผู้คนบ้าง มีกลุ่มเด็กๆ ที่เหมือนเพิ่งโดดน้ำกันเสร็จยืนจับกลุ่มกันอยู่ 

    นี่คือภาพที่จับได้ตอนเด็กกำลังโดดน้ำ 555

    บรรยากาศสะพานมอญยามเย็น

    มีไกด์ตัวน้อยคอยอธิบายประวัติของสะพานไปตลอดทาง

    เดินไม่นานก็มึดครับ เลยขี่มอไซด์ไปหาของกินในตลาด

    และแล้วก็เจอหมูจุ่มในตำนาน แนะนำฮะ มาสังขละไม่ได้กินหมูจุ่มนี่ ถือว่ามาไม่ถึงนะฮะ รสชาดก็จะเหมือนน้ำพะโล้ผสมเครื่องเทศไทย อร่อยแฮะ ไม้ละ 1 บาทเท่านั้น

    ผมโดนไปแค่ 12 ไม้ แต่น้องที่มาด้วยกันโดนไป 25 ไม้ + ยำคอหมูไปอีก 1 อิ่มเลย 

    ในตลาดส่วนใหญ่จะเป็นพวกของทอดของย่าง เลยจัดลูกชิ้นทอดไปอีก 5 ไม้ เอาไปแกล้มเบียคืนนี้

    ขากลับผ่านร้าน blue rock ที่แนะนำกันมาอีกร้านนึง เลยแวะเข้าไปหน่อย ไม่มีที่นั่งเลยฮะ มีแต่ที่นอน ไม่มีคนเลยยยยยย ไม่ฝรั่งอยู่ 1 โต๊ะเท่านั้น นั่งได้พักเดียวเลยกลับไปชิวที่ที่พักดีกว่า 

    นั่งชิวได้ซักพักก็เข้านอนกัน เนื่องจากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง พรุ้งนี้เช้าตั้งใจตื่นไปใส่บาตรที่ฝั่งมอญด้วย

    • Posts-3
    Vichhy •  September 08 , 2017

    Day 2

    ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 6 โมงเช้า ถือเป็นการตื่นที่เร็วที่สุดในรอบปี ล้างหน้าแปรงฟันแล้วขี่มอไซด์ไปสะพานมอญกันครับ

    เดินข้ามฝั่งไปฝั่งมอญเช่าชุดใส่บาตรถวายพระคนละชุด เค้าจะมีแถมชุดพื้นเมืองให้เราใส่ด้วย 

    เป็นเด็กมอญกันไป

     

     

    ตอนเช้าคนใส่บาตรเยอะมากครับ ผิดกับเมื่อวานเย็น นึกว่าทัวร์จีนมาลง

     

     

    เอาโถข้าวไปวางบนหัวทามมายยย

    ใส่บาตรเสร็จก็แวกินโจ้กฝั่งมอญซะหน่อย อร่อยใช้ได้ครับ แต่หมี่กรอบไม่กรอบเลยไม่รู้เป็นสูตรของเค้าหรือตากลมไว้นาน 555

     

    ตามด้วยไข่ลวก

     

    กินเสร็จก็กลับมาที่พัก อาบน้ำอาบท่า ตั้งใจไว้ว่าจะขี่มอไซด์ไปด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อข้ามไปยังฝั่งพม่ากัน

    ดูจากระยะทางแล้ว 20 โลเท่านั้น !

     

    ก่อนออกเดินทางผมเลยเข้ามาเช็คอินที่ haiku ก่อน เพื่อจะได้เก็บสัมภาระเข้าที่พัก

    นี่คือสภาพห้องที่เราจะนอนกันคืนนี้ ห้องพัดลมนะครับ คืนละ 650 บาท นอนได้ 2 คน ห้องน้ำในตัว 

     

    ที่นี่จะเน้นสวย เงียบ เรียบง่าย ตามวิถีแห่งเซน

     

    สภาพห้องถือว่าดีทีเดียว

     

    ห้องน้ำที่นี่มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย สวรรค์ของนักเดินทางจริงๆ

     

    เสร็จแล้วเราก็มานั่งพักนั่งคุยกันที่ kaf’ cafe ที่อยู่ด้านหน้าที่พักเลยจัดชามะนาวไป 1 แก้ว

     

    บรรยากาศ kaf’ cafe น่ารักครับ เป็นกันเอง ชามะนาวอร่อย

     

     

    นั่งคุยกับที่ป๊อบ ที่ดูแลที่นี่ สอบถามเส้นทางไปฝั่งพม่า พี่เค้าใจดีมากครับ อัธยาศัยดีเป็นกันเอง แนะนำนู้นนี่มากมาย

    พี่ป๊อบ

     

    ระหว่างทางไปด่านเจดีย์สามองค์ฝนก็เริ่มตก ก็เปียกๆ กันไป แต่ทางขี่ง่ายสบายแฮนะครับ ถนนดี

     

    ถึงแล้วด่านเจดีย์สามองค์ ก็เดินไปทำเอกสารข้ามฝั่งที่ ตม.ฝั่งไทย ต้องพกบัตรประชาชนด้วยนะครับ ค่าทำเนียมคนละ 10 บาท

    นี่คือโต๊ะ ตม. ของพม่า เป็นแบบ minimal เสียค่าธรรมเนียมอีกคนละ 40 บาท ก็สามารถเข้าไปเหยียบแผนดินพม่าได้

     

    ผ่านด่านมาก็เจอพี่วินอาสาไปส่งมากมายครับ แต่พวกผมเลือกเดินไปเองดีกว่า เพราะกะไปแค่ตลาดใกล้ๆ ดูวิถีชาวบ้าน

    ก็เดินดูอะไรไปเรื่อยครับ

    ตลาดที่นี่ขายทุกอย่างครับปะปนกันไป ปะปนแบบปะปนจริงๆนะครับ

    ทองกับผักก็ขายคู่กันได้ เป็นเรื่องหนักเกินไปกับจิตใจผมมาก

     

    บ่ายก็กลับมาเก็บของที่ไปซื้อกันมาจากฝั่งพม่าครับ แล้วก็ไปหาเรือนำเที่ยวชมวัดตรงสะพานมอญ

     

    ค่าเรือนำเที่ยวคนละ 150 บาทครับ มีที่แวะชม 3 จุด

     

    ที่แรกเค้าพามาวัดศรีสุวรรณเป็นวัดของชาวกะเหรี่ยง 

     ที่เห็นธงปักไว้นั้นละครับ คือหลังคาโบสถ์ 555 ช่วงนี้น้ำท่วมมิดไม่สามารถมองเห็นตัววัดได้เลย ต้องพยายามส่องลงไปใต้น้ำ ก็ยังไม่เห็น รู้แต่จุดที่เราอยู่คือเหนือหลังคาโบสถ์ 555

     

    จุดที่ 2 วัดสมเด็จของไทย มีพระพุทธชินราชจำลองประดิษฐานอยู่ มีทางเดินขึ้นบันได 65 ขั้น 

    ดูขลังมากฮะ

     

    แล้วก็ลองมาเรียงหินกัน สอบถามพี่ขายของแถวนั้นเค้าว่ากันว่าถ้าอยากเจริญก้าวหน้าในชีวิตให้เรียงหิน 9 ก้อน แต่บางคนเรียง 18 ก้อน เพื่อขอเรื่องความรัก หรือถ้าอยากมีเพิ่มก็เรียงไป 27 ก้อน ผมพยายามเรียงให้ถึง 100 ก้อน แต่ทำได้แค่ 9 ก้อน เท่านั้น

     

    ที่สุดท้าย วัดวังก์วิเวการาม (วัดหลวงพ่ออุตตมะ) ตัวโบสถ์จมอยู่ใต้น้ำครับ วันนี้น้ำขึ้นสูงเนื่องจากฝนตกมาทั้งเดือน เลยทำให้ไม่สามารถลอดเข้าไปได้

     

    ใช้เวลาในการล่องเรือทั้งหมด 1 ชั่วโมงนิดๆ เค้าก็จะกลับมาส่งเราตรงจุดเดิมที่ขึ้นเรือ

     

    กลับมาที่เกสเฮ้าท์ พักผ่อนตามอัธยาศัย เพลียๆ นิดหน่อย เนื่องจากขี่มอไซด์ตากแดด ตากฝนมาแล้วทั้งวัน ซักประมาณ 6 โมงครึ่งก็ออกไปตลาดหาของกินอีกครั้ง อาหารเย็นของเราวันนี้คือ....หมูจุ่มเหมือนเดิม

    มันจะติดใจอะไรขนาดนั้นนน แต่เปลี่ยนเป็นร้านยาใจ หน้าเซเว่นแทน เค้าว่าร้านนี้เป็นเจ้าแรกในสังขละ

     

    อิ่มแล้วก็กลับไปที่พักพร้อมเครื่องดื่มและกับแกล้มเล็กน้อย นั่งจิบเบียร์ อากาศเย็นๆ กับพี่ๆที่เกสเฮ้าท์ พี่ๆเป็นกันเองสุดๆครับที่นี่ เพลินฮะ ฮาๆ กันไปเรื่อย จนดึกถึงเข้านอน

     

     

    • Posts-4
    Vichhy •  September 08 , 2017

    Day 3

    ตื่นมาเกือบ 10 โมง สลบไสลไม่ได้สติกันเลยทีเดียว อาบน้ำเตรียมตัวกลับบ้านครับ ออกมาเช็คเอาท์
    คืนกุญแจแล้วขี่มอไซด์ไปร้านก๋วยเตี๊ยวหมูต้มยำเจ๊พร ที่พี่ๆ ที่เกสเฮ้าท์แนะนำมาว่า มาที่นี่ต้องลองไปชิมครับ

    แจ่มจาแดมแจ่มว้าว ตามที่เค้าบอกกันมาจริงๆ (บะหมี่เกี๊ยวต้มยำ)

     

    กินเสร็จแล้วก็เอามอไซด์ไปคืน ผมขึ้นรถตู้กลับจากสังขละตอนเที่ยงตรง ไปลงกาญจนบุรี รถตู้ก็จะจอดแถวตลาดนั่นละครับ หาไม่ยาก

    ค่ารถคนละ 175 บาท เดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง

     

    มาถึง บขส.กาญ ก็มีรถตู้ไปกรุงเทพฯ ออกทันทีไปลงหมอชิต ค่ารถคนละ 120 บาทเท่านั้น

    มาถึงหมอชิตประมาณ 6 โมงเย็นครับผมก็นั่งรถต่อเข้าบ้านโดยสวัสดิภาพ

    จบการเดินทางครั้งนี้

     

     

    ก็หวังว่าการรีวิวทริปสังขละบุรีครั้งนี้ของผมจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังหาที่ท่องเที่ยวหรืออยากไปสัมผัสวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงามภายในประเทศ (ความจริงก็หลุดไปประเทศเพื่อนบ้านนิดหน่อย)
    ขอบอกว่า สังขละเป็นเมืองที่ควรมาให้ได้สักครั้งในชีวิตจริงๆครับ ยิ่งสำหรับสายชิว สายชิค สายธรรมชาติ
    สายวัฒนธรรม

    ....คุณต้องชอบแน่ๆ

    • Posts-5
    Vichhy •  September 08 , 2017

    แนะนำเพิ่มเติม

     

    • มีเซเว่นและธนาคารนะครับ ไม่ลำบาก
    • พี่ๆ ที่นี่เค้าบอกว่า มีคนแบคแพคเกอร์มาคนเดียวกันเยอะอยู่นะครับ แต่ถ้าไม่ชอบสันโดษจริงๆ มันจะเหงาๆ หน่อย
    • อย่าลืมหมูจุ่ม เด็ดมาก
    • Posts-6
    Vichhy •  September 08 , 2017

    รวมค่าใช้จ่าย

    วันที่ 1

    •  ค่ารถไฟ                                                 ฟรี
    • ก๋วยเตี๊ยวบนรถไฟ                                 10 บาท
    • ข้าวกระทง                                             10 บาท
    • น้ำเปล่า                                                  10 บาท
    • ค่ารถสองแถวไปไทรโยค                      20 บาท
    • ค่าข้าวตามสั่ง                                        60 บาท
    • ค่ารถบัสเข้าสังขละ                                               130 บาท
    • ค่าเช่ามอไซด์                                         300 (150/คน)
    • ค่าที่พัก พี เกสเฮ้าท์                              200 บาท / คน
    • ค่าน้ำมันรถมอไซด์                                 50 บาท/คน
    • ค่าข้าวเย็น                                             50 บาท
    • ค่าเบียร์                                                  90 บาท

     

     

    วันที่ 2

    • ค่าชุดใส่บาตร                                        100 บาท
    • ค่าโจ้ก+ไข่ลวก                                      40 บาท
    • ค่าชามะนาว                                          65 บาท
    • ค่าที่พัก Haiku                                      650 (325 บาท/คน)
    • ค่า ตม. ไทย                                            10 บาท
    • ค่า ตม. พม่า                                           40 บาท
    • ค่าข้าวกลางวัน                                     60 บาท
    • ค่าล่องเรือ                                              150 บาท
    • ค่าเบียร์                                                  150 บาท

     

    วันที่ 3

    • ค่าก๋วยเตี๊ยว                                          40 บาท
    • ค่ารถตู้ไปกาญจนบุรี                             175 บาท
    • ค่ารถตู้กลับกรุงเทพฯ                            120 บาท

    รวมทั้งสิ้น 2,055 บาท

    **ถ้าคุณเป็นคนไม่รับทานแอลกอฮอล์ ทริปนี้จะเหลือคนละ 1.815 เท่านั้น

    • หญิง  สนใจอยากไปแบบนี้ขอคำแนะนำหน่อยคะ 01 December 2020 16:01:01
    • Vichhy  @May ใช่ครัยต่อคนครับ 30 July 2020 10:30:19
    • May  น่าไปจังค่ะค่าที่พักเึ้าคิดเป็นต่อคนหรอค่ะ 19 June 2020 18:07:20
    • Vichhy  ต้องไปจ้า 10 September 2017 13:41:56
    • Hataikaan  เขียนสนุกดีพี่วิช อยากตามไปเลยอ่าาา 10 September 2017 08:14:53