หุบป่าตาด Unseen ดินแดนจูราสสิคแห่งเมืองอู่ไท
ก่อนออกเดินทางไปเยือนจังหวัดอุทัยธานี เราบังเอิญไปพบเห็นข้อมูลที่น่าสนใจถึงความมหัศจรรย์ของผืนป่าดึกดำบรรพ์ที่มีชื่อสะดุดหูว่า “หุบป่าตาด” แถมยังรู้มาว่าที่นี่นับเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว unseen in Thailand อีกด้วย หลังจากสอบถามเพื่อนพ้องกันไปมาแต่ก็ยังไม่ได้ความกระจ่างเท่าที่ควร เพราะยังไม่เคยมีคนรอบๆ ตัวเคยเดินทางไปที่หุบป่าตาดเลยซักคน ทั้งๆ ที่บางคนแวะเวียนไปอุทัยธานีมาก็หลายครั้งแล้วก็ เมื่อไม่แล้วใจในความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว การออกเดินทางไปค้นหาคำตอบ ไปให้เห็นด้วยตาตัวเองก็คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด จริงไหมครับ??
จากตัวเมืองอุทัยธานีมุ่งหน้าสู่อำเภอลานสัก เข้าไปในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน เมื่อจัดแจงจ่ายค่าธรรมเนียมและสอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้แล้ว เราก็ได้มัคคุเทศน์น้อยมาเป็นผู้นำทางหนึ่งคน พร้อมกันแล้ว เราก็เดินตามน้องหนึ่งขึ้นไปบริเวณปากถ้ำซึ่งเป็นทางเข้า นับจากก้าวแรกที่เราค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้นๆ ความตื่นเต้น ความอยากรู้อยากเห็นก็ค่อยๆ ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเข้าไปในหุบป่าตาด เราจะต้องเดินผ่านความมืดมิดในถ้ำเป็นระยะทางราวๆ 40 เมตร ซึ่งอาศัยเพียงแสงนำทางจากกระบอกไฟฉายของน้องหนึ่งเท่านั้น ถ้าส่องไฟขึ้นไปตามผนังถ้ำเราก็จะเห็นค้างคาวเกาะอยู่เต็มไปหมด พอผ่านถ้ำมาได้ ภาพที่เห็นตรงหน้าก็เหมือนกับว่าเราได้เดินผ่านอุโมงค์เวลาย้อนกลับไปในยุคจูราสสิคอย่างไรอย่างนั้น เพราะพื้นที่ด้านล่างที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาหินปูนนั้นเต็มไปด้วยต้นตาดขึ้นเบียดกันแน่นขนัด อันเป็นที่มาของชื่อ “หุบป่าตาด” ซึ่ง “ต้นตาด” หรือ “ต้นต๋าว” (Aranga pinnata (Wrumb.) Merr.) เป็นพืชในตระกูลปาล์มดึกดำบรรพ์ที่หาดูได้ยาก และมักจะขึ้นตามป่าดงดิบที่มีอากาศชื้นและหนาวเย็น บริเวณโดยรอบของหุบป่าตาดนี้เป็นระบบนิเวศค่อนข้างปิดเนื่องจากมีทางเข้าออกทางเดียว แสงแดดจะส่องถึงเฉพาะช่วงเวลาเที่ยงวันเท่านั้น ต้นตาดจึงเติบโตได้ดี น้องหนึ่งไกด์หนุ่มน้อยของเราบอกว่า ลูกตาดที่เราเห็นเป็นทะลายใหญ่สีดำบนยอดต้นนั้น เนื้อในมีลักษณะคล้ายลูกชิดสามารถนำไปต้มกินได้ แต่ไม่เป็นที่นิยมกันเนื่องจากมีเนื้อค่อนข้างน้อยนั่นเอง