คลองเจ้า เช้าจรดเย็น เที่ยวเล่นหลากสไตล์
ยังอยู่กันในช่วงเมษาหน้าร้อน แต่ไม่ว่าจะฤดูร้อนมากหรือร้อนน้อย “ทะเล” ก็ดูจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับของใครหลายๆ คน ทั้งหาดทรายขาวๆ น้ำทะเลใสๆ ท้องฟ้าสีคราม สายลม และแสงแดด ว่าด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้แล้วใครก็ยากจะเอ่ยปากปฏิเสธ คราวนี้เราจึงเก็บกระเป๋าพาทุกคนหนีไปเที่ยวกันกันที่ “เกาะกูด” เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของทะเลตราด
จุดหมายแรกของการทำความรู้จักเกาะกูดของเราเริ่มต้นกันที่ “หาดคลองเจ้า” หนึ่งในหาดชื่อดังทางทิศตะวันตกของเกาะกูด ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่หาดทรายขาวสะอาดตลอดระยะทาง 600 เมตร บริเวณชายหาดอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นมะพร้าวที่ขึ้นกันเป็นแนวยาวขนานไปกับชายหาด แต่ก่อนที่เราจะไปเดินเล่นสำรวจชายหาดคลองเจ้ากันนั้น เราขอไปทำกิจกรรมสนุกๆ กับ “การพายคายัค” ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเมื่อมาเยือนเกาะกูด เนื่องจากพื้นที่ในบริเวณรอบๆ หาดคลองเจ้านั้นมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลาย และมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก จึงเหมาะที่จะพายคายัคเล่นเป็นอย่างยิ่ง หลังจากจัดแจงเก็บสัมภาระต่างๆ เรียบร้อยแล้ว เราก็รีบตรงไปจับจองเรือไฟเบอร์สีสด แล้วออกแรงโชว์ฝีพายกันทันที
“หาดคลองเจ้า” หรือ “อ่าวคลองเจ้า” นอกจากจะเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทและที่พักโฮมสเตย์มากมายแล้ว อ้อมไปทางด้านหลังหาดจะเป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำ ลำคลองสายสั้นๆ ซึ่งมีต้นน้ำมาจากน้ำตกคลองเจ้า น้ำตกที่มีชื่อเสียงเรื่องความสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะกูด อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำจืดที่สำคัญของชาวเกาะด้วย เราออกแรงพายคายัคไปตามคลองเจ้าจากบริเวณหน้าหาดเรื่อยไปจนเข้าสู่คลองน้ำกร่อยที่สองฝั่งเป็นเรือนริมน้ำของชาวบ้าน และโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบสงบ จากทิวทัศน์ของวิถีชีวิตอันเรียบง่ายในช่วงต้นๆ ของคลองก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแนวต้นโกงกาง ต้นแสม ที่ขึ้นกันอย่างหนาตา ซึ่งบ่งบอกว่าเรากำลังเข้าสู่พื้นที่ป่าชายเลนแล้ว ถ้าหากค่อยๆ พายคายัคกับไปอย่างเงียบๆ บางจังหวะดีๆ ก็อาจจะได้เห็นนกที่บินมาหากินตามชายป่าต้นโกงกางด้วย เส้นทางในคลองเจ้านั้นจัดว่าพาคายัคได้ง่าย เพราะน้ำในคลองราบเรียบ ปราศจากคลื่นลม และไม่มีเรือใหญ่วิ่งผ่านด้วย เราจึงพายกันได้เรื่อยๆ ไม่ต้องรีบจ้ำหลบเรือลำอื่นๆ ให้หวาดเสียว ถ้าพายกันไปจนสุดคลองเราก็จะเห็นท่าน้ำ ซึ่งเป็นทางขึ้นไปน้ำตกคลองเจ้า แต่กว่าจะไปถึงนั้น ก็เล่นเอาฝีพายคายัคมือใหม่อย่างเราออกอาการเหนื่อยกันไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะกว่าจะบังคับหัวเรือให้ตรงไปตามทิศที่ต้องการได้ก็เป๋ซ้ายเป๋ขวากันอยู่หลายที และที่น่าเสียดายยิ่งกว่านั้นก็คือ ในช่วงฤดูแล้งแบบนี้น้ำในน้ำตกก็น้อยซะจนน่าใจหาย เราจึงอดได้ชมความสวยงามของน้ำตกคลองเจ้ากันไปตามระเบียบ