แอบอิงพิงริม “โขง” เลาะโขงเจียมเลียบถึงสามพันโบก
เริ่มจากความคิดว่า หากปีนี้ยังไม่ได้ไปก็อย่าเรียกตัวเองว่าคนรักการเดินทางอีกเลย เพราะตั้งเป้าจะเที่ยว “สามพันโบก” มาหลายปีดีดัก สุดท้ายเลื่อนตลอดยังไม่ได้ไปสักที เคยมีโอกาสโฉบไปแถวนั้นเรื่องการงานก็ดันเป็นช่วงฤดูฝนน้ำนองเต็มตลิ่ง ปีนี้จึงตั้งเป้าว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ต้องไปให้ได้ ยิ่งประกอบกับย้ายจาก กทม. มาอยู่โคราช การเดินทางจึงย่นระยะตั้งเยอะ
พอตัดสินใจแบกเป้ไปสามพันโบกแล้วก็ต้องหาข้อมูล ค้นไปค้นมาพบว่าในตัวเมืองอุบลมีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ร้านหนึ่งชื่อ เจเจ รถเช่า โทรศัพท์ไปสอบถามค่าเช่าวันละ 250 บาท มัดจำอีก 1,000 บาท อ่านเพจของเขาในเฟซบุ๊คแล้วโอเคดี เข้าทางเลยสิเพราะแหล่งท่องเที่ยวเลียบน้ำโขงของอุบลนั้นจะเที่ยวให้ทั่วโดยไม่มีรถถือเป็นเรื่องลำบากทีเดียว
ผมไปคนเดียวไม่ต้องมีอะไรมาก ยัดเสื้อผ้าใส่เป้ กล้อง ขาตั้ง เต็นท์อีกหนึ่งหลังแบกไปหาที่นอนเอาดาบหน้า เดินทางด้วยรถไฟฟรีขบวนท้องถิ่น 421 นครราชสีมา-อุบลราชธานี เที่ยวเช้า 6.10 น. กำหนดเวลาตามหน้าตั๋วคือหกชั่วโมง ขึ้นต้นทางแบบนี้ก็หาที่นั่งสบายเลย
ได้ความรู้ใหม่ว่าสถานีรถไฟอุบลอยู่อำเภอวารินชำราบ ไม่ใช่อำเภอเมือง แต่ไม่ต้องตกใจอะไรหรอก เพราะตัวอำเภอวารินกับตัวเมืองอุบลติดกันนั่นแหละ แค่ตั้งคนละฝั่งของแม่น้ำมูล สอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่ามีสองแถวจากตลาดเทศบาลวารินต่อเดียวถึงสี่แยกวัดแจ้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ หรืออีกวิธีถ้าไม่อยากเดินจากสถานีรถไฟไปตลาดวารินคือนั่งสองแถวสีขาวหน้าสถานีเข้าตัวเมืองแล้วค่อยต่อรถสายอื่น ผมเลือกแบบแรกครับเดินไปขึ้นรถที่ตลาด 700-800 เมตร เห็นจะได้
ยี่สิบนาทีรถสองแถวหวานเย็นก็พาผมเข้าเมืองผ่านโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ (คนที่นี่เรียกว่าโรง’บาลใหญ่) สถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี มาถึงสี่แยกวัดแจ้ง ร้านเจเจมอเตอร์ไซค์เช่าอยู่แถวแยก เดินแค่ไม่กี่สิบเมตร เจรจาพาทีกันแป๊บเดียวก็ได้พาหนะสำหรับทริปนี้มาครอบครอง ทางร้านยิ้มแย้มบริการดี ร้านนี้ไม่ได้มีแค่มอเตอร์ไซค์นะครับ รถเก๋ง อีโคคาร์ มีหมดรับรถได้ที่สนามบินด้วย
ถนนจากพิบูลมังสาหาร สู่โขงเจียมค่อนข้างดี ขี่มาเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอป้ายบอกสู่อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะเองแหละ เลี้ยวตามป้ายสักพักจะพบเขื่อนปากมูล ขี่รถข้ามสันเขื่อนไปได้เลย ทะลุออกมาแล้วเลี้ยวซ้ายนิดเดียวเป็นอันถึงที่ทำการอุทยานฯ
แก่งตะนะเป็นแก่งหินกลางแม่น้ำมูลช่วงก่อนไหลลงแม่น้ำโขงไม่ไกล หน้าแล้งแบบนี้เขื่อนปากมูลกักน้ำ บริเวณนี้จึงกลายเป็นแก่งหินสวยงาม ผมเคยมาครั้งหนึ่งตอนหน้าฝนจะไปเห็นอะไรเล่า ต้องแบบคราวนี้สิถึงจะเรียกว่ามาถึงที่และถูกเวลา
ประมาณบ่ายโมงก็ได้ฤกษ์เก็บเต็นท์เก็บเป้มัดท้ายรถลงจากผาแต้ม เป้าหมายคือผาชะนะไดซึ่งใครก็ต้องเคยได้ยินชื่อ ผาชะนะไดอยู่ในเขต อช.ผาแต้มนี่แหละ แต่ทางขึ้นลำบากกว่าเยอะเพราะเป็นลูกรังล้วนๆ ผมสอบถามเจ้าหน้าที่หลายคนมาจนแน่ใจว่านอกจากโฟร์วีลแล้วมอเตอร์ไซค์ก็ขึ้นได้ชัวร์ แบบนี้จะรออะไรล่ะ
จากผาแต้มขี่มอเตอร์ไซค์มาเรื่อยๆ พบป้ายบอกทางสู่ผาชะนะได หรือป่าดงนาทาม เลี้ยวตามป้ายมาทีละโค้งในที่สุดก็มาหยุดอยู่ตรงนี้ครับ
เป็น 15 กิโลเมตรที่ยาวนานมาก อาจไม่ใช่ทางโหดสุดที่ผมเคยขี่ แต่เพราะเป็นมอเตอร์ไซค์เช่าจึงต้องระวังเคลื่อนที่ให้ช้าเป็นพิเศษ จากจุดเริ่มต้นบ่ายสองโมง ผมขึ้นไปถึงอาคารบริการนักท่องเที่ยวตอนบ่ายสามเศษๆ ตรงนี้เป็นจุดลานกางเต็นท์ด้วย ห้องน้ำมีแต่ใช้น้ำประหยัดหน่อยเพราะเขาเก็บจากน้ำฝน บนนี้ไม่มีแหล่งน้ำจืดอื่น ส่วนไฟฟ้าเป็นโซลาร์เซลส์ เปิดให้ใช้ช่วงค่ำๆ ถึงเช้าตรู่
บนนี้มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดเวลา แต่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยจะมีนักหรอก แน่นอนว่าผมเป็นคนเดียวในวันนี้
ขาขึ้นลำบากยังไง ขาลงก็ลำบากอย่างนั้น ถึงข้างล่างประมาณเที่ยงหาข้าวกินพักรถสักหน่อย ใกล้บ่ายแล้วค่อยไปต่อ จุดหมายอยู่ที่สามพันโบก เป็นสถานที่ที่อยากไปมากแต่ผ่านมาหลายวันยังไม่ถึงสักที (ฮา...) ทว่าระหว่างทางไปสามพันโบกเจอป้ายจุดท่องเที่ยวบ้านผาชัน มันอดใจเลี้ยวเข้าไปไม่ได้จริงๆ
อุว้าว... บ้านผาชันถือเป็นอีกจุดซึ่งแนวแม่น้ำโขงยามหน้าแล้งสวยงามมาก แต่ก่อนถึงน้ำโขงเราจะผ่านเสาเฉลียงยักษ์ ซึ่งถือเป็นเสาเฉลียงใหญ่ที่สุดของบ้านเรา ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเก็บไว้ครับ
ลังเลอยู่พักใหญ่ว่าจะกางเต็นท์นอนแถวนี้ (ตรงทางลงมีร้านขายของและศาลาอยู่น่าจะไปหาทำเลกางได้) หรือไปนอนสามพันโบก คิดไปคิดมาก็ตกลงใจไปสามพันโบกดีกว่า อยากเห็นที่นั่นใจจะขาด อีกแค่ประมาณ 20 กิโลเมตรเท่านั้นเอง
ก่อนมาสามพันโบกผมสงสัยตลอดแหละครับว่ามันเป็นยังไง จะเที่ยวยังไง ข้อมูลหลายแห่งไม่แน่ชัด บางคนนั่งเรือ บางคนนั่งรถ ผมขออธิบายง่ายๆ ว่าบริเวณที่เรียกว่า “สามพันโบก” กว้างใหญ่มากกินพื้นที่กว่า 10 ตารางกิโลเมตร แต่จุดท่องเที่ยวสำคัญตั้งอยู่ในตำบลเหล่างาม ตรงนั้นมีที่พักแห่งเดียวคือ “ครัวสามพันโบก”เขาเน้นลานกางเต็นท์เป็นหลักแต่มีห้องพักดัดแปลงจากบ้านอยู่อาศัยสองห้อง จากครัวสามพันโบกเดินลงไปคือจุดแลนด์มาร์ค ทั้งหินหัวสุนัข โบกมิกกี้เม้าส์ โบกหัวใจคู่
ที่พักแห่งอื่นๆ ไม่ได้อยู่ตรงจุดนี้ บางแห่งอยู่ริมถนนใหญ่ บางแห่งอยู่ที่ตำบลสองคอน บางแห่งอยู่ที่หาดสลึง หากพักที่เหล่านั้นเราจะต้องนั่งเรือหรือรถเพื่อมาเที่ยวสามพันโบกตรงจุดที่ครัวสามพันโบกตั้งอยู่ทั้งสิ้น ผมไม่ได้บอกว่าครัวสามพันโบกดีที่สุดนะครับ แต่ถ้าจะมาชมสามพันโบกที่นี่คือจุดเที่ยวของเขาเลย
จุดลงไปเที่ยวสามพันโบกอีกแห่งเป็นจุดซึ่ง อบต. ทำไว้ ห่างจากครัวสามพันโบกสักครึ่งกิโลเมตร เราไปจอดรถที่นั่นก็ได้แต่จะต้องเดินหรือนั่งสองแถวคิดราคาคนละสิบบาทไปยังจุดที่ใกล้กับครัวสามพันโบกนั่นแหละ
ที่รู้แบบนี้เพราะตอนถึงสามพันโบกครั้งแรก ผมไปตรงจุดชมวิวของ อบต. และสิ่งที่ผมเห็นมันต่างจากที่นึกจินตนาการ หรือเคยเห็นภาพในถ่ายมากทีเดียว มันดูแบบว่า... ไม่ใช่อ่ะ มันยังไม่ใช่นะ ผิดพลาดเป็นครู ไม่เป็นไรครับเพราะผมมีเวลาเหลือเฟือ ประกอบกับฟ้ายามเย็นไม่ค่อยแจ่มใส เลยเดินเล่นเรื่อยเปื่อยพลางๆ ไม่ค่อยสนใจถ่ายรูปเท่าไหร่
ใกล้มืดจึงค่อยขี่รถไปทางครัวสามพันโบกเพื่อกางเต็นท์นอน เขาคิดค่ากางเต็นท์คนละ 40 บาท หากไม่ได้เอามาก็มีให้เช่า ห้องน้ำที่นี่มีเยอะอยู่ มีไฟฟ้าให้ชาร์ตหลายจุด ร้านอาหารเปิดถึงห้าหกโมงเย็น สั่งไว้ก่อนได้ หรือถ้ามาเป็นกลุ่มใหญ่จะลงไปกางที่โบกก็ได้นะ แต่ผมคนเดียวคงไม่ขอทำอย่างนั้น
พื้นที่กางเต็นท์ครัวสามพันโบกโอเคนะ แต่บังเอิญตอนเย็นจู่ๆ ก็มีลมหอบมาแรงระดับ 180 ดีกรี เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกางเต็นท์ในสภาพนี้ ผมเลยมาแอบหลบอยู่ด้านข้างร้านอาหาร
ฟ้าสว่างค่อยได้ฤกษ์แก้มือมาสำรวจสามพันโบกที่แท้จริงกันดีกว่า ไม่รู้จะบรรยายอะไรดี แค่อยากบอกว่ามันสวยมาก งามมาก อัศจรรย์มาก และร้อนมาก (ฮา...) ไม่อยากเชื่อครับว่าทั้งหมดทั้งมวลนี่จมอยู่ใต้น้ำในฤดูฝน และเกิดจากพลังอันไม่มีขีดจำกัดของธรรมชาติ
เดินเที่ยวสามพันโบกต้องปีนป่าย เหมือนไปเที่ยวภูเขาอย่างไงอย่างงั้น ยิ่งปีนก็ยิ่งสนุก ปีนไปเรื่อย เดินไปเรื่อย หันหลังอีกทีมาไกลเป็นกิโลแล้วเว้ยเฮ้ย มันเพลินจริงๆ ครับ ความอยากรู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรผลักดันให้เดินไปไม่หยุดเลย
สักประมาณเที่ยงผมกลับมากินข้าวที่ครัวสามพันโบก ชั่งใจว่าจะไปแก่งชมดาว อำเภอนาตาล ซึ่งตอนนี้กำลังฮิตดีหรือเปล่า อยู่ห่างออกไปแค่สิบกว่ากิโลเมตร ทว่าลำพังสามพันโบกผมยังเดินไม่ทั่วเลย สุดท้ายตัดใจไม่ไปแก่งชมดาว แต่ก่อนจะเดินเที่ยวสามพันโบกอีกรอบขอไปหาดสลึง ที่บ้านสองคอน อยู่ใกล้ๆ
ปีนี้ระดับน้ำโขงถือว่าค่อนข้างเยอะกว่าช่วงเดียวกันของทุกปีเพราะจีนมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนเป็นระยะ หาดสลึงที่บ้านสองคอนเพิ่งโผล่ขึ้นมานิดเดียว แลดูไม่ยิ่งใหญ่เหมือนที่คาดไว้
คืนนี้ลมไม่แรงแล้วแต่ผมปล่อยเต็นท์ให้อยู่ที่เดิมนั่นแหละ มีก๊วนช่างภาพห้าหกคนลงไปกางกันที่โบกถ่ายภาพดาวตอนกลางคืน น่าจะระดับมือโปรทีเดียว
วันถัดมาตื่นตีห้าเหมือนเดิม ถือไฟฉายเดินไปที่โบกรอถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้น คราวนี้รู้จุดแล้วเลยจัดเต็มไม่ให้พลาด แลนด์มาร์คต้องเป็นตรงหินหัวสุนัข เป็นอีกเช้าที่น่าประทับใจครับ
วันนี้ตัดสินใจพอแล้วล่ะน่าจะได้เวลาปิ๊กบ้าน แก่งชมดาวหรือหาดชมดาวเก็บไว้เป็นหมุดหมายครั้งต่อไปแล้วกันจะได้มีแรงกระตุ้นให้กลับมาอีก ถึงแม้จริงๆ ไม่ต้องมีที่ไหนอื่นผมก็อยากกลับมาเที่ยวเส้นทางสายน้ำโขงนี้อยู่แล้ว นี่ผมยังไม่ได้เล่าถึงน้ำตกมากมายรายทางที่หากมาปลายฝนต้นหนาวจะสวยมาก น้ำตกทุ่งนาเมือง น้ำตกแสงจันทร์ น้ำตกสร้อยสวรรค์ (ผมเคยมาตอนหน้าฝนทั้งหมด) แต่ตอนนี้เป็นหน้าแล้ง น้ำตกย่อมเหือดแห้งเป็นธรรมดา เรียกว่าจะมาฝน ร้อน หรือหนาว ที่นี่ก็เที่ยวได้ตลอดครับ
ขากลับรถไฟออกจากสถานีอุบลราชธานีเที่ยวเที่ยงครึ่ง ผมขี่มอเตอร์ไซค์กลับทางอำเภอโพธิ์ไทร ผ่านอำเภอตระการพืชผล ถึงตัวเมืองอุบลสักสิบเอ็ดโมงกว่าๆ คืนรถไม่มีปัญหาอะไรเพราะถึงจะใช้งานหนักแต่ไม่มีส่วนใดผุพังเสียหาย รับมัดจำคืนรวดเร็วดี เสร็จแล้วนั่งสองแถวตรงวัดแจ้งมาลงตลาดวารินชำราบ เดินไปสถานีรถไฟทันรถไฟทันเวลา
หกวันห้าคืนบนถนนเส้นโขงเจียมถึงโพธิ์ไทร เป็นหนึ่งในทริปสุดวิเศษ ได้เห็นอะไรมากมาย รู้ว่าแม่น้ำโขงยามหน้าแล้งอัศจรรย์ขนาดไหน ความยิ่งใหญ่เช่นนี้ทำให้แม่น้ำสายนี้เต็มไปด้วยตำนานเรื่องราวมากมาย แต่ไม่ว่าใครจะบอกว่าที่นี่เลิศเลอเพียงใด เชื่อเขาได้เพียงครึ่งเดียวเหมือนเช่นเชื่อผมได้เพียงครึ่งเดียวครับ เพราะคุณไม่มีทางรู้ถึงพลังอลังการของมันอย่างแท้จริงหรอก ถ้าสักครั้งในชีวิตไม่ได้มาเห็นด้วยสองตาของตัวเอง...
----------------------------------------------------------------------------------
ใครอยากคุยกับผมเรื่อยเปื่อยเรื่องท่องเที่ยว สอบถามข้อมูล (ถ้าผมมีให้นะ) หรือชวนเที่ยว ยินดียิ่งนะครับ
www.facebook.com/alifeatraveller
หรือ
----------------------------------------------------------------------------------
และปิดท้ายกับคลิปวีดีโอความสวยงามของแม่น้ำโขงยามหน้าแล้งมาฝากกันครับ
↓
↓
↓
↓