ทริปใหญ่ปลายปี เราเลือกไปแม่ฮ่องสอน เที่ยวซอกซอนแบบละเอียดยิบๆ
ติดตามการท่องเที่ยวของข้าพเจ้าได้ที่ page FB : ลากแตะไปแชะฝัน
เพิ่งกลับมาจากทริปยาวเจ็ดคืนแปดวัน รู้เลยว่านอนไม่พอ กลับมาบ้านนี่หัวถึงหมอนเป็นหลับทันที เพราะเวลาเที่ยวนี่จะนอนดึกแต่ต้องตื่นเช้า และเป็นการตื่นที่สดชื่นมาก คือพร้อมไงพร้อมที่จะเดินทางไปตามที่ต่างๆ กับที่ใหม่ๆ ในทุกๆวัน พร้อมกล้องคู่ใจ ไปไหนไปกันเหมือนเป็นเพื่อนรู้ใจกันไปแล้ว ทริปนี้ไปกับเพื่อนสองคนค่ะ การเดินทางโดยเครื่อง thai smile เครือเดียวกับการบินไทย จองในราคาปกติคือ 2,780 บาท ทั้งขาไปและกลับ เครื่องออกเวลา 6.50 น. ของวันที่ 25 ธค. 2558 ถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่เวลา 8.00 น.
ไกด์มารับเราตรงเวลาค่ะ เราเหมารถ (อแวนซ่า) พร้อมไกด์ในราคาวันละ 1600 ไม่รวมน้ำมัน และเราต้องเหมาเขาเป็นเวลา 7 วัน ก็คูณไปสิ งานนี้ใช้เงินเยอะมาก แต่เป็นเงินที่เก็บไว้สำหรับการท่องเที่ยวอยู่แล้ว การเก็บเงินถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนชอบเที่ยวนะ เพราะเวลาอยากไปไหนเราก็ไปได้เลย ไม่ต้องมาห่วงว่าอยากไปโน่นนี่แต่ไม่มีตังค์ สุดท้ายก็ไม่ได้ไปไหนซักที
เริ่มสถานีแรกกันเลยไม่รอช้า ที่ "อุทยานแห่งชาติออบหลวง"
จากตัวเมืองเชียงใหม่ แล่นมาตามทางหลวงหมายเลข 108 สายฮอด-แม่สะเรียง ตรงหลักกม.ที่ 17 รวมระยะทางประมาณ 105 กม. ระยะทางระหว่าง อ.ฮอด ถึง ออบหลวง นั้น ถนนจะเลียบขนานไปกับแม่น้ำแม่แจ่มหรือแม่น้ำสลักหิน
คำว่า "ออบ" แปลว่าช่องแคบ "หลวง" หมายถึง ใหญ่ "ออบหลวง" จึงหมายถึงช่องแคบหินขนาดยักษ์ที่มีแม่น้ำแม่แจ่มไหลผ่านช่องแคบตรงช่องเขาขาด ซึ่งมีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน ทำให้แม่น้ำมีความเชี่ยวกราก ไม่เหมาะแก่การลงไปเล่นน้ำเด็ดขาด
ปกติราคาเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่อยู่ที่ 20 เด็ก 10 บาท แต่ในวันที่ไปได้ราคาลด ผู้ใหญ่เหลือ 10 บาทเท่านั้น 5555 ดีใจหลาย
สถานีต่อไป สวนสนบ่อแก้ว
ยังคงอยู่ในเส้น ฮอด-แม่สะเรียง กม.ที่ 36 สวนสนบ่อแก้วหรือนามิเมืองไทย เป็นพื้นที่ทดลองปลูกสนภูเขา เพื่อหาพันธุ์ที่เหมาะสมมาเป็นไม้เบิกนำเพื่อปลูกบนป่าเสื่อมโทรมบนดอยทางภาคเหนือ ซึ่งสนที่นำมาปลูกมีอายุกว่า 40 ปี
สถานีที่ 3 พิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง เป็นสถาปัตยกรรมไทใหญ่ อยู่ติดถนนทางหลวงหมายเลข 108 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ภายในเป็นการจำลองวิถีชีวิตของชาวแม่สะเรียง ชาวกะเหรี่ยงหรือปกาเกอะญอ ที่อาศัยอยู่ตรงต้นน้ำสาละวิน อาชีพหลักคือการทำนาขั้นบันไดและทำไร่หมุนเวียน
สภาพที่เห็นนี้คือหลังจากโดนไฟไหม้เผาวอด ยังความเสียใจของคนแม่สะเรียง สำหรับความรู้สึกนั้นไม่สามารถประเมินราคาได้ สาเหตุคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เลยอดชมความงามด้านในเลย เสียดายอะ
สถานีที่ 4 จุดชมวิวแม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย เป็นที่อยู่อาศัยของชาวกะเหรียงสายพันธุ์ปกาเกอะญอ
สถานีที่ 5 อนุสรณ์สถานมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น อ.ขุนยวม ยังคงอยู่บนเส้นทางหลวงหมายเลข 108 ค่าเข้าชมแอบแพงนิหน่อย 40 บาทแน่ะ
เป็นสถานที่รวมศิลปะวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวขุนยวม อาวุธ เครื่องมือของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เครื่องแบบทหารญี่ปุ่น เรียกกันในกองทัพว่าแบบ ๙๘
และแล้วก็มาถึงรีสอร์ท คืนนี้เราพักนอนกันที่นี่ "บ้านเคียงดอย" อยู่ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเพียง 4 นาที อยู่บนเส้นทางหลวง 108 นั่นแหละ ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน
บรรยากาศเขาก็น่าอยู่ดีนะ
ห้องที่จองไว้คือบ้านประดู่ ห้องนี้ 1,000 บาท มีสองเตียง เล็กอัน ใหญ่อัน มีทีวี ตู้เย็น แอร์แต่ไม่เปิดเพราะมันหนาว
ห้องน้ำในตัว อืม..ราคานี้ถือว่าไม่แพง ไม่มีอาหารเช้านะ แต่เผอิญว่ามีคณะนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่มานอนพัก เขาเลยมีบริการมื้อเช้าให้ ไอ้เราก็เลยได้รับทานไปด้วยเลย ถือว่าโชคดี 555555
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้วก็ยังมีแรงมาเดินถนนคนเดินในเมืองแม่ฮ่องสอนต่อ ยังไม่เหนื่อยจ้า ได้อยู่ ตรงถนนคนเดินมีวัดสวยงามด้วยชื่อว่า "วัดจองกลาง" เป็นวัดที่เป็นสัญญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเมืองนี้
ทำบุญด้วยการลอยเคราะห์หรือลอยเพื่อโชคลาภก็ได้ ชุดละ 99 บาท
และตบท้ายด้วยมื้อดึกก่อนกลับรีสอร์ทไปพักผ่อนเสียที วันแรกก็เที่ยวเยอะขนาดนี้ละ เก็บไว้เที่ยวพรุ่งนี้บ้างเน้อ...