สวัสดีครับ รีวิวนี้เกิดจากเพื่อนผมคนหนึ่ง ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แล้วคราวนี้กลับมาเมืองไทย เรียนชีวะด้านพืชครับ กลับมาไทยก็อยากมาหาที่ที่มีการรวบรวมพันธุ์พืชเพื่อไปถ่ายรูป มันบอกว่าจะได้กลับไปของบมาออกฟิลด์แบบจริงๆจังๆ ตอนแรกเพื่อนผมไปกันสองคน ชีวะทั้งคู่ ผมบอก “อยากไปด้วย ได้ยินชื่อมานานแล้ว หารีวิวก็ไม่ค่อยมี” มันก็บอกว่า “เอาเด้ ไปกันเยอะๆ สนุกดี” ก็เลยเกิดทริปนี้ขึ้นมาครับ ทริปสั้นๆ 3 วัน 2 คืน (เดี๋ยวๆ ตกลงเพื่อนมันชวนผมหรือผมหรอยตามมันไปเองกันละเนี่ย) แต่ก่อนไปเพื่อนอีกคนไปไม่ได้ สรุปเหลือสองคน กลัวอะไรละครับวัยรุ่น!!! จัดไปเลยยยยยยย...
(26/12/58) บ้านผมสองคนอยู่สุโขทัยครับ อำเภอสวรรคโลก จะไปสวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าฯ ออกเส้นศรีนครจะใกล้สุด แต่พวกผมอยากใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ อ้อมไปโน่นเลย พิษณุโลก ไปทำไมผมก็ไม่เข้าใจ ขับไปเรื่อยๆครับ ออกเดินทางกันตอนเที่ยง กินลมชมวิวสโลว์ไลฟ์กันสุดๆ มีแวะถ่ายรูปดอกไม้รายทางนิดหน่อย
ขับตามกูเกิลแม็พไป มีหลงบ้างพอหอมปากหอมคอ แอ็พกระตุกบ้าง ไอ้คนขับมันไม่ยอมไปตามที่บอกบ้าง ผมบอกให้มันเลี้ยวขวา มันเห็นทางไม่ดีเป็นลูกลังเลยเลี้ยวซ้ายเฉยเลย จะไม่ให้หลงได้ไงงงงงง แต่สักสี่โมงเย็นเราก็ถึงปากทางเข้าละครับ เห็นป้ายแล้วเลี้ยวซ้ายเลยยย...
ขับขึ้นไปจนเจอป้ายนี้ แลนด์มาร์คของที่นี่ครับ ถ้าเจอป้ายนี้ให้เลี้ยวขวาขึ้นไปนะครับ มันจะเป็นทางราดซีเมนต์ ส่วน ด้านซ้ายจะเป็นบ้านพักเจ้าหน้าที่ ทางตันด้วย ผมเห็นหลงเลี้ยวซ้ายไปหลายคนอยู่ครับ
สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้าตั้งอยู่ในเขต ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2542 ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อพัฒนาสถานที่ดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัดพิษณุโลก มีเนื้อที่ 1,385 ไร่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 750 - 1,280 เมตร ภูมิอากาศดีมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส
ผ่านป้อมยามจะเจอป้ายแบบนี้ ซ้ายเป็นสำนักงานกับจุดชมวิวที่ 1 ขวาเป็นลานกางเต็นท์กับจุดชมวิวที่ 2 เป็นจุดเด็ดของที่นี่เค้าเรียกว่า “จุดชมวิวค้อเดียวดาย”
ตรงนี้เป็นลานกางเต็นท์ครับ รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 200 คน ทางขึ้นมาก็เลี้ยวขวาขึ้นมาจากเมื่อกี๊ครับ ทางค่อนข้างชันอยู่ พวกผมนี่รถดับมั่งล้อฟรีมั่ง หลายรอบอะ (มือใหม่ครับ) คนเค้าขำกันเต็มไปหมด
ที่สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้ามีเพื่อนของเพื่อนผมทำงานอยู่ครับ มานัดเจอกันที่ลานกางเต็นท์ (จริงๆเค้าให้รอแถวสำนักงาน แต่ผมหลงขึ้นมาข้างบน) ตอนแรกผมนึกว่าเป็นผู้ชาย ที่ไหนได้เป็นผู้หญิง อย่างนี้นี่หญิงแกร่งชัดๆเลยนะเนี่ย อยู่ไกลซะขนาดนี้ ชายแดนเลย ได้ยินว่าแถวนี้เคยมีกรณีพิพาทกันอยู่ด้วย
บริเวณลานกางเต็นท์มีร้านอาหารด้วยครับ แต่เอามาเองด้วยก็ดี เผื่อฉุกเฉิน เพราะวันสุดท้ายที่ผมไปแม่ครัวเค้าต้องลงไปทำกับข้าวให้นักศึกษาที่มาดูงาน เลยต้องปิดร้าน โชคดีที่พกอาหารมาเองด้วย ไม่งั้นได้กินหญ้ากินน้ำค้างกันไปแล้ววววว
แม่สาวน้อยคนนี้ชื่อ “ซีอิ๊ว” ครับ เฟรนลี่สุดๆ วิ่งขึ้นเขาลงเขาทุกวัน ยอมเลยผมอะ
ร้านอาหารที่ลานกางเต็นท์ครับ เป็นร้านอาหารตามสั่ง มีทั้งข้าว ส้มตำ ยำ สลัดฯ วันที่ผมไปมีเมนูเด็ด “ไก่หลาม” บ่องอย่างใหญ่ ใกล้จะเย็นแล้วด้วย เลยสั่งไว้ 1 กระบอก เอาไว้ไปกินตอนเย็น
ระหว่างรอก็เดินขึ้นจุดชมวิว เลยลานกางเต็นท์ไปนิดหน่อย เป็นจุดชมวิวที่ดูได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก แต่วันที่ผมไป ฟ้าปิดสนิท ไม่มีแง้มให้เห็นแดดเลย โผล่ก็โผล่มาแว้บเดียว แล้วก็หายไป ซึ่งระหว่างทางที่เดินขึ้นไปจะเห็นหลุมบังเกอร์ เป็นร่องรอยสมรภูมิรบบ้านร่มเกล้า ในกรณีพิพาทพรมแดน ไทย-ลาว
ข้อความบนป้าย “ช่วงพฤษภาคม 2530 – กุมภาพันธุ์ 2531 กรณีพิพาทเรื่องพรมแดนไทยลาว เกิดจากการที่ไทยและลาวถือแผนที่คนละฉบับ ลาวอ้างสิทธิเหนือดินแดนบริเวณบ้านร่มเกล้า และยกกำลังเข้ายึดครองบ้านร่มเกล้า และยึดเนิน 1428 ซึ่งเป็นเนินเขาที่มีระดับความสูงมากที่สุดในพื้นที่ เกิดการปะทะกับทหารพราน 3405 เกิดการสู้รบอย่างต่อเนื่อง มีการใช้กองกำลังทางอากาศ บินโจมตีทิ้งระเบิด สูญเสียทั้งกำลังและทรัพย์สิน ... ในที่สุดลาวได้ขอเจรจาหยุดยิงในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2531 โดยให้ทั้งสองฝ่ายถอนกำลังออกจากกันระยะทาง 3 กิโลเมตร การรบสิ้นสุดลงอย่างเด็ดขาดในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2531 ท่ามกลางความสูญเสียเป็นบทเรียนล้ำค่าของทั้งสองประเทศ”
บนนี้เค้าเรียกว่าจุดชมวิวที่ 2 หรือ “จุดชมวิวค้อเดียวดาย” ต้นมันคล้ายๆต้นตาลอะครับ ผมก็นึกว่าค้อกับตาลมันคือต้นเดียวกัน ได้ยินเพื่อนคุยกันว่าค้อ ป้ายก็บอกว่าค้อ ผมก็คิดในใจ “ไหนวะค้อ เห็นแต่ต้นตาล” สรุปคือผมมั่วไปเองครับ ค้อเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน รับแรงต้านของลมได้ดี แถมเอาใบไปทำหลังคาได้ด้วย มีอายุยาวเป็นร้อยปี เป็นพืชที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จุดชมวิวตรงนี้นี่มีต้นเดียวเลยครับ จุดชมวิวค้อเดียวดายจะสามารถเห็นวิวได้ทั้ง 2 ประเทศ (ไทย-ลาว) 3 จังหวัด (พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เลย) และยังเห็นยอดดอยภูสอยดาวด้วย จริงๆทางไปก็ห่างกันสัก 20 กิโลเมตรเองครับ
อยู่บนจุดชมวิวได้แป๊บหนึ่งเราก็ลงมากันละครับ มาเอาไก่หลาม และที่นี่ยังมีของเด็ดอีกอย่างหนึ่ง “แก่นตะวัน” อร่อยครับ คนขายบอกว่ากินได้เลย แต่ผมว่าปลอกเปลืองก่อนกินจะเวิร์คกว่า
ซุ้มทางเข้าลานกางเต็นท์ครับ
มื้อเย็นครับ ผมมากินแถวบ้านพักเจ้าหน้าที่ หน้าบ้านพักเพื่อนที่ทำงานที่นี่อะครับ เป็นแคร่มีหลังคาที่ทำจากใบค้อ
หลังจากกินข้าวเย็นจนอิ่มก็หาอะไรทำคร่าเวลา เล่นเกมการ์ดแบบนับเลข 555 สลาฟครับสลาฟ พอสัก 4 ทุ่มก็แยกย้ายกันไปนอน ผมนอนที่อาคารอเนกประสงค์แถวสำนักงานกัน เพราะมันใกล้โรงเรือนที่จัดแสดงพันธุ์ไม้ เพราะพรุ่งนี้เพื่อนผมมันต้องไปถ่ายรูปดอกไม้ (ค่ากางเต็นท์ ถ้าเอามาเองคืนละ 50 บาท แต่ถ้าเช่าที่นี่ 200 บาทครับ เต็นท์ใหญ่อยู่)