ในช่วงที่ลมหนาวกำลังพัดหวนกลับมาเยี่ยมเยือนภาคเหนือของไทยอีกครั้ง หลายคนต่างก็หาโอกาสพาตัวเองมุ่งหน้ามาชื่นชมกับโมงยามของช่วงปลายปีที่ได้ หอบหิ้วบรรยากาศแสนอบอุ่นจากเหล่ามวลมิตร ท่ามกลางอากาศเย็นสบายๆ หายใจได้อย่างชุมปอด ว่าแต่ไม่เฉพาะผู้คนเท่านั้นที่รู้สึกได้ ทว่าบรรดาต้นไม้ใบหญ้าต่างก็สำราญพร้อมไปในช่วงเวลานี้ของปีเหมือนกัน สังเกตได้ง่ายๆ ว่าพวกมันจะเผยความอิ่มเอมที่แสดงผ่านมาทางดอกและผล ซึ่งให้สีสันสดสวยสะดุดตาแก่ผู้พบเห็น และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราขอพาทุกคนไปยลโฉมความงามของมวลไม้และเดินเคียงไหล่กับลมหนาวยัง สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่กันดูซักครั้งหนึ่ง
-
theTripPacker • October 07 , 2013
-
theTripPacker • October 07 , 2013
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ก่อตั้งขึ้นมา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 มีพื้นที่ตั้งอยู่บริเวณชายเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ในเนื้อที่ประมาณ 6,500 ไร่ ซึ่งมีโรงเรือนและสวนดอกไม้กระจายอยู่โดยรอบ ทำหน้าที่เป็นแหล่งอนุรักษ์รวบรวมและศึกษาวิจัยพันธุ์ไม้ไทยรวมถึงต่างประเทศ และยังเปิดเป็นสถานพักผ่อนหย่อนใจให้กับผู้คนที่สนใจทั่วไปได้เข้าชม
ด้วยขนาดของพื้นที่ที่กว้างขวาง ผู้มาเยือนสามารถใช้บริการรถรางที่รอต้อนรับตั้งแต่บริเวณทางเข้าด้านหน้าก็ สะดวกดี หรือใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถขับรถยนต์เที่ยวชมได้เช่นกัน โดยจุดที่เราจะแวะและให้เวลามากเป็นพิเศษเพื่อจะได้ทำความรู้จักกับพืช พันธุ์อย่างจริงจังนั้นอยู่ที่อาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบ่งเป็นโรงเรือนย่อยๆ หลายหลัง ซึ่งเราขอเริ่มกันที่เรือนกระจกใหญ่หรือเรือนป่าดิบชื้น ที่ จำลองบรรยากาศของป่าดิบชื้นขึ้นมาได้ค่อนข้างเสมือนจริง มีการสร้างน้ำตกพร้อมกับปลูกต้นไม้หลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะพืชพื้นถิ่นทางภาคใต้ของไทยที่หาชมได้ยาก เป็นต้นว่าใบไม้สีทอง หรือ ย่านดาโอ๊ะ เมื่อเวลาที่ใบของมันต้องกับแสงอาทิตย์ก็จะสะท้อนออกมาเป็นสีทองเหมือนดังชื่อของมัน หรือดอกดาหลาขาว ก็เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของเรือนแห่งนี้เลยก็ว่าได้ เช่นเดียวกับพืชในตระกูลปาล์มอย่าง ปาล์มเจ้าเมืองตรัง ก็ค่อนข้างตื่นตาน่าสนใจ ซึ่งพบครั้งแรกในจังหวัดตรังโดยผู้เป็นเจ้าเมืองในสมัยก่อน จึงได้ชื่อเรียกตามชื่อข้างต้นนั่นเอง และความพิเศษอีกอย่างของเจ้าต้นนี้ก็คือ ขนาดของใบที่ใหญ่โตถึงขนาดที่ว่าสามารถเอามาปูนั่งแทนเสื่อได้กันเลยทีเดียว
-
theTripPacker • October 07, 2013
-
theTripPacker • October 07 , 2013
ส่วนอาคารกระจกหลังอื่นๆ ก็ยังมีพืชพันธุ์ที่สวยงามแถมยังแปลกตาให้ได้ชม อาทิเช่น พืชตระกูลบีโกเนีย หรือว่าส้มกุ้ง ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ตรงความสวยงามของใบ ซึ่งที่เห็นเด่นชัดคงจะเป็น ส้มกุ้งกำมะหยี่หลังแดง ที่ ใบมีลักษณะคล้ายกำมะหยี่ ด้านบนจะมีสีเขียวส่วนด้านหลังเป็นสีแดงบางทีถ้ามองด้วยตาอาจจะดูไม่รู้แต่ ถ้าลองสัมผัสด้วยมือดูแล้วจะรู้สึกเหมือนเรากำลังลูบผ้ากำมะหยี่ดีๆ นี่เอง และอีกชนิดซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกันก็คือ ส้มกุ้งอินทนนท์ ที่ สร้างจุดเด่นด้วยดอกสีส้มอมแดงก็สามารถแย่งซีนจากพืชต้นอื่นๆ ได้ไม่น้อย และก่อนที่จะไปยังส่วนอื่นๆ ภายในสวนแห่งนี้ ก็ยังอยากจะแนะนำพืชในอาคารกระจกที่ไม่ควรพลาดเป็นการส่งท้าย ไม่ว่าจะเป็นพืชกินแมลง อย่างต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง หรือในเรือนจัดแสดงสับปะรดสี ที่ปลูกไว้เพื่อความสวยงามทั้งดอกและใบรวมถึงเรือนพืชทนแล้ง ซึ่งเป็นตระกูลจำพวกกระบองเพชรเรือนไม้ประดับมงคลเรือนสมุนไพรไทย และโรงเรือนกล้วยไม้และเฟิร์น
-
theTripPacker • October 07, 2013
-
theTripPacker • October 07 , 2013
เกริ่นมาตั้งยืดยาว ทว่าก็เล่าได้เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เอาเป็นว่าใครที่ชื่นชอบและหลงใหลในความงามของพืชพันธุ์ต่างๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้วคงไม่ผิดหวัง แล้วยิ่งบวกรวมกับอากาศเย็นๆ เคล้าด้วยไอหมอกและแสงแดดอ่อนๆ ยิ่งไม่ต้องบรรยายให้เปลืองเวลา อย่างไรก็ตามผู้มาเยือนควรเผื่อเวลาเที่ยวชมให้มากซักหน่อย เพราะนอกจากอาคารโรงเรือนที่กล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีแปลงไม้กลางแจ้งอีกหลายแปลง และเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่น่าสนใจ เช่น เส้นทางศึกษาธรรมชาติแม่สาน้อย-สวนหิน ซึ่งนอกจากจะได้ชมความงดงามแล้ว ก็ยังสามารถนั่งพักผ่อนฟังเสียงน้ำไหลริมลำน้ำได้อีก และก่อนจะกลับก็อย่าลืมแวะร้านขายของที่ระลึกเพื่อหาของฝากติดมือไปบ้างไม่ ว่าจะเป็นหนังสือที่รวบรวมพันธุ์พืชตระกูลต่างๆ สมุดโน๊ต โปสการ์ดไม้ และอื่นๆ นอกจากนี้เรายังสามารถมองหาต้นไม้ที่ชื่นชอบกลับไปฝากคนทางบ้าน หรือจะเอาไว้ปลูกดูแลเองก็ดีไม่น้อย ที่สำคัญราคาย่อมเยาไม่บาดเคืองกระเป๋าสตางค์อย่างแน่นอน
ฉะนั้นคุณไม่ต้องแปลกใจถ้าเห็นรอยยิ้มของใครหลายคนในบรรยากาศซึ่งอบอวล ด้วยความสุขเช่นนี้ เพราะเราก็เชื่อแน่ว่าเมื่อคุณได้มาอยู่ในสถานที่แบบนี้ คุณเองก็อาจเผลอยิ้มอย่างมีความสุขโดยไม่ทันรู้ตัวก็เป็นได้ ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามคนข้างๆ คุณดูสิ
-
theTripPacker • October 07 , 2013
Note
- ในช่วงระหว่างวันที่ 4-12 ธันวาคม 2554 จะมีการจัดงานสวนพฤกษศาสตร์แฟร์ครั้งที่ 2 โดยมีกิจกรรมเพื่อความบันเทิงและให้ความรู้มากมาย
- ผู้ที่ต้องการขับรถส่วนตัวเที่ยวชมกันเอง ควรระมัดระวังเรื่องเส้นทางภายในสวนแห่งนี้อยู่ซักหน่อย เพราะทางส่วนใหญ่จะลาดชันและโค้งมากอยู่พอสมควร
- สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการขับรถส่วนตัวเข้าไปในพื้นที่ ทางสวนพฤกษศาสตร์ฯ ก็มีรถรางให้บริการเพื่อโดยสารเที่ยวชมส่วนต่างๆ ด้วย
- หากต้องการได้วิทยากรมาคอยบรรยายให้ความรู้กับหมู่คณะผู้มาเยือน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 053 841 000
-
theTripPacker • October 07 , 2013
ข้อมูลทั่วไป
ที่อยู่ : อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ 50180
GPS : 18.898770, 98.860480
เบอร์ติดต่อ : 053 841 000 แฟกซ์ : 053 298 177, 053 299 754
E-mail : bgo@qsbg.org
Website : www.qsbg.org
Facebook : http://www.facebook.com/qsbgchiangmai
เวลาทำการ : ทุกวัน (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ตั้งแต่8.30-17.00น.
ค่าธรรมเนียม : ค่าเข้าชม : เด็ก 10 บาท, ผู้ใหญ่ 40 บาท (เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี เข้าฟรี รวมถึงผู้สูงอายุ พระสงฆ์ และผู้พิการ) ค่ารถรางชมสวน : เด็ก 10 บาท, ผู้ใหญ่ 30 บาท ถ้าขับรถส่วนตัวเที่ยวเอง คิดค่าธรรมเนียม คันละ 100 บาท, รถบัส 200 บาท
ช่วงเวลาแนะนำ : ช่วงหน้าหนาว ตั้งเดือนธันวาคม ถึง เดือนมกราคม
ไฮไลท์ : บรรดาพันธุ์ไม้ที่หายากที่ถูกรวบรวมไว้ในที่เดียวกัน
กิจกรรม : แหล่งท่องเที่ยวสำหรับวันหยุดพักผ่อน
-
theTripPacker • October 07 , 2013
วิธีการเดินทาง
จากตัวเมืองเชียงใหม่ให้ใช้เส้นทางสาย 107 (เชียงใหม่-ฝาง) มุ่งหน้าไปยังอำเภอแม่ริม จนเมื่อถึงกิโลเมตรที่ 17 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 1096 (แม่ริม-สะเมิง) ขับมาเรื่อยๆ ผ่านปางช้างแม่สามาประมาณ 2 กิโลเมตร จะเห็นสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ
-
theTripPacker • October 07, 2013
-
View more